Author: Kittin Assavavichai

เทศกาลข้าวแช่ คลายร้อนต้อนรับปีใหม่ไทย ต้อนรับฤดูร้อนนี้ด้วย “ข้าวแช่” เมนูพิเศษสุดประณีต ต้นตำรับชาววัง ณ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ นำเสิร์ฟครบเครื่องทั้งสำรับคาวหวานให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินเพิ่มความสดชื่นต้อนรับเทศกาลปีใหม่ไทย ตั้งแต่วันที่ 5 – 30 เมษายน 2568 ห้องอาหารแซฟฟรอน และ ห้องอาหารร่มไทร ขอเชิญทุกท่านมาลิ้มลองเมนูข้าวแช่ อาหารไทยโบราณสูตรชาววังอันเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในช่วงฤดูร้อน ปรุงรสอย่างพิถีพิถันโดยเชฟมากฝีมือผู้ใส่ใจในทุกขั้นตอนและการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศเพื่อส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ไทย สำรับพิเศษนี้ประกอบด้วย ข้าวแช่ในน้ำลอยดอกมะลิ ให้สัมผัสเย็นชื่นใจในทุกคำ รับประทานคู่กับเครื่องเคียงที่ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถัน อาทิ ลูกกะปิทอด สีทองสวย, หมูฝอย รสกลมกล่อม, ไชโป๊ผัดหวาน ปรุงรสอย่างลงตัว, หัวหอมยัดไส้ และ พริกหยวกยัดไส้ ที่ช่วยเสริมรสชาติให้ครบเครื่องในทุกสัมผัส เติมเต็มประสบการณ์อาหารชาววังพร้อมเสริมความเป็นสิริมงคลด้วยขนมไทยมงคล จ่ามงกุฎ เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและโชคดี ตามด้วย ทับทิมกรอบน้ำกะทิ หวานละมุนและมอบความสดชื่นปิดท้ายมื้ออาหารสุดพิเศษ ร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ “ข้าวแช่” ณ ห้องอาหารไทยแซฟฟรอน และ ร่มไทร พร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 5-30 เมษายน2568 เวลา 12.00 น. – 16.00 น. ในราคาชุดละ 750 บาทสุทธิหรือจะสั่งกลับบ้านในรูปแบบตะกร้าสานลายสวยงาม ราคาชุดละ 1,199 บาท ดาวน์โหลดรูปภาพได้ที่: บันยันทรี กรุงเทพ ข้าวแช่: บันยันทรี กรุงเทพ ข้าวแช่ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ +66 (0) 2679-1200 หรืออีเมล์ [email protected] Kin News Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Kinandleisure.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร…

Read More

ห้องอาหารนิมิตร โรงแรม 137 พิลลาร์ สวีท แอนด์ เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ ร่วมกับ วานา บริววิ่ง นำเสนอ มื้ออาหารค่ำ 5 คอร์สจับคู่กับคราฟเบียร์ไทย 5 รสชาติ ที่เข้ากันอย่างลงตัว ในวันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน 2568 เวลา 19:00 น. – 22:00 น. รังสรรค์ประสบการณ์โดยทีมเชฟมากความสามารถ และผู้เชียวชาญด้านคราฟเบียร์ไทยระดับรางวัล ราคา 1,888++ บาทต่อท่าน สำหรับอาหารไทยรสชาติเข้มข้น 5 คอร์ส ที่รังสรรค์อย่างมีศิลปะ พร้อมร้อยเรียงรสชาติเข้ากับคราฟเบียร์ไทย 5 รสชาติ พร้อมรับที่รองแก้วเซรามิก “137 พิลลาร์ x วานา บริววิ่ง” ของที่ระลึกพิเศษสำหรับค่ำคืนนี้เท่านั้นเมี่ยงคำหอยเชลล์ – หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมสมุนไพรไทย มะพร้าวคั่ว และซอสรสกลมกล่อม บนใบชะพลูกรอบจับคู่กับ คริสปี้บอย เฮลส์ ลาร์เจอร์ด (Crispy Boy Helles Lager) ต้มกระดูกหมูอ่อนหน่อไม้ไผ่ตง – ซุปหน่อไม้ไผ่ตงกระดูกหมูอ่อนจับคู่กับ วาฬ เพล เอล (Whale Pale Ale) แกงเหลืองปลาแซลมอน – แกงเหลืองปลาแซลมอนท๊อปไข่ปลาแซลมอน จับคู่กับ วิฬาร์ ไวเซ่น (Wila Weizen) มัสมั่นแกะ – แกงมัสมั่นแกะเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย จับคู่กับ ราเวน ไอพีเอ (Raven IPA) ขนมเปียกปูน – พุดดิ้งชาร์โคล เสิร์ฟพร้อมครีมกะทิ แปะก๊วย มะพร้าวขูดและมูสมะพร้าว จับคู่กับ อนันต์ ดีดีเดช ฮาเซ่ ไอพีเอ (Anan DDH Hazy IPA) ไฮไลต์ของค่ำคืนนี้ ผู้ร่วมรับประทานอาหารจะได้พบกับ คุณธราธิป ธงชัยภูมิ อาร์ท ไดเรกเตอร์ แห่ง เบียร์วานา ไทยแลนด์ ผู้อยู่เบื้องหลังงานศิลป์ที่ช่วยเสริมเอกลักษณ์และความสำเร็จของ วานา บริววิ่ง ร่วมสัมผัสค่ำคืนที่อาหารไทยรสชาติเข้มข้นผสมผสานกับงานศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมดื่มด่ำกับคราฟต์เบียร์ไทยชั้นเยี่ยม และเพลิดเพลินกับบทสนทนาอันน่าประทับใจ ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าหลงใหลของห้องอาหารนิมิตร ราคายังไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษี 7% สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ โทร 02 079 7000 หรือ ไลน์ออฟฟิเชียล (@137pillarshotels) Kin News Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ…

