Author: Kittin Assavavichai

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ประกาศเปิดตัว เรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาลำใหม่ แซฟฟรอน ครูซ โดยจะเป็นการนำเสนอมุมมองและเปิดประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้ที่หลงไหลในวัฒนธรรมและอาหารไทยต้นตำรับ ตลอดจน ความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา เรือแซฟฟรอน ครูซ จะเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ประยุกต์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมเสริฟ์ด้วยอาหารไทยระดับรางวัลจากห้องอาหารแซฟฟรอน ท่ามกลางทัศนียภาพอันศิวิไลซ์ของแม่น้ำเจ้าพระยา เรือแซฟฟรอน ครูซ มีความยาว ถึง 38 เมตร โถงกลางของเรือประกอบไปด้วยห้องอาหารแบบครัวเปิด สามารถเปิดรับลมธรรมชาติหรือจะเลือกเปิดเป็นระบบปรับอากาศเพื่อความเย็นสบาย นอกจากนี้บริเวณชั้นดาดฟ้าเรือจะเป็นบาร์แบบเปิดโล่ง มูนเดค (Moon Deck) สามารถชมวิวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ 360 องศา ไม่มีอะไรบดบัง หรือจะนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆชมวิวพระอาทิตย์รับขอบฟ้า ในส่วนของเมนูอาหารนั้น จะเป็นอาหารไทยสูตรต้นตำหรับ ถูกเตรียมขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยทีมครัวมืออาชีพส่งตรงจากห้องอาหารแซฟฟรอน ซึ่งเป็นห้องอาหารไทยซิกเนเจอร์ของโรงแรมบันยันทรี เรือแซฟฟรอน ครูซ จะพาคุณล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิถีความเป็นอยู่ริมฝั่งน้ำรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ อาทิ วัดอรุณ พระบรมมหาราชวัง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี เอเชียทีค ไอคอนสยาม และอีกหลากหลายสถานที่ที่คุณสามารถชื่นชมได้จากบนเรือ และภายในเรือยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม นอกจากนนี้ เรือแซฟฟรอน ครูซ ยังเป็นเรือสำราญลำเดียวที่ให้บริการจัดงานอุตสาหกรรมไมซ์รวมไปถึง งานประชุมสัมมนา งานเลี้ยงบริษัท แบบเช่าเหมาลำ รวมไปถึง คลาสสอนทำอาหาร สปาพิเศษจากบันยันทรีสปา งานหมั้น งานวิวาห์ ทัวร์วัฒนธรรม และอีกมากมาย เรือแซฟฟรอน ครูซ จะเปิดให้บริการทุกวัน วันละ 2 รอบ 1. ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน ค่าบริการรวมเครื่องดื่มหนึ่งแก้วที่มูนเดค ราคาสุทธิ 550 บาทต่อท่าน เรือจะออกจากท่าที่เอเชียทีค เวลา 17.00 น. และกลับมาถึง เอเชียทีค เวลา 18.00 น. เรือจะออกจาท่าไอคอนสยาม ท่าที่ 2 เวลา 17.30 น. และ กลับมาถึง ไอคอนสยามเวลา 18.30 น. 2. ล่องเรือทานอาหารไทยมื้อค่ำ 5 คอร์ส พร้อมค็อกเทล 1 แก้วที่มูนเดค ราคาสุทธิ 3,200 บาทต่อท่าน เรือจะออกจาท่าไอคอนสยาม ท่าที่ 4 เวลา 19.00 น. และ กลับมาถึง ไอคอนสยาม เวลา 22.00 น. เยี่ยมชมรีวิวเรืออีกลำของทางบันยันทรี >>> รีวิวเรืออัปสรา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 0 2679 1200 หรือ [email protected] หรือ https://www.banyantree.com/en/thailand/bangkok saffron cruise, banyan tree bangkok, news, dinner, sunset Kin Review Kinlakestars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว…

