Author: Kittin Assavavichai

โฟร์แฮนด์ดินเนอร์ในสองคืนสุดพิเศษ โดยสองเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย นำเสนออาหารชายฝั่งทะเลอินเดีย ที่ห้องอาหารนิลา ร่วมรังสรรค์เมนูที่มีเพียงครั้งเดียว โดยเชฟบารัธ ชรินดาร์ บัต และเชฟซอราป ซาเดวา จัดขึ้นวันที่ 17-18 สิงหาคมนี้เท่านั้น อ่านรีวิวเต็มของ Nika BangKok <<<คลิกที่นี่>>> ห้องอาหารนิลา กรุงเทพฯ และแทมบู ภูเก็ต ร่วมนำเสนอประสบการณ์มื้อค่ำสุดพิเศษแบบโฟร์แฮนด์ โดยมีสองเชฟผู้ชนะจากรายการ เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย อย่างเชฟบารัธ ชรินดาร์ บัต และเชฟซอราป ซาเดวา จับมือกันรังสรรค์เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากมรดกทางอาหารจากชายฝั่งทะเลของอินเดีย นำเสนอในสองคืนเท่านั้น อ่านรีวิวเต็มของ Nika BangKok <<<คลิกที่นี่>>> เชฟทั้งสองจะร่วมกันสร้างสรรค์เมนู 10 คอร์สที่เผยให้เห็นความหลากหลายของอาหารจากชายฝั่งตะวันตก ตะวันออก และทางใต้ ผสานอิทธิพลของโปรตุเกสและยุคจักรพรรดิโมกุลของอินเดีย รวมไปถึงศิลปะการปรุงอาหารด้วยถ่าน อ่านรีวิวเต็มของ Nika BangKok <<<คลิกที่นี่>>> เมนูพิเศษนี้ให้บริการเฉพาะวันที่ 17 และ 18 สิงหาคม 2567 เสิร์ฟช่วง 18.30-22.30น. ราคา 2,200++ บาทต่อท่าน อ่านรีวิวเต็มของ Nika BangKok <<<คลิกที่นี่>>> เชฟบารัธ หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารนิลา โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ ห้องอาหารชั้นนำในประเทศไทยที่เสิร์ฟอาหารแนวชายฝั่งของอินเดีย ด้วยประสบการณ์ทำงานหลายปีทั้งในอินเดียและต่างประเทศ เขาได้พัฒนาเมนูที่พาไปสำรวจสไตล์อาหารที่พบตามเมืองท่าแห่งชายฝั่งทะเลและท่าเรือแม่น้ำของอินเดีย ซึ่งมีประวัติการค้าขายมายาวนานหลายศตวรรษ อ่านรีวิวเต็มของ Nika BangKok <<<คลิกที่นี่>>> ขณะที่เชฟซอราป ซาเดวา รองหัวหน้าเชฟของ แทมบู (Tambu) ร้านอาหารอินเดียที่ตั้งอยู่ในเต็นท์บนชั้นรูฟท็อปของ อวิสต้า ไฮด์อะเวย์ ภูเก็ต ป่าตอง ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากพระราชวังกระโจมอันหรูหราในยุคจักรพรรดิโมกุลของอินเดีย และยังมองเห็นวิวป่าเขาและทะเลอันดามัน ได้นำเสนออาหารอินเดียปรุงบนถ่าน หอมกลิ่นควันและกลิ่นดินอันเป็นเอกลักษณ์ เขาเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงในด้านการประยุกต์รสชาติและเทคนิคดั้งเดิมอย่างสร้างสรรค์ อ่านรีวิวเต็มของ Nika BangKok <<<คลิกที่นี่>>> ทั้งเชฟบารัธและเชฟซอราป คือผู้ชนะจากรายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย โดยเชฟบารัธถือเป็นเชฟชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้อ่านรีวิวเต็มของ Nika BangKok <<<คลิกที่นี่>>> ห้องอาหารนิลา ตั้งอยู่ที่ชั้น…

