21/8/15 ปัจจุบันปัญหาด้านความปลอดภัยของอาหารที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั่วโลกส่งผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน นักวิจัยในสหรัฐฯจึงได้ทดลองอุปกรณ์ถอดรหัสดีเอ็นเอ ที่จะช่วยชี้ว่าอาหารที่เรากำลังจะซื้อหรือรับประทานนั้น สะอาดจริงหรือไม่ เพื่อลดอัตตราการเกิดโรคและเสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษนั้นเอง ผักผลไม้สีสดดีดูน่ากิน แต่บางครั้งภายในกับแฝงไปด้วยเชื้อโรคนานาชนิด ที่ทำให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษ ปัญหาบ่อยครั้งที่เกิดขึ้นในประเทศทั่วโลก จนสร้างความกังวลให้ผู้บริโภคมากขึ้น เรื่อยๆและเกิดเป็นคำถาม จะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารที่เราเห็นสะอาดจริงหรือไม่ จึงนำมาสู่การทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ รหัสดีเอ็นเอของแบคทีเรียเพื่อใช้ในการตรวจสอบความสะอาดของอาหารวิจัยเกิดขึ้นโดย ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรพหรือ CDC ในแอตแลนต้า ที่มุ่งเป้าในการวิเคราะห์ไปยังลำดับขั้นของดีเอ็นเอ รีฮีสทีเรีย ที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียนและขึ้นซะ ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับ 3 ที่ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษ เฉพาะในกลุ่มหญิงมีครรภ์ หากงานวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีก็จะทำการวิจัยเชื้ออีโคลาย และซลโมเนร่า สาเหตุของท้องร่วงและอาหารเป็นพิษ CDC และเปิดเผยข้อมูลว่าใน 1 ปีมีชาวอเมริกันป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษมากกว่า 48,000,000 คน มีผู้เสียชีวิตสูงถึงปีละไม่ต่ำกว่า 3000 คน ซึ่งทางการแพทย์ก็พยามจะทำงานวิจัยต่างๆ เพื่อหาทางป้องกันรักษาเรื่องนี้ แต่หากประชาชนทราบว่าอาหารมีเชื้อโรคหรือไม่ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งชุดตรวจดีเอ็นเอเชื้อโรคในอาหารที่กำลังพัฒนาอยู่นี้จะมีราคาถูกจับต้องได้สามารถซื้อหรือแจกจ่ายให้ในทุกครัวเรือน และสะดวกรวดเร็วใช้ง่าย โดยชุดตรวจเชื้อดีเอ็นเอเชื้อโรคในอาหารจะสำเร็จภายในปลายเดือนนี้ อย่างไรก็ดีทางนักวิจัยยังคิดว่า การที่ประชาชนจะพึ่งเพียงปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์หรือป้องกันโรคต่างๆเหล่านี้เพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอและไม่มากนะเพราะการปลูกฝังจิตสำนึกในการทานอาหารให้ถูกสุขค่ะใหม่รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคและคุณภาพในการผลิตอาหารสำหรับผู้ผลิตแก่ผู้บริโภคจึงจะเป็นทางออกแก้ไขที่ดีที่สุดและยั่งยืน ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อเข้ามาควบคุมโลกจึงต้องควบคู่ไปกับการปฎิบัติ ให้ถูกสุขลักษณะ และควบคุมคุณภาพและความสะอาดของผู้ผลิตอาหาร ข้อมูลจาก : CNN แปลและเรียบเรียงโดย Kin News, KinlakeStars.
Author: Kittin Assavavichai
Beetroot Fettucini Mix Mushroom cream sauce เฟตูชินีซอสครีมเห็ดรวม สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่คอลัมน์ “เปิดตู้เย็นทำครัว” ซึ่งจะนำเสนอเมนูจานที่ทำง่ายๆไม่ยุ่งยากและข้อเสนอในการใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายๆในตู้เย็นหรือตามท้องตลาดมาทดแทนบางส่วนผสมที่อาจหายากในบางพื้นที่ในไทยครับ ในคอลัมน์นี้ขอนำเสนอ “เฟตูชินีซอสครีมเห็ดรวม” ซึ่งจานนี้จะเป็นมังสวิรัตแต่ถ้าในอยากปรับเปลี่ยนเพิ่มหอนลาย หอยแมลงภู่ ปลาหมึก กุ้ง หรือแฮมก็จัดไปได้เลยครับ เริ่มจากส่วนผสมกันก่อนเลย ส่วนผสม 1. เส้นเฟตูชินี่สด (อันนี้ผมใช้เส้นสดของโครงการหลวงนะครับพอได้ได้จากงานอาหารมาพอดี เส้นในแพคเกจมีสามรสคือบีทรูท แครอต และผักโขม หากเอาง่ายๆในซุปเปอร์มาเก็ตก็จะมีเส้นแข็งซึ่งเส้นแข็งจะเก็บได้ง่ายกว่าและนานกว่าครับ) 2. เห็ดรวมครับ อันนี้แล้วแต่ชอบแล้วแต่หาได้เลยครับ สำหรับครั้งนี้ผมได้สารพัดเห็ดจากในตู้เย็นที่ที่บ้านซื้อไว้น่าจะเอามาทำซุปหรือผัดเห็ดเลยแบ่งมาทำเมนูนี้สักหน่อย 3. ไข่ เอาเฉพาะไข่แดงนะครับแยกไข่ขาวออกถ้าไม่อยากทิ้งก็เก็บไว้ทำเค้กทำมาการองหรือทำอย่างอื่นทานได้เยอะแยะครับ สำหรับหนึ่งจานก็ฟองเดียวพอ แต่หลายจานก็ตามสัดส่วนเลยครับ 4. ครีมแต่ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ได้มีเตรียมไว้ในตู้เย็นก็ใช้นมจืดก็ได้ครับ เนื่องจากครีมสดจะมีอายุที่เก็บไว้ได้ไม่นานนัก ครั้งนี้ในตู้เย็นผมก็ไม่ได้เตรียมไว้เลยใช้นมกล่องขนาด 110 Ml. แทนครับ พอถูไถไปได้ สำหรับหนึ่งจานนะครับ 5. เกลือ ใช้นิดเดียว ใช้1ใน3 ช้อนชาต่อหนึ่งจานครับ 6. ชีส ใช้ชีสพามาซานขูดครับแต่ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ได้เตรียมก็ใส่ชีสแผ่นไปเลยครั้งนี้ผมใส่ทั้งพามาซานขูดและชีสแผ่นเพราะอันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว 7. ใบไทม์ อันนี้แล้วแต่เลยนะครับส่วนใหญ่เขาจะใส่เพลสรี่กันแต่ผมชอบใบไทม์ที่บ้านก็ปลูกเองด้วย ใบไทม์ปกติจะเอาไปใส่สเต็กแต่เอามาใส่แบบนี้ก็รสเย็นๆหอมดีครับ เอาหละมาถึงขั้นตอนการทำอันแสนง่ายและรวดเร็วกันเลย 1. เอานำ้ใส่หม้อ แล้วต้มให้เดือด กี่นาทีเดือดนี้แล้วแต่ความแรงเตาผมตอบไม่ได้เพราะบางบ้านใช้เตาแม่เหล็ก บางที่ไฟฟ้า บางบ้านเตาแก๊ส พอน้ำเดือดแล้วเอาเส้นลงเวลาต้มพอเส้นเริ่มอ่อนตัวก็คนๆหน่อย ถ้าเส้นสดประมาณไม่เกิน 3 นาที ถ้าเป็นเส้นแข็งแล้วแต่ยี่ห้อแต่โดยทั่วไปไม่เกิน 6 นาที หลังจากต้มเส้นเสร็จแล้วก็เอาเส้นล้างน้ำเย็นอาบด้วยนำ้มันมะกอกนิดหน่อยแล้วพักไว้ใส่จาน 2. ตอกไข่แยกไข่แดงออกมาแล้วใส่ในถ้วยเทนมออกจากกล่อง ตีให้เข้ากัน จากนั้นตั้งหม้อ ใส่เนยและนำ้มันมะกอกชนิดโดนความร้อนได้เล็กน้อยพอเริ่มร้อนนำสารพัดเห็ดลงไปผัด ผันจนหอมนิดๆแล้วค่อยๆใส่นมที่ตีกับไข่เเดงลงไป ซักพักจะเริ่มร้อนเดือดอย่างเร็วก็ใส่เกลือตามที่เตรียมไว้ลงไปตามด้วยชีส คนๆระหว่างต้มซักพัก ถ้าใช้เตาแก๊สไฟแรงประมาณ 40 วินาที ก็พอแต่ถ้าเป็นเตาไฟฟ้าประมาณซักนาทีครึ่งก็เป็นอันใช้ได้ 3. นำคซอสที่ทำเสร็จเทราดลงบนเส้นที่พักไว้ในจานที่เตรียมไว้ จัดแต่งด้วยใบไทม์ก็เป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมกิน
เดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ร่วมฉลองเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ด้วยขนมไหว้พระจันทร์อันเลื่องชื่อ ในราคากล่องละ 1,388 บาทสุทธิ (บรรจุ 4 ชิ้น) กรุงเทพฯ (สิงหาคม 2558) – เดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ร่วมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลตามวัฒนธรรมของชาวจีนแต่โบราณ จัดขึ้นในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง แรม 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีน หรือในช่วงเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมตามปฏิทินสากล ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2558 ที่กำลังจะถึงนี้ หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลนี้คือ ขนมไหว้พระจันทร์ที่สามารถแบ่งปันและมอบให้เป็นของขวัญให้แกครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายในวันที่พบปะสังสรรค์ เอ็กเซคคิวทีฟเชฟแมทธิว วูลฟอร์ด นำเสนอขนมไหว้พระจันทร์แบบคลาสสิกหรือสูตรดั้งเดิม พิถีพิถันทุกขั้นตอนการทำอันเป็นที่นิยมอย่างมากในบรรดาแขกของโรงแรมและคนกรุงเทพฯ ลิ้มลองขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อย อุดมไปด้วยไส้หนาเนื้อเนียนนุ่มละมุนหอมหวานและกลมกล่อม ห้องเดอะ เลานจ์ ขอแนะนำขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อย มีทั้งขนมไหว้พระจันทร์แบบอบ สูตรดั้งเดิม มี 4 รสชาติให้ท่านได้เลือกลิ้มลอง ทั้งไส้ทุเรียนหมอนทอง (Durian Monthong) ไส้เม็ดบัวไข่เดี่ยว (lotus seed with single egg yolk) ไส้เต้าซ่าดำไข่เดียว (red bean and lotus seed with single egg yolk) ไส้โหงวยิ้ง Mixed Fruits and nuts พร้อมบรรจุในกล่องหนังสไตล์เดอะ เซนต์ รีจิส สีดำทองหรูออกแบบพิเศษสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ มีวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ 1 ก.ย. 2558 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ในราคากล่องละ 1,388 บาทสุทธิ (บรรจุ 4 ชิ้น) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งจองล่วงหน้า กรุณาติดต่อที่ เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ โทร 02 207 7820, 02 207 7777 อีเมล์…
เชฟโปโล ลิน หัวหน้าพ่อครัวอาหารจีนบินตรงจากประเทศจีน มาแสดงฝีมือปรุงอาหารที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวที่ห้องอาหารจีน แชงพาเลซ โรงแรมแชงกรีลา กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม จนถึง วันที่ 13 กันยายน 2558 ลิ้มรสอาหารจานเด่นร่วมสมัยที่ได้รับการปรุงแต่งอย่างพิถีพิถันในมื้อกลางวันและมื้อค่ำ อาหารทุกจานนำเสนอในรูปแบบที่สวยงามด้วยรสชาติที่โดดเด่น เพราะเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่และคัดสรรมาอย่างดี อาทิ ซุปเต้าหู้เยื่อไผ่ กุ้งผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซุปเปรี้ยวและเผ็ดทะเล เนื้อผัดเห็ดออริจิซอสพริกไทยดำ และอาหารที่ปรุงจากเป็ด เช่น เป็ดเปรี้ยวหวาน และเต้าหู้เสฉวนกับเป็ด เมื่อท่านสั่งเป็ดปักกิ่ง 1 ตัว ที่เสิร์ฟมาพร้อมซอสพิเศษจากแชงพาเลซ จะได้ลิ้มรสเนื้อเป็ดฝีมือเชฟลินโดยเลือกอร่อยกับ เมี่ยงเป็ดเสิร์ฟพร้อมผักกาดแก้ว หรือซุปเนื้อเป็ดน้ำในเยื่อไผ่ เป็ดปักกิ่งราคาตัวละ 1,900++บาท อาหารจานเด่นฝีมือเชฟลินราคาเริ่มต้นที่จานละ 150++บาท ถึง 420++บาท เชฟลินบินตรงมาจากโรงแรมแชงกรี-ลา ฉางโจว ประเทศจีน เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทำงานและพัฒนาทักษะการปรุงอาหารจีนหลายๆรูปแบบจากโรงแรมชั้นนำหลายแห่งใน เมืองเทียนจิน เซี่ยงไฮ้ และเจียงซู เชฟลินเกิดในมณฑลกวางตุ้ง ความชำนาญและประสบการณ์ของเชฟสะท้อนออกมาในอาหารจานเด่นที่ขึ้นชื่อ เช่น กุ้งผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซุปเต้าหู้เยื่อไผ่ เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อแผนกสำรองที่นั่งห้องอาหาร โทร. 0 2236 9952 หรือ 0 2236 7777 หรือ อีเมล [email protected] Kin Promo&Update