Read More

โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ ภูมิใจนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารจีนกวางตุ้งต้นตำรับ ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันจากประสบการณ์และความคิดสร้างสรรของหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ครัวจีนคนใหม่ เชฟเชียง ชิน ฉ่อย เป็นที่รู้จักในนามเชฟผู้เลื่องชื่อในการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดี มารังสรรเป็นเมนูอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งสุดคลาสสิค หลากหลายรสสัมผัส ที่ได้รับการคัดสรรอย่างตั้งใจ เชฟฉ่อยเชื่อมั่นว่า ศาสตร์และศิลปะการปรุงอาหารเป็นของคู่กันมานาน เทคนิคใหม่ๆ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่นำมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีตามความต้องการ ถือเป็นเคล็ดลับข้อหนึ่ง และด้วยความโดดเด่นในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เชฟฉ่อยจึงสามารถนำเสนอความแปลกใหม่จากวัตถุดิบชั้นนำที่เลือกใช้ ขณะที่ยังคงความเป็นอาหารจีนต้นตำรับรสเลิศ เชฟฉ่อยรังสรรเป็นเมนูสุดพิเศษให้ลิ้มลอง ในรูปแบบ A la Carte เมนู และเซ็ตอาหารจีนทั้ง มื้อกลางวัน และมื้อค่ำ ไม่ว่าจะเป็นมื้อแห่งความอบอุ่นกับครอบครัว หรือเป็นมื้อธุรกิจกับลูกค้า ห้องอาหารเฟยยาให้ท่านเลือกลิ้มลองหลากหลายเมนู อาทิ กุ้งทอดซอสไข่เค็ม ปลาเงินกังป๋วยผัดไข่ถั่วงอก กุ้งเจี๋ยนซีอิ๊ว เนื้อเจี๋ยนกระเทียม หอยเชลล์ผัดถั่วฝักยาวผักดอง และของหวานปิดท้ายกับสาคูแคนตาลูปน้ำกะทิในลูกมะพร้าวอ่อน ห้องอาหารเฟยยา ขอเชิญทุกท่านสัมผัสศิลปะของการรับประทานอาหารจีน ค้นพบประสบการณ์ใหม่กับอาหารจีนกวางตุ้งได้แล้ววันนี้ มื้อกลางวันเวลา 11.30 น. – 14.30 น. และมื้อค่ำเวลา 18.00 น. – 22.30 น. บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ มื้อกลางวัน วันจันทร์ – วันศุกร์ ราคา 850++ บาท ต่อท่าน บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ มื้อกลางวัน วันเสาร์ – วันอาทิตย์ ราคา 1,100 ++ บาท ต่อท่าน อาหารจีนเซ็ตเมนู ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,888 บาท ถึง 3,888 บาท ต่อท่าน ต่อเซ็ต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ ห้องอาหาร เฟยยา โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ โทร 02 125 5030 เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.renaissancebangkok.com เฟยยา, โรงแรมเรเนซองส์, new chef, เชฟใหม่ Kin News…