Read More

เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ปี 2567 ที่ทุกคนตั้งตารอคอยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! โรงแรมเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2567 พร้อมรับส่วนลดพิเศษที่ไม่ควรพลาด ขนมไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิมจาก The Mulberry Chinese Cuisineปีนี้ โรงแรมเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ นำเสนอขนมไหว้พระจันทร์สูตรดั้งเดิม 4 รสชาติ ที่สร้างสรรค์โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญจาก The Mulberry Chinese Cuisine ด้วยความประณีต ทุกชิ้นมีไส้ที่อัดแน่น รสชาติกลมกล่อม เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลองเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ ขนมไหว้พระจันทร์มั่นจากหม้อ The Mulberryเบอร์เคลีย์ประดาบดีพิจิตรสีสรรค์นวล สี่รสจากเชฟเอกรสแน่นดั่งตะวันทวนไส้อัดอิ่มปันชวนแซ่บนิทรรศการเอย 1. ไส้ทุเรียนหมอนทองไข่แดง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทุเรียน ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนหมอนทองไข่แดง เป็นการผสมผสานทุเรียนหมอนทองกวนกับไข่แดงเค็ม เนื้อนุ่มและรสชาติที่เข้มข้น หวานมัน หอมอันเป็นเอกลักษณ์ 2. ไส้เม็ดบัวไข่แดง ขนมไหว้พระจันทร์ไส้เม็ดบัวไข่แดง ที่ให้รสชาติคลาสสิกและเป็นที่นิยม เหมาะสำหรับการมอบให้คนในครอบครัว ด้วยเม็ดบัวนุ่มแน่น และไข่แดงเค็มที่ผสมผสานรสชาติหวาน มัน เค็มได้อย่างลงตัว 3. ไส้โป๊ยยิ้ง (รวมถั่ว 8 ชนิด) ขนมไหว้พระจันทร์ไส้โป๊ยยิ้ง หรือรวมถั่ว 8 ชนิด มอบความกรุบกรอบ หอมมัน หวานละมุน พร้อมด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับคนรักสุขภาพ 4. ไส้คัสตาร์ดยูซุฮันนี่ (รสชาติซิกเนเจอร์) ขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดยูซุฮันนี่ เป็นไส้ซิกเนเจอร์ในปีนี้ รสชาติพิเศษนี้ผสมน้ำผึ้งกับส้มยูซุ ให้ความสดชื่น หวานอมเปรี้ยว เนื้อคัสตาร์ดเนียนนุ่ม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความใหม่และทันสมัย Limited Edition Box Set สำหรับของขวัญสร้างความประทับใจด้วยบรรจุภัณฑ์ดีไซน์หรูหราและทันสมัย ทำให้เป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน กล่องบรรจุภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่แข็งแรงและทนทานแต่ยังเสริมความสวยงาม ทำให้เป็นของขวัญที่น่าจดจำ ระยะเวลาพรีออเดอร์เปิดรับพรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2567จำหน่ายจริงตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2567 ถึง 17 กันยายน 2567 ราคา กล่องลิมิเต็ด: 1,088 บาทสุทธิ ต่อกล่อง…