Read More

เอ๊ดช่า (etcha) ห้องอาหารไฟน์ไดนิ่งแห่งใหม่ของกรุงเทพฯที่ให้คุณได้สัมผัสกับสุนทรียศาสตร์ของการรับประทานอาหารที่ผสมผสานวัฒนธรรมอันหลากหลาย ด้วยแนวคิด “Borderless Dining” หรือ รสชาติอันไร้พรมแดน (รสชาติที่ไร้ขอบเขตหรือสัญชาติมาเป็นตัวกำหนด) ที่เราจะพาคุณก้าวข้ามขอบเขตการรับประทานอาหารแบบเดิมๆ ที่ผสมผสานเทคนิคการทำอาหารจากยุโรปเข้ากับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมทั่วโลกนำทีมโดย เชฟจาโคโม พริมันเต้ (Chef Giacomo Primante) เชฟที่ผสมผสานจากประสบการณ์การทำอาหารระดับโลกของเขาไปสู่การสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด ทุกเมนูให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล แต่ละจานถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหาร ที่ห้องอาหาร etcha ชั้น 7 โรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ คือที่ที่รสชาติจากทั่วโลกมาบรรจบกัน ด้วยการสร้างสรรค์เมนูจากความประณีตเพิ่มความใส่ใจในทุกรายละเอียด เราพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2568 Etcha Restaurant – สถานที่แห่งความสง่างามและความประณีต ห้องอาหาร etcha โดดเด่นด้วยการตกแต่งที่เน้นความเรียบง่ายอบอุ่นแต่แฝงไปด้วยความสง่างาม สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความประณีต การตกแต่งแบบมินิมอลที่เน้นความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ของ etcha ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับองค์ประกอบจากธรรมชาติ โดยใช้โทนสีเอิร์ธโทนที่อบอุ่นอย่างสีดินเผา เบจ และเขียว ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงลึกซึ้งกับธรรมชาติ ภายในห้องอาหารได้รับการเติมเต็มด้วยการตกแต่งด้วยผ้าม่านแทนฉากกั้นหรือกำแพงที่ตายตัว เพื่อให้ความรู้สึกที่ผ่อนเบา และสามารถปรับเปลี่ยนได้เป็นการสร้างสมดุลที่ลงตัวระหว่างความงดงามอันประณีตและความเรียบง่าย ด้วยบรรยากาศที่สะอาดตาประกอบกับการจัดแสงที่อบอุ่น สถานที่แห่งนี้จึงพร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าประทับใจผสานจินตนาการแห่งรสชาติและความทรงจำไม่รู้ลืมเข้าไว้ด้วยกัน The Art of Borderless Dining – ศิลปะแห่งการรับประทานอาหารไร้ขอบเขต ที่ห้องอาหาร etcha เมนูทุกจานเปรียบเสมือนการเดินทางสำรวจรสชาติใหม่ๆ เชฟจาโคโม พริมันเต้ นำวัตถุดิบท้องถิ่นกับวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลกมาผสมผสานกับเทคนิคชั้นสูงของการทำอาหารออกมาเป็นผลงานศิลปะที่สื่อออกมาทั้งรูป รส กลิ่น สัมผัส ที่มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัด นำเสนอเมนูแนะนำได้แก่ Grey Pomfret with Mint and Pomegranate: ที่ผสมผสานความกลมกล่อมของรสชาติ ด้วยปลาเต๋าเต้ยดรายเอจอย่างพิถีพิถันดึงรสชาติออกมาอย่างกลมกล่อมและเข้มข้นมากขึ้น ท็อปด้วยกรานิตาและราดน้ำทับทิมแดงสดให้รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่นและสมดุลอย่างลงตัว  เมนูเส้นพาสต้าปลาหมึกซอสเพสโต้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความทรงจำในวัยเด็กที่บ้านเกิดของเชฟจาโคโม พริมันเต้ โดยเชฟได้ใช้นำเทคนิคการทำซาชิมิแบบญี่ปุ่นมาสร้างเป็น “พาสต้า” จากปลาหมึก สร้างสรรค์รสชาติด้วยกะทิท้องถิ่นไทยและซอสเพสโต้แบบอิตาเลียน  Monkfish จานนี้เป็นการนำเสนอตัวตนและประสบการณ์ของเชฟได้เป็นอย่างดี ด้วยการคัดสรรที่พิถีพิถัน พร้อมเทคนิคการปรุงอาหารแบบยุโรป ปลาเนื้อแน่นคุณภาพดี เสิร์ฟคู่กับซุกินี่ ท็อปด้วยโฟมกาแฟหอมละมุน พร้อมซอสเสาวรสและส้ม ที่ให้ความสดชื่นกลมกล่อมอย่างลงตัว  Black sourdough,…