Read More

 โจโจ ณ เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ขอมอบประสบการณ์แห่งความอร่อยเหนือระดับ “The Peak” เหมือนได้ดื่มด่ำบรรยากาศบนเทือกเขาสวิส นำเสนอหลากเมนูอาหารเลิศรส จากห้องอาหารหรูระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาว Schloss Schauenstein จากยอดเขาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ตั้งอยู่ในปราสาทที่มีประวัติอันยาวนานในเมือง Fürstenau โดยได้แรงบันดาลใจจากเชฟเจ้าของห้องอาหาร แอนเดรียส คามินาดาซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 50 ห้องอาหารที่ดีที่สุดในโลก ถ่ายทอดฝีมือโดยเชฟเดวิด ฮาร์ดวิก (Chef David Hartwig) เชฟที่มีฝีมือโดดเด่นที่สุดในทีมของเชฟแอนเดรียส บินตรงสู่กรุงเทพฯเพื่อรังสรรค์มื้อค่ำอันน่าจดจำภายใต้บรรยากาศที่หรูหรา ณ ห้องอาหารโจโจ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ถึง 2 มกราคม 2563 ร่วมชมฝีมือการปรุงอาหารชั้นสูงจากเชฟเดวิดอย่างใกล้ชิด แบบเคาน์เตอร์ท้อป พร้อมสัมผัสความมหัศจรรย์แห่งรสชาติผ่าน 6 คอร์สเมนูมื้อค่ำแสนอร่อย ที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับเหล่านักชิม จำกัดเพียง 12 ที่นั่งต่อคืนเท่านั้น โดยอาหารในแต่ละเมนูผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถัน คัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลที่สดใหม่และผ่านการเลือกสรรจากแหล่งกำเนิดวัตถุดิบทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเมนูไฮไลต์อย่าง ปลาแบล็คคอตเสิร์ฟควบคู่กับฟักทองและกะหล่ำม่วง (Black Cod Pumpkin Cicorino Rosso) ปลาแมกเคอเรลอะโวคาโดกับวาซาบิหัวไชเท้าญี่ปุ่น (Mackerel Avocado Daikon Wasabi) และเนื้อแกะรสนุ่มชุ่มลิ้นกับซอสฮาริซาและซีบัคธอร์น  (Lamb Loin Lamb Belly Harissa Sea Buckthorn) ที่เชฟเดวิดใช้เทคนิคการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมเพื่อสร้างสรรค์ความสมบูรณ์แบบหากแต่เสริมด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัยไว้ได้อย่างไร้ที่ติ เชฟเดวิด ฮาร์ดวิก หัวหน้าเชฟวัย 29 ปี ผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ด้านอาหารและถือเป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญของทีมเชฟแอนเดรียส สั่งสมประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มาแล้วอย่างมากมาย อาทิ ร้านอาหาร Schloss Schauenstein ร้าน IGNIV by Andreas Caminada ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงทำงานอยู่ที่นิวยอร์กเป็นเวลาหลายปี ด้วยสไตล์การปรุงอาหารอันเป็นเอกลักษณ์อีกทั้งความใส่ใจในทุกรายละเอียด ส่งผลให้อาหารทุกจานของเชฟเดวิดได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามรวมถึงยกย่องให้เขาเป็นหัวหน้าเชฟฝีมือคุณภาพอีกด้วย ลิ้มรส 6 คอร์สเมนูมื้อค่ำรสเลิศไปกับ “The Peak” ณ ห้องอาหารโจโจ รังสรรค์พิเศษโดยเชฟเดวิด ฮาร์ดวิก ได้ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ถึง 2 มกราคม 2563 ในราคา 3,200 บาท++ ต่อท่าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อที่ เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ โทร 022077777 อีเมล์ [email protected] เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.stregisbangkok.com The Peak, st.regis bangkok, michelin star Kin News Kinlakestars.com KinlakeStars.com…

