Author: Kittin Assavavichai

9/8/15 กล้วยเป็นผลไม้พื้นบ้านของเมืองไทยเรามานานหลายศตวรรษ เราจึงเห็นการนำกล้วยมาบริโภคโดยวิธีต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะทานแบบสดๆจากต้น หรือนำมาแปรรูปต่างๆ เช่น กล้วยตาก กล้วยกวน กล้วยเชื่อม ฯลฯ ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่ากล้วยมีประโยชน์ต่อร่างกายเรามากมาย หนึ่งในข้อดีของการทานกล้วยคือช่วยป้องกันมะเร็งได้ มีผลการศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นลงตีพิมพ์ใน Food Science and Technology Research ปี 2009 พบว่ากล้วยสุกที่เปลือกผิวมีจุดสีน้ำตาลๆนั้นมีปริมาณของสารที่ชื่อว่า TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง  สูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นอย่างองุ่น แอปเปิล แตงโม สับปะรด ลูกแพร์เสียอีก สาร TNF นี้มีหน้าที่ทำลายเซลล์ในร่างกายที่ผิดปกติรวมถึงเซลล์ที่อาจก่อให้เกิดโรค มะเร็ง อย่างไรก็ตามกล้วยสุกยังไม่สามารถใช้รักษามะเร็งให้หายขาดได้ แต่การทานกล้วยสุกจะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้โอกาสเกิดโรคมะเร็งน้อยลง นอกจากนี้กล้วยสุกก็ยังมีปริมาณของสาร Antioxidant ค่อนข้างสูง จึงสามารถช่วยลดอาการอักเสบต่างๆของร่างกายได้ดี สำหรับผู้ป่วยเบาหวานอาจต้องระวังการทานกล้วยสุกสักหน่อย เนื่องจากแป้งในกล้วยสุกนั้นถูกเปลี่ยนรูปเป็นน้ำตาลไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้นหลังทานกล้วยสุกระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นอันตรายมากกับคนที่คุมระดับน้ำตาลไม่ค่อยได้ ต่อไปหากคุณสังเกตเห็นจุดสีน้ำตาลๆบนผิวกล้วยก็อย่าพึ่งรีบเอาไปทิ้งขยะซะละครับ อ้างอิง :  http://www.livestrong.com/article เรีบยเรียง : Kin Healthy ด้วยความปรารถนาดี  Kin Healthy