Read More

ข้าวแช่ “คลายร้อน” สำรับฤดูร้อนจากสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ Story : Pitsinee A. / Photo : Pol.Capt. Kittin A เครื่องจรดฤดู… รสแห่งวัง ความละเมียดแห่งใจ ในโมงยามแห่งฤดูร้อนที่อากาศรุ่มร้อนแทบทุกช่วงเวลา หากได้ลิ้มรส “ข้าวแช่” สักสำรับก็ประหนึ่งได้รับความเย็นชื่นใจรินรดตั้งแต่ปลายลิ้นจรดหัวใจ สำรับข้าวแช่จึงเปรียบได้กับงานศิลป์แห่งรสชาติที่ต้องใช้ทั้งกาลเวลา ความประณีต และความเข้าใจลึกซึ้งในวัฒนธรรมไทยร่วมรังสรรค์ให้สำเร็จเป็นมื้ออาหารแห่งฤดูร้อนอย่างสมบูรณ์แบบ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ นำเสนอ “ข้าวแช่ตำรับชาววัง” ประจำฤดูร้อน ปี 2568 ณ ห้องอาหารเฟลอริช  โดยเชฟชัชษร ประทุมมา ได้นำองค์ความรู้จากสูตรดั้งเดิมในราชสำนักมาร้อยเรียงกับศาสตร์แห่งกลิ่น รส และศิลป์ร่วมสมัย เพื่อให้ข้าวแช่ชุดนี้มิใช่เพียงแค่ “อาหาร” แต่เป็นประสบการณ์แห่งฤดูร้อนที่สัมผัสได้ในทุกรูปแบบ—ทั้งรส กลิ่น สัมผัส และความทรงจำ ประวัติศาสตร์แห่งความเย็นในถ้วยข้าว ข้าวแช่มีต้นกำเนิดจากมอญที่อพยพเข้ามาในแผ่นดินไทยช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาถูกดัดแปลงและยกระดับเป็นอาหารชาววังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความพิถีพิถันในการปรุงและการจัดสำรับจนกลายเป็นธรรมเนียมที่นิยมเสิร์ฟในฤดูร้อนเพื่อคลายร้อนแก่เจ้านายฝ่ายใน และขยายสู่ประชาชนทั่วไปจนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบมาถึงปัจจุบัน ข้าวแช่ในวันนี้ยังคงอิงรากจากต้นตำรับแต่ปรับให้เข้ากับยุคสมัย โดยไม่ลดทอนความงามในวิธีการและความละเมียดในจิตวิญญาณ องค์ประกอบแห่งความประณีตในหนึ่งสำรับ สำรับข้าวแช่ของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ ประกอบด้วยข้าวแช่น้ำอบหอมเย็น และเครื่องเคียงตำรับชาววัง 7 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดล้วนผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ซับซ้อน และสะท้อนศิลปะแห่งการปรุงอาหารไทยขั้นสูงได้อย่างลึกซึ้ง ทุกเมล็ดข้าวล้วนถูกเลือกเฟ้นดั่งอัญมณีแห่งท้องทุ่ง สรรหาจากข้าวหอมมะลิชั้นเลิศ ซึ่งผ่านการหุงด้วยกรรมวิธีแสนพิถีพิถัน จนได้ข้าวที่เรียงเม็ดงามดุจกลีบมะลิแรกแย้ม ขาวใสเป็นมุกเรืองรอง เมื่อสุกแล้วจึงนำไปอบควันเทียนกลิ่นอ่อนละมุน เติมเสน่ห์ให้อวลไปด้วยหอมกรุ่นแผ่วเบา ดั่งกลิ่นความทรงจำของวันวานในเรือนคุณย่า สำหรับน้ำลอยดอกไม้ซึ่งเป็นดั่งหัวใจของข้าวแช่ เชฟชัชษรเปี่ยมด้วยความละเอียดละออ นำน้ำสะอาดต้มจนเดือด ทิ้งไว้ให้เย็นข้ามคืนปล่อยให้กลิ่นคลอรีนค่อย ๆ ระเหยลอยหายไปกับราตรี ก่อนจะนำดอกไม้หอมทั้งมะลิสดและกลีบกุหลาบมอญที่ล้างสะอาดจนหมดจด ลงลอยในน้ำใสที่เตรียมไว้ แล้วอบควันเทียนจนกลิ่นหอมล้ำราวบทเพลงฤดูร้อนที่บรรเลงในภวังค์ สร้างสัมผัสแห่งความหอมละไม ละมุนใจในทุกหยดเมื่อได้ลิ้มลอง แต่ละคำของข้าวแช่จะสมบูรณ์มิได้เลย หากไร้เงาของเครื่องเคียงทั้งเจ็ดตำรับ ที่เชฟชัชษรบรรจงรังสรรค์อย่างวิจิตร ประหนึ่งภาพวาดอาหารที่ร่ายด้วยใจ ลูกกะปิทอด กะปิชั้นเยี่ยมจากคลองโคลนถูกย่างให้หอมจนกลิ่นทะเลลอยฟุ้ง ผสมเนื้อปลาดุกย่างอย่างพิถีพิถัน โขลกเข้ากับเครื่องเทศสดอย่างกระชาย ตะไคร้ และข่า แล้วปรุงรสจนกลมกล่อม ปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำชุบไข่ทอดจนผิวกรอบเป็นสีทองอร่าม รับประทานคู่กับกระชายซอยบาง เป็นรสสัมผัสที่ปลุกฤทัยให้สดชื่น หอมแดงไส้ปลายี่สนผัดหวาน หอมแดงลูกโตสดใสถูกรังสรรค์ให้เป็นภาชนะธรรมชาติ คว้านไส้ออกแล้วสอดไส้ปลายี่สนผัดหวาน—เนื้อปลานำไปต้ม แกะก้างออกอย่างประณีต ผัดกับน้ำตาลโตนดและน้ำมันหอมเจียวจนได้รสหวานนวลละไม…

