น้ำเต้าหูเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่น่าดื่มน่ากินเพราะปรธโยชน์มากมาย แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีโทษเราควรกินดื่มอย่างไรให้ได้ประโยชน์และไม่ได้โทษ ดังนั้นกินแหลกแจกดาวขอเสนอแนวทางการกินดื่มน้ำเต้าหู้ให้ได้สุขภาพ
หลายปีที่ผ่านมามีการแนะนำให้คนไทยดื่มน้ำเต้าหู้ เนื่องจากในน้ำเต้าหู้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเทียบเท่านม แต่บำรุงสุขภาพได้มากกว่านม อีกทั้งร่างกายเราสามารถย่อยและดูดซึ่มน้ำเต้าหู้ได้กว่า 90% ในน้ำเต้าหู้ปริมาณ100มิลลิลิตร มีโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพดีมาก1.8กรัม ประกอบด้วยสารอาหารหลายชนิด อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เซเลเนียม วิตามินA , E , B1 , B2กรดอะมิโน18ชนิด และธาตุเหล็กที่มีมากกว่านมถึง1.6เท่า การดื่มน้ำเต้าหู้สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้จุลินทรีย์ที่ดีเจริญเติบโตในลำไส้ กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ปรับระดับอินซูลิน บำรุงสมอง เสริมภูมิต้านทาน ช่วยขับเสมหะให้ออกจากปอด บำรุงตับและไต ป้องกันมะเร็ง ชะลอวัย บำรุงม้าม โดยสำนักงานบริหารอาหารและยารักษาโรคของสหรัฐอเมริกา หรือFDAยืนยันว่า โปรตีนถั่วเหลืองเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารประเภทไขมันต่ำไม่อิ่มตัวและ อาหารคอเลสเตอรอลต่ำได้ ถ้ารับประทานโปรตีนถั่วเหลือง25กรัมต่อวัน จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้
นอกจากนี้ในน้ำเต้าหู้ยังมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ไฟโตเอสโตรเจน” (Phytoestrogen) ซึ่งมีส่วนในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดอาการวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นได้ในวัยทอง แต่เมื่อไม่นานมานี้มีผลการวิจัยพบว่าการดื่มน้ำเต้าหู้ในปริมาณมากเกินไปจะ เป็นผลเสียต่อร่างกาย
โดยDr.Lita LeeและThe Weston A. Price Foundation in Washington, DC USAมีผลวิจัยไปในทิศทางเดียวกันว่า การกินโปรตีนถั่วเหลืองผง30ซีซี ทุกวัน สามารถทำให้เกิดความผิดปกติที่เต้านมจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจน
ด้านWeston A. Price Foundationเปิดเผยว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจนในถั่วเหลือง ขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อและมีแนวโน้มที่จะทำให้เป็นหมัน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง เนื่องจากกระบวนการผลิตโปรตีนถั่วเหลือง ทำให้เกิดสารพิษที่เรียกว่า ‘ไลซิโน อะลานีน’ และสารก่อมะเร็งชื่อว่า ‘ไนโตรซามีน’ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการทำงานของต่อมธัยรอยด์ในคนที่กินถั่วเหลืองพบว่า ต่อมธัยรอยด์ถูกกดการทำงานและมีคอพอกในหลายงานวิจัย อีกทั้งถั่วเหลืองมีสารที่ทำให้โปรตีนจับตัวกันเป็นก้อน ที่เรียกว่าHemagglutininทำให้เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวจับกันเป็นก้อน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดเสียไป
ดร.มาริลิน เกลนวิลล์ นักโภชนาการผู้แต่งหนังสือเรื่อง “Nutritional Health Handbook for Women” แนะนำว่า “การรับประทานอาหารต้องรับประทานแต่พอดี ถั่วเหลืองจะดีต่อสุขภาพถ้าเราไม่ทานมากเกินไป คือ วันละ30กรัม จึงจะเหมาะสมที่สุด”
อ้างอิงจาก : http://ainews1.com/article548.html
www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.com/
http://thai.cri.cn/461/2010/02/05/224s169803.html
http://www.sahavicha.com/
ด้วยความปรารถนาดี Kin Healthy