1/8/15 ปัจจุบันปัญหาด้านความปลอดภัยของอาหารที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั่วโลกส่งผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน นักวิจัยในสหรัฐฯจึงได้ทดลองอุปกรณ์ถอดรหัสดีเอ็นเอ ที่จะช่วยชี้ว่าอาหารที่เรากำลังจะซื้อหรือรับประทานนั้น สะอาดจริงหรือไม่ เพื่อลดอัตตราการเกิดโรคและเสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษนั้นเอง ผักผลไม้สีสดดีดูน่ากิน แต่บางครั้งภายในกับแฝงไปด้วยเชื้อโรคนานาชนิด ที่ทำให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษ ปัญหาบ่อยครั้งที่เกิดขึ้นในประเทศทั่วโลก จนสร้างความกังวลให้ผู้บริโภคมากขึ้น เรื่อยๆและเกิดเป็นคำถาม จะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารที่เราเห็นสะอาดจริงหรือไม่ จึงนำมาสู่การทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ รหัสดีเอ็นเอของแบคทีเรียเพื่อใช้ในการตรวจสอบความสะอาดของอาหารวิจัยเกิดขึ้นโดย ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรพหรือ CDC ในแอตแลนต้า ที่มุ่งเป้าในการวิเคราะห์ไปยังลำดับขั้นของดีเอ็นเอ รีฮีสทีเรีย ที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียนและขึ้นซะ ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับ 3 ที่ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษ เฉพาะในกลุ่มหญิงมีครรภ์ หากงานวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีก็จะทำการวิจัยเชื้ออีโคลาย และซลโมเนร่า สาเหตุของท้องร่วงและอาหารเป็นพิษ CDC และเปิดเผยข้อมูลว่าใน 1 ปีมีชาวอเมริกันป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษมากกว่า 48,000,000 คน มีผู้เสียชีวิตสูงถึงปีละไม่ต่ำกว่า 3000 คน ซึ่งทางการแพทย์ก็พยามจะทำงานวิจัยต่างๆ เพื่อหาทางป้องกันรักษาเรื่องนี้ แต่หากประชาชนทราบว่าอาหารมีเชื้อโรคหรือไม่ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งชุดตรวจดีเอ็นเอเชื้อโรคในอาหารที่กำลังพัฒนาอยู่นี้จะมีราคาถูกจับต้องได้สามารถซื้อหรือแจกจ่ายให้ในทุกครัวเรือน และสะดวกรวดเร็วใช้ง่าย โดยชุดตรวจเชื้อดีเอ็นเอเชื้อโรคในอาหารจะสำเร็จภายในปลายเดือนนี้ อย่างไรก็ดีทางนักวิจัยยังคิดว่า การที่ประชาชนจะพึ่งเพียงปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์หรือป้องกันโรคต่างๆเหล่านี้เพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอและไม่มากนะเพราะการปลูกฝังจิตสำนึกในการทานอาหารให้ถูกสุขค่ะใหม่รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคและคุณภาพในการผลิตอาหารสำหรับผู้ผลิตแก่ผู้บริโภคจึงจะเป็นทางออกแก้ไขที่ดีที่สุดและยั่งยืน ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อเข้ามาควบคุมโลกจึงต้องควบคู่ไปกับการปฎิบัติ ให้ถูกสุขลักษณะ และควบคุมคุณภาพและความสะอาดของผู้ผลิตอาหาร ข้อมูลจาก : CNN แปลและเรียบเรียงโดย Kin News, KinlakeStars. ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B…
Dinner Singapore Food Fest 7 – 16 Aug 2015 สวัสดีครับ สำหรับปีนี้เป็นปีที่ชาวสิงคโปร์ต่างยินดีและมีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสประกาศอิสรภาพครบ 50 ปี ซึ่งในโอกาสนี้ห้องอาหาร Next 2 Café โรงแรมแชงกรีล่าก็ได้มีโปรโมชั่นและจัดแคมเปญพิเศษเทศกาลอาหารสิงคโปร์ซึ่งท่านทูตสิงคโปร์ประจำไทยได้เป็นประธานในงานเปิดเทศกาลอาหารนี้พร้อมร่วมดินเนอร์ด้วย สำหรับรสชาติและส่วนผสมนั้นการันตีได้เลยว่าดั่งเดิมและรสสิงคโปร์แท้ๆแน่เพราะในงานนี้ Chef Andy Yew เชฟใหญ่จากแชงกรีล่าสิงคโปร์ได้บินมาประจำไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อเทศกาลอาหารสิงคโปร์นี้โดยเฉพาะ รสชาติและอาหารจะเป็นอย่างไรเรามาลองดูกันเลยครับ เริ่มต้นด้วยมื้ออาหารเป็น Welcome Drink กันเลยครับ สำหรับ แก้วนี้เป็น Signature ที่ Chef ภูมิใจเสนอ Paradise of Singapore แก้วทรงกรวยที่ซ็อนอยู่บนโถทรงกลม นอกจากจะสวยงามแปลกตาแล้วยังมีเหตุผลในแง่ของการใช้งานคือในโถทรงกลมจะมีนำ้ แข็งบรรจุอยู่เพื่อรักษาอุณหภูมิของเครื่องดื่ม สำหรับเครื่องดื่มแก้วนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น หากคุณลองหลับตาทำใจให้ว่างดื่มมันเข้าไปคุณจะรู้สึกถึงบรรยกาศเกาะทางทะเลใต้เลยทีเดียว ซึ่งตรงและเข้ากับคอนเซปอาหารสิงคโปร์ แต่แก้วนี้ผมดื่มไม่หมดเพราะผมรับยาบางตัวอยู่ทำให้ดื่มแอลกอฮอลไม่ได้ครับ พอเทสเข้าไปแล้วรู้ว่าเป็นแอลกอฮอลเลยแตะอีกนิดๆแล้ววาง สำหรับคนที่ดื่มแอลกอฮอลได้ก็น่าลองครับเบาๆไม่แรงมีรสหวานสดชื่นซ่านิดๆ เราเริ่มมื้ออาหารกันด้วยจานเรียกนำ้ย่อยกันเลย จากแรกนี้คือ Rojak หน้าตามันก็ตามภาพเลยครับ ถ้าทานเข้าไปให้สรุปเอาอาหารไทยที่ใกล้เคียงกับจานนี้สุดคงเป็นยำผลไม้ ใจนี้มีผลไม้หลายอย่างสับๆคลุกด้วยมะเขือ หอมหัวใหญ่ ผักต่างๆผสมกับมะนาวมะขามและโรยด้วยถั่วคั่วครับ ทานๆไปมันก็คล้ายส้มตำไม่ใส่พริกเหมือนกัน ก็หวานๆมันๆถั่วรสก็คุ้นๆเพราะใก้เคียงกับอาหารไทยเราแต่หน้าตาและสัมัสอาจแปลกๆไป องอาหารมีการตกแต่งพิเศษทั้งห้องให้เข้ากับทีมสิงคโปร์ครับหลังจากจานแรกผ่านไปเลยเดินถ่ายภาพเก็บบรรยากาศ เอาหละครับ ต่อกันด้วยจานถัดมา Singapore Laksa จานนี้ให้เทียบก็คล้ายๆข้าวซอยของบ้านเรานี่หละครับ แต่จะออกหวานกว่า แต่ผมชอบนะ เส้นแปลกมาก ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเส้นสปาเก็ตตี้แต่ไม่ใช่ เป็นเส้นหมี่เฉพาะของสิงคโปร์ รายละเอียดอ่านต่อได้ในบทสัมภาษณ์เชฟครับ เครื่องที่ใส่ก็แปลกดีมีเต้าหู้ทอดด้วยอันนี้ผมชอบมากเลยมันเหมือนที่ใส่ในราเมงของญี่ปุ่นเลยครับแล้วก็มีเนื้อไก่ ตัวน้ำซุปอร่อยถูกปากผมมากทานจนหมดถ้วยเลย มันจะมันๆเค็มๆหวานๆอย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่าคล้ายข้าวซอยแต่จะเน้นหวานกว่า จากนั้นเราต่อกัยด้วยอีกเมนูประจำชาติสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเมนูที่พูดถึงสิงคโปร์แล้วต้องนึกถึงนั้นคือ Bak Kut Teh แต่ไม่เหมือนที่อื่น บักกุ๊ตเต๋ที่นี้จะมีรสขมนิดๆด้วยความที่เชฟใส่เครื่องปรุงตามตำหรับทุกอย่างซึ่งเป็นรสที่ถูกปากท่านทูตสิงคโปร์มาก น้ำซุปหอมกลมกล่อม กระดูกหมูก็นุ่มมันรสเข้าเนื้อ และมีของแปลก ในถ้วยด้วยนั้นคือแป้งทอดซึ่งมักจะไม่เจอแน่ถ้าไม่ใช่บักกุ๊ดเต๋ที่นี่ เบรคคั่นด้วยอาหารอย่างอื่นก่อนจะเบื่ออาหารสิงคโปร์กันไปซะก่อน งานนี้เป็นงาน เทศกาลอาหารสิงคโปร์ก็จริงครับแต่ว่าก็มีอาหารอื่นๆตามปกติของห้อง Next2 พนักงานจึงนำ Seafood และ Sashimi มาเบรคขั้นมื้อ ล็อบสเตอร์ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้ง กั้งสดๆเนื้อแน่นๆนึ่งเปล่าๆ อร่อยสบายบากเบาๆดีครับ และซาซิมิ แซลมอน ทูน่า และปลาหมึกยักษ์ก็สดๆอร่อยดี…
Gumlong Kitchen กั่มหลงคิทเช่น Get 3.5 Stars 25/7/15 สวัสดีครับรีวิวนี้เราจะมาพบกับอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงหรือกวางตุ้งนั่นเอง สำหรับกั่มหลงคิทเช่นเป็นร้านอาหารจีนห้องแถวที่อยู่ตรงบริเวณหัวของถนนมังกรย่านเยาวราช ท่านสามารถดูพิกัดที่ Google Maps ซึ่งเราได้ตั้งพิกัดไว้ให้ดูและกดนำทางไปทางด้านล่างขวามือของหน้านี้ครับ ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่มีคนดังและหลายคนแวะเวียนมา ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าอาหารร้านนี้รสชาติค่อนข้างจะเข้มข้นมาก ถ้าคนชอบรสชาติมันและอ่อนอาจจะจะรู้สึกหนักไปหน่อย แต่ถ้าคนชอบรสชาติเค็มผมว่าถูกใจแน่แน่ครับ อาหารหลายอย่างควรสั่งข้าวมาทานด้วยเพื่อทำให้รสชาติออกมากำลังดี ที่นี่มีเมนูหลายเมนูที่เราไม่ได้เห็นในร้านอาหารจีนที่อื่น