Read More

ห้องอาหาร เดอะ เฮาส์ ออฟ สมูท เคอร์รี่ (The House of Smooth Curry) โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรีคอลเล็คชั่น โฮเทล ขอนำเสนอข้าวแช่ตำรับชาววังเพื่อต้อนรับฤดูร้อนที่กำลังมาถึง โดยเชฟมนตรี จิรฐิติกาลกิจ เชฟอาหารไทยมากประสบการณ์ประจำห้องอาหาร ได้รังสรรค์ทุกองค์ประกอบอย่างพิถีพิถัน คัดเลือกข้าวหอมมะลิออร์แกนิคจากกลุ่มเกษตรกรจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเมล็ดเรียงสวยและมีกลิ่นหอม โดยผู้ที่สนใจสามารถลิ้มลองข้าวแช่ตำรับชาววังได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เมษายน 2568 นี้ ข้าวแช่ มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ปัจจุบัน ข้าวแช่กลายเป็นเมนูยอดนิยมตามฤดูกาลที่หลายท่านรอคอย ข้าวหอมมะลิที่แช่ในน้ำเย็นหอมกลิ่นดอกไม้ นอกจากช่วยคลายร้อนในเดือนที่อุณหภูมิระอุแล้ว ยังมีรสชาติเข้ากันอย่างอัศจรรย์เมื่อรับประทานพร้อมเครื่องเคียงชั้นเลิศที่ได้จัดเตรียมอย่างละเอียดลออ เชฟมนตรีและทีมเชฟประจำห้องอาหาร ได้ปรุงข้าวแช่ตำรับชาววังตามกรรมวิธีโบราณ โดยแช่ข้าวข้ามคืนในน้ำลอยดอกมะลิเพื่อให้ได้กลิ่นหอมที่แทรกซึมในทุกอณู ข้าวแช่แต่ละเซ็ต มาพร้อมเครื่องเคียงสูตรดั้งเดิม 8 อย่าง ได้แก่ ลูกกะปิปลา หอมแดงสอดไส้ปลา พริกหยวกสอดไส้ไก่และกุ้ง เนื้อหรือหมูฝอย ไชโป๊วผัดไข่ ปลาช่อนแห้งผัดหวาน หมูเปีย และไข่วงเดือนหมู ปิดท้ายด้วยมะยงชิดลอยแก้ว ผลไม้ประจำฤดูกาลรสหวานอมเปรี้ยว สัมผัสเย็นชื่นใจ ข้าวแช่ตำรับชาววัง ให้บริการที่ห้องอาหาร เดอะ เฮาส์ ออฟ สมูท เคอร์รี่ มื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 – 14.30 น. และมื้อเย็น ตั้งแต่เวลา 18.00 – 22.00 น. ในราคา 950++ บาทต่อเซ็ต สำหรับรับประทานที่ห้องอาหาร และราคา 1,350+ บาทต่อเซ็ต สำหรับซื้อกลับบ้าน สมาชิกแมริออท บอนวอย รับส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์ และสมาชิกคลับ แมริออท รับส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์ ห้องอาหาร เดอะ เฮาส์ ออฟ…

