เมื่อพูดถึง ร้านอาหารระดับ Fine dining ในกรุงเทพฯ ขณะนี้ Sra Bua by Kiin Kiin แห่งโรงแรมสยามเคมปินสกี้ น่าจะเป็นชื่อต้นๆ ที่ทุกคนต่างนึกถึง การันตีด้วยรางวัล michelin star 1 ดาว ตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มมีการแจกรางวัลในประเทศไทย
วันนี้ kinlakestars.com ได้นำอัพเดต course menu dinner ล่าสุดของร้านคือ The Winter Journey มาให้ทุกท่านชมกันครับ ซึ่งนอกจากจะอัพเดตเมนูใหม่ๆ แล้ว ตัว course menu ของ Sra bua นั้นยังปรับเวลาให้เหมาะสม และยืดหยุ่นมากขึ้น โดยใช้เวลาทั้งคอร์สอยู่ที่ 2 ชม. ครึ่ง และ รับ last order จนถึงเวลา 21.00 น. เพื่อให้สามารถต้อนรับผู้สนใจทุกท่านได้มากขึ้นครับ
The Winter Journey Dinner
ตัว course menu นี้ได้ออกแบบโดยเน้นเรื่องราวในฤดูหนาว (อิงตามฤดูกาลในเวลานี้ตามประเทศต้นกำเนิดของร้าน Kiin Kiin คือที่ Copenhagen, Denmark) โดยจะเป็นเมนู fine dining อาหารไทยที่มีการผสมผสานอาหารที่มีรูปลักษณ์ และสัญลักษณ์ของหิมะ ควัน เปลวไฟ ให้ความรู้สึกอบอุ่น และอิ่มเอม ด้วยเทคนิคแบบ Molecular ตาม expertise ของเชฟ เฮนริค และ เชฟ ชยวีร์
ตัว course menu ครั้งนี้จะประกอบด้วยอาหารทั้งหมด 8 courses พร้อมด้วย complimentary เป็น snack & street food เอกลักษณ์หนึ่งของร้าน Sra Bua ก่อนมื้ออาหาร และสามารถเสริม wine pairing และ petite fours อันสนุกสนานได้
Snack and Street Foods
ก่อนจะเข้า course menu หลังจากบริกรได้ให้การต้อนรับท่านด้วย welcome drink แนะนำมื้อาหาร และ สอบถามเล็กน้อยเกี่ยวกับอาการแพ้อาหาร หรือ อาหารที่ไม่ชอบเรียบร้อยแล้ว Sra Bua จะต้อนรับท่านด้วยชุด ขนมกรุบกรอบ หรือ Snack and Street Foods ที่ได้แรงบันดาลใจอาหาร street food ในประเทศไทย ซึ่งคนที่เคยมารับประทานครั้งแรกจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน ประกอบด้วยอาหารทั้งหมดห้ารายการ ได้แก่
–ถุงอวกาศ–
เมนูนี้เมื่อเห็นหน้าตาครั้งแรก อาจจะดูเป็นอาหารในห่อพลาสติกแต่ความจริงแล้วพลาสติกใสที่เห็นนั้นทำจากแป้งข้าวโพด และเจลาติน สามารถรับประทานได้จริง! โดยด้านในจะเป็นเม็ดโฟมที่ทำจากต้มข่า ซึ่งเมนูนี้เป็นคิดค้นมาด้วยคอนเซป no wastes นั่นเอง
–กล่องมายากล และ เมอแรง–
กล่องมายากลที่จะเสกเมอแรงให้ปรากฏออกมาหลังจากเคาะกล่อง ซึ่งตัวเมอแรงเนื้อเนียนนี้มีรสนุ่มนวลหวานอ่อน ๆ แบบเฉพาะตัวของ Soya bean เข้ากันได้ดีกับ ดิปปิ้งซอสมาโยวาซาบิ
-มาตินี่ล็อบสเตอร์ พร้อมยำปลาดุกฟู และยำสายไหมปลาหมึก-
เซ็ตอาหารที่จะมาพร้อมกันสามอย่าง โดยตรงกลางจะเป็นยำปลาดุกฟูในดอกบัวที่เพิ่มส่วนผสมพิเศษคือเม็ดทับทิมเพื่อเพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวาน และ texture
พร้อมกับยำสายไหม ด้านบนจะเป็น สายไหม เมื่อราดน้ำยำสูตรพิเศษจากมะปรางและมะนาว จะละลายรวมกันเป็นรสเปรี้ยวหวาน รับประทานกับปลาหมึกย่าง
และแกล้มแก้เลี่ยนด้วยการดื่ม มาตินี่ล็อบสเตอร์บริค
-ไส้อั่วควันตุ๊กตุ๊ก-
ไส้อั่วที่รมควันพิเศษ ซึ่งเชฟได้แรงบันดาลใจเมื่อมาถึงกรุงเทพฯครั้งแรก และได้ลองสตรีทฟู้ดพร้อมกลิ่นอันมีเอกลักษณ์ คือควันรถยนต์ นั่นเอง ! ซึ่งเชฟได้ใช้วัตถุดิบลับนั่นคือกาบมะพร้าวเผา ซึ่งเมื่อลองแล้วก็จะค้นพบว่านี่คือกลิ่นของกรุงเทพฯ ของแท้จริง ๆ
-โคนไอศครีมแกงเขียวหวาน-
ตัวโคนที่ทำจากแป้งเกี๊ยวกรอบ อัดแน่นด้วยเนื้อปู พร้อมครีมที่ทำเป็นรสแกงเขียวหวาน รสชาติเนียนนุ่ม เข้ากันได้ตลอดคำ
-เมี่ยงคำ-
เมี่ยงคำสูตรพิเศษ ที่จะช่วยปรับลิ้นและประสาทรับรสก่อนที่จะเข้า course เมนูหลัก ตัวเมี่ยงคำจะมีการปรุงสดๆให้ดูต่อหน้าที่โต๊ะอาหาร ของเรียกน้ำย่อยก่อนสุดท้ายเป็นเมี่ยงคำครับ พนักงานจะมายำต่อหน้า ใครชอบรสชาติแบบไหนก็สั่งได้ตามใจ ซึ่งมีความหลากหลายในรสชาติมากกว่าเมี่ยงคำทั่วไปด้วยการเสริมสับปะรดกับอาบูเข้าไปในส่วนผสม นับเป็นนวัตกรรมแห่งอาหาร รสชาติที่ครบเครื่องและสดเขียวทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ดึงความอยากอาหารของคุณให้พุ่งทะยานขึ้นมาได้อย่างซาบซ่าน ถ้าใครกินเผ็ดได้ตามปกติเชฟก็จะใส่พริกสดให้ได้ซาบซ่าน
เข้าสู่มื้อแบบจริงจังกัน
ต้มยำกุ้ง
Tom Yum with Prawn Cracker, Thai Taco
ต้มยำที่ได้แรงบันดาลใจจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำอันโด่งดังของไทย โดยเชฟจะเสิร์ฟตัวน้ำซุปต้มยำพร้อม ไซริงค์บรรจุด้วย emulsion สูตรพิเศษที่ทำจากส่วนผสมของเต้าหู้และสาหร่าย
เมื่อฉีดลงไปในซูปจะฟอร์มตัวออกมาในรูปร่างของเส้นบะหมี่ที่คุ้นตากันอย่างน่าอัศจรรย์ !
ซึ่งตัวซุปอันนี้จะมีแกล้มข้าวเกรียบกุ้ง
และ ขนมเบื้องกระเพรากุ้งรสเข้มถึงเครื่องกระเพราให้กินแกล้มด้วย สามารถกินสลับกันไปได้อย่างเพลิดเพลินจนหมดสำรับ
รับประทานคู่กับ Bioweingut Zillinger, Grüner Veltliner Reflexions, Kellerberg, Weinviertel, Austria 2017
ยําหอยเชลล์ 3 รส
Thai Ceviche Scallop, Ginger with Yuzu Sorbet, Coconut Snow
ยำหอยเชลล์สามรสที่ปรุงแบบเชวิเช่ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากอาหารประเภทก้อยในภาคอีสาน ปรุงรสนำแบบไทย แต่พิเศษด้วยความเปรี้ยวของขิงและยูซุที่ให้รสละมุน เปรี้ยวแบบสดชื่น ออนท๊อปด้วยเกล็ดหิมะที่ทำจากกะทิ
โดยเกล็ดหิมะกะทินั้น คุณพนักงานจะมาทำแบบสดๆกันริมโต๊ะ แขกผู้ทานจะได้กลายเป็นท่านผู้ชมโชว์ไปด้วยในตัว คุณพนักงานจะแสดงลีลาประดุจระบำเรียกยักษ์วัดแจ้งให้ออกมาจากตะเกียง ทั้งควันและความเคลื่อนไหวนั้นพุ่งพวย เป็นจานที่ให้อารมณ์ของการเดินทางในฤดูหนาวอย่างเต็มที่
รับประทานคู่กับ Ansgar Clüsserath, Vom Schiefer Riesling Trocken, Mosel, Germany 2013
แกงเหลืองปู
Yellow Curry Crab Meat, Corn