บรรยากาศไม่ได้หรูเลิศ แต่ก็ไม่ได้แย่ครับ หากมาตอนคนเยอะเยอะอาจจะค่อนข้างเสียงดังหน่อยเพราะว่าเป็นห้องโถงห้องเ โต๊ะตั้งใกล้กันและห้องรอบรอบไม่มีการซับเสียงเป็นกระจก เริ่มรีวิวในส่วนของอาหารกันเลยครับ โดยออร์เดิร์ฟจานแรกของเราในวันนี้เราสั่งเป็นไก่แช่เหล้ากับแมงกะพรุนครับ ไก่แช่เหล้าที่นี่รสชาติออกมากำลังดีกลิ่นเหล้าอ่อนไปนิดนึงแต่ทานแล้วเข้ากันได้ดีกับยำแมงกะพรุนเลยตัวไก่มีความเย็นที่พอเหมาะสรุปแล้วเมื่อนำไก่ทานกับยำแมงกะพรุนแล้วเข้ากันได้ดีเลยแต่หากใครท่านใดที่ชอบรสเข้ม ก็สามารถนำไก่จิ้มกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวที่ทางร้าน เตรียมไว้ให้ได้ เมนูต่อมาเป็นปากเป็ดอบคะน้า สำหรับจานนี้แล้วจะใช้เนื้อในส่วนปากเป็ดครับ ถ้าเกิดใครชอบทานปากเป็ดก็น่าจะถูกใจใช้ได้อยู่จะเป็นปากเป็ดชิ้นเล็กๆหลายชิ้นทำการอบคล้ายกับพะโล้นะครับเสิร์ฟมาพร้อมกับคะน้าขนาฮ่องกงต้นขนาดกำลังพอเหมาะ และมีเห็ดอีก 2 ชิ้นครับ สำหรับคะน้าก็อ่อนกรอบอร่อยดี จริงๆแล้วจานนี้ถ้าเกิดเอาน้ำมาราดทานกับข้าวแล้วทานพร้อมกับส่วนของปากเป็ดจะยิ่งอร่อยมากขึ้นรสชาติจะออกมากำลังดีพอทานบอกเปล่าอาจจะรู้สึกเค็มไปเล็กน้อย จานนี้ซึ่งเป็นจานเด็ดของร้านซึ่งเป็น จานที่ร้านได้รับรางวัลและภูมิใจเสนอนั่นก็คือเนื้อแพะผัดกับปาท่องโก๋ ในจานจะมีองค์ประกอบหลักๆคือเนื้อแพะกับปาท่องโก๋และก็จะผัดกลับว่าหอมพริกหวานและถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์ สัมผัสของปาท่องโก๋ที่ถูกนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆผัดกับซอสพริกไทดำพร้อมกับสัมผัสของเนื้อแพะที่ผัดกับซอสพริกไทดำเข้ากันได้ลงตัวอย่างมาก เนื้อแพ้ผัดออกมาได้ไม่มีกลิ่นไม่เหนียว นุ่มกำลังดี เวลาทานกับปาท่องโก๋จะได้ความมันและความหวานของปาท่องโก๋ ปาท่องโก๋นอกจากความมันส์และความหวานเนื้อข้างในอย่างนุ่มนวลข้างนอกยังมีสัมผัสของความกรอบ เครื่องเคียงพริกหวาน หัวหอมและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็เป็นองค์ประกอบในการชูรสและสัมผัสของความกรุบกรอบเพิ่มเติมได้เป็นอย่างดี เมื่อยิ่งทานกับข้าวสวยร้อนร้อนก็ยิ่งเข้ากันทำให้รสชาติที่รู้สึกเข้มเกินไป เบาบ้างลง ขอบอกไว้ก่อนว่าจานนี้รสชาติค่อนข้างจะเข้มและหนัก ควรทานกับข้าว และจานสุดท้ายของรีวิวนี้ นั่นคือปูทะเลผัดผงกะหรี่ อันที่จริงแล้วทางร้านแนะนำว่าทางร้าน มีจานเด็ดเป็นปูผัดพริกไทยดำแต่โดนส่วนตัวแล้วชอบผัดผงกะหรี่มากกว่าครับ ปูทะเลตัวใหญ่เต็มจานก้ามโต เนื้อแน่น สด และหวานมากครับ ไม่ผิดหวังเลยทีเดียว ผงกะหรี่มันเค็มหวานลงตัวดีแต่ไม่เข้มมาก เอามาราดทานกับข้าวพลางทานกับเนื้อปูไป อร่อยมากครับ สำหรับมื้อนี้ ประมา่ณ 2,300 – ตามบิลครับ แค่เป็นค่าปูไป 1,600- ที่เหลือจานไม่กี่ร้อยครับถ้ามีงบจำกัดก็ไม่ต้องสั่งปูก็จะเบาไปเยอะครับ
ร้านอาหารเยอรมันแนวใหม่ที่ยังคงรสชาติและสัมผัสของอาหารเยอรมันไว้อยู่ โดยค่ายรถยักษ์ใหญ่เมอร์ซิเดสเบนซ์ Mercedes Benz Café ไม่ใช่เพียงร้านอาหารแต่ยังเป็นทั้ง Art Gallery, Showroom และร้านอาหาร โดยที่ร้านอาหาร เมนูอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดในคาเฟ่แห่งนี้ คิดค้นสูตรและปรุงโดยร้าน “เดอะ วอเทอร์ ไลบราลี่ (The Water Library)” ภายใต้การดูแลของ มร.