Read More

รายชื่อผู้ร่วมชิมและตัดสินคัดเลือกในครั้งนี้ : Pol.Capt. Kittin A., Dr. Athiwat T, Nopmanee P, Wg.Cdr. Natthanai C., Dr. Kwankamol W., Nutthawat T. ยินดีต้อนรับสู่หนึ่งในสุดยอดคอลัมน์ประจำปีของเรา “Top 10 Afternoon Tea in Bangkok 2024” ที่จะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์การจิบชายามบ่ายที่หรูหราและมีเอกลักษณ์ที่สุดในกรุงเทพฯ ในปีนี้ เราได้คัดสรรสถานที่เด็ดๆ มาฝากทุกท่าน ซึ่งแต่ละแห่งไม่เพียงมีบรรยากาศที่งดงามและสง่างาม แต่ยังมีการบริการที่ใส่ใจและอาหารว่างที่รังสรรค์ด้วยความพิถีพิถันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจิบชาสไตล์ตะวันตก สไตล์จีน หรือสไตล์ไทยแท้ๆ อีกทั้งบรรยากาศที่หลากหลายตั้งแต่ยอกตึกสูงใจกลางเมือง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ล๊อบบี้โรงแรมสุดหรู กลางสวนสวยและอื่นๆอีกมากมาย จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลยครับ 1. จิบชายามบ่ายNew Verdant Afternoon Tea 2024 ที่โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ Sindhorn Kempinski Bangkok ลิ้มลองรสชาติอันละเมียดของเมนูชุดชายามบ่าย New VerdantAfternoon Tea 2024 ที่เชฟพอล เคลลี่ เอ็กเซ็กคูทีพ พาสทรี้เชฟได้รังสรรค์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชุด Classis Afternoon Teaสำหรับผู้ที่ชอบความเรียบหรูอร่อยในสไตล์ต้นตำรับ หรือจะเป็นชุดGuilt Free Afternoon Tea สำหรับผู้ที่ห่วงใยสุขภาพทุกชุดเสิร์ฟคู่กับชาระดับพรีเมี่ยมหลากหลายชนิดให้คุณได้เลือกตามความชอบ รวมทั้งชาสมุนไพรออร์แกนิก ชงโดยทีมาสเตอร์หรือ อ่านต่อ <คลิกที่นี่> 2 เปิดตัวบทใหม่แห่งศิลปะการดื่มน้ำชายามบ่าย อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ Afternoon Tea Omakase และชุดชาประจำฤดู Afternoon tea Seasonal ณ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ กับ โอกุระ ‘Okura Afternoon Tea Omakase – Symphony…

Read More

Chef : Chef Oi and chef Andrea Bonaffini. Date : 7 2024 Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A สวัสดีท่านผู้ชื่นชอบในการเปิดประสบการณ์ทานอาหารใหม่ ๆ อันน่าประทับใจอีกครั้งครับ วันนี้ ทาง Kinandleisure ขออนุญาตนำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษที่เชื่อว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงยามบ่ายอันแสนธรรมดา ให้กลายเป็นประสบการณ์อันน่าประทับใจ ไม่ว่าสำหรับท่าน คนรัก หรือครอบครัว ด้วยชุดน้ำชายามบ่ายที่สามารถรับประทานได้ในบรรยากาศสบายๆ ซึ่งในวันนี้ เป็นรอบของ The Lounge แห่งโรงแรม Four Seasons Bangkok ที่พร้อมจะสร้างความน่าประทับใจและเติมเต็มยามบ่ายของท่านให้มีแต่ความสุขนับตั้งแต่ก้าวแรกของท่านเมื่อก้าวเข้าสู่ The Lounge แห่งนี้ Location โรงแรม Four Seasons กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ท่านสามารถเดินทางมาได้โดยสะดวกด้วยรถยนต์ โดยทางโรงแรมมีการให้บริการที่จอดรถอย่างเหลือเฟือ หรือจะเดินทางทางเรือก็ได้เช่นกัน เนื่องจากทางโรงแรมตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำ และมีท่าเรืออยู่ สามารถเลือกมาเทียบท่าที่บริเวณโรงแรมก็เป็นหนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจ นับตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเข้ามาสู่โรงแรม คุณจะพบกับบรรยากาศที่หรูหราและสง่างาม ให้ความรู้สึกสงบ เป็นพื้นที่สำหรับการหลีกลี้หนีห่างบรรยากาศความวุ่นวายในเมืองกรุง แล้วมาพักผ่อนกายสบายใจที่โรงแรมแห่งนี้ ซึ่งมีหลากหลายสถานที่ที่พร้อมให้บริการให้ท่านสามารถผ่อนคลาย ด้วยบริการที่พิถีพิถันและใส่ใจของทางโรงแรมเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้มาเยือน The Lounge ตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆ กับล็อบบี้โรงแรม มีการตกแต่งภายในที่หรูหราและทันสมัย ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัยอย่างลงตัว ที่นั่งจัดวางอย่างเหมาะสมทั้งโซนพื้นที่ด้านใน และพื้นที่ด้านนอกเพื่อประสบการณ์อันหลากหลายหรือหากต้องการความเป็นส่วนตัว สำหรับในส่วนภายในโรงแรม ด้วยแสงไฟที่อบอุ่นและบรรยากาศที่โปร่งสบาย แสงแดดจากธรรมชาติส่องถึง ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สำหรับการบริการ มีความโดดเด่นจากความเอาใจใส่และเป็นมิตร พนักงานมีความรู้และเข้าใจในเมนู สามารถนำเสนอและแนะนำเมนูที่ตรงกับความต้องการได้ และด้วยทั้งชื่อเสียงของโรงแรม ประกอบกับสถานที่ ทำให้ The Lounge เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ จากทั้งคนไทยและผู้มาเยือนจากต่างประเทศ Afternoon Tea เมนูชุดน้ำชายามบ่ายที่ The Lounge เป็นการผสมผสานเมนูของทั้งอาหารคาวและของหวาน ด้วยความใส่ใจและความคิดสร้างสรรค์ของทีมเชฟที่นี่ ทำให้ได้ชุดชาที่เรียบหรูแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ทุกวัตถุดิบมีเรื่องราว มีคอนเซปชัดเจน สะท้อนถึงความยั่งยืน รวมถึงมีกิมมิกหลายอย่างที่จะสร้าง Wow Factor…