จานที่ดูเป็นเมนูธรรมดา ไม่มีอะไรหวือหวา แต่มีรสชาติและความพิเศษที่ทำให้ไม่เหมือนใคร จานนี้เป็นแกงเหลืองปูระนองสุดเข้มข้นที่เชฟชยวีร์ ภูมิใจนำเสนอ ซึ่งเมื่อได้ลองแล้วก็พบว่าเป็นแกงเหลืองชั้นดีจริงๆ และยังมี texture หลากหลายแบบทั้งตัวแกง แบบ foam และใบชะพลูทอด แต่ที่บอกว่าพิเศษกว่านั้นคือ เชฟ เสิร์ฟจานนี้คู่กับ Corn puree ครีมข้าวโพดที่สีสันต์สวยลงตัวกับแกงเหลือง และรสชาติละมุนช่วยลดความเผ็ดทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติที่จัดจ้านของแกงเหลืองได้อย่างไม่ทรมานแม้แต่น้อย
รับประทานคู่กับ Domaine Vacheron Sancerre Blanc, Loire, France 2017
คาปูชิโน่ต้มข่าเห็ดทรัฟเฟิล
Cappuccino Tom Kha with Wild Mushroom, Truffle
จานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการดื่มกาแฟในยามเช้า น้ำสต๊อกไก่ต้มข่าถูกไซฟ่อนเข้มข้นกับ แชมปิญอง ออกมาเป็นซุปที่รสชาติหอมหวล แบบไม่เหมือนใคร
ท่านจะเห็นการทำให้ซุปนั้นอร่อยเข้มข้นผ่านหม้อกาแฟแก้วโบราณริมโต๊ะ โดยคุณพนักงานจะทำการกลั่นต้มซุปในหม้อแก้วกาแฟโบราณ สวยงามตื่นตาและน่าดูชม
รับประทานในถ้วยกาแฟ ออนท๊อปด้วยฟองจากน้ำกะทิ คล้ายคาปูชิโนที่ต้องสตรีมนม รับประทานคู่กับ ตัวแทนของบิสกิต คือ หนังไก่เบญจาทอดกรอบพร้อมพูเรครีมเห็ดทรัฟเฟิล
รับประทานคู่กับ Weingut Wittmann, Spätburgunder, Rheinhessen, Germany
ตับห่านซอสมะขาม
Foie Gras with Pomelo, Tamarind, Lemongrass Sauce
เสิร์ฟฟัวกราส์แบบพิเศษซึ่งทำจากตับเป็ด โดยได้คอนเซปจากการกินอาหารแบบทุกส่วนของชาวไทย (Never Wastes The Food !) ตัวตับถูกปรุงแบบกรอบนอกนุ่มในพอดี ตัวซอสมะขามหวานเข้ากันได้ดีกับไขมันของเนื้อตับ มีความเปรี้ยวของส้มโอช่วยตัดเลี่ยน
รับประทานคู่กับ Zenato Ripassa Valpolicella Ripasso Superiore, Veneto, Italy
ข้าวอบหม้อดินเนื้อวากิว
Wagyu Beef with Soy Sesame Butter, Baked Rice with Five Spice
ข้าวหอมมะลิจากสุรินทร์ อบกับ มันฝรั่ง เห็ด เครื่องพะโล้ กับเนื้อวากิวนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย เสิร์ฟพร้อมซอสโซยามิโซ ตัวข้าวหอมถึงเครื่องเรียงเม็ดสวยงาม กลิ่นหอมหวานของพะโล้
เมื่อรับประทานพร้อมกับเนื้อวากิวนุ่ม ช่วยเสริมรสชาติซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี ความคุกรุ่นของทั้งพะโล้และข้าวอบทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้าน หลังจากได้เดินทางมาอย่างยาวนานในฤดูหนาว ความสุกของเนื้อนั้นดีเลิศ รสชาติยังคงละมุนอยู่ในปากทุกครั้งที่คิดถึงและเห็นภาพครับ
รับประทานคู่กับ Feudo Maccari “Maharis” Sicily, Italy 2016
พานาคอตต้า
Lychee Star Anise Flambé with Orange Panna Cotta
ปิดท้ายด้วยของหวานจากเปลวไฟ พานาคอตต้า ที่ท๊อปด้วยลิ้นจี่ที่เพิ่มความหวานหอมด้วยการเฟมเบ้ด้วยเหล้าหวาน ซึ่งคุณพนักงานจะวาดลวดลายประดุจการแสดงรอบกองไฟที่งดงาม ด้วยการเทเหล้าจุดไฟและปรุง
ตัวลิ้นจี่เฟมเบ้ให้ texture กรอบเด้ง กลิ่นไหม้เล็กน้อยจากเฟมเบ้ช่วยเปลี่ยนรสชาติฝาดเล็กๆของลิ้นจี่ให้แตะจมูกน่าสนใจมากขึ้น
เค้กส้มเสาวรส