เมอร์โก เคลเลอร์ เชฟชาวเยอรมัน ซึ่งหลังจากที่ได้ชิมลองแล้วรู้สึกว่าอร่อยและเป็นที่น่าพอใจกว่าวอเทอร์ ไลบราลี่สาขาซอยพร้อมพงษ์และเซนทรัลแอมบาสซี่เสียอีก สำหรับรีวิวนี้ผมจะขอนำเสนอแบบ full course โดยเริ่มจาก Stulle หรือ Sandwich ครั้งนี้สั่งเป็น Schwarzwaldschinken ประกอบด้วย Black forest ham, Mustard cream, Pickles และ Sauerkraut bread รสชาติมันเค็มเปรี้ยวจากน้ำสลัดผักนิดๆสัมผัสกรอบจากมันฝรั่งทอดนุ่มจากขนม ปังกรุปจากผักและหนุบจากแฮมนับได้ว่าลงตัวอร่อยดีทีเดียว ถัดมาเป็น Suppen หรือ Soups ครั้งนี้สั่งเป็น Kürbissuppe หรือซุปฟักทองนั้นเอง ผมยังจำได้ว่ายังติดค้างที่จำซุปชนิดนี้อยู่เอง สำหรับซุปฟักทองที่นี่เข้มข้นดีมากไม่ใสหยองเหมือนบางที่ ซุปฟักทองนี้ใช้ทั้งเนื้อฟักทอง น้ำมันฟักทอง เมล็ดฟักทอง และขนมปัง อร่อย ผ่านเลย Salat หรือ Salad เราสั่งเป็น Frankfurter Grüne Sauce เป็นสลัดไข่ ตรงกลางเป็นไข่แดง มีไข่ขาวคลุกกับมันฝรั่งชุปแป้งทอด มีไข่ปลาแซลมอนปะหน้า และมันฝรั่งบทกับซอสผักโขมและผัก เป็นสลัดที่แปลกดีและอร่อยมากครับทั้งสัมผัสยความกรอบความนุ่มกรึบและรสชาติ ที่กำลังลงตัวไม่เข้มและอ่อนไป Hauptgerichte หรือ Main Courses เราสั่งเมนูจากทะเลและเมนูบนบกมาลองอย่างละตัว โดยตัวแรกคือ Lachs Schmorgurken คือแซลมอนราดซอส Crème fraîche ซึ่งจะคล้ายๆซาวครีมแต่เนื้อจะละเอียดและหอมอร่อยกว่า เสริฟมากับหอมทั้งลูกและมัสตาสเหลือง เนื้อนุ่มละเอียดความสุขกำลังดีรสชาติลงตัวกำลังดี และอีกจาน Sauerbraten จานนี้คือแก้มวัว โดยปกติผมไม่ทานเนื้อวัวแต่ลองชิมไปนิดนึงอร่อยมากมันนุ่ม นุ่มอย่างน่าประทับใจระดับสุด เคียงด้วยหอมและแอปเปิลและน้ำเกรวี่ รสชาติก็เข้ากันได้ดีและลงตัว จานนี้จะฟินมากสำหรับคนที่ทานเนื้อวัวได้ และในส่วนของของหวาน เราสั่งมาลอง 3…
น้ำเต้าหูเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่น่าดื่มน่ากินเพราะปรธโยชน์มากมาย แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีโทษเราควรกินดื่มอย่างไรให้ได้ประโยชน์และไม่ได้โทษ ดังนั้นกินแหลกแจกดาวขอเสนอแนวทางการกินดื่มน้ำเต้าหู้ให้ได้สุขภาพ หลายปีที่ผ่านมามีการแนะนำให้คนไทยดื่มน้ำเต้าหู้ เนื่องจากในน้ำเต้าหู้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเทียบเท่านม แต่บำรุงสุขภาพได้มากกว่านม อีกทั้งร่างกายเราสามารถย่อยและดูดซึ่มน้ำเต้าหู้ได้กว่า 90% ในน้ำเต้าหู้ปริมาณ100มิลลิลิตร มีโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพดีมาก1.8กรัม ประกอบด้วยสารอาหารหลายชนิด อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เซเลเนียม วิตามินA , E , B1 , B2กรดอะมิโน18ชนิด และธาตุเหล็กที่มีมากกว่านมถึง1.6เท่า การดื่มน้ำเต้าหู้สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้จุลินทรีย์ที่ดีเจริญเติบโตในลำไส้ กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ปรับระดับอินซูลิน บำรุงสมอง เสริมภูมิต้านทาน ช่วยขับเสมหะให้ออกจากปอด บำรุงตับและไต ป้องกันมะเร็ง ชะลอวัย บำรุงม้าม โดยสำนักงานบริหารอาหารและยารักษาโรคของสหรัฐอเมริกา หรือFDAยืนยันว่า โปรตีนถั่วเหลืองเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารประเภทไขมันต่ำไม่อิ่มตัวและ อาหารคอเลสเตอรอลต่ำได้ ถ้ารับประทานโปรตีนถั่วเหลือง25กรัมต่อวัน จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ในน้ำเต้าหู้ยังมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ไฟโตเอสโตรเจน” (Phytoestrogen) ซึ่งมีส่วนในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดอาการวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นได้ในวัยทอง แต่เมื่อไม่นานมานี้มีผลการวิจัยพบว่าการดื่มน้ำเต้าหู้ในปริมาณมากเกินไปจะ เป็นผลเสียต่อร่างกาย โดยDr.Lita LeeและThe Weston A. Price Foundation in