Read More

“Living House” Co-Living & Eating Space ใจดีอยากแจก! ฉลองเปิดสาขาใหม่ ที่ ZEN@centralwOrld ชั้น 7 เปิดแล้ว“Living House” Co-Living & Eating Space แผนกโฮมคอนเซ็ปต์ใหม่ ใจกลางเมือง ที่ชั้น 7 ห้างสรรพสินค้าเซน บนพื้นที่ กว่า 5,000 ตารางเมตร จัดเต็ม! บริการ และโซนใหม่ ทั้ง Co-Living (โค ลีฟวิ่ง) ครบครันด้วยสินค้าตกแต่งบ้านคุณภาพเยี่ยม พร้อมบริการสุดพิเศษเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และโซน Co-Eating (โค อีทติ้ง) บริการอาหารรสเลิศจากร้านอาหารชื่อดัง การันตีความอร่อยระดับ มิชลิน ไกด์ (Michelin Guide) พิเศษ! ฉลองเปิดสาขาใหม่ ลุ้นรับรางวัล LEICA Sofort มูลค่า 13,000 บาท จำนวน 3 รางวัล และ คูปองแทนเงินสด Living House มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 50 รางวัล! ง่ายๆเพียง รับประทานอาหารที่ Living House ZEN@centralwOrld ชั้น7 ครบ 1,000บาท และ กด Like Facebook และ IG “Living House At Central” พร้อมแชร์โพสต์โปรโมชั่น โดยสามารถร่วมสนุกกันได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พ.ย. 62 (ประกาศชื่อผู้โชคดีวันที่ 3 ธ.ค. 62 ทาง Facebook: “Living House At Central” เวลา 19:00น.) พร้อมชวนพบกับกิจกรรมสุดพิเศษให้ได้ร่วมสนุกอีกมากมาย ทั้งหมดนี้พบได้ที่ “Living House” Co-Living & Eating Space ชั้น 7 ห้างสรรพสินค้าเซน #LivingHouseAtCentral#Centralworld#CentralDepartmentStore ห้างสรรพสินค้าเซน สร้างความฮือฮาอีกครั้ง จัดกิจกรรมฉลองการพลิกโฉมแผนกโฮมคอนเซ็ปต์ใหม่ ภายใต้ชื่อ “Living House” Co-Living & Eating Space ที่ชั้น 7 บนพื้นที่ กว่า 5,000 ตารางเมตรให้กลายเป็นจุดหมายปลายแห่งทางใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์ช้อปปิ้งให้สนุก และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ได้มาใช้ชีวิต พร้อมเติมเต็มความสุขเสมือนบ้านหลังที่สอง ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล เปิดเผยว่า กิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นเพื่อแนะนำแผนกโฮมคอนเซ็ปต์ใหม่ ใจกลางเมือง ภายใต้ชื่อ “Living House” Co-Living & Eating Space พื้นที่ความสุขของการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ บนพื้นที่ 5,000 ตรม. ที่ชั้น 7 ห้างสรรพสินค้าเซน ที่จะมาเปลี่ยนประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบเดิมๆ ให้การใช้ชีวิตในเมืองให้มีสีสัน และสนุกมากยิ่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ได้มาใช้ชีวิตที่นี่ “หัวใจสำคัญของห้างสรรพสินค้าอยู่ที่การสร้างบรรยากาศที่จะมอบความอบอุ่น และให้ความรู้สึกราวกับคนพิเศษ เราจึงจัดสรรพื้นที่ “Living House” Co-Living & Eating Space รอต้อนรับลูกค้าคนพิเศษ ด้วย 2 โซน ได้แก่ Co-Living (โค-ลีฟวิ่ง) ครบครันสินค้าตกแต่งบ้านคุณภาพเยี่ยมในที่เดียว และโซน Co-Eating (โค-อีทติ้ง) เติมเต็มประสบการณ์ของแผนกโฮม ด้วย 2 มุมบริการอาหาร…