Read More

โฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมกับพันธมิตร Left Hand Roasters ขอมอบประสบการณ์อาฟเตอร์นูนทีเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน ความหลากหลายทางชีวภาพ เกษตรกรรมเชิงปฏิรูปในภาคเหนือของไทย ไปกับเมล็ดกาแฟและชาท้องถิ่นที่คัดสรรอย่างประณีต ลิ้มลองเมนูอาหารคาวและหวานที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีโดยเชฟออยล์ ปติวรัตา ชูติวัทก์และเชฟขนมหวานมือฉมัง Andrea Bonaffini เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 Left Hand Roasters คือกลุ่มคนของชุมชนที่ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนในภาคเหนือของประเทศไทย โดยเรื่องราวของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางป่าปางแปก ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ซึ่งพวกเขาได้ทดลองวิธีการคั่วเมล็ดกาแฟแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นที่จุดประกายความหลงใหลของกลุ่มคนที่ชอบกาแฟอาราบิก้าของไทย ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา พวกเขาได้กลายเป็นตัวแทนของชุมชนต่างๆ ที่คิดค้นแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนของการขับเคลื่อนโดยกลุ่มเกษตรกรที่แท้จริง ในการเพิ่มศักยภาพให้กับชุมชนผ่านทางการศึกษาและการค้าขายทางตรง ด้วยแรงบันดาลใจจากการเล่นแร่แปรธาตุของเมล็ดกาแฟ การใช้เครื่องคั่วแบบทำมือทำให้เมล็ดกาแฟมีรสชาติที่ซับซ้อนและพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น รับชมคลิปวีดีโอเกี่ยวกับการร่วมงานของเราได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=SXPqxbEo2SQ เครื่องดื่มกาแฟพิเศษสัมผัสประสบการณ์เมล็ดกาแฟชนิดพิเศษของ Left Hand Roasters ในสภาพที่บริสุทธิ์ที่สุดหรือผสมลงในการคัดเลือกด้วยมือของเรากาแฟทรอปิคอล : น้ำลิ้นจี่, น้ำสับปะรด, น้ำเชื่อมโกโก้ขาว, เอสเพรสโซชาที่เลิอกได้มีดังนี้KAREN OOLONG : ชาอูหลงที่ผลิตขึ้นโดยช่างฝีมือโดยใช้กรรมวิธีที่มีมายาวนานหลายศตวรรษ แบ่งปันรสชาติผลไม้สุกอ่อนสมุนไพร จากแม่ฮ่องสอน.LAHU GOLDEN TIPS : ชาดำที่ทำด้วยมือนั้นถูกสร้างขึ้นโดยใช้ยอดชาที่มีอายุน้อยกว่า รสไม้หวานของน้ำผึ้งและแอปริคอทพร้อมการเติมสีอำพันCOFFEE BLOSSOM BLEND : การผสมผสานของชาดำที่เติบโตตามธรรมชาติท่ามกลางต้นชาอายุนับพันปีในป่าของเชียงใหม่พร้อมดอกกาแฟ ของกินในชุดWatermelon skin, lychee sorbet, coffee blossom tea foam SAVORY DELICACIES :Balik of salmon, lemon fennel coulis, blackcurrant powder. Foie gras, rhubarb-strawberry, burgundy wood sorrel.White asparagus tart, parmigiano crisps serrano ham, cascara sabayon.Oscietra caviar toast, classic condiment, chia and amaranth seeds cracker.SURPRISEPurple potato canele, lobster cocktail,…

Read More

ได้เวลาแล้วสำหรับการเฉลิมฉลองสำหรับเหล่านักสะสมไวน์ และ ผู้ที่หลงไหลในการดื่มไวน์ เมื่อบริษัทเดอะไวน์ เมอร์ซานส์ จำกัด (TWM) เปิดร้านสาขาใหม่ในทำเลทองย่านสีลม หรือที่เป็นที่รู้จักว่า ‘ถนนวอลล์สตรีทของประเทศไทย’ ซึ่งนับเป็นสาขาที่สี่ในกรุงเทพฯและที่สาขาที่ห้าในประเทศไทย ได้เวลาแวหบการเฉมฉลองหบเหากสะสมไว และ หลงไหลในการมไว เอ บทเดอะไว เมอชาน ด (TWM) เดานสาขาใหในเลทองานลม หอเน กา ‘ถนนวอลสตทของประเทศไทย’ งบเนสาขาในกงเทพฯและสาขาาใน ประเทศไทย เดอะไว เมอชาน เมองโดยณทรา (แนน) พฤกษะน และ ณอาน จจเด น เอ 2012 โดยวใจหกของบทเอจะเนหงในานการดหายและ เสนอ ไวนในราคาเาง และ บองไ กงงอเยงในานการเนหาไวหายากใ บเหากสะสมไวในประเทศไทยมาอางอเอง โดยเมจากานโรงแรมแมนดานออ เยนเล กงเทพเนแงแรก ใน 2021 ทาง TWM ไขยายสาขาไปในเลนางๆ รวม งบนถนนมท หงสวน และงหดเต นอกจากงเนเาของานอาหารตาอง “La Casa Nostra Italian Restaurant & Wine Bar” และ “Maison du Vin” ในกมหานคร กวย หบ เดอะ ไว เมอชาน สาขาลม ไไเนเยงแานหายไวเาน แงไเม ‘Beccheria at The Wine Merchant by Maurizio Menconi’ คอนเปองอาหารในาน ไว งหลากหลายวยแนวดสย นตกรรมปแบบให ผสมผสานความวมสย งสรรออกมาในปแบบของอาหารสไต minimal อาหารจานเก สนเยม โดยผต ขนาดเก มาของา ‘Beccheria’ “Beccheria” เนองหบ…

Read More

Keller Bangkok ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ตั้งอยู่บนถนนจันทน์เก่าอันร่มรื่น สถานที่ที่เราต้องการสร้างความพึงพอใจและสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่มารับประทานอาหารด้วยประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำอย่างแท้จริง Tasting menu ของเราประกอบด้วยอาหารเอเชียผสมผสานยุโรปที่สร้างสรรค์โดยใช้เทคนิคยุโรป ซึ่งมีรากฐานมาจากประเพณีการปรุงอย่างดั่งเดิม แต่ทั้งเบาและสนุกสนาน เข้าใจง่าย ร้านอาหารที่สะดวกสบายของ Keller Bangkok มีที่นั่งเคาน์เตอร์ 7 ที่นั่งและที่นั่งโต๊ะ 6 ที่นั่ง ทุกห้องมองเห็นวิวครัวแบบเปิด ช่วยให้ผู้ที่มารับประทานอาหารมองเห็นทีม Keller จากมุมสูงขณะที่พวกเขาเตรียมอาหารของคุณอย่างชำนาญและพิถีพิถัน สำหรับฉัน การทำอาหารไม่เคยเป็นการแข่งขัน ฉันปรุงอาหารเพื่อที่ฉันจะสามารถทำให้ผู้คนมีความสุขและเชื่อมต่อกับพวกเขา ในตอนท้ายของวัน ฉันแค่อยากถูกมองว่าเป็นพ่อครัวที่ดี” Micro Keller Opening hours:Dinner: Thursday – Monday from 18:00 – lateWeekend Lunch – Saturday and Sunday at 12:00Closed on Tuesday and Wednesday

Read More

จิบเครื่องดื่มพร้อมของว่างและวิวสวยของกรุงเทพฯ จากมุมสูงกับ “Afternoon Tea at the Library” โรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ โรงแรมที่แฮปเพนนิ่งที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เปิดตัว Afternoon Tea เซ็ทใหม่สองรายการเพื่อยกระดับการจิบน้ำชายามบ่ายที่ Maa-Lai Library บนชั้น 30 ของโรงแรม ซึ่ง Afternoon Tea at the Library จะนำเสนอการจิบชายามบ่ายที่สูงที่สุดของกรุงเทพฯ และมาพร้อมทิวทัศน์อันร่มรื่นของย่านหลังสวน นอกจากนี้ในช่วงท้องฟ้าเปลี่ยนสียังสามารถดื่มด่ำวิวพระอาทิตย์ตกกับเครื่องดื่มแก้วโปรดและของว่างนานาชนิดได้จนถึงเวลา 20.00 น. ด้วย The Signature Set ประกอบไปด้วยของว่างแสนอร่อยมากมาย ที่รวมไปถึงไฮไลต์อย่างแซลมอนบนโทสต์บีทรู้ทสลัดล็อบสเตอร์บนครอสตินี ฟัวกราส์ซัมเมอร์โรล เอแคลร์ตรีมราสเบอร์รี และช็อคโกแลตคาราเมลลาวาเค้กเนื้อฉ่ำละมุน เสิร์ฟในราคาชุดละ 1,400 บาทสำหรับสองท่าน นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก The Vegetarian Signature Set สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ เมนูประกอบได้ด้วยของว่างอย่างพาสต้าคอนคิญียัดไส้ (conchiglie) โทสต์อะโวคาโด ทาร์ตแมคคาเดเมียและน้ำผึ้ง ชีสเค้กมะม่วง ชูส์ออคราเคอลีนสตรอว์เบอร์รี เสิร์ฟในราคา 1,190 บาทสำหรับสองท่าน ทั้งสองเซ็ทมาพร้อมชา Monteaco 2 กา ที่มีเบลนด์ให้เลือกมากมาย รวมไปถึงชาเบลนด์สุดพิเศษที่แบรนด์สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อ โรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ โดยเฉพาะ คือเบลนด์ Marigold กรุ่นกลิ่นดอกไม้ อบอวลไปด้วยกลิ่นมะลิ ดาวเรือง กุหลาบ และผลไม้ และเบลนด์ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่าง Peach ที่เพิ่มความสมดุลด้วยกลิ่นกุหลาบและมะลิ หรือสามารถเลือกอร่อยกับของว่างในชุดกับกาแฟได้อีกด้วย ในช่วงหัวค่ำยังมีกิจกรรม Sundowner at the Library ที่แขกสามารถดื่มด่ำบรรยากาศท้องฟ้าเปลี่ยนสี หรือ “โกลเด้นอาวเวอร์” ของกรุงเทพฯ ในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. – 20.00 น. พร้อมเพลิดเพลินกับของว่างรสเลิศ ไม่ว่าจะเป็น หอยนางรมย่างถ่าน…

