ส่วนใหญ่พอพูดถึงกุหลาบทุกคนจะนึกถึงดอกของมัน ดอกกุหลาบที่สวยงามและชวนหลงใหล ทั้งรูปร่าง,สี,กลิ่น แต่ทว่าสิ่งที่มองข้ามไปคือหนามกุหลาบและระยะเวลาที่กว่าจะเป็นดอก
ดอกกุหลาบที่ขายกันในท้องตลาดและมอบให้แก่กันจึงเรียกได้ว่าความงามสำเร็จรูปหรือ
ความสุขสวยงามเพียงชั่วคราวและมีการกำจัดหนามนำใบออกบางส่วนเรียบร้อยแล้วก็ตาม
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าดอกกุหลาบแม้จะปั่กใส่แจกันหรือถนอม ด้วยวิธีใดก็ตามสุดท้ายแล้วก็ต้องแห้งเหี่ยวและร่วงโรยไปและไม่ได้มีดอกใหม่กำเนิดขึ้นมาแทนตามหลักความไม่เที่ยงอนิจจัง แต่หากเป็นต้นกุหลาบแม้มีหนามต้องดูแลรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยแต่ก็มีดอกออกมาให้เรื่อยๆ อันเป็นความสวยงามหอมหวานที่มาพร้อมสุขและทุกข์และภาระ
ดั่งความรักชีวิตคู่ อันต้องประกอบไปด้วยความสุข ความทุกข์และภาระ การมีกุหลาบหนึ่งต้นเพิ่มขึ้นมาแน่นอนว่าต้องทำให้ชีวิตเราเปลียนแน่นอน เราต้องมีภาระในการรดน้ำพรวนดินเพิ่มขึ้นมาด้วย. ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนไปตลอดได้มีการเกิดดับจับอยู่กับทุกสิ่ง แม้แต่เซลล์ในร่างกายคนเราที่เรานึกว่ามันเป็นเซลล์เดิมที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆแต่แท้จริงคือการที่เซลล์เกิดดับไม่รู้กี่ครั้งในหนึ่งวัน เมื่อเราหันมามองชีวิตคู่ก็เช่นกันถ้าเราเทียบกับต้นกุหลาบแล้วว่าดอกกุหลาบเหมือนความสุขจากความรักชีวิตคู่และหนาม เพลี้ย คืออุปสรรคความทุกข์ในชีวิตคู่ความรัก การรดน้ำต้นและการใส่ปุ๋ยพรวนดินตัดแต่งกิ่งคือการบำรุงความรักและชีวิตคู่ เราก็จะเริ่มเข้าใจในความรักชีวิตคู่มากขึ้น ดอกกุหลาบร่วงโรยแต่ก็จะงอกงามข้ึนมาใหม่ตราบที่เรายังดูแลรักษาต้นกุหลาบอย่างดีและสม่ำเสมอเหมือนความรักที่สร้างความสุขดับและเกิดความสุขขึ้นใหม่เรื่อยตราบที่ยังดูแลและให้ความรักซึ่งกันและกัน แต่หากมองหาความรักที่มีแต่ความสุขก็จะได้ความรักแบบฉาบฉวยสุขสวยไร้ทุกข์และจบลงไม่มอกเงิยเกิดขึ้นใหม่ ตราบใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ดั้งมีต้นกุหลาบมีดอกแต่ก็มีหนาม แม้สามีภรรยาแต่งงานมีลูกรักหวานเข้าใจกันเพียงใด ก็ต้องมีทะเลาะมีไม่เข้าใจกันบ้าง บางคนอาจไม่เข้าใจว่าเหตุใดแรกรักช่างสุขแท้ก็เหมือนกับแรกเริ่มที่ซื้อต้นกุหลาบติดดอกมาแรกเริ่มก็เห่อทุ่มเทเวลาดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยพรวนดิน พอการดูแลเปลี่ยนไปละเลยดอกไม่ออกมีแต่หนามก็ไปโทษว่ารักมีแต่ทุกข์แต่มิได้ย้อนดูตนเองเลย
ร.ต.ท. กฤติน อัศววิชัย