Read More

ปัจจุบัน เทรนด์ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ได้แผ่ขยายอิทธิพลไปถึงอาหารการกินและเครื่องดื่มต่างๆ ผู้คนหันมาใส่ใจในรายละเอียดในอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน ผักผลไม้ที่เพาะปลูกแบบออร์แกนิก คือ ปลอดสารเคมี ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ไวน์ ที่นับเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยสร้างอารมณ์สุนทรีย์ ซึ่งเทรนด์การดื่มออร์แกนิก ไวน์ กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนักดื่มผู้รักสุขภาพทั่วโลก “ออร์แกนิก ไวน์” คือ กระบวนการลดหรือไม่ใช้สารเคมีในทุกขึ้นตอนการผลิตไวน์ ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกองุ่นที่ใช้ วิธีธรรมชาติในการกำจัดแมลง ทดแทนการใช้สารเคมี กระบวนการหมักบ่มการกรอง ไปจนถึงขั้นตอนการคงคุณภาพของไวน์ ทำให้ไวน์นั้นปลอดสารเคมีเจือปนที่จะเข้าไปสะสมในร่างกายและอาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพผู้ดื่มได้ในอนาคต ในประเทศฝั่งทางยุโรป การที่ไร่ไวน์จะได้ใบรับรองจากรัฐบาลว่าเป็นผู้ผลิตออร์แกนิก ไวน์ จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด ดังนี้ ต้องไม่ใช้สารเคมีใดๆ ในทุกขั้นตอนการปลูกองุ่นองุ่นต้องไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรม (GMO)ต้องไม่เติมแต่งใดๆ ในไวน์ เช่น แทนนิน แอซิด หรือ สีต่างๆ เป็นต้นต้องปฏิบัติตามกฏข้อบังคับอย่างเคร่งครัด อย่างน้อย 3 ปี จึงจะได้การรับรองจากรัฐบาล และได้รับสัญลักษณ์มาตรฐานของออร์แกนิก ไวน์ ไวน์ในกลุ่ม ออร์แกนิก อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ออร์แกนิก (Organic) อาจเปรียบเป็นระดับเริ่มต้นของกลุ่มออร์แกนิก ไวน์ โดยเป็นไวน์ที่ทำจากองุ่นที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ไบโอไดนามิก (Biodynamic) มีแนวคิดว่าไร่องุ่นเป็นระบบนิเวศที่ยั่งยืนในตัวเอง ซึ่งผู้ผลิตไบโอไดนามิกไวน์จะถือหลักปฏิบัติและข้อกำหนดที่เคร่งครัดมากกว่าออร์แกนิก ไวน์ ซึ่งนอกจากจะไม่ใช้สารเคมีแล้ว ยังไม่ใช้สารใดๆ ที่มนุษย์ทำขึ้น อาทิ ยีสต์สำเร็จรูป และยังคำนึงถึงเรื่องธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงอิทธิพลของดวงจันทร์ในกระบวนการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวอีกด้วย เนเชอรัล ไวน์ (Natural Wines) หรืออาจจะเรียกว่า ไวน์ธรรมชาติ เป็นไวน์ที่ใช้กรรมวิธีการผลิตตามวิถีธรรมชาติ โดยมีการแทรกแซงกระบวนการผลิตน้อยที่สุด ซึ่งในการผลิตไวน์แบบธรรมชาติมักจะเลือกใช้องุ่นที่ปลูกแบบออร์แกนิก หรือไบโอไดนามิก ทำด้วยหลักการง่ายๆ โดยการเก็บองุ่นด้วยมือ ใช้ยีสต์ธรรมชาติ และนำน้ำองุ่นที่ได้มาหมักโดยวิธีการธรรมชาติ โดยจะโชว์คาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์องุ่นนั้นๆ ตลอดจนดิน ฟ้า อากาศในไร่ (Terroir) เป็นหลัก ไม่นิยมกรองก่อนบรรจุขวด การปรุงแต่ง หรือการเติมสารซัลไฟต์ กลุ่มโรงแรมอนันตรา ได้คัดสรร ออร์แกนิก ไวน์ เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ชื่นชอบการดื่มไวน์ที่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และกลุ่มผู้ใส่ใจในสุขภาพในยุคปัจจุบัน ได้ลิ้มลองในเบื้องต้นกับไวน์ 4…

Read More

เพลิดเพลินกับชุดน้ำชายามบ่ายที่มีสีสันในธีมคริสต์มาส พร้อมผ่อนคลายในบรรยากาศสุดชิลตลอดเดือนธันวาคมศกนี้ ถึง 5 มกราคม ศกหน้าโรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok)  “ผมเติบโตในทวีปยุโรปที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างเฝ้ารอและให้ความสำคัญกับช่วงคริสต์มาสเป็นอย่างมาก ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ผู้คนจะนัดพบปะสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง ซึ่งผมต้องการนำช่วงเวลาดีๆเหล่านี้มาแบ่งปันให้กับทุกคน ผมจึงได้รังสรรค์ขนมหวานเซตนี้บอกเล่าเรื่องราวของเทศกาลคริสต์มาสผ่านสัญลักษณ์สำคัญต่างๆของเทศกาลนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะได้รับความสุขและมีความทรงจำที่ดีร่วมกัน” เชฟ แอนเดรอา โนลิ กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ชุดน้ำชาชุดนี้ เมนูขนมหวานในตีมคริสต์มาส อาทิ ซานต้า บลูเบอร์รี่ ชูว์ (santa blueberry choux) ต้นคริสต์มาสชาเขียว (green tea Christmas tree) เรนเดียร์ นิวยอร์ก ชีสเค้ก (reindeer New York cheesecake with strawberry glaze) เค้กสโตเลนสำหรับเทศกาลคริสต์มาส (traditional Christmas stolen) สโคนอบใหม่เสิร์ฟพร้อมครีมเนยสดโฮมเมดและแยมผลไม้ (home baked scones with clotted cream and fruity jams) และขนมหวานและอาหารคาวต่างๆอีกมากมาย เลือกรับประทานชุดน้ำชายามบ่ายเคียงคู่กับชาสุดพรีเมี่ยมจากแบรนด์มาคิยาจ แฟรส์ (Mariage Frères) ที่พร้อมเสิร์ฟอย่างหลากหลายประเภท ทั้งประเภทชาขาว ชาเขียว ชาดำ ชาสีน้ำเงิน ชาสมุนไพร พิเศษสำหรับช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ เลือกรับประทานชุดน้ำชายามบ่ายเคียงคู่ ชาโนเอล (Noël tea) ชาดำฝรั่งเศสสำหรับเทศกาลฯที่มีกลิ่นของส้มแมนดาริน อบเชย อัลมอนด์ และวานิลลา ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับของคาว และขนมหวานในชุดน้ำชาชุดนี้ ห้องอาหาร พีค็อก อัลลีย์ ตั้งอยู่บนล๊อบบี้ด้านบน (Upper Lobby) โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ พร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 22.00 น. (บริการชุดน้ำชายามบ่ายระหว่างเวลา 13.00…