Read More

6/8/15 ปัจจุบันเทรนการกินเวย์อาหารเสริมเพิ่มกล้ามหรือแม้แต่ขนมเพิ่มกล้ามอาจเป็น ที่นิยมกันในหมู่คุณผู้ชาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการรับอาหารเทียมเหล่านี้เข้าไปมากๆอาจทำให้คุณต้องพบ กับมะเร็ง ! Dean Wharmby ชาวอังกฤษวัย 39 ปี เล่นฟิตเนสมาเป็นเวลากว่า 20 ปี หนุ่มนักกล้ามสุขภาพดีที่ต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง จากที่เคยหนัก 254 ปอนด์ แต่ตอนที่เขาตายกลับเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก ดีนถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งครั้งแรกในปี 2010 เขาคิดว่าคงเป็นเพราะอาหารโปรตีนสูงที่เค้าทาน อีกทั้งเครื่องดิ่มชูกำลังทั้งหลาย รวมทั้งเนื้อสัตว์ที่มีสีแดงที่มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย ในที่สุด Dean Wharmby ก็ตะหนักได้ว่าการกินอาหารของเขารวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เป็นตัวนำพาเขาไปสู่โรคมะเร็งนั่นเอง 5 ปีครึ่งที่แล้ว เขารู้สึกไม่สบาย เมื่อพบคุณหมอก็เจอว่ามีมะเร็งลุกลามในตัวเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้การรักษาโรงมะเร็งแบบดั้งเดิม เขาเลิกใช้สูตรอาหารแบบเดิมที่มีแต่ของเทียม ผ่านไปหนึ่งปี ผลที่เห็นชัดคือเนื้องอกของเขาหายไป แต่สุดท้ายเขาก็กลับมากินและออกกำลังกายในรูปแบบเดิมอีกครั้ง ปี 2013 ขณะที่ดีนทำงานเป็นเทรนเนอร์ในยิมก็ทรุดตัวลงอย่างกระทันหัน หลังจากการตรวจรักษาโดยเครื่องมือหลากหลายแบบแล้ว หมอจึงบอกเขาว่าร่างกายเขาตอนนี้มีเนื้องอกซึ่งตอนนี้ลุกลามและมีขนาดใหญ่ มาก และเขาคงมีชีวิตอยู่ได้เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น อย่างไรก็ดี เขาพยายามอีกครั้งที่จะเอาชนะความเจ็บป่วย ทั้งการอัพโหลดวีดีโอเรื่องราวของเขา การพยายามที่จะมองโลกและคิดในแง่บวกอยู่เสมอ และความหวังในการเพิ่มเงินทุนเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย แต่สุดท้ายแล้ว มะเร็งก็พรากชีวิตของเขาไป การออกกำลังกายหรือการสร้างกล้ามเนื้อที่ดีต่อสุขภาพนั้น คือการเลือกทานสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งการออกกำลังที่ถูกต้อง การเร่งให้มีในเวลาอันรวดเร็วย่อมไม่ดีต่อร่างกายแน่ๆ อีกทั้งงานวิจัยมากมายในปัจจุบันก็ชี้ให้เห็นถึงอันตรายและผลข้างเคียงในการ รับอาหารเทียมเข้าไปในปริมาณมากและสม่ำเสมอ ที่มา : www.dailymail.co.uk แปลและเรีบยเรียง : Kin Healthy ด้วยความปรารถนาดี  Kin Healthy

Read More

แม้ส้มตำจะเป็นอาหารประจำภาคอีสานแต่ทว่าไม่มีจังหวัดใดหรือซอกมุมไหนที่หาทานส้มตำไม่ได้ในไทย ส้มตำเป็นเมนูยอดฮิตที่หาทานได้ง่ายตั้งแต่ข้างถนน ครัวในบ้าน ยันในโรงแรม ด้วยรสชาติที่ครบทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว เผ็ด จึงทำให้ถูกปากทั้งคนไทยและคนต่างชาติและที่มากกว่าความอร่อยส้มตำยังมี ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย ส้มตำมีส่วนประกอบหลัก ๆ ได้แก่ 1. มะละกอ มีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟันและใต้ผิวหนัง ช่วยไม่ให้แก่ก่อนวัย ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และเป็นยาระบายอ่อน ๆ  ซึ่งมะละกอดิบยังสามารถนำไปต้มกินเป็นยาบำรุงน้ำยม ขับพยาธิ แก้บิด แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้ริดสีดวงทวาร ช่วยย่อยอาหาร ขับน้ำดี น้ำเหลืองได้อีกด้วย 2.มะเขือเทศสีดา  เป็นผักที่มีทั้งหวานและรสเปรี้ยวให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำเมื่อกัดเข้าไป เป็นผักที่ใช้แต่งสีและกลิ่นอาหารมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา บำรุงผิว 3.มะกอก รสเปรี้ยว ฝาด หวาน แก้โรคธาตุพิการ เพราะน้ำดีไม่ปกติ แก้บิด แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ผลสุกทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ 4.พริกขี้หนูสด รสเผ็ดร้อนยิ่งตำละเอียดยิ่งเผ็ด ช่วยเจริญอาหารขับลม ช่วยย่อย แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ ขับผายลม ช่วยในการเจริญอาหาร ขับเหงื่อ 5.กระเทียม รสเผ็ดร้อนและฉุน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคผิวหนัง ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดน้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรียและไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด 6.มะนาว เปลือกผลรสขม เนื้อและนำ้รสเปรี้ยวเรียกความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี   มะนาว มีฤทธิ์แก้อักเสบ ช่วยย่อยอาหาร สกัดสารพิษ มีวิตามินซี และกรดซิตริก ช่วยให้หลอดเลือดแข็งทนทาน ช่วยขับลม น้ำในลูกรสเปรี้ยว แก้เสมหะ แก้ไอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิต 7.  ถั่วฝักยาว ให้แร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส มีวิตามินซี มีกากใยอาหารที่สามารถละลายในน้ำได้ เป็นยาบำรุงไตและม้ามแก้ร้อนในช่วยลดคอเลสเตอรอล 8.  น้ำตาลปี๊บ มีวิตามิน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก 9. ผักแกล้มต่าง ๆ ได้แก่ 9.1 กะหล่ำปลี รสจืดเย็น…