Read More

โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เชิญคุณมาลิ้มลองเมนู “ข้าวแช่” สำรับไทยคลายร้อน ​ณ ห้องอาหารเฟลอริช “ข้าวแช่” สำรับของว่างไทยคลายร้อน ที่ขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันในการปรุงและความละเมียดในรสสัมผัส เชฟชัชษร ประทุมมา Executive Sous Chef และเป็นเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย ของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ได้บรรจงรังสรรค์เมนูข้าวแช่ โดย​คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงเป็นข้าวแช่พร้อมเครื่องเคียงตำรับชาววัง เริ่มตั้งแต่การคัดสรรข้าวหอมมะลิคุณภาพดี นำมาหุงด้วยกรรมวิธีพิเศษจนได้ข้าวที่เรียงเม็ดสวย จากนั้นนำไปอบควันเทียนเพิ่มความหอม ในส่วนของน้ำลอยดอกไม้สำหรับข้าวแช่ ทางเชฟชัชษรจะนำน้ำมาต้มให้สุกและทิ้งข้ามคืนเพื่อให้กลิ่นคลอรีนระเหย จากนั้นนำดอกไม้หอมทั้งดอกมะลิและกลีบกุหลาบมอญ มาล้างให้สะอาดและนำใส่ลงในน้ำที่เตรียมไว้ พร้อมอบควันเทียนให้หอมกรุ่น ทำให้สัมผัสความหอมละมุนเมื่อได้ลิ้มลอง เครื่องเคียงรสเลิศเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เชฟชัชษรได้เตรียมไว้ให้คุณได้ลิ้มลองถึง 7 เมนู ไม่ว่าจะเป็น ลูกกะปิ – ที่เลือกกะปิอย่างดีจากคลองโคลนมาย่างให้หอม ก่อนโขลกกับเนื้อปลาดุกย่าง ผัดกับกระชาย, ตะไคร้ และข่า จนได้ที่พร้อมปรุงรสให้กลมกล่อม แล้วจึงปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำ นำมาชุบไข่ทอดจนเป็นสีเหลืองทอง ทานคู่กับกระชายเพิ่มความอร่อย หอมแดงไส้ปลายี่สนผัดหวาน – ใช้หอมแดงโทนลูกใหญ่ คว้านเนื้อในออกและสอดไส้ปลา​ยี่สนผัดหวานเข้าไปแทนที่ จากนั้นนำหอมแดงสอดไส้ลงชุบแป้งลงทอดจนกรอบเหลือง เคล็ดลับการปรุงไส้ปลา​ยี่สนผัดหวาน นำปลายี่สนไปต้มจนสุกและนำมาลอกหนัง แกะก้างออก นำเฉพาะส่วนเนื้อปลาผัดกับน้ำตาลโตนด และน้ำมันหอมเจียวจนได้รสหวานหอม พริกหยวกสอดไส้ – ใช้พริกหยวกเม็ดใหญ่ กรีดตรงกลางเพื่อนำเมล็ดออก สอดไส้ด้วยเนื้อหมูบดผสมเนื้อกุ้งสับ ที่ปรุงรสด้วยรากผักชี กระเทียม และพริกไทย แล้วนำทอดและห่อด้วยแพไข่ทอดสีเหลืองน่ารับประทาน หัวไชโป๊วผัดหวาน – ทางเชฟเลือกใช้หัวไชโป๊วชั้นดีมาผัดกับน้ำตาลโตนดและน้ำมันหอมเจียว ด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลแห้งเคลือบเนื้อไชโป๊วเป็นเส้นใสมันวาว หวานกลมกล่อม หมูฝอยหรือเนื้อฝอย – นำหมูหรือเนื้อแดดเดียวมานึ่งแล้วฉีกเป็นเส้น จากนั้นทอดแล้วผัดเคลือบน้ำตาล โรยด้วยหอมเจียวเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ยำมะม่วงกุ้งเสียบ – ที่เชฟนำมะม่วงเขียวเสวย 3 รส ผสมกับมะม่วงแรดรสเปรี้ยว คลุกเคล้าน้ำยำรสชาติจัดจ้าน เติมเต็มความอร่อยด้วยกุ้งเสียบทอดกรอบตัวโตเต็มคำ ผักแนม – ที่มีทั้งกระชายสด มะม่วงดิบ และผักสดอื่นๆ เป็นตัวช่วยชูให้รสเครื่องเคียงโดดเด่นอีกด้วย สัมผัสความอร่อยของสำรับข้าวแช่ตำรับชาววัง ที่พร้อมเสิร์ฟ​ให้คุณได้ลิ้มลองทุกวัน ณ ห้องอาหารเฟลอริช โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม –…