Read More

Chef : Arboo  Date : 6 2024 Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A สวัสดีท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารทุกท่านอีกเช่นเคยครับ วันนี้ ทาง Kinandleisure มีห้องอาหารคุณภาพมาเสนออย่างภาคภูมิใจอีกเช่นเคย ในครานี้เป็นอาหารอินเดีย สุดยอดอาหารที่เป็นดั่งมนต์เสน่ห์แห่งทวีปเอเชียของเรา ซึ่งอาหารไทยของบ้านเราเองก็มีบางส่วนบางเมนูที่ได้รับอิทธิพล หรือมีการใช้เครื่องเทศแห่งดินแดนแคว้นถิ่นสุดน่าค้นหาแห่งนี้ ซึ่งคราวนี้ไม่ต้องไปที่ไหนไกล เพราะทางห้องอาหาร นิลา (NILA) แห่งโรงแรมอมารี กรุงเทพ พร้อมที่จะนำเสนอประสบการณ์ทางอาหารที่น่าตระการตา ให้ทุกท่านได้สัมผัสอย่างเต็มเปี่ยมและตราตรึงใจครับ Location โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ เดิมคือโรงแรมอมารี ประตูน้ำ ตั้งอยู่ในโซนใจกลางกรุง สามารถเดินทางมาได้โดยสะดวก ทั้งจากการโดยสารรถยนต์ (ทางโรงแรมมีที่จอดรถให้อย่างเหลือเฟือ) หรือเดินทางมาจากระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพมหานครก็สะดวกเช่นกัน เพราะทางโรงแรม อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ทำให้การเดินทางไปกลับ หรือการเดินทางเพื่อไปทำธุระที่อื่นต่อสามารถทำได้ง่ายมาก เพราะอยู่ใจกลางเขตเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ โดยห้องอาหาร Nila ตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้องอาหารชมสินธุ์ ที่เป็นหนึ่งในห้องอาหารที่น่าประทับใจที่มาพร้อมแนวคิด Sustainable Eating ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า โรงแรมแห่งนี้ มีร้านอาหารแทบจะทุกแบบทุกสไตล์ให้ท่านได้ลองลิ้มชิมรสกัน ทั้งอาหารอิตาเลียน (Prego) ห้องอาหารไทย (ชมสินธุ์) หรือห้องอาหารอินเดีย หรือก็คือห้องอาหาร Nila แห่งนี้นั่นเองครับ Decoration เมื่อแรกเริ่มเดินเข้ามาในร้าน ท่านจะได้สัมผัสกับศิลปะการตกแต่งที่ทำให้นึกถึงอินเดียในแถบชายฝั่ง ซึ่งคำว่า Nila มีความหมายคือคำว่า Blue ซึ่งเป็นการสื่อถึงบรรยากาศชายทะเล การตกแต่งภายในร้านได้ทั้งกลิ่นอายความเป็นอินเดีย ทั้งบรรยากาศ วัสดุที่ใช้ในการตกแต่ง รวมถึงสัมผัสได้ถึงศิลปะแบบโปรตุเกส เป็นการสื่อถึงประวัติศาสตร์ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์สากล และประวัติศาสตร์การเดินเรือ ลักษณะการตกแต่งภายในห้องอาหาร ค่อนข้างมีความเป็นกันเอง เรียบหรูแต่อยู่สบาย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านแถบชายฝั่ง พร้อมการตกแต่งที่ทำให้นึกถึงการเดินเรือ และบันทึกการเดินเรือของนักเดินทางผู้ชำนาญ  เมื่อลองมองดูด้านนอก ท่านจะได้เห็นบรรยากาศด้านนอกโรงแรมได้อย่างชัดเจน ซึ่งจุดนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยในการสร้างความแตกต่าง ระหว่างตอนกลางวันและยามกลางคืน ที่ทั้งสองช่วงเวลาในห้องอาหาร จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ห้องอาหารเริ่มสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยโซนที่เป็นบาร์ในด้านนอก และโซนที่เป็นห้องอาหารในด้านใน จะถ่ายรูปก็สวยได้ทุกมุม รวมถึงอาหารทุกจานล้วนแฝงความน่าประทับใจผ่านการนำเสนออัตลักษณ์ของดินแดนแห่งเครื่องเทศให้ทุกท่านได้เฟ้นหา ซึ่ง Welcome Drink ที่ได้ทดลองในรอบนี้ก็น่าแปลกตาแปลกใจ…

