หากพูดถึงไวน์ชั้นเลิศ ถ้าเราไม่พูดถึงไวน์อิตาลีกำเนิดมายาวนานกว่า 4, 000 ปี ก็คงไม่ได้ใช่ไหมครับ การผลิตไวน์ของอิตาลีนั้นเป็นการสืบทอดมาจากชาวโรมัน ซึ่งได้รับวัฒนธรรมในการปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์มาจากกรีกอีกทอดหนึ่ง ชาวโรมันปลูกองุ่นครั้งแรกที่เกาะชิชิลี จากนั้นจึงขยับขยายขึ้นสู่แผ่นดินใหญ่ จากภาคใต้สู่ตอนกลางและภาคเหนือของประเทศอิตาลี
โดยชาวกรีกยุคโบราณเรียกดินแดนที่เป็นอิตาลีในปัจจุบันว่า “Oenotria” แปลว่า “The Domaine of Wine” เนื่องจากเป็นดินแดนที่เพียบพร้อมทั้งดินฟ้าอากาศ ที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกองุ่นทำไวน์คุณภาพดี นี่จึงที่มาว่าทำไมไวน์ จากดินแดนแห่งนี้จึงเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วทั้งโลก
วันนี้ KinlakeStars.com กำลังจะพาทุกท่านไปสัมผัสไวน์ชั้นเลิศซึ่ง Café Buongiorno (คาเฟ่ บวนจอร์โน) ร่วมกับ Swissotel Bangkok Ratchada ได้จัดขึ้น ณ 204 Bar โอเพ่นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 แห่งโรงแรม โดยครั้งนี้ทาง Swissotel Bangkok Ratchada ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกกันครับ
ภายในงานจะมีการจัดโซนโชว์ไวน์ชั้นเลิศหลากหลายประเภท พร้อมให้แขกผู้มีเกียรติได้ลิ้มลองอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น Sparkling Wine, Red Wine หรือ White Wine อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านกรรมวิธีการหมักบ่มที่พิถีพิถันจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากที่อื่น โดยได้จัดแบ่งโซนทั้งโซนนั่งและยืน พร้อม Food Paring ที่ถูกแนะนำให้ลิ้มรสพร้อมกับไวน์ชนิดต่างๆ ที่มีมาให้ได้ชิมถึง 6 ชนิดด้วยกันครับ
เริ่มด้วย OTELLO Sparkling Wine (Extra Dry)
ที่ผลิตจากองุ่น Prosecco ที่ให้กลิ่นและรสชาติของแอปเปิลเขียว อัลมอนด์และความหอมของดอกไม้เบาๆ ตัวสีนั้นจะเผยให้เห็นถึงสีเหลืองอ่อนของฟางข้าวแกมเขียวอ่อน ถือว่าเป็น Prosecco ที่มีความละเอียดอ่อนของรสชาติเหมาะกับการดื่มเปิดมื้ออาหาร หรือดื่มพร้อมอาหารจำพวกปลา อาหารทะเล และชีส สามารถดื่มได้ตลอดทั้งมื้อโดยที่ไม่ทำให้มึนมากเกินไปเนื่องจากมีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 11% ครับ
ตัวที่ 2 MANON White Wine
ไวน์ขาวตัวนี้ให้สีเหลืองประกายทองอ่อนสวยงามยามกระทบแสงไฟ อโรม่าของตัวไวน์จะให้กลิ่นและรสชาติฟรุตตี้ที่สดชื่น ตัวไวน์เป็นไวน์ขาวแบบ Full-bodied ที่ให้ความหนืดและความเข้มข้นพอตัว เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับอาหารจำพวก Appetizers, Amuse Bouche เนื้อขาว เช่น หมู ไก่ ปลา และหอยชนิดต่างๆ ก็จะช่วยดึงรสชาติออกมาได้อย่างดีทีเดียวครับ
ตัวที่ 3 IX MIGLIO BIANCO White Wine (Organic)
ตัวที่ 2 ของวันนี้โดยความโดดเด่นของขวดนี้คือเป็นไวน์ที่ใช้วัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิค กล่าวคือกรรมวิธีการปลูกและการผลิตนั้นจะไม่มีสารเคมีใดๆ อีกทั้งไวน์ออร์แกนิคยังมีแนวโน้มที่ทำให้ผู้ดื่มมีอัตราการแฮงค์ที่น้อยกว่าไวน์ทั่วไปอีกด้วย ตัวไวน์จะให้สีเหลืองทอง อโรม่าที่ให้สัมผัสกลิ่นของบรรดาดอกไม้และผลไม้เขตร้อนและความสดชื่นของซีตรัส รสชาติจะค่อนไปทางดราย รสสัมผัสอุ่น นุ่ม สดชื่น และกลมกล่อม โดยจะมีรสชาติยอดเยี่ยมเมื่อดื่มคู่กับ Appetizers หรือปลา และรสชาติที่ดีเมื่อดื่มคู่กับเนื้อขาวจำพวกหมูหรือไก่
ตัวที่ 4 NABUCCO Red Wine