Read More

น้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอททำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความเสี่ยงด้านสุขภาพระยะยาว หลายปีที่ผ่านมา Soft drink หรือน้ำอัดลมกลายเป็นเหตุผลหลักของโรคอ้วนของคนในอเมริกันรวมไปถึงคนทั่วโลก น้ำอัดลมเช่นยี่ห้อโค้กปริมาณ 590 มล. ให้พลังงานถึง 240 แคลอรี่และ 240 แคลอรี่นี้ก็มาจากน้ำตาลล้วนๆ ! ซึ่งเป็ปริมาณน้ำตาลเกิดพอที่ร่างกายจะรับในแต่ละวัน ! ซึ่งไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดโรคอ้วน แต่เครื่องดื่มน้ำอัดลมเหล่านี้ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในวงกว้างและโรคอื่นๆ อีกมากมายเช่น โรคเบาหวาน ไขมันในตับ โรคหัวใจ เป็นต้น และยังนำไปสู่โรคและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆอีกด้วย นั้นจึงเป็นที่มาของจุดเริ่มต้นของน้ำอัดลมสูตรไร้น้ำตาล ที่มีตัวหนังสือไดเอทขนาดใหญ่ เป็นที่รู้กันดีว่าสารให้ความหวานที่ถูกเพิ่มเข้าไปในน้ำอัดลมไร้น้ำตาลนั้น เป็นสารที่อันตรายต่อร่างกาย ซึ่งจากข้อมูลที่แสดงในสื่ออนไลด์ Mercola สารให้ความหวานทำให้เกิดอาการชัก, ชา, ปวดตามข้อต่อ,ใจสั่นรวมไปถึงโรคความจำเสื่อม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลข้างเคียงเพราะผลเสียของมันยังมีอีกมากมาย Jame & Phyllis Balch ซึ่งเป็นผู้เขียนบทความ “Prescription for Natural Healing” ประเมิณว่าสารให้ความหวานประกอบด้วยสารเคมี 3 ตัวหลักๆอันได้แก่ กรดแอสพาติก เพนิลาลานิน และเมทานอล ซึ่งสารเหล่านี้ถูกแสดงอยู่ในรายการของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล น้ำอัดลมสูตรไร้น้ำตาลอาจถูกมองว่าเป็นอีกเครื่องดื่มสำหรับคนที่มีความ ต้องการจะลดน้ำหนักและอาจหลงคิดไปว่ามันช่วยให้การลดน้ำหนักดีขึ้นและไม่ส่ง ผลเสียต่อสุขภาพเพราะไม่มีน้ำตาลแต่เนั้นเป็นความคิดที่ผิด นักวิชาการด้านโภชนาการออกมาให้ข้อมูลว่าการดื่มน้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอ ทอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและส่งผลเสียระยะยาว Jame & Phyllis Balch แสดงให้เห็นแผนภูมิที่ระบุว่าผู้ใหญ่อายุ 51-71 ปี จำนวน 263,925 คนที่ดื่มน้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอท 30% มีแนวโน้มที่จะมีภาวะซึมเศร้าในช่วงระยะเวลา 10 ปี ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์จำนวน 59,334 คนในเดนมาร์กที่บริโภคดน้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอทมีความสัมพันธ์กับความ เสี่ยงเพิ่มขึ้น 38% ที่จะคลอดก่อนกำหนด และการดื่มน้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอททำให้ผู้บริโภคมื้อที่ 4 วันเพิ่มขึ้น 78% เรียบเรียงโดย : Kin Healthy