Read More

ข่าวประชาสัมพันธ์ ชวนท่านมาลิ้มรส เรียนรู้ศาสตร์และศิลป์แห่งการจับคู่อาหารไทยกับไวน์ ในชั้นเรียนพิเศษ “Exploring Thai Cuisine & Wine Pairing” ตอนที่ 1: อาหารอีสาน ขอเชิญสุภาพชนผู้รักในรสชาติอาหารไทยและเครื่องดื่มชั้นเลิศ เข้าร่วมประสบการณ์อันล้ำค่า “Exploring Thai Cuisine & Wine Pairing” ซึ่งเป็นชั้นเรียนที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเผยเคล็ดลับแห่งการจับคู่อาหารไทยกับไวน์จากโลกเก่าและโลกใหม่ให้ลงตัวอย่างวิจิตร ครั้งนี้ เราจะพาท่านไปเปิดประสบการณ์กับอาหาร “อีสาน” ซึ่งขึ้นชื่อในรสจัดจ้านและกลิ่นอายพื้นถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมสัมผัสศาสตร์แห่งไวน์ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ภายใต้การถ่ายทอดความรู้จาก คุณภรณี จิตรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ระดับนานาชาติ 🗓 วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568📍 ณ ร้านแก่นกรุง (Kaenkrung) ร้านอาหารรางวัล Hello Awards 2025⏰ เวลา 18:00 – 20:30 น.💰 ค่าลงทะเบียน 2,890 บาท (สุทธิ)ติดต่อ 087 324 4619 https://g.co/kgs/LNHM6wj ความพิเศษของชั้นเรียนนี้ 🍷 อาหาร 6 คอร์ส พร้อมไวน์ที่จับคู่มาอย่างพิถีพิถัน🍰 ของหวานและไวน์ปิดท้าย อย่างละเมียดละไม🏆 รางวัลพิเศษสำหรับนักเรียนดีเด่น 3 ท่าน จาก Lucaris New Collection🍾 ข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับไวน์ จาก IWS Michel Conrad Chom Isareeyanakarn เกี่ยวกับวิทยากร คุณภรณี จิตรากร เป็นบุคคลสำคัญในวงการไวน์ ด้วยประสบการณ์และคุณวุฒิระดับสากล อาทิ✔️ ผู้ก่อตั้ง WineSmart 101 และ TH Women & Wines Group✔️ สตรีไทยคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง International Bordeaux Wine Educator (2009)✔️…

Read More

ในโลกแห่งอาหารที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งรสชาติและประวัติศาสตร์ ไม่มีเมนูฤดูร้อนใดจะเป็นที่ปรารถนาไปมากกว่าข้าวแช่ อาหารไทยชาววังที่ถือกำเนิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมมอญและไทย นำพาความสดชื่นและความประณีตบรรจงมาสู่สำรับของชนชั้นสูง ก่อนที่ต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในอาหารชั้นสูงที่ทรงคุณค่าที่สุดของสยาม ปี 2568 ห้องอาหาร มาริ กีมาร์ โรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Center ได้นำเสนอ “ข้าวแช่ตำรับ มาริ กีมาร์” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ตำรับวังวรดิศ อันเลื่องชื่อ ภายใต้ฝีมือของ เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์ ผู้รังสรรค์เมนูนี้ด้วยความวิจิตรบรรจง ผสานกรรมวิธีโบราณกับองค์ประกอบร่วมสมัยให้กลายเป็นประสบการณ์แห่งรสชาติที่หรูหรา คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของข้าวแช่ดั้งเดิม แต่ขับเน้นความละเมียดละไมในแบบเฉพาะตัว ข้าวแช่: มรดกแห่งสยาม อาหารแห่งฤดูร้อน ข้าวแช่มีรากเหง้าลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ไทย ย้อนกลับไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากชาวมอญในบริบทของพิธีกรรมทางศาสนา เดิมทีข้าวแช่ถือเป็นอาหารเซ่นไหว้ที่ถวายแด่บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก่อนที่กาลเวลาจะนำพาเมนูนี้เข้าสู่รั้วในวัง และพัฒนาเป็นศิลปะการปรุงอาหารที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ตำรับวังวรดิศ เป็นหนึ่งในสูตรข้าวแช่ที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุด ด้วยกรรมวิธีที่ประณีตและการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ข้าวต้องเรียงเมล็ดงดงาม ไม่เละหรือแฉะ แช่ในน้ำอบควันเทียนที่หอมละมุนจากดอกไม้ไทย เครื่องเคียงแต่ละชนิดต้องผ่านการปรุงแต่งด้วยความใส่ใจ ผสมผสานกันจนเกิดเป็นสำรับที่สมบูรณ์แบบ แตงโมปลาแห้ง แตงโมปลาแห้ง: ความสดชื่นแห่งฤดูร้อน และเกร็ดประวัติศาสตร์จากสำรับชาววัง ในทุกสำรับชาววัง เมนูเรียกน้ำย่อยมักมิใช่เพียงแค่อาหาร หากแต่เป็นการแสดงออกถึง ภูมิปัญญาและศิลปะแห่งการกิน ที่ได้รับการขัดเกลาให้ประณีตพิถีพิถันผ่านกาลเวลา และ แตงโมปลาแห้ง ก็เป็นหนึ่งในจานต้นสำรับที่สะท้อนความวิจิตรของอาหารไทยโบราณได้อย่างชัดเจน เมื่อจานนี้มาถึงโต๊ะ สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ แตงโมสีแดงฉ่ำ เนื้อแน่นแต่แฝงความกรอบอ่อนๆ ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ พักอยู่บนจานกระเบื้องเคลือบลายครามที่สะท้อนถึงรสนิยมอันละเมียดละไม สีแดงสดของแตงโม ตัดกับสีน้ำตาลทองของปลาแห้งที่ถูกโขลกจนละเอียด ละอองปลาแห้งร่วนหอมโรยตัวลงมาบนเนื้อแตงโม ราวกับเกล็ดน้ำค้างต้องแสงอรุณ เม็ดงาขาวคั่วหอมและน้ำตาลโตนดถูกผสมลงไปอย่างบรรจง เพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมขึ้นอย่างแนบเนียน 🍉 รากเหง้าของแตงโมปลาแห้ง: จากสำรับชาววัง สู่ครัวไทยโบราณ แตงโมปลาแห้ง ไม่ใช่อาหารที่พบเห็นได้บ่อยในยุคปัจจุบัน หากแต่เคยเป็นเมนูสำคัญในราชสำนัก และบ้านขุนนางผู้สูงศักดิ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และรุ่งเรืองที่สุดในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตำรับนี้เป็นตัวแทนของความชาญฉลาดในครัวไทย ที่รู้จักผสานรสชาติของสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง—ความหวานเย็นฉ่ำของแตงโม และความเค็มหอมของปลาแห้ง—ให้กลายเป็นรสสัมผัสอันพิเศษ แต่เดิมนั้น ปลาแห้ง ที่ใช้ในตำรับชาววังจะต้องทำจากปลาช่อนทะเลหรือปลายี่สกขนาดใหญ่ นำมาย่างไฟจนหอม ก่อนจะตากแดดและโขลกจนเป็นผงละเอียด ผสมกับน้ำตาลโตนดแท้จากเพชรบุรี และคลุกเคล้ากับงาขาวคั่วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อโรยลงบนแตงโมเย็นจัดที่แช่ในน้ำแข็งจากน้ำฝนบริสุทธิ์ รสสัมผัสที่ได้รับคือ ความเย็นสดชื่น ความหวานฉ่ำที่เจือรสเค็มละมุน ตามด้วยกลิ่นหอมบางเบาของปลาแห้งและงา ในอดีต แตงโมปลาแห้งเป็นเมนูที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อรับประทานในฤดูร้อน โดยเฉพาะสำหรับเจ้านายและบรรดาขุนนางที่ต้องการคลายร้อนหลังจากใช้เวลานานในพระราชวัง รัชกาลที่…