Read More

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ ห่างหายกันไปนาน วันนี้ Kinlakestars.com กลับมาพร้อมกับ รีวิวชุดน้ำชา ที่ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ ช่วงนี้กำลังจะเข้าหน้าหนาวของไทย แต่ทว่าที่ญี่ปุ่นนั้นเพิ่งเข้าฤดูใบไม้ร่วงครับ เป็นฤดูที่สวยงาม โรแมนติก และอากาศดีมาก ไม่หนาวไป และไม่ร้อนไป อีกทั้งความโดดเด่นจากใบไม้เปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลือง ส้ม และแดงทำให้เกิดทัศนียภาพอันแสนจะสวยสด งดงาม ทางโรงแรมจึงมีชุดน้ำชา “ Autumn afternoon tea” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความงดงามของฤดูใบไม้ร่วง  มาให้ลองชิมกันครับ หัวหน้าพ่อครัวเบเกอร์รี่ (Executive Pastry Chef) เชฟ เซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf) เปิดตัวชุดน้ำชายามบ่ายชุดใหม่ที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงของประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นขนมหวานที่มีสีโทนเหลือง ส้ม แดง และน้ำตาล ชวนน่ารับประทาน พร้อมให้บริการที่ อัพแอนด์อะบัฟ บาร์ (Up & Above bar) ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น หนึ่งในความโดดเด่นของชุดนี้ นอกจากสีสันที่สวยสดงดงาม สดใส จากสีแดง ส้ม เหลือง ซึ่งสื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วนั้น ก็ยังเกิดจากการนำวัตถุดิบที่งอกงาม เติบโตดีตามฤดูกาลของ ฤดูใบไม้ร่วงที่ญี่ปุ่น ฤดูใบไม้ร่วงเป็นอีกหนึ่งฤดูของประเทศญี่ปุ่นที่คนจำนวนมากเฝ้ารอ และวางแผนที่จะไปเยือนประเทศญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่งเพื่อชมความงามตามธรรมชาติของใบไม้ที่จะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียว เป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง สีน้ำตาล ก่อนที่จะผลัดใบและร่วงโรยตามกาลเวลา สร้างความงดงามตามธรรมชาติให้แก่ทัศนียภาพทั่วทุกภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจรดใต้  เริ่มต้นด้วยความสดชื่นอย่าง yuzu sorbet รสเปรี้ยวอมหวาน ผสานกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของส้มยูซุที่หอมหวานสดชื่น และผสมครัมเบิลกรุบกรอบที่ให้สัมผัสสนุกสนานไม่น่าเบื่อ หลักจากรับความสดชื่นจาก yuzu sorbet กันแล้วเรามาเริ่มต้นส่วนของอาหารกันด้วยของคาวกันเลยดีกว่าครับ ปีนี้ก็ปรับเปลี่ยนใหม่หมดไม่เหมือนปีก่อนๆ ได้แก่ 1. แซนวิชขนมปังเซียบัตต้า (Ciabatta) ไส้ซอสเพสโต้ มะเขือเทศและชีสมอสซาเรลล่า แต่งหน้าด้วยมะเขือเทศตุ๋นในน้ำมะกอก แซนวิชขนมปังเซียบัตต้า (Ciabatta) ผิวปิ้งให้มีกลิ่นไหม้หอมๆกรอบๆเกรียมนิดๆ สอดไส้ซอสเพสโต้ให้กลิ่นหอมตำรับเพสโต้ มะเขือเทศให้ความหวานอมเปรี้ยวนิดๆและชีสมอสซาเรลล่า…