Read More

บทความประจำสัปดาห์โดยหมอหนึ่ง Kin Healthy Team. เรื่องเล่าการกินเพื่อสุขภาพ ตอนที่ 5 การกินอาหาร VS ลดน้ำหนัก<Dieting vs Lose Weight> มีใครได้นำวิธีการควบคุมอาหารวันเว้นวัน ไปลองปฏิบัติใช้แล้วบ้างครับ ขอเสียงเม้นท์มาแชร์ที่เพจนี้ให้เพื่อนๆที่มีเป้าหมายเดียวกันทราบหน่อย จะดีมากๆเลยนะครับ. ส่วนผู้ที่ลองนำไปทำแล้วแต่ไม่โอเคกับวิธี! ไม่ต้องลำบากใจหรือท้อแท้ล้มเลิกไปซะก่อนเพราะ วันนี้หมอมีอีกหนึ่งวิธีที่กล่าวไว้ในช่วงท้ายของตอนที่แล้ว/ถ้ามีใครยังจำ ได้, หรือเปล่า?..จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการปฏิบัติการกินควบคุมน้ำหนักที่น่าสนใจและ ได้ผล มานำเสนอ…เขยิบหน้าจอเข้ามาใกล้ได้เลยครับ…มาดูกันเลย ว่าเขาทำไง? …. เคล็ดลับการกินให้น้อย …. ตั้งใจ+ลงมือปฏิบัติ+ค่อยๆฝึกจนเป็นนิสัย ใช้เวลาคุ้นเคยอย่างน้อย 6 สัปดาห์ครับ!!! …. วิธีการกินให้น้อยจนเป็นนิสัย ได้แก่ 1.กินผักให้ได้เกือบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเย็นให้รับประทานผักครึ่งหนึ่งของมื้อ 2.ลดคาร์โบไฮเดรต/อาหารจำพวกแป้ง ได้แก่ ข้าวสวย ข้าวเหนียว บะหมี่ หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีแป้ง เช่นข้าวโพด เป็นต้น แต่หากเป็นขนมปัง ให้เลือกขนมปังธัญพืช 3.เน้นรับประทานอาหารโปรตีน ที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา/อาหารทะเล (ยกเว้นปลาหมึก) เป็นต้น 4.อาหารว่างระหว่างมื้อ คือ ผลไม้/สลัดผัก หรือโยเกิร์ต เพราะจะทำให้กระเพราะอาหารว่างช้าลง 5.ผู้ที่เป็นมังสวิรัติ เน้นทาน ถั่วและเต้าหู้ 6.หลีกเลี่ยงอาหารจานด่วน pizza/cake snack/chocolate/ice scream..etc. 7.สำหรับผู้ที่เสพติดความหวาน ต้องอดใจ! 8.ท่องในใจ.. “ไม่ซื้อ=ไม่ได้กิน”(คำสอนคุณแม่ของหมอ)   มันเวิร์คมากครับ! ….ยากไปไหมครับ? หมอว่าต้องมีบางคนที่เคยตั้งใจทำแล้วและไม่เห็นผล/น้ำ หนักไม่ลด ไม่ทันใจและหันไปใช้ยา…ถ้าเช่นนั้น-คุณกำลังคิดผิดครับเพราะคุณข้ามขั้น ตอน… วิธีข้างต้นนั้นเป็นเพียงการเริ่มลงมือเท่านั้น ….ตามมาดูกันต่อ แต่ขอเป็นบทความต่อไปครับ ขอให้ทุกคนที่ตั้งใจควบคุมน้ำหนัก สู้ๆต่อไป เป็นกำลังใจให้คุณ สวัสดีครับ.