Washington, DC USAมีผลวิจัยไปในทิศทางเดียวกันว่า การกินโปรตีนถั่วเหลืองผง30ซีซี ทุกวัน สามารถทำให้เกิดความผิดปกติที่เต้านมจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจน ด้านWeston A. Price Foundationเปิดเผยว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจนในถั่วเหลือง ขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อและมีแนวโน้มที่จะทำให้เป็นหมัน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง เนื่องจากกระบวนการผลิตโปรตีนถั่วเหลือง ทำให้เกิดสารพิษที่เรียกว่า ‘ไลซิโน อะลานีน’ และสารก่อมะเร็งชื่อว่า ‘ไนโตรซามีน’ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการทำงานของต่อมธัยรอยด์ในคนที่กินถั่วเหลืองพบว่า ต่อมธัยรอยด์ถูกกดการทำงานและมีคอพอกในหลายงานวิจัย อีกทั้งถั่วเหลืองมีสารที่ทำให้โปรตีนจับตัวกันเป็นก้อน ที่เรียกว่าHemagglutininทำให้เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวจับกันเป็นก้อน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดเสียไป ดร.มาริลิน เกลนวิลล์ นักโภชนาการผู้แต่งหนังสือเรื่อง “Nutritional Health Handbook for Women” แนะนำว่า “การรับประทานอาหารต้องรับประทานแต่พอดี ถั่วเหลืองจะดีต่อสุขภาพถ้าเราไม่ทานมากเกินไป คือ วันละ30กรัม จึงจะเหมาะสมที่สุด” อ้างอิงจาก : http://ainews1.com/article548.html www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.com/ http://thai.cri.cn/461/2010/02/05/224s169803.html…
บทความประจำสัปดาห์โดยหมอหนึ่ง Kin Healthy Team. เรื่องเล่าการกินเพื่อสุขภาพ ตอนที่ 6 การกินอาหาร VS ลดน้ำหนัก<Dieting vs Lose Weight> กลับมาเจอกันอีกแล้วนะครับกับเรื่องเล่าลดน้ำหนักครับ ใครได้นำไปใช้บ้างแล้ว? ………………………………………………………………… มีความคิดเห็นอย่างไร เสนอแนะและทิ้ง ความเห็นไว้ได้นะครับ ยินดีอ่านและตอบเสมอครับ! มาถึงขั้นตอนต่อไปที่หมออยากจะแนะนำ คือ กลวิธีเอาชนะใจและลดความอยากกิน! ได้แก่…. 1.หลีกเลี่ยงความอยากกิน 2.ไม่สนสิ่งล่อใจโยนความคิดที่จะกินทิ้งไป 3.ถ้าทำไม่ได้ให้ ลดความอยากกินด้วยการลองดื่มน้ำเปล่า2แก้ว+ถั่วลิสงตามครับ 4.การดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของนมไขมันต่ำ(skim coffee), caffeineช่วยลดความอยากได้ในทางอ้อม แต่ไม่ใช่วิธีหลักครับ 5.ถ้าไม่ได้อีก…ก็Let it goครับ สูดหายใจลึกเข้าลึกๆ มองออกไปภายนอก ปล่อยใจและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 6.เสริมสร้างพลังงาน ด้วยการงีบหลับ 7.การแปรงฟันสะอาดสดชื่น ทำให้หลายท่านไม่ปรารถนาจะทานอะไรๆต่อเนื่องครับ 8.เบี่ยงเบนความอยากด้วยการทำกิจกรรม อื่นๆที่ชอบ เพราะความอยากจะอยู่ได้ไม่นานเกิน10นาที ตามการวิจัยที่มีมาครับ 9.ลดการตามใจตนเองด้วยการกินสิ่งที่ชอบแต่อ้วนให้น้อยลง – แค่1ชิ้น และ ทำการออกกำลังกายหลังจากการกินครับ 10.การวางแผนหลีกเลี่ยงอาหารส่วนเกิน ถ้าทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นไม่เป็นผล!!?? …… คุณควรเลือกที่จะโยนทิ้งความอยากส่วนเกิน เปลี่ยนจากการกินเกิน (Waste) เป็นรักษารอบเอว (Waist) นะครับ! ท่องไว้ๆ! WASTE —–> WAIST แล้วจะทำอย่างไรดีนะ ที่เราจะจัดการกับความอยากอาหารส่วนที่เกินจากความต้องการของร่างกายทิ้งไปได้? ……เรามาช่วยกันคิด-ถ้าคิดไม่ออก หมอ มีวิธี กลเม็ดการตัดทอนและลดส่วนอาหาร ” If you eat less, you’ll lose excess weight ” รอพบกันใหม่คราวหน้า หมอจะมาบอกเล่า ” กลเม็ดการตัดทอนและลดส่วนอาหาร ” นพ ธีรพงษ์ รุ่งวิวัฒน์ศิลป์ ทีมงาน Kin Healthy