Orange Cake with Passion Fruit Foam, Kumquat, Vanilla Ice Cream
ตัวเค้กส้มฟอร์มตัวด้านนอกเป็นโดม ที่ซ่อนไอศกรีมวนิลาหอมอร่อยอยู่ด้านใน เป็นการปิดท้ายการเดินทางในฤดูหนาว หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยก็เข้าพักผ่อนในอิกกลูอันอบอุ่นปิดท้ายการเดินทางที่น่าประทับใจ
รับประทานคู่กับ Marchesi di Barolo, Moscato d’Asti DOCG Zagara
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้นคือ อาหารที่อยู่ใน The Winter Journey Dinner โดยระยะเวลาของอาหารทั้งคอร์สจะอยู่ที่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งทาง kinlakestars.com อยากขอแนะนำท่านที่ยังพอมีเวลาเหลือให้ต่อด้วย Petite Four
Petite Four เพราะตัว Petite Four ของ Sra Bua นั้นน่าประทับใจจริงๆ เพราะ Sra Bua จะจัด Petite Four ให้ท่านได้สนุกสนานในรูปแบบของเกม โดย Petite four จะถูกจัดมาในรูปแบบเกมทาย “ของจริง” ท่านจะได้พบกับ White Chocolate รูปพริกแดง, ช็อคโกแลตโรลอบเชย, องุ่นรูปหิน ฯลฯ ให้ท่านได้มีอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สุดพิเศษร่วมกัน พร้อมชาและกาแฟเลิศรส
Petit Four
ชิ้นนี้ใครกินผิดมีแปลงร่างเป็นก๊อตซิล่ากันเลยทีเดียว ในกระจาดไม้ลายไทยๆนี้มีทั้งพริกจริงและพริกปลอมที่เป็นขนมซึ่งทำจากช็อคโกแลตขาวแต่งรูปเลียนแบบพริก สำหรับเจ้าขนมที่ทำเลียนแบบพริกนั้นก็รสชาติเหมือนช็อคโกแลตขาวทั่วไป แต่หน้าตาและแนวความคิดนี่ว้าวจริงๆ
ขนมหินปลอมในนี้ก็จะมีทั้งหินจริงและหินปลอม หินปลอมจะทำจากเปลือกที่เป็นช็อคโกแลตและข้างในเป็นครีมอาบูซาเล หวานกรุป
องุ่นไร้เมล็ดที่เคลือบด้วยช็อคโกแลตขาว หวานฉ่ำ หอมอร่อย ละมุนว้าวทั้งรสชาติและหน้าตามากเลยทีเดียว
ตัวสุดท้ายเป็นอบเชย เช่นเดียวกันกับทุกๆจานที่ผ่านมา มีทั้งอบเชยจริงและอบเชยปลอม อบเชยจริงกัดไปก็แข็งโป๊กๆ แต่อบเชยปลอมจะทำจากช็อคโกแลตขาวผสมผงอบเชย หอมหวานกลิ่นอบเชย
สรุป The Winter Journey Dinner @ Sra Bua
- Dinner 8 courses มาตรฐานสูงของ Sra Bua ที่มีครบทั้งรสชาติ ความสวยงาม และ ความน่าประทับใจ ตั้งแต่ต้นจนจบ
- เวลาที่ใช้ทั้ง course อยู่ที่ 2 ชม. ครึ่ง Last Order คือ 21.00 น.
- ราคาอยู่ที่ 3200 บาท ++ ต่อท่าน
- สามารถเพิ่ม option wine pairing ในราคา 2300 บาท ++ และ Petite four พร้อมชา และ กาแฟที่ 350 บาท ++
- นอกจากนี้ยังมี mini journey ในช่วงกลางวันเวลา 12 – 15 น. อีกด้วย รวมไปถึง เมนูแบบ a la carte
- สอบถามเพิ่มเติม หรือ สำรองที่นั่งโทร 02-162-9000 หรือ emai: [email protected]
Link ห้องอาหาร https://www.kempinski.com/en/bangkok/siam-hotel/dining/sra-bua-by-kiin-kiin/
Story : Athiwat T.
Photo : Pol.Capt. Kittin A.
Thai cuisine, สยาม, fine dining, siam kempinski, สระบัว, review, รีวิว, michelin stars
Kin Review
Kinlakestars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว