กิน ดื่ม แบบ ชิคๆ เก๋ๆ ยามรัตติกาลในมหานครอมรฟ้า กรุงเทพฯ ณ Vogue Lounge อาหารที่คิดรังสรรค์ขึ้นโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว ที่หน้าตาออกแนวแฟชั่น กิ๊บเก๋ และ เครื่องดื่มสุด จี๊ดจ๊าด เช่น Vogue No.5 ที่กลิ่นหอมเหมือนดั่ง Channel No.5 การผสานเอาแฟชั่นพรมแดงเข้าไปที่อาหารและเครื่องดื่ม เรามาเริ่มต้นอุ่นเครื่องกับมื้ออันชิวๆ สบายๆ ยามค่ำคืนใจกลางกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร กันด้วย Welcome drink: Asian spritz และขนมปังพร้อมเนยทรัฟเฟิลที่หอมกลิ่นทรัฟเฟิลจาก Truffle oil 1 Tomato Gazpacho, Basil-Ricotta Cream 390- สำหรับเมนูแรกคือ ซุปที่ทำจากผักดิบและรับประทานแบบเย็น ๆ ส่วนผสมหลักคือมะเขือเทศบด กัซปาโชมีต้นกำเนิดจากแคว้นอันดาลูซีอาทางภาคใต้ของประเทศสเปน เป็นที่นิยมรับประทานกันทั่วไปในสเปนและประเทศเพื่อนบ้านอย่างโปรตุเกส โดยเฉพาะในฤดูร้อน ผสมกับใบกระเพราให้ความหอมสดชื่น และความมันจากเนยเเข็ง ดื่มคู่กับ Vogue Emerald มาพร้อมกับใบโรสแมรี่ที่ให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ 2 Fried Lobster Ravioli in Soup, Pumpkin Gnocchi 590.- จานนี้เริ่มมีรสชาติที่หนักขึ้น รสโดยรวมครบเครื่อง หวานมันเค็ม จะเน้นมันกลมกล่อมด้วยความหวานมันจากจิน๊อกชี่ฟักทอง ผสานเข้ากับราวิโอรี่ไส้กุ้งล๊อบสเตอร์กรุบหวานมันเค็มอร่อยลงตัว ดื่มคู่กับ Vogue No: 5 ที่มีกลิ่นหอม ชิค เก๋ ดูผู้ดีสง่างามเหมือนน้ำหอม Chanael No.5 3 Salmon Cone, Horseradish, Salmon Roe 450 สำหรับเมนูนี้ นำเสนอมาอย่างเก๋ไก๋ไม่ต่างเมนูอื่น โคนที่ท๊อปด้วย ครีมคล้ายไอศครีมของหวานนี้แท้จริงเป็นเมนูของคาวโดยชั้นในสุดเป็นเนื้อแซลมอนที่หวาน มัน เค็ม ครีมด้านนอกเป็นครีมที่ทำจากฮอสแรดิช โดยฮอสแรดิชนั้นเป็นราก สามารถนําไปแปรรูปได้หลายผลิตภัณฑ์ เช่น cream-style prepareed horseradish, horseradish sauce, beet horseradish…
Author: Kittin Assavavichai
อาหารไทย เป็นอาหารที่ต้องอาศัยความใส่ใจ วิจิตร บรรจง และสูตรอาหารไทยในปัจจุบันก็ค่อยๆเลือนหายไปตามกาลเวลา เนื่องจากไม่ค่อยมีการจดบันทึก ในวันนี้เราจะพาทุกท่านกลับไปพบกับอาหารไทยคุณภาพสูง จากสูตรไทยแท้แต่โบราณที่เชฟริน เชฟอาหารไทยประจำห้องอาหารศิลาดลจะนำเสนอ อาหารไทยในวันนี้เป็นรายการอาหาร ที่ทางห้องอาหาร ศิลาดล นำเมนูเด่นจาก เมนูเด่นๆประจำแต่ละเดือนที่ขายดีมารวม และให้บริการทุกท่าน ซึ่งแต่ละเมนูจะมาจากอาหารไทยในภาคต่างๆ เริ่มต้นกันด้วย เครื่องดื่ม สดชื่น กระตุ้นน้ำย่อย มิ้นชี่ : ส่วนผสมอันแสนจะลงตัวระหว่างการนำมิ้นมาปั่นกับน้ำลิ้นจี่ ความหอมหวานจากลิ้นจี่ ผสานเข้ากับความสดชื่นของมิ้น เป็นแก้วที่คืนความสดชื่น และเรียกความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี เบอรรี่ 2. ข้าวเกรียบปากหม้อโบราณ แป้งปากหม้อนี่ เหนี่ยวนุ่ม บาง ไส้ที่รสชาติ มันเค็ม กำลังดี โรยด้วยหอมเจียวหวานกรอบ ผักชีที่ให้กลิ่นเขียวสดชื่น ราดด้วยซอสหวาน รองด้วยใบพลู สีสวยตัดกันดี ให้กลิ่นใบพลูหอมและรสชาติ ที่เป็นเอกลักษณ์ นำเสนอมาในจากกระเบื้องเคลือบดินเผา รองด้วยใบบัว พร้อมดอกบัวหลวงที่งดงามให้ความเป็นไทย 3. ขนมจีนน้ำยาปู สำหรับเมนูนี้ เป็นอาหารประจำถิ่นทางภาคใต้ น้ำยาปู ขนมจีนน้ำยาปู เพราะรสชาติจะแรงและมีรสเผ็ด น้ำยาปูเป็นน้ำยาจากทางภาคใต้ รสที่หอม มันกลมกล่อมจากกะทิ เผ็ดร้อน หวานอมเปรี้ยวนิดๆจากซอสมะขาม และจัดเต็มไปกับเนื้อปูม้าสดๆหวานๆแน่นๆ กินคู่กับผักต้ม ผักสด ที่จัดมาอย่างสวยงาม ทั้งดอกพวงชมพูที่สีสวยงาม และดอกอัญชัญที่มีประโยชน์สูง อีกทั้งไข่ต้มยางมะตูมความสุกกำลังดี 4. กุ้งมังกรกับข้าวคลุกเต้าเจี้ยวสด กุ้งมังกรตัวโต เนื้อแน่น หวาน มัน เด้ง ที่นำมาใช้ปรุงทั้งตัว มาทั้งก้าม ผัดกับข้าวผัดที่คลุกเคล้ากับเต้าเจี้ยวสด ซึ่งให้ความ มัน เค็ม กลมกล่อม ลงตัว ผัดกับไข่ จนข้าวแห้ง กำลังดี รองด้วยใบบัว เสิร์ฟมาในจานกระเบื้องดินเผา เรามาล้างปากกันด้วยของหวานแบบไทยๆกันครับ 5 ไอศกรีมชาไทย กล้วยทอดข้าวเม่า เดิมตามสูตรของทางร้านอาหาร จะเป็นไอศครีมกะทิ แต่พอดีหมด จึงเปลี่ยนเป็นไอศครีมชาไทยแทน หอมหวานกลิ่นชาไทย กินคู่กับกล้วยคลุกข้าวเม่าทอด กล้วย หวานนุ่ม ข้าวเม่ามันกรอบอร่อย…
สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำอาหารชุดสำหรับคุณแม่ ซึ่งทั้งสวยงาม ประณีต วิจิตร รสชาติดี และดีต่อสุขภาพ ซึ่งในอาหารชุดนี้จะเริ่มตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย น้ำซุป จานหลัก ไปจนถึงของหวานภายใต้ชื่อ “มะลิวัลย์” อันสื่อถึงมื้อพิเศษสำหรับคุณแม่ เปรียบเสมือนการมอบดอกมะลิอันหอมหวลและสวยงามแด่คุณแม่ ผู้หญิงคนพิเศษของเราค่ะ ” มะลิวัลย์พันพุ่มคัดค้าว ระดูดอกออกขาวทั้งราวป่า บ้างเลื้อยเลี้ยวเกี่ยวกิ่งเหมือนชิงช้า ลมพาพัดแกว่งดังแกล้งไกว ” มะลิวัลย์มีปรากฏในวรรณกรรมเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 เราจะเริ่มกันด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยอันได้แก่ 1 ของว่างวันแม่ ซึ่งจัดมาในจานขาวเรียบเพื่อเน้นอาหารให้โดดเด่น ประกอบไปด้วย เมี่ยงคำขนาดพอดีคำ รส หวาน มัน เค็ม เปรี้ยว พอดิบพอดี เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ที่ประกอบไปด้วยกุ้งแห้ง มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง มะนาว ขิง ห่อด้วยใบชะพลู คลุกเคล้าด้วยน้ำตาลปี้บ ขนมจีบกุ้งอย่างไทย แป้งขนมจีบที่ผสมจากแป้งทั้งสาม ทั้งแป้งท้าวยายม่อม แป้งมัน และแป้ง นุ่ม หนึบ ข้างในเป็นใส้กุ้งบดรสลงตัว ยำมะม่วงที่ทำจากมะม่วงดิบ พริก และโหระพาที่ให้ความหอมสดชื่น พล่าเนื้อปูในกระทงทอง ตะไคร้หั่นแว่น หอมหวล ชวนให้อยากอาหารและสดชื่น เนื้อปู รสเปรี้ยว รสหวาน ความกรอบจากกระทง อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยอุ่นเครื่องมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี 2 ของเรียกน้ำย่อยจานถัดมาได้แก่ ยำลูกกำกุ้งย่าง กุ้งลายเสือเนื้อแน่นตัวโตย่าง, น มากับเครื่องยำต่างๆทั้งหอมแดง มะนาว น้ำจากลูกระกำนำมาบีบคั้นออกมาที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ชัดเจน ความเผ็ดร้อนนิดๆจากพริก และความเค็มหอมจากน้ำปลา 3 เข้าสู่จานน้ำซุปกันบ้าง ในชุดนี้ได้แก่ แกงรัญจวน หมูส่วนซี่โครงและส่วนติดกระดูกอ่อนตุ๋นกับน้ำซุปที่ได้จากการนำกุ้งแห้งตุ๋นไปด้วย ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดงที่ให้ความหวาน ข่า ใบกระเพรา และพริกสดที่ให้ความเผ็ด เครื่องแกงเหล่านี้ล้วนให้ความหอมจนทำให้แกงนี้หอม สมชื่อรัญจวน เป็นสมุนไพร ที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย มีคุณค่าและเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ 4 และแล้วก็เข้าสู่จานหลักกับที่กินกับข้าว มีมากมายหลากหลายแบ่งเป็นอย่างละไม่มากเพื่อความหลากหลายได้แก่ ปลาหิมะนึ่งมะนาว (Steamed Snow Fish with Lemon, Chilies and Ginger Sauce) ปลาหิมะเป็นปลาที่เนื้อมีความมันและนุ่มแน่นด้วยตัวเองอยู่แล้ว หากปรุงไม่ดีอาจจะทำให้มันเลี่ยนจนเกินไป สำหรับเมนูนี้เป็นปลาหิมะชิ้นขนาดใหญ่กำลังดี นึ่งกับมะนาวและขิง…
ห้องอาหารชั้นบนสุด ณ La vue, Siam@Siam design hotel กับวิวที่งดงามและบรรยากาศที่แสนโรแมนติก อาหารฝรั่งเศสชุดสำหรับมื้อคำ่ภายใต้แนวคิดจากอาหารในวัยเด็ก จะสวยงาม อร่อย น่ากินขนาดไหนมาดูกันเลยครับ ช่วงเย็น แสงยามพระอาทิตย์ตกดินนั้นเป็นแสงและบรรยากาศที่แสนงดงาม โรแมนติก ห้องอาหาร La vue เป็นห้องอาหารฝรั่งเศสที่กำแพงสามด้านเป็นกระจกจากพื้นถึงเพดาน เพื่อเปิดรับทัศนียภาพที่แสนงดงาม ขอต้อนรับเข้าสู่มื้อค่ำ “DEGUSTATION SET DINNER MENU ” ที่จะเต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนงดงาม จากแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆเปลี่ยนไป ลอยเลื่อนลับขอบฟ้า เรามาเริ่มต้นกันด้วยขนมปังประจำวันและเนยกันครับ สำหรับเนยที่นี่ ใช้เนยของ AOC ซึ่งมาจากแคว้นโปตัว เป็นเนยที่นำเข้ามาจากฝรั่งเศส ด้วยความมันและหอม ครีมมี่ เมื่อกินคู่กับขนมปัง ต่อมา จานเเรกจากเชฟก็คือ อมูสบุช “AWAKEN YOUR PALETTE” จานเริ่มต้นของมื้อ สำหรับจานนี้ เชฟได้พยายามสร้างรสชาติที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันนิดๆแต่ก็กลับเข้ากันได้เป็นอย่างดี ภายใต้แนวคิดการผสมผสานของ พืช สัตว์บก สัตว์ทะเล ความเค็มหอมจากปาม่าแฮม ชูรสให้กับทูน่าที่นำไปเซียร์ที่ผิวทำให้ผิวรอบๆสุกและข้างในยังสดและฉ่ำ แซลมอนเล็กน้อยที่ให้ความมัน ผักร๊อกเก็ตสดๆผสมวาซาบิแต่มีแค่สีไร้กลิ่นและความฉุน ส่วนตัวมองว่าถ้าได้ความฉุนจากวาซาบิอีกนิดจะดีมาก และความมันจากกาลิคบัลซามิก เข้าสู่มื้ออย่างเป็นทางการด้วย “INVITATION TO BEGIN” จานเรียกน้ำย่อยจานแรก Salad of seabass caramelized fennel, pine nut, citrus sense จานนี้เป็นปลากระพงนำไปเซียร์ กินคู่กับ ฟีเนลซึ่งจะให้ความรู้สึกสดชื่น มีพายนัทและความเปรี้ยวจากมะนาว จานนี้จึงเบาๆสดชื่น ซึ่งการเล่าเรื่องราวรสชาติของจานนี้ก็เป็นไปตามตัวหลักนั้นคือปลา Homemade mason, tattanes de bread with pickle salad Crillette duck French Salade de au Venoud cagam เนื้อเป็ดที่นำมาทำให้สุก สับ และบด อัดเป็นแท่งทรงกระบอกแสนสวย กับเหล่าบรรดาเครื่องเคียง การกินให้นำเป็ดมาป้ายใส่กับขนมปังแผ่นและกิน หากเป็นเมนูดั้งเดิมชาวบ้านฝรั่งเศสก็กินเช่นนี้ เพียงแต่การนำเสนอคงไม่สวยงามเช่นนี้…
เมื่อเอ่ยถึงอาหารไทยที่เราจะหากินกันได้แทบทุกที่ ทุกวัน กินกันไม่เบื่อนั้นก็คือ “เมนูเส้น” ไม่ว่าจะเป็นเส้น หมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นจัน เส้นขนมจีน ยันเส้นบะหมี่ แต่ใครจะรู้เล่าว่า เมนูเส้นเหล่านั้น หากปรุงอย่างต้นตำหรับ และนำเสนอในรูปแบบใหม่ มันยิ่งตื่นตาและเลิศรสจนน่าตราตรึง สวัสดีครับ วันนี้กินแหลกแจกดาว KinlakeStars.com จะพาทุกท่านมาพบกับเมนูเส้นที่ไม่ธรรมดา ทั้งรสชาติ และหน้าตา การนำเสนอ “OSHA – Noodle Series” ด้วยการปรุงตามตำหรับไทยแท้แต่โบราณ ผสานเข้ากับ การนำเสนอแบบใหม่ที่สวยงาม กิ๋บเก๋ ไฉไล สไบทอง จึงทำให้จานเส้นทุกจานที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ ดูดี มีเอกลักษณ์ เรามาเริ่มกันที่ บะหมี่หมูสามชั้นตุ๋น หรือ SIMMERED PORK NOODLE กันเลยครับ สิ่งแรกที่จะประทับใจเมื่อเห็นจานนี้ไม่ใช่เพียงการนำเสนอ การจัดวาง และตกแต่งที่สวยงาม แต่ยังรวมไปถึงกลิ่น ด้วยสัมผัสของกลิ่นอบเชยเผา ที่ส่งกลิ่นหอมหวนชวนชิมนั้นเอง ก้านอบเชยที่จุดไฟตรงปลาย เมื่อต้องการจะเริ่มกิน เชฟแนะนำให้จุ่มลงในน้ำซุป และคนๆให้ทั่ว ด้วยการใช้บะหมี่ไข่สีเหลือง เส้นเหนียว นุ่ม หนุบหนึบ กับ หมูสามชั้นที่ตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆ นานกว่า 4 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ความนุ่มหนึบแต่ไม่เละ รสชาติเข้าชั้นเนื้อหนังอย่างแนบแน่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และน้ำซุปที่นอกจากจะมันเค็มหอมอบเชยแล้วนั้น อีกสิ่งที่ทำให้ชวนประทับใจนั้นคือความหวานจากน้ำผึ้งซึ่งเป็นน้ำผึ้งที่ได้จากดองลองกองนั้นเอง สำหรับจานนี้นั้นทางร้านเสนอ ในราคาเพียง 290 ++ ต่อมาอีกจานที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนรักกุ้ง เส้นเล็กต้มยำกุ้ง หรือ TOM YUM KOONG NOODLE เส้นเล็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นยอดนิยมของก๋วยเตี๋ยวไทย ซึ่งเราต่างรู้กันดีว่าทำจากข้าว หนึ่งในเสน่ห์ของเส้นเล็ก คือความหนึบและเมื่อเข้าปาก เมื่อเคี้ยวเอนไซม์ในปากเราจะย่อยแป้งและให้ความหวานออกมาในระดับที่ทำให้เรารู้สึกอร่อย ผสานเข้ากับซุปต้มยำนำ้ใสที่เข้มข้นกว่าน้ำข้น คุณครับ การทำต้มยำน้ำใส ให้อร่อย ยากกว่าการทำต้มยำน้ำข้นนะครับ ต้องยอมรับเลยว่าเชฟทำออกมาได้ดีมาก รสชาติเข้มข้น เครื่องสมุนไพรมาครบ จัดเต็ม และสิ่งแรกที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามหลังจากตักเส้นขึ้นมา คือ กลิ่นมันกุ้งครับ ซุปนี้นำกุ้งแม่น้ำและมันกุ้งแท้ๆมาเคี่ยวจนได้ซุปมันกุ้งเข้มข้น มันกุ้งได้เพิ่ม เสริมความมันกลมกล่อมได้เป็นอย่างดี รสชาติเปรี้ยว หวาน มัน เค็มที่ครบเครื่อง และมีลำดับการเเสดงออกกันมาอย่างไม่แย่งบทบาทกัน…
โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ร่วมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลตามวัฒนธรรมของชาวจีนแต่โบราณ จัดขึ้นในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง แรม 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีน หรือในช่วงเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมตามปฏิทินสากล ที่กำลังจะถึงนี้ หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลนี้คือ ขนมไหว้พระจันทร์ที่สามารถแบ่งปันและมอบให้เป็นของขวัญทั้งในระหว่างครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหาย ห้องเดอะ เลานจ์ ขอแนะนำขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อย มีทั้งขนมไหว้พระจันทร์แบบอบสูตรดั้งเดิมและสูตรใหม่มี 4 รสชาติให้ท่านได้เลือกลิ้มลอง ทั้งไส้คัสตาร์ด ไส้ทุเรียนหมอนทองไข่คู่ ไส้เต้าซาดำไข่คู่ และไส้โหงวยิ้งไข่คู่ พร้อมบรรจุในกล่องหนังสไตล์เดอะเซนต์รีจิส สีดำทองหรูหรา ออกแบบพิเศษสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ ราคากล่องละ 1,688 บาทสุทธิ บรรจุ 4 ชิ้น มีวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ซึ่งท่านสามารถสั่งได้ล่วงแล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งจองล่วงหน้า กรุณาติดต่อที่ เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ โทร 02 207 7777 สามารถรับชุดขนมไหว้พระจันทร์ได้ที่ เดอะ เลานจ์ ชั้น 1 โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ Kin promo & Event KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีว และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ…
ของขวัญจากสองวัฒนธรรมสู่เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ โรงแรม คราวน์ พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินี พาร์ค โรงแรม คราวน์ พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินี พาร์ค ร่วมสืบทอดเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับรสเลิศ ปีนี้ เชฟ แลม ก๊ก เวง ผู้ที่ได้รับฉายา “เจ้าแห่งสมุนไพรจีน” มาแล้วในรายการเชพกระทะเหล็กประเทศไทย ได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์สูตรพิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยสูตรต้นตำรับกับเนื้อครีมที่เนียนนุ่มหวานกำลังดี จึงเป็นที่มาของ ซิน เทียน ตี้ ซิกเนเจอร์ ไส้คัสตาร์ด นอกจากนี้ เชฟยังใส่ความพิถีพิถันในการทำแป้งขนมไหว้พระจันทร์ที่ใช้เวลาในการหมักถึง 20 นาทีและต่อด้วยนวดอีก 10 นาที กว่าจะเข้ากันจนได้ที่ จากนั้นผสมด้วยน้ำมันถั่วลิสงเพื่อเพิ่มความเงาของขนมไหว้พระจันทร์ให้ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น ด้วยวัตถุดิบต่างๆคลุกเคล้าผสมกันจนได้รสชาติลงตัวและเต็มไปด้วยเรื่องราวจึงทำให้ขนมไหว้พระจันทร์ ซิน เทียน ตี้ ซิกเนเจอร์ ไส้คัสตาร์ด ถือเป็นเอกลัษณ์เฉพาะพิเศษสำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ ความพิเศษอีกอย่างคือ กล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับ 4 ชิ้น สีแดงสุดหรู นำความเป็นไทยผสมผสานวัฒนธรรมไทยด้วย “ผ้าไหมไทย” ที่ยังคงประเพณีจีนไว้ได้อย่างลงตัว โดยนำสีแดงที่มีความหมายถึงโชคลาภและความสุข ในขณะที่สีทองสื่อถึงความร่ำรวย เหมาะเป็นตัวแทนมอบความสุขพร้อมความหมายมงคลให้คนที่คุณรักและคู่ค้า โดยสามารถเลือกซื้อเป็นขนมไหว้พระจันทร์ ราคาชิ้นละ 169 บาท บรรจุในถุงดีไซน์พิเศษเพื่อเทศกาลนี้เฉพาะ หรือจะเป็นกล่องผ้าไหมสุดหรูบรรจุขนมไหว้พระจันทร์ 4 ชิ้นพร้อมถุงกระดาษเข้าเซ็ทในราคากล่องละ 789 บาท Early Bird โปรโมชั่น ซื้อ 10 กล่อง แถม 1 กล่อง ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2559 ถึง วันที่ 31 สิงหาคม 2559 และเริ่มรับขนมไหว้พระจันทร์ได้ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2559 ถึง วันที่ 15 กันยายน 2559 ณ ห้องอาหาร ซิน เทียน ตี้ ชั้น 22…
Delight your family, friends and business colleagues with a gift of traditional Chinese Mid-Autumn mooncakes from La Pâtisserie. Held on the 15th day during the eighth month of the Chinese lunar calendar, the festival marks the end of the harvest. In Thailand, the Chinese community celebrate the Mid-Autumn Mooncake Festival in their homes, making offerings of mooncakes. At La Pâtisserie, our beautifully designed boxes include eight mooncakes. The Okura selection is Baht 708 net per box of eight delicious mooncakes (two of each flavour): green tea, custard, durian single yolk, and jujube single yolk. Customised selection for Baht 808 net…
LATITUDE LOUNGE & BAR Siamese Cocktails & Tapas Relax, enjoy the sun set and admire the panoramic views from this cozy lounge bar perched 52 stories up while sipping on refreshing Thai inspired cocktails and a selection of Thai street food tapas. Located on 52nd Floor Open daily: 5.00 pm. – 1.00 am. (Opening hours is subject to weather conditions) ROMSAI Happy Birthday Singapore (6-9 August) Singapore is commemorating its 51st National Day this year and we are joining the celebrations by bringing you some of the most popular gastronomy from the “Lion City”. Must-try delicacies…
โบสถ์ที่สวยงาม แปลกตา สง่างาม มีการผสมผสานของสถาปัตยกรรมอย่างซับซ้อน โดยสร้างต่อเติมมาอย่างไม่หยุดยั้งเรื่อยๆมากกว่า 2,000 ปี ! แหล่งแช่นำ้แร่ธรรมชาติตั้งแต่สมัยโรมัน และต้นกำเนิดของขนมพรินเท่น ! จุดเชื่อมต่อสามประเทศ เที่ยวไหนก็สะดวก เช้าวันหนึ่ง นักเรียนไทยในเยอรมันตื่นแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัว ทำอาหารกล่อง และมุ่งตรงไปยังสถานีรถไฟ เพื่อมุ่งหน้าไปยังเบลเยียม แต่ต้องเปลี่ยนรถที่เมือง Aachen (อาเคิน) และต้องรอรถประมาณ 3 ชม นั้นจึงเป็นความบังเอิญที่ ทำให้เขาผู้นั้นได้พบกับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่น่าแวะเที่ยว แต่ไม่ได้เป็นที่รู้จักสำหรับนักท่องเที่ยวชาวเอเชียเท่าไหร่นัก Aachen เป็นเมืองที่ตะวันตกสุดของ เยอรมนี โดยเป็นเมืองที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับ เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ชื่อเต็มของอาเคินคือ บัดอาเคิน (Bad Aachen) Bad หมายถึงน้ำ ทำไมต้อง Bad ??? เนื่องจากใต้เมืองอาเคินมีสายน้ำร้อนธรรมชาติอยู่มากมาย น้ำแร่ใต้ดินนี้ มีความเชื่อว่าสามารถนำมาดื่มเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งกองทัพโรมันก็เคยใช้เมืองๆนี้เป็นหนึ่งในสถานพักฟื้น และเป็น Spa ให้กับทหารหนุ่มทั้งหลายในกองทัพด้วย ในปัจจุบัน เมืองอาเคินได้นำน้ำแร่ใต้ดินนี้ไปเปิดบริการเป็นสปาแบบทันสมัยให้แก่ประชาชน โดยใช้ชื่อว่า Carolus Thermen บอกไว้ก่อนเลยว่าเมืองนี้แม้เป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็เดินทางสะดวกและยังสามารถเดินทางต่อไปได้ในหลายประเทศ เมืองนี้เหมาะจะแวะพักเที่ยวมาก สำหรับใครที่จะวางแพลนเที่ยวระหว่าง เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ก็น่านำเมืองนี้ใส่ไปในแพลนเหมือนกันครับ ก่อนเดินทางไปหลังจากดูรอบรถไฟและวางแผนเดินทาง เมื่อรู้ตัวว่าต้องแวะไปเมือง Aachen ผมจึงได้หาข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับเมืองนี้ ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คิดแฮะ ก่อนไปก็จึงทำแผนที่ไว้ว่าที่ๆจะไป และวันรุ่งขึ้นก็เริ่มออกเดินทาง มาดูแผนที่กันเถอะ หลังลงจากรถไฟที่เมืองโคโลญเพื่อเปลี่ยนรถ ก็แวะเดินเล่นรอบๆสถานีรถไฟ ซึ่งบรรยากาศคึกคักผิดปกติและแปลกตา เพราะเป็นวันอีสเตอร์ ทุกคนต่างแต่งแฟนซีกันทั้งประเทศ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ทั้งกระต่าย ซีซ่าร์ เซเลอร์มูน อุลตร้าแมน ตัวตลก ฯลฯ มากันหมด จัดกันเต็ม เมื่อเดินพ้นประตูสถานีออกมาก็จะพบกับมหาวิหารประจำเมืองที่ชวนให้ตื่นตา ตื่นตะลึงกับความสูงใหญ่ หลังจากรถไฟมาก็โดดขึ้นรถอย่างอารมณ์ดี เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงเมือง Aachen บรรยากาศอาจดูผิดหูผิดตาไปจากโคโลญด้วยความที่เป็นเมืองเล็กๆ หลังจากลงสถานี ก็เดินตรงไปยัง มหาวิหารอาเคิน ซึ่งเดินไปเพียงกิโลนิดๆ ก็ถึงแล้ว มหาวิหารอาเคินจะว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของเมืองก็ว่าได้ วิหารนี้สุดยอดและแปลกมากเป็นการรวมเอาการออกแบบตั้งแต่ยุคโรมัน โรมาเนสก์ โกธิค เรเนซองส์ บาโรกเข้าด้วยกัน สร้างอย่างไม่หยุดยั้งถึง 2000ปี !! เริ่ม เมื่อผมได้ไปถึงและยกกล้องขึ้นถ่ายรูป…