Read More

เมื่อพูดถึงอาหารเกาหลีกับคนไทย คงไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ เพราะเป็นอาหารที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็น อาหารเกาหลีในรูปแบบไฟน์ไดนิง นั่นคืออีกระดับของประสบการณ์ที่ยังใหม่สำหรับหลายคน และในกรุงเทพฯ เองก็มีเพียงไม่กี่ร้านที่นำเสนออาหารเกาหลีในมิติที่ประณีตและลึกซึ้งเช่นนี้ ล่าสุด ร้าน I-Sang (อิ-ซาง) ได้เปิดตัวขึ้นที่ Vivre Langsuan เติมเต็มสีสันให้กับย่านหลังสวนซึ่งกำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางของร้านอาหารระดับพรีเมียม ด้วยแนวคิดที่ผสานรากเหง้าของอาหารเกาหลีกับเทคนิคสมัยใหม่ โดยมีเชฟ สตีฟ ลี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร แม้จะเปิดตัวได้ไม่ถึงเดือน I-Sang กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นจากผู้ที่หลงใหลในอาหารเกาหลี หรือจากผู้ที่อยากมาสัมผัสผลงานของเชฟหนุ่มมากฝีมือที่มาพร้อมคาแรกเตอร์สุดอบอุ่น “อิ-ซาง” อุดมคติแห่งรสชาติผ่านเทสติ้งเมนู 8 คอร์ส “I-Sang” ในภาษาเกาหลี หมายถึง “อุดมคติ” ซึ่งเป็นแนวคิดที่เชฟสตีฟใช้เป็นหลักในการสร้างสรรค์เมนูของร้านนี้ เทสติ้งเมนูเริ่มต้นด้วย “ซัมเกทัง” (ซุปไก่โสมเกาหลี) ที่ให้รสละมุน ตามด้วย ทาร์ตผักไก่หยอง ที่มีความกรอบนอกนุ่มใน ก่อนเข้าสู่ของว่างสามคำ ที่ล้วนเป็นการตีความอาหารเกาหลีแบบใหม่ ได้แก่ Gam-mong Praw กิมจิและเต้าเจี้ยวห่อใบชะพลู Hwae Yukhoe บีฟทาร์ทาร์เนื้อนุ่ม เสียบไม้กับลูกแพร์ ปรุงรสด้วยพริกชิชิโตและโคชูจัง โรยไข่แดงเค็ม Jinppang ขนมปังเกาหลีไส้เนื้อขนุนตุ๋นซีอิ๊ว ต่อด้วย Muk เจลลีถั่วเขียวแช่น้ำมะเขือเทศสด ด้านล่างมีลูกแพร์ แตงกวา มะเขือเทศแห้ง ราดด้วยน้ำส้มโคชูจัง เพิ่มรสสัมผัสด้วยคาเวียร์ อาหารเกาหลีในมุมมองใหม่ สำหรับคนที่ชื่นชอบเส้น เชฟสตีฟนำเสนอ “Guksu” เส้นบะหมี่ที่ทำจาก มูสกุ้ง ท็อปด้วยซุกกินีและน้ำมันงาขี้ม่อน เสิร์ฟแบบหมี่เย็นพร้อมเดรสซิ่งที่ทำจากสต็อกปลา ให้รสอูมามิที่ลึกซึ้ง อีกหนึ่งเมนูไฮไลต์คือ Miyeokguk (ซุปสาหร่ายเกาหลี) ที่ได้รับการตีความใหม่ โดยเพิ่ม ปลาเก๋ามุกมังกรนึ่ง ข้าวเหนียวทอด สาหร่ายสีขาวทอด และมิลเฟยแรดิชสาหร่าย ในขณะที่ซุปเคี่ยวจากหอยตลับและน้ำสต็อกแองโชวี ทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมอย่างมีมิติ ก่อนถึงเมนคอร์ส มี KFC หรือ Korean Fried Crab ที่ใช้ปูนิ่มปูม้าทอดจนกรอบ เคลือบซอสพริกโคชูจัง ตัดเลี่ยนด้วย ยอดมะพร้าวอ่อนดองขิง สำรับเกาหลีที่ครบเครื่องในแบบไฟน์ไดนิง เมนคอร์สที่มีชื่อว่า “The Feast” คือการนำเสนออาหารเกาหลีแบบสำรับที่ครบถ้วน…