Read More

โดย Kin Healthy & Kin Channel คุณ…รู้หรือไม่ว่ากาแฟเป็นมิตรต่อการขับถ่าย เมื่อคุณดื่มกาแฟเข้าไปจะส่งผลอย่างไรต่ออุ­นจิ? คลิปการ์ตูนสั้นจากทีมงานกินแหลกแจกดาวที่­จะอธิบายถึงผลจากจากแฟต่ออุนจิ ผ่านตัวละคร­ลุงกาแฟและเฮียอุนจิ (เปิดเสียงเวลารับชมเพื่อความเข้าถึง)

Read More

โดย Kin Healthy Quater by Kinlake Stars มีบความเกี่ยวกับนำ้มันมะพร้าวมากมายแต่ทว่าหลายบทความ มักจะเขียนหรือยกงานวิจัยและสรุปออกมาสุดโต่งเพื่อเชียร์ให้ซื้อนำ้มัน มะพร้าวหรือต่อต้านนำ้มันมะพร้าวอย่างเต็มที่ แต่ในบทความนี้ทีมงานกินเฮลตี้ได้ขอยกบทความวิจัยที่ผ่านการคัดกรองโดยทีม งานกินแหลกแจกดาว และขอนำเสนอในแง่มุมที่เป็นกลางและเป็นไปตามความเป็นจริงเพื่อการเลือกและ บริโภคให้ได้สุขภาพที่ดี Dr.Mary G. Enig เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องน้ำมันมะพร้าวมาก ได้สรุปว่า น้ำมันมะพร้าวเหมาะกับยุคศตวรรรษที่ 21 มีข้อดีหลากหลายน้ำมันมะพร้าวที่เรากินเป็น neutral  ไม่มีโอเมกา 6 ที่จะทำให้เกิดการอักเสบได้  น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันอิ่มตัว 92 % medium chain triglyceride ซึ่งดูดซึมได้ง่าย ทำให้ร้อนตัวได้เร็ว มีตัวยาที่ฆ่าเชื้อโรค ได้แก่  lauric acid 50%  capric acid 7 % มีคอเลสเตอรอล 0% เป็นอาหารทางการแพทย์ ไม่ได้ให้แคลอรี่อย่างเดียว แต่ฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย อีกทั้งยังทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานดีขึ้น และมีสารต้านอนุมูลอิสระ Dr. Bruce File กล่าวถึงการกลั้วกลอก ด้วยน้ำมันมะพร้าว (Oil Pulling)โดย เขากล่าวว่าe เป็นการทำ 3ก. กลิ้ง กลอก กลั้ว 3 ด. ดึง ดัน ดูด เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือ บ้วนปากประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อเอาแบคทีเรียในปากทิ้งไป จากนั้นนำน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ 10 ซีซี 12 ซีวี หรือ 15 ซีซี ใส่ปากแล้ว ทำการ กลิ้ง กลอก กลั้ว ดึง ดัน ดูด อยู่ประมาณ 30 นาที ปากก็จะสะอาด แล้วบ้วนทิ้งไป  การแปรงฟัน ลดอาการเหงือกอักเสบได้ 8…

Read More

โดย Kin Healthy Quater by Kinlake Stars ผักกาดขาวเป็นผักที่หาง่ายตามท้องตลาด มีการนำไปประกอบอาหารในหลายเมนู ประโยชน์ของมันมีมากมายแต่โทษของมันก็น่ากลัวใช่ย่อย ผักกาดขาวหรือผักกาดขาวปลี เป็นพืชล้มลุกในวงศ์เดียวกับคะน้าและบรอกโคลี มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้น ชาวจีนใช้ผักกาดขาวปรุงเป็นอาหารมานานหลายพันปีแล้ว ผักกาดขาวมีหลายพันธุ์ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ ชนิดปลียาว เช่น ผักกาดโสภณ ผักกาดหางหงส์ ชนิดปลีกลม เช่น พันธุ์ซาลาเดียไฮบริด และชนิดปลีหลวม เช่น ผักกาดขาวธรรมดา ผักกาดขาวมีก้านใบใหญ่อวบ สีขาว ใบฉ่ำน้ำ เส้นใบนูนชัดเจน เมื่อกินสดให้รสหวานอ่อน ๆ เนื้อกรอบ ช่วยตัดรสที่จัดจ้านของลาบ ส้มตำ หรือน้ำพริก เมื่อผ่านการปรุงสุก จะได้ผักเนื้ออ่อน นุ่ม รสหวาน โดยนิยมใส่ในแกงจืด แกงส้ม หรือนำมาผัดน้ำมันหอย ส่วนในต่างประเทศอย่างเกาหลี ก็ใช้ผักกาดขาวกันมาก โดยนำมาดองเก็บไว้กินได้นาน เรียกว่า กิมจิ ผักกาดขาวมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 96.6 ใน 100 กรัม จะมีเส้นใยอาหาร 0.5 กรัม ช่วยทำความสะอาดลำไส้และทำให้ขับถ่ายสะดวก มีวิตามินซี 52 มิลลิกรัม ช่วยต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ผักกาดขาวยังมีสารโฟเลต (Folate) ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและป้องกันความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง ของทารกแรกเกิด ส่วนในด้านสรรพคุณทางยาก็ช่วยขับปัสสาวะและแก้ไอ เนื่องจากเป็นผัก ที่ฉ่ำน้ำและใบบาง ผักกาดขาวจึงเน่าเสียและช้ำง่าย เมื่อซื้อมาจึงควรเลือกส่วนที่เน่าหรือช้ำออก ล้างให้สะอาด โดยเด็ดออกมาล้างทีละใบ เพราะผักกาดขาวจะเจริญเติบโตใกล้กับพื้นดิน จึงอาจมีสิ่งสกปรกติดอยู่มากและมีแบคทิเรียสะสมอยู่เยอะเช่นจำพวกอีโคลาย เป็นต้น  และควรนำไปประกอบอาหารทันที เพื่อให้ได้รับคุณค่าสารอาหารสูงสุด และที่กล่าวไป ข้างต้นว่าโทษของผักกาดนั้นร้ายแรงมากนั้นคือเมื่อเรากินมันตอนเน่า หากกินผักกาดขาวเน่าเข้าไปจะเกิดเป็นพิษได้เพราะแบคทีเรียจะทำปฏิกิริยากับ เกลือไนเตรตในผักกลายเป็นเกลือไนตรัส ซึ่งจะส่งผลให้เธาตุเหล็กในฮีโมโกลบินสูงขึ้น ทำให้เลือดของเราขาดออกซิเจน เกิดอาการมึนหัวและปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นแรง จนอาจถึงขั้นหมดสติ ในอดีตมีการนำผักกาดเน่ามาทำเป็นยาพิษด้วย! ด้วยความปรารถนาดีจาก Kin Healthy ทีมงานกินแหลกแจกดาว