Read More

มิชลินจัดงานแถลงข่าวประกาศรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับรางวัล ‘ดาวมิชลิน’ (MICHELIN Star) และ ‘บิบ กูร์มองด์’ (Bib Gourmand) ปีล่าสุด พร้อมทั้งเปิดตัว ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ตและพังงา’ ประจำปี 2563 ซึ่งเป็นคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก ‘มิชลิน ไกด์’ฉบับที่ 3 ของประเทศไทย โดยคู่มือเล่มล่าสุดนี้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 282 แห่ง และที่พัก 74 แห่ง โดยมีร้านอาหารได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลิน จำนวน 5 ร้าน, รางวัล1 ดาวมิชลิน จำนวน 24 ร้านและรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ จำนวน 94 ร้าน 2020 MICHELIN Guide Bangkok, Chiang Mai, Phuket & Phang-Nga Selection TWO STARS / สองดาว Excellent cuisine, worth a detour / ร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม Bangkok & SURROUNDING PROVINCES Le Normandie <<คลิกเพื่ออ่านรีวิว>> เลอ นอร์มังดี Mezzaluna เมซซาลูน่า R-Haan <<คลิกเพื่ออ่านรีวิว>> NEW Sorn ศรณ์ NEW Sühring <<คลิกเพื่ออ่านรีวิว>> ONE STAR / หนึ่งดาว High quality cooking, worth a stop / ร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม Bangkok & SURROUNDING PROVINCES 80/20 <<คลิกเพื่ออ่านรีวิว>> เอ็ทตี้ ทเวนตี้ NEW Bo.lan <<คลิกเพื่ออ่านรีวิว>> โบ.ลาน …

Read More

เชฟสเตฟาโน ไบอ็อคโค (Stefano Baiocco) เชฟระดับ 2 ดาวมิชลิน ชาวอิตาเลียน จะมาเป็นเชฟรับเชิญที่ห้องอาหาร ดิ อัลเลียม แบงค็อก ที่ได้รับการปรับรูปลักษณ์ใหม่ล่าสุด (จากเดิมคือ เดอะ รีเฟลกซ์ชั่น) ของโรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ระหว่างวันที่ 6-10 พฤศจิกายนนี้ โดยเตรียมเสิร์ฟเซ็ตเมนูรสเลิศทั้งมื้อกลางวัน (3 และ 5 คอร์ส) และมื้อค่ำ (7 และ 9 คอร์ส) คุณสามารถเลือกเมนูแบบมีไวน์ แพร์ริ่ง ได้เช่นกัน เมนูอาหารจานเด่นของเชฟสเตฟาโน อาทิ ชิคเก้น รอแยล เสิร์ฟพร้อมเนื้อปูและไข่หอยเม่น (chicken royale with crabmeat and sea urchins), แซลมอนกับตับห่านและอะโวคาโด (salmon with foie gras and avocado), พาสต้าทอร์เทลลินีสอดไส้ด้วยสาหร่ายทะเลย่างและผิวเลมอน (tortelli stuffed with roasted seabass and lemon zest), เนื้อปลาเทอร์บอทสไลซ์ เคี่ยวในน้ำมันมะกอก (sliced turbot braised in olive oil) และ เนื้อแกะอบอัลมอนด์ (oven-roasted lamb filet with almonds) เชฟสเตฟาโน ชาวแคว้นมาร์เค ของอิตาลี เป็นหนึ่งใน 50 สุดยอดเชฟของโลก จัดอันดับโดยซานเปลเลกรีโน (San Pellegrino) เขาทำให้ห้องอาหารของโรงแรมสุดหรู วิลล่า เฟลทริเนลลี่ (Villa Feltrinelli) ติดทะเลสาบการ์ดา (Lake Garda) ในประเทศอิตาลีได้รับมิชลินสตาร์ถึง…