Read More

ด้วยแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพ่อค้า ห้องอาหารนิลา (NILA) เชิญชวนทุกท่านพบกับประสบการณ์แห่งอาหารที่รุ่มรวยลึกล้ำไปด้วยรสชาติและเรื่องราวแห่งวัฒนธรรมของอาหารอินเดียริมชายฝั่ง “นิลา” ในภาษามาลายาลัมแปลว่าสีน้ำเงิน ที่สื่อถึงสีของน้ำทะเลตามแนวชายฝั่ง ซึ่งจากสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการค้าขาย ในยุคที่รุ่งเรืองไปด้วยการค้า และจากการที่เคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ทั้งสถาปัตยกรรมและอาหารอินเดียตามแนวชายฝั่งนี้จึงได้รับอิทธิพลและมีกลิ่นอายของโปรตุเกสด้วยเช่นกัน บรรยากาศ นิลา ผสมผสานอิทธิพลของโปรตุเกสด้วยสีสันสดใสซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของเมืองกัวและมนต์เสน่ห์แห่งชายฝั่งมะละบาร์ (Malabar) ของอินเดีย การตกแต่งสไตล์อินเดียคลาสสิกถูกหลอมรวมเข้ากับวัสดุที่เลือกใช้อย่างแนบเนียน สร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นเสมือนอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ นิลา ได้แนวคิดการออกแบบมาจากเรื่องราวของพ่อค้าผู้รักการผจญภัย ทุกพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทาง ประดับประดาด้วยของหายาก และของที่ระลึกอันล้ำค่า เชฟ เชฟบารัธ ชรินดาร์ บัต (Bharath S Bhat) หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารนิลา ผู้อุทิศตนให้กับการรังสรรค์อาหารอินเดียร่วมสมัยมาตลอดชีวิตการทำงาน พร้อมแล้วที่จะพาทุกท่านก้าวออกจากอาหารอินเดียแบบเดิม ๆ บารัธมีประสบการณ์มากมายกว่า 10 ปีในการทำอาหารอินเดีย ทั้งในประเทศอินเดียและต่างประเทศ นอกจากนี้ เชฟบารัธยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการอบรมทีมเชฟที่ห้องอาหารปันจาบ กริลล์ (Punjab Grill) ในกรุงเทพฯ เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในเมนูที่เขารังสรรค์ขึ้นให้กับนิลา และตั้งเป้าที่จะสร้างให้นิลา เป็นร้านอาหารอินเดียแนวชายฝั่งของอินเดียชั้นนำทั้งในประเทศไทย และทั่วประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยให้ได้ อาหาร นิลา นำเสนอวัฒนธรรมการกินอันหลากหลายตามแถบชายฝั่งทะเลของอินเดียอย่างมีเอกลักษณ์ ครอบคลุมตั้งแต่อินเดียตะวันออกไปจนถึงอินเดียตะวันตก วัตดุดิบสำคัญของร้าน คืออาหารทะเลสด โดยเน้นรสชาติที่แตกต่างของแต่ละรัฐตามแนวชายฝั่ง และมะพร้าว ที่เชฟนำมาใช้รังสรรค์เมนูที่มีลักษณะเฉพาะอันโดดเด่น เติมเต็มด้วยเครื่องเทศรสชาติจัดจ้านและกลิ่นอายจากอิทธิพลของโปรตุเกส เมนูซิกเนเจอร์ของห้องอาหารนิลา ได้แก่ ซาร์ (saar) พริกแดงรมควันย่างถ่าน, ซปกระเทียมและมะเขือเทศสด จับคู่กับสลัดกุ้ง (prawn salad), เมนูจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลของรัฐมหาราษฏระ ส่วนหนึ่งของมณฑลโกนกัน, เมนูยอดนิยมจากกัว พิริพิริกุ้งย่างไฟ (Peri Peri Jheenga) เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศรมควันและชัทนีย์พริกหวาน เมนูจากชายฝั่งมะละบาร์ ได้แก่ Kozhi Chuttathu คือไก่อ่อนหมักด้วยโยเกิร์ตนำมาย่างถ่านและรมควันด้วยเครื่องเทศและพริกแดง, Truffle Madras Curry Chop แกงซี่โครงแกะใส่น้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล, Daab Chingri ประกอบด้วยกุ้งกุลาดำจากเบงกอลปรุงและเสิร์ฟในมะพร้าวสด, ล็อบสเตอร์ย่างและคลุกกับเนยใสรสเผ็ด สำหรับเมนูแกะ ที่นิลา มีให้คุณเลือกสองแบบ: สไตล์โกลกาตาจะเสิร์ฟกับน้ำมันมัสตาร์ด หรือสไตล์ไฮเดอราบัด ที่ปรุงด้วยวิธีเฟลมเบ้ จุดไฟลุกท่วม เสิร์ฟพร้อมเกลือสีชมพู เครื่องดื่ม เพื่อเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับอาหาร…

Read More