Read More

หากบอกว่าเอาผลไม้มาทานกับข้าวอาจฟังดูแปลกไม่คุ้นชินสำหรับใครหลายคน แต่อันที่จริงแล้วคนไทยในอดีตก็นิยมนำผลไม้มาทานกับข้าว หลายบ้านหากมีตายายปู่ย่าอาจเห็นภาพผู้เฒ่านำมะม่วง ทุเรียน มาทานกับข้าว ในวันนี้กินแหลกแจกดาวขอนำเสนอ 10 รายการอาหารที่นำผลไม้มากินกับข้าวและได้สุขภาพดีจาก นพ.กฤษดา ศิรามพุช อาหารจานโปรดในวัยผู้ใหญ่มักมีที่มาย้อนไปได้ถึงวัยเด็ก มักเป็นกับข้าวที่ถูกทำรับประทานกันในครอบครัว ซึ่งโดยมากเป็นฝีมือคุณแม่ที่ทำให้เรา “ติดใจ” กันมาจนโต อร่อยเพราะ “คุ้นลิ้น” และ “คุ้นรัก”เป็นอาหารที่ปรุงมาด้วยความรักในหัวใจแม่จึงทำให้อร่อยติดใจกว่าจานไหนๆ ซึ่งอาหารการกินสมัยก่อนนั้นน่าทึ่งมากเพราะผู้ใหญ่ท่านต้องใช้ “ฝีมือ” เป็นหลักด้วยเครื่องทุ่นแรงก็มีไม่มาก  ยิ่งถ้าพูดไกลถึงครัวไฟในยุคคุณปู่คุณทวดครั้งกระโน้นยิ่ง “ไม่ง่าย” ไหนจะจุดฟืนก่อไฟและดงข้าวกัน ไหนจะไปเก็บผักหักฟืนอีก ไม่ได้เปิดปุ๊บติดปั๊บเสกได้เหมือนกับสมัยนี้ ยังจำได้ดีถึงอาหารจานโปรด สมัยเด็กจนแม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังชอบนั่นคือ “ไก่จิ้มน้ำปลา” ครับ จำได้ว่าเห็นคุณยายกินมาตั้งแต่เด็ก เมื่อได้ไก่หรือหมูสามชั้นมาก็ได้แล้วต้มให้สุก จากนั้นรินน้ำปลาดีหอมฉุยใส่ถ้วย จากนั้นก็ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงอะไรมาก กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยชื่นใจ แม้ในตอนเขียนอยู่นี้ก็ยังได้กลิ่นน้ำปลาหอมฉุยลอยมาในหัวซึ่งสำรับของคุณยายนั้นก็จะกินไก่หรือหมูจิ้มน้ำปลาดังว่านี้แล้ว บางทียังมีเครื่องแนมที่เด็กข้างสำรับอย่างผมตื่นตาอีกนั่นก็คือ “แตงโมสุก”เป็นแตงโมสีแดงสดคลุกกับข้าว ดูชุ่มฉ่ำทำให้เด็กอย่างผมทึ่งครับบางทีก็มีมะม่วงดิบฝานไว้แนม ถ้าช่วงใดมียอดมะขามหรือกระถินอ่อนงามดีก็จะได้เข้ามาเป็นเครื่องแนมในสำรับด้วย ยายบอกผักพวกนี้ช่วย “เจริญอาหาร” ผมเองก็กินสำรับตรงหน้าไปดูยายกินข้าวไปอย่างไม่เบื่อ เพราะแค่ดูยายเคี้ยวหมุบหมับจับโน่นจิ้มนี่ก็ชวนให้อร่อยแล้ว ครั้นพอโตขึ้นก็ยิ่ง “ทึ่ง” ว่าในบรรดาผลไม้ที่ผู้ใหญ่ท่านเอามากินกับข้าวได้นั้นมันมีประโยชน์ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารอีกหลายอย่างในสำรับอย่างน่าทึ่ง ยกตัวอย่าง “ปลาแห้งกับแตงโม” ที่เป็นเมนูเก่าแก่ ในแตงโมมีวิตามินเอสูงซึ่งจะละลายได้ดีในไขมันปลา หรือว่าอย่างกล้วยน้ำว้าที่รับประทานกับข้าวในผู้สูงวัยมากๆ นั้น ก็ถือเป็นอาหารช่วยให้สมองสงบสบายจากสาร “ทริปโตแฟน” ที่มีอยู่ในกล้วยและข้าวนอกจากที่ว่ามายังมีอีกหลายผลไม้ที่เอามาใส่ในสำรับ ของคาวได้อย่างมีสีสันครับและที่สำคัญคืออร่อยด้วย ช่วยให้เจริญอาหารเมื่อได้ลองของแปลกใหม่ ท่านเองก็ลองได้ดังต่อไปนี้ครับ สุขภาพดีในทุกคำ เมื่อนำผลไม้เข้าสำรับ 1) มะละกอ   จะกินเป็นของว่างก็ได้อย่างส้มตำไทย หรือในเมนูกินกับข้าวก็มีอย่าง มะละกอดิบผัดไข่ แกงส้มมะละกอ เป็นต้น ซึ่งในมะละกอดิบนั้นมีเอนไซม์ “ปาเปน” เป็นพระเอกหลักที่ช่วยย่อยเศษโปรตีนส่วนเกินในลำไส้ นอกจากนั้นยังมีเส้นใยช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานอย่างมหาศาล ถือเป็นการ “ดีท็อกซ์” ไปในตัวทุกครั้งที่มีมะละกอในสำรับครับ 2) เปลือกแตงโมนอกจากเนื้อจะเอามาจิ้มน้ำปลาดีกินกับข้าวสวย ได้แล้ว เปลือกแตงโมเมื่อควักเนื้อออกหมดแล้วสามารถเอามา “หั่น” ส่วนอ่อนๆใช้ใส่แกงส้มได้ หรือจะหั่นแล้วใช้ผัดไข่ก็อร่อย โดยสรรพคุณของเปลือกแตงโมคือมีสาร “ซิทรัลลิน(Citrulline)” ที่ช่วยบำรุงหลอดเลือดและสุขภาพทางเพศได้ดี เรียกว่าเป็น “ยาโด๊ป” ธรรมชาติขนานหนึ่งได้ รีบไปหามาแกงดูครับ ก่อนที่จะหมดตลาด(แฮ่) 3) สับปะรด พูดถึงเมนูเด็ดสับปะรดก็ไม่แคล้วแกงคั่ว ข้าวอบสับปะรดไปจนถึงขนมจีนซาวน้ำแสนอร่อย ซึ่งสับปะรดมีกรดเปรี้ยวที่ช่วยเจริญอาหารได้ด้วยครับ มีเคล็ดลับคือให้ใส่ “แกน”…