Read More

วันเพ็ญเดือน 12 ปีนี้ คงไม่มีจุดไหนจะชมพลุได้ดีไปกว่าเย่า รูฟท็อปบาร์ ชั้นบนสุดของ โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ อีกแล้ว ด้วยบรรยากาศบาร์สไตล์จีนโมเดิร์นแบบเปิดโล่ง ห้อมล้อมไปด้วยทัศนียภาพอันสวยงามยามค่ำคืนของกรุงเทพและแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะเป็นวิวพระอาทิตย์ตกดินยามพลบค่ำหรือโชว์พลุเหนือแม่น้ำยายค่ำคืน เย่า รูฟทอปบาร์ จะทำให้คุณประทับใจมิรู้ลืม ไฮไลท์อีกอย่างของคืนวันลอยกระทงนอกจากการลอยกระทงเพื่อขอขมาเจ้าแม่คงคาแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นพลุตระการตาที่จะจุดกันระยิบระยับเหนือแม่น้ำเจ้าพระยาในเวลา 22.00 น. เปิดประสบการณ์ใหม่ของคืนวันพระจันทร์เต็มดวงสวยที่สุดในรอบปี ท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล ณ เย่า รูฟท็อปบาร์ พร้อมวิวกรุงเทพ และวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากมุมสูง ดื่มด่ำกับค็อกเทลรสเลิศเซทใหม่ล่าสุด รังสรรค์พิเศษสำหรับเย่าโดยเฉพาะ และลิ้มลองอาหารเบาๆในคอนเซปเก๋ “มิดไนท์ติ่มซำ” เครื่องดื่มแนะนำสูตรใหม่ทั้ง 5 เมนู ที่นำกลิ่นอายแห่งอารยธรรมจีนผสมผสานกับวัตถุดิบชั้นเลิศ ประกอบด้วย ไดนาสตี้เนโกรนี่ (Dynasty Negroni) – ค็อกเทลสีแดงเข้มเสิร์ฟในชุดชาจีน ความผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเนโกรนิ และเหมาไถจากแผ่นดินจีนฮั่นฟิซ (Han’s Fizz) – บีฟีทเตอร์ ผสมกับ ทริปเปิ้ล เซค และเพิ่มความสดชื่นด้วยน้ำมะนาว แตงกวา ใบสะระแหน่ผักชีและเปลือกส้มไลท์อัพออนไชน่าทาวน์ (Lights Up On China Town) – แอปโซลูท วนิลา วอดก้า ผมสเมลอน น้ำเชื่อมกลิ่นใบเตยและน้ำมะนาวคาโมมายล์วิสกี้ซาวร์ (Chamomile Whisky Sour) – ค็อกเทลสีเหลืองอ่อนที่รังสรรค์จากวิสกี้ที่อินฟิ้วส์ด้วยดอกคาโมมายล์ และปรุงรสด้วยน้ำมะนาวและส้มโอฟอร์บิดเดนไดคิวรี่ (Forbidden Daiquiri) – ค็อกเทลดื่มง่ายสีชมพูที่ผสมผสานด้วย ไวท์ รัม น้ำมะนาว เอลเดอร์ ฟลาวเวอร์ ลิเคียว อาหารเบาๆบนบาร์เก๋แห่งนี้ ก็ได้รับอิทธิพลจากเซี่ยงไฮ้เช่นเดียวกัน แต่ประยุกต์ให้ทันสมัย ผ่านการนำเสนอที่มีสไตล์ ในคอนเซป “มิดไนท์ติ่มซำ” เกี๊ยวกุ้งซอสเสฉวน ปลาหมึกทอดซองหมาล่า เป็ดปักกิ่งโรล และพลาดไม่ได้กับบะหมี่เส้นสด คลุกกับซอสหมูสับแบบเผ็ด ที่ “เชฟหวัง” เชฟบะหมี่ชาวจีนดึงมือสดทุกจาน สัมผัสบรรยากาศอันน่าประทับใจคืนวันลอยกระทง 11 พฤศจิกายนนี้ เพลิดเพลินไปกับวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนแม่น้ำเจ้าพระยา แสงไฟกรุงเทพฯ…

Read More