Read More

บิ๊กไบท์ เบอร์เกอร์ บาร์ แอนด์ กริลล์ โรงแรมคอร์ทยาร์ด บาย แมริออท กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ท ร่วมกับ กรูเมท์ วัน ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอาหารชั้นนำ ขอเชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารระดับมาสเตอร์คลาสในงาน “โฟร์แฮนด์ ดินเนอร์” ในวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17:00 – 21:00 น. เปิดประสบการณ์การทานอาหารกับค่ำคืนสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากสองเชฟมืออาชีพ เชฟณัฐ ณัฐธิดา หนูอินทร์ หรือ “เลดี้บุชเชอร์” (Lady Butcher) เจ้าของสเต็กเฮ้าส์ชื่อดัง และเชฟจ๋า ธนารัตน์ อู่สุวรรณ เชฟมือทองจากบิ๊กไบท์ เบอร์เกอร์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ซึ่งจะมาร่วมกันรังสรรค์เมนูสุดพรีเมียมที่จะมอบประสบการณ์รสชาติที่ไม่มีใครเหมือน ลิ้มลองเซ็ทเมนูดินเนอร์ 3 คอร์ส ที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟเป็นหลากหลายเมนูความอร่อยระดับพรีเมี่ยม ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารอันหรูหราและพิเศษสุด ซึ่งจะมีให้คุณได้ลิ้มลองเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ในราคาเพียงท่านละ 1,990++ บาท (ท่านละ 2,342 บาทสุทธิ) ทาร์ทาร์เนื้อ เนื้อคุณภาพนุ่มลิ้น ชูรสชาติเข้มข้น สลัดอารูกูล่ากับเนื้อย่างโทมาฮอว์ก รสชาติกลมกล่อม และความสดชื่นจากสลัดอารูกูล่า เนื้อวากิวโทมาฮอว์ก เนื้อวากิวที่หนานุ่มละลายในปาก อัดแน่นด้วยรสชาติ เนื้อซี่โครงเสิร์ฟกับซอสครีมหญ้าฝรั่น ซี่โครงเนื้อย่างเสิร์ฟพร้อมกับซอสครีมหญ้าฝรั่นเข้ากันได้อย่างลงตัว สเต็กเนื้อย่างซอสชิมิชูรีเสิร์ฟกับฟักทองบด สเต็กเนื้อทานคู่ซอสชิมิชูรีรสจัดจ้าน ไอศครีมเจลาโต้ส้มยูสุ เติมความสดชื่น เปรี้ยวหวานอย่างลงตัว และในโอกาสพิเศษนี้ บิ๊กไบท์ เบอร์เกอร์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ยังเสิร์ฟความอร่อยกับเมนูพิเศษตลอดเดือนมีนาคม เพื่อเฉลิมฉลองวันสตรีสากล โดยมีเมนูที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเทศกาลนี้ในราคาเริ่มต้นเพียง 320++ บาท เนื้อย่างโทมาฮอว์กเสิร์ฟกับร็อกเก็ตสลัด เนื้อย่างชั้นเยี่ยมที่เสิร์ฟพร้อมร็อกเก็ตสลัด ทาร์ทาร์เนื้อเสิร์ฟกับลูกแพร์เชื่อม เข้มข้นครบรส เสริมทัพด้วยความหวานของลูกแพร์เชื่อม หอยนางรมร็อคกี้เฟลเลอร์ หอยนางรมคุณภาพเยี่ยม อบชีสและผักโขม ซี่โครงเนื้อกับครีมซอสหญ้าฝรั่น ซี่โครงเนื้อชิ้นใหญ่ ทานคู่ซอสครีมหญ้าฝรั่นรสเข้มข้น เบอร์เกอร์เนื้อซี่โครง เสิร์ฟกับซอสเกรวี่รสละมุน อย่าพลาดโอกาสอันพิเศษกับความอร่อยของเมนูมื้อค่ำสุดพรีเมี่ยม พร้อมร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้หญิงในวงการอาหาร…

Read More