Read More

เบคอนเป็นอาหารและวัตถุดิบที่ใีความมันเค็มหอมอย่างลงตัวไม่น่าเชื่อแต่ก็มี อันตรายต่อสุขภาพพอๆกับความอร่อยของมัน แม้จะอันตรายเพียงใดและจะเป็นที่รู้ดีต่อทุกๆคนเพียงใดเราหลายคนก็ยังกินมัน เข้าไปเพราะความอร่อย แต่ตอนนี้ถ้าต้องการรสชาติเบคอนแต่อยากได้สุขภาพที่ดีเรามีทางเลือกที่ดี กว่านั้นแล้วเพราะตอนนี้เราพบสาหร่ายแดงที่ทอดออกมาแล้วรสเหมือนเบคอนแต่ กลับไม่ทำลายสุขภาพแถมคุณค่าทางสารอาหารสูง! ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมลรัฐโอเรกอนค้นพบการปรุงสาหร่ายแดงที่มีรสชาติเหมือนเบคอน แต่มีคุณค่าทางโภชนาการมาก และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างเบคอนเพราะเบคอนนั้นมีโซเดียมที่สูงมีไขมัน ส่วนเกินที่สูงอีกทังกระบวนการของเบคอนหากทานไปมากๆก็มีความเสี่ยงจะก่อ มะเร็งด้วย สาหร่ายชนิดนี้ชื่อว่า ดัลส์ เป็นสาหร่ายสีแดง ปกติชาวยุโรปจะนำดัลส์มาบดเป็นผงใส่ในสมูทตี้ หรือนำมาโรยบนอาหารทั่วๆไปมีลักษณเป็นผงป่นแก้งสีแดงเข้มซึ่งมีการกินกันมา นานหลายพันปีแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครนำมากินสดๆ แต่ล่าสุดนักวิจัยคริส แลงดอนลองเอาดัลส์มาทอดแล้ว พบว่า รสชาติเหมือนเบคอนมากทั้งความมันความเค็มความหอม แต่มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าเคลถึง 2 เท่า มีแร่ธาตุ วิตามิน และแอนติอ็อกซิแดนท์ด้วย สาหร่ายดัลส์นี้ปลูกง่ายมากอีกด้วย โดยปลูกในแท็งก์น้ำ 2 แท็งก์ ซึ่งเป็นถังพลาสติกอย่างง่ายๆ ที่มีระบบหมุนเวียนน้ำ เมื่อผ่านไป  1 สัปดาห์ โดยไม่ต้องทำอะไร มีแค่น้ำทะเลและแสงแดดเท่านั้น ก็จะได้สาหร่ายมากถึง 9 – 13 กิโลกรัมเลยทีเดียว ดังนั้น แลงดอนจึงแนะนำว่า สาหร่ายดัลส์นี้น่าจะสร้างงานให้ประชาชนตามแนวชายฝั่งทางตะวันออกของโอเรกอน จำนวนมากทีเดียว อีกทั้งยังช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นในขณะที่ยังกินของอร่อยๆได้

Read More