ไวน์แดงตัวแรกของวันนี้ที่ถูกผลิตในแถบ Tuscany เมืองในแถบตอนกลางของ Italy ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าที่ราบสูง และติดฝั่งเมดิเตอเรเนียน พืชผลที่นี่จึงอุดมสมบูรณ์ส่งผลให้ไวน์ขวดนี้มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร มีสีแดงทับทิม อโรม่าที่ส่งกลิ่นของราสเบอร์รี่อันหอมหวานชวนหลงใหล เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารจำพวกเนื้อที่ต้องผ่านการกริล และ Tuscan Percorino Cheese เป็นต้น
ตัวที่ 5 CILIEGIOLO Red Wine
ไวน์แดงตัวที่สองที่ให้เฉดสีแดงฉานของทับทิม อโรม่าที่ชัดเจนขององุ่นทำให้ไวน์ตัวนี้มีเอกลักษณ์ของตัวเอง สัมผัสดรายและฝาดเล็กน้อยถูกหมักบ่มหลอมรวมเข้ากับกลิ่นได้อย่างแนบเนียบเป็นเนื้อเดียวกัน อาหารที่แนะนำให้รับประทานคู่กับไวน์ตัวนี้แล้วได้รสชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุด ได้แก่ เนื้อประเภทเสิร์ฟเย็น ไส้กรอก พาสต้า และพิซซ่าครับ
ตัวที่ 6 IX MIGLIO ROSSO Res Wine (Organic)
ด้วยความที่กระแสของไวน์ออร์แกนิคกำลังมาแรงเป็นอย่างมากในช่วงหลัง ไวน์แดงตัวนี้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ผู้ที่ดูแลสุขภาพได้ลิ้มลองกันครับ สีของไวน์ตัวนี้จะเป็นสีแดงทับทิมที่ให้เฉดสีออกไปทางไม่เข้มมาก อโรม่าจะได้กลิ่นของดอกไม้สีแดง ผลไม้จำพวกแบล็คเบอร์รี่ ทิ้งท้ายด้วยกลิ่นของบัลซามิค เหล้า ยาสูบ และกลิ่นโลหะเล็กน้อย ทำให้ไวน์ตัวนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะดื่มคู่กับเนื้อ และชีสตามฤดูกาล หรือหากจะดื่มกับซาลามี่ แฮม โคลคัท หรือซุปผักต่างๆ ก็จะดึงรสชาติอาหารออกมาได้ดีเช่นกัน
ตัวที่ 7 COSTA DI BASALTO Res Wine (Organic)
ออร์แกนิคไวน์ตัวที่ 2 อันมีแหล่งกำเนิกจากกรุงโรมเมืองแห่งอารยะธรรมของอิตาลี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความโดดเด่นเรื่องไวน์เป็นอันดับต้นๆ สีแดงประกายม่วงของไวน์ตัวนี้ช่วยทำให้แก้วนี้โดดเด่นออกมาพร้อมกับอโรม่าเปรี้ยวหวานของบรรดาเบอร์รี่สีแดงชนิดต่างๆ สตรอวว์เบอร์รี่ป่า และกลิ่นทิ้งท้ายอ่อนๆ ของโลหะ ทำให้ไวน์ตัวนี้มีความอ่อนนุ่มแฝงความสดชื่นเล็กน้อย เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับอาหารจำพวกไส้กรอก โคลคัท เนื้อหมู และชีสจำพวก Semi-Hard Cheese หรือชีสกึ่งแข็งครับ
ไวน์ตัวสุดท้าย IDEA Sweet Wine
ไวน์หวานที่มีเอกลักษณ์และรสสัมผัสเฉพาะตัวที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คนเนื่องจากดื่มง่าย มีรสชาติเปรี้ยวหวานและมีความหนืดค่อนข้างสูง ตัวไวน์มีสีแดงอมม่วง กลิ่นอโรม่าอ่อนๆ ของพืชจำพวกดอกไม้เป็นสัมผัสแรกหากจะดื่มคู่กับอาหารจะแนะนำคู่กับ
ชีส มัสตาร์ด และผลไม้ที่มีรสแกมขม และจะยิ่งเยี่ยมยอดหากรับประทานคู่กับของหวานชนิดต่างๆ ปิดท้ายมื้ออาหาร เป็นต้นครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับผู้อ่านทุกท่านกับงาน Italian Boutique Wine Tasting & Food Paring ที่ผมและ KinlakeStars.com พาทุกท่านมาชมในวันนี้ หากท่านใดสนใจดื่มไวน์คุณภาพเยี่ยมไม่อั้นตลอด 3 ชั่วโมงเต็มในราคาเพียง 499 บาทก็สามารถสำรองที่นั่งได้ที่เบอร์ 02-694-2222 หรือ 204 Bistro ชั้น 1 โรงแรม Swissotel Bangkok Ratchada ได้เลยครับ
Story Khanenphan C.
Photo Pol.Cap.Kittin A.
italian Cuisine, western Cuisine, review, casual dining, bar, wine testing, รัชดา, swissotel
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว