เรามักได้ยินประเภทร้านอาหารของ Fine dining ที่คุ้นชินไม่ว่าอิตาเลียน ฝรั่งเศส ไทย จีน ญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้ Kinlakestars.com ขอนำเสนอสิ่งที่แตกต่างไม่เหมือนใครไปกับร้านอาหารนอร์ดิก-ไทยชื่อดังอย่าง Front Room ประจำโรงแรม Waldorf Astoria ซึ่งไม่เหมือนเดิมกับทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะเชฟเฟ ได้เพิ่มเมนูใหม่เพื่อเพิ่มทางเลือกตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้สามารถดื่มด่ำกับอาหารสุดสร้างสรรค์ของเชฟ เฟ-รุ่งทิวา ชุ่มมงคลได้ง่ายขึ้น และตอบสนองวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทย เป็น Table Sharing แทนฟูลคอร์สเมนู Dr. Athiwat T. , Writer ร้านอาหาร Front Room ตั้งอยู่บนชั้นล็อบบี้ของโรงแรมหกดาวอย่าง Waldorf Astoria ซึ่งรับประกันความประทับใจตั้งแต่แรกเดินเข้าด้วยตัวล็อบบี้อันสวยงามทันสมัย และการต้อนรับชั้นเลิศของพนักงาน นอกจากนี้ถ้าท่านมาถึงก่อนเวลา อาจจะแบ่งเวลาไปชมพระอาทิตย์ตกดิน และ เส้นขอบฟ้าของกรุงเทพมหานครได้บน The Loft บาร์หรูสไตล์นิวยอร์ก ที่ชั้น 56 ของโรงแรม อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The Loft เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ที่ร้านอาหาร Front room ซึ่งตกแต่งด้วยสไตล์นอร์ดิกอันอบอุ่น เน้นโทนสีหม่นเทา เงิน เขียวอมฟ้า และวัสดุไม้โอ๊ค ผสมผสานความเป็นไทยด้วยรายละเอียด การตกแต่งต่างๆ เช่น การใช้ประตูบานเกล็ดไทยมาเป็นส่วนประกอบของห้องครัวเปิด ภาชนะกระเบื้องเคลือบปั้นด้วยมือจากตอนเหนือของไทย และ ที่พิเศษสุดและเป็นไฮไลท์หนึ่งคือ โคมไฟขนาดใหญ่กลางร้านที่ให้แสงอบอุ่นและสะท้อนเงาหน้าต่างเป็นโคมยี่เป็ง เสริมบรรยากาศสุดโรแมนติกในอาหารค่ำมื้อพิเศษ การจัดอาหารเป็น Table sharing ได้คัดเลือกอาหารจานยอดนิยมของร้านมาจาก Tasting menu ของตัวอาหาร Full Course ทำให้สามารถเลือกอาหารจานโปรด มาเพื่อแบ่งปันความสุขร่วมกันได้หลากหลายโอกาสมากขึ้น ซึ่งแต่ละเมนูท่านสามารถขอคำแนะนำได้จากพนักงานที่ให้ข้อมูล และช่วยแนะนำได้เป็นอย่างดี Amuse bouche: โครเกตต์สมองหมู/ลาบและทาโก้มันม่วงมะเฟือง ตัวโครเกรตต์สมองหมูดัดแปลงมาจากอาหารทางเหนือคือ แอ๊บอองอ่อ ซึ่งเป็นการนำสมองหมูมาผสมกับสมุนไพรและย่างสุก ซึ่งได้ทำเป็นลักษณะของโครเกตต์ช่วยให้รับประทานง่ายขึ้น มีรสชาติที่นุ่มนวลและหอมสมุนไพร ซึ่งเชฟจะแนะนำให้รับประทานเป็นคำแรกต่อด้วย ลาบที่มาคู่กับทาโก้มันม่วงและมะเฟืองช่วยเพิ่มรสชาติและให้ความสดชื่น Welcome drink เริ่มกันด้วย Welcome Drink ซึ่งเสิร์ฟมาแบบ On the…
Author: Kittin Assavavichai
หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากการเปิดตัวชุดน้ำชายามบ่ายในธีม “อลิซในแดนมหัศจรรย์” ไปเมื่อช่วงต้นปีนี้ และก็ถึงเวลาที่โรงแรมบูติกสุดหรู 137 พิลลาร์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนท์ กรุงเทพฯจะเปิดตัวชุดน้ำชายามบ่ายเซตใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิทานคลาสสิกเรื่องดัง “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ทุกท่านจะได้ร่วมเดินทางย้อนกลับไปยังกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว และจะได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวอันมีสเน่ห์ของนิทานเรื่องนี้ เมื่อกล่าวถึงนิทานคลาสสิก เราคงจะคุ้นเคยกับเรื่องราวของเจ้าชายรูปงาม ที่ต้องคำสาปให้กลายเป็นอสูรที่มีหน้าตาดุร้ายและน่ากลัว อาศัยอยู่ในปราสาทอันยิ่งใหญ่แต่กลับต้องเผชิญกับความอ้างว้างและเดียวดาย การจะกลับคืนสู่ร่างเดิมได้นั้น เขาจะต้องค้นพบความรักที่แท้จริงก่อนที่กุหลาบกลีบสุดท้ายจะร่วงโรย จนวันหนึ่งมีพ่อค้าผู้สิ้นเนื้อประดาตัวได้พลัดหลงเข้าไปในบริเวณปราสาท และถูกอสูรจับตัวไว้เนื่องจากไปขโมยดอกกุหลาบเพื่อจะนำกลับไปให้บุตรสาวอันเป็นที่รัก จึงเป็นเหตุให้พ่อค้าต้องยอมแลกตัวบุตรสาวกับอิสระภาพของตัวเขาเอง หลังจากนั้นเจ้าชายอสูรได้ตกหลุมรักโฉมงามและต้องพยายามที่จะเอาชนะใจเธอ เพื่อให้เธอรับรักตอบ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องกลายเป็นอสูรไปตลอดกาล ทีมเชฟของโรงแรม 137 พิลลาร์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนท์ กรุงเทพฯ ได้จับมือกับเชฟยานนิส แยนส์เซนส์ เชฟผู้มีรางวัลการันตีฝีมือมากมาย เพื่อมาร่วมรังสรรค์ชุดน้ำชายามบ่ายแสนอร่อยในครั้งนี้ หลากหลายเมนูอาหารคาว และขนมหวานได้ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างปราณีตและพิถีพิถัน และจะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับชาออร์แกนิกคุณภาพเยี่ยมจากมอนซูนที ยานนิส แยนส์เซนส์ เชฟสัญชาติเบลเยี่ยมผู้ออกแบบและอยู่เบื้องหลังชุดน้ำชายามบ่ายแสนอร่อยเซตนี้ เขาได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Dessert professional magazine ให้เป็นหนึ่งในสิบเชฟขนมอบในประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ.2553 และเขายังได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเชฟขนมอบ ณ โรงแรมเซไต (Setai Hotels) ในประเทศสหรัฐอเมริกา และโรงแรม ฟาวเท่นเบลอ (Fountainbleau Hotel Miami) ในเมืองไมอามี่ รวมไปถึงซูม่ากรุ๊ป (Zuma Group) ที่ดำเนินกิจการห้องอาหารญี่ปุ่นแบบไฟน์ไดนิ่ง หลังจากนั้นเขาได้เดินทางมาทำงานในตำแหน่งเอ็กเซคคิวทีฟเชฟ ปาทิซิเย่ ของห้องอาหารลัตเตอลิเยร์ เดอ โจเอล โรบูชง สาขากรุงเทพฯ “เราต้องการให้ชุดน้ำชาเชตนี้มีความพิเศษมากไปกว่าการเป็นแค่แซนด์วิช และขนมทานเล่นธรรมดาทั่วไป แต่เราตั้งใจรังสรรค์ให้ทุกคำมีเรื่องราว ที่แขกจะสามารถร่วมจินตนาการตามไปกับเรา เราคัดสรรและเลือกใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม รวมไปถึงใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำ” กล่าวโดยเชฟยานนิส แยนส์เซนส์ ผู้ได้รับเกียรติให้เป็น Baking & Pastry Innovator ในงานประกาศรางวัล Zest Awards Miami ในปี พ.ศ. 2556 ชุดน้ำชายามบ่ายเซตนี้ เชฟยานนิส ได้นำเรื่องราวของความรักที่ไร้ข้อจำกัด รวมถึงได้นำคาแรกเตอร์ของตัวละครต่างๆ มาจินตนาการและนำเสนอออกมาในรูปแบบของเชฟเอง ผ่านทางชุดน้ำชายามบ่ายสุดคลาสสิกเซตนี้ ที่ประกอบไปด้วยเมนูของคาวและขนมหวานหน้าตาน่ารับประทานนานาชนิด…
ท่านที่กำลังหาสถานที่กินดื่ม พักผ่อนในวันอาทิตย์ แต่ยังติดไม่อยากตื่นเช้าแต่งตัวเพื่อมาให้ทันเวลาบรันช์ ณ เวลานี้ห้องอาหารอิลาเลียน La Tavola ของโรมแรม Renaissance มีทางออกให้คุณแล้วครับ ครั้งแรกของห้องอาหารอิตาเลียนชั้นนำ ที่ได้รับรองโดยกรมการค้าของอิตาลี อย่าง La Tavola ที่จัดบุฟเฟ่ต์ในห้วงเวลาสุดฮิป ไม่ซ้ำใคร สไตล์อิลาเลียนเป็น Apomeridiano Sunday หรือ วันอาทิตย์ยามบ่ายก่อนอาหารเย็น ให้ได้มาพักผ่อนกัน บุฟเฟ่ต์อันติปาสโต (Antipasto) หรืออาหารเรียกน้ำย่อยหลายชนิด พร้อมพาสต้า นอกจากนี้ยังสามารถเลือกที่จะเพิ่ม free flow Italian wine & cocktail และ เมนคอร์สที่นำเมนูตัวท๊อปของ La Tavola มาเสิร์ฟได้อีกด้วย ห้องอาหาร La Tavola นี้ตั้งอยู่ในโรงแรม Renaissance Ratchaprasong ชั้นสามตรงข้ามกับห้องอาหารจีน Fei Ya โดยช่วง Apomeridiano นี้จะเริ่มเสิร์ฟตั้งแต่บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น หลังจากเข้าในร้านที่ตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองส้มสดใส ชวนครึกครื้น กับแสงอาทิตย์ยามบ่าย ท่านจะพบกับ บาร์เครื่องดื่ม และไลน์บุฟเฟ่ต์อันติปาสโตหลากชนิดทั้งจากตอนเหนือและตอนใต้ของอิตาลีหลากชนิด ทั้งขนมปัง ชีส พาร์มาแฮม พิซซ่า และค็อกเทลอาหารทะเลพร้อมกับไลน์ขนมปังกับแยมผลไม้ ส่วนที่น่าสนใจเช่น Antipasti Asiago สารพัดโคลคัทชั้นดี Prosciutto di parma, Coppa และ Apulian salami Bread Corner: Ciabatta bread, rosemary stick, Piadina, Apulian focaccia with tomato and onionButter, extra virgin olive oil and balsamic selection รังผึ้งที่กินได้ทั้งตัวน้ำผึ่งและตัวรังที่เคี้ยวกรุบอร่อย Pizza Del Giorno Selection of pizza…
Café Claire ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่สไตล์เฟรนช์บิสโทร ตั้งอยู่ที่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรม Oriental Residence Bangkok บนถนนวิทยุ ใจกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อเข้าไปภายในร้านจะพบกับการตกแต่งอย่างเรียบหรูสไตล์ฝรั่งเศส ด้วยเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ สีเอิร์ธโทน มีพนักงานคอยต้อนรับ ดูแล และให้บริการอย่างดี และเมื่อมองออกไปภายนอก จะเห็นต้นไม้สีเขียวขจีอยู่รายรอบ จึงทำให้สัมผัสได้ถึงความสงบ ร่มรื่น อบอุ่น และเป็นกันเอง เหมาะที่จะเปลี่ยนบรรยากาศจากความวุ่นวายภายนอก มานั่งรับประทานอาหาร หรือเพียงแต่จิบน้ำชายามบ่าย ราวกับได้ไปพักผ่อนอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียว สำหรับในช่วงนี้ (12 สิงหาคม 2562 ถึง 31 ธันวาคม 2562) Café Claire ได้จัดชุดน้ำชาธีมใหม่ที่มีชื่อว่า Ferris Wheel Afternoon Tea ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก London Eye ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป โดยจัดวางอาหารทานเล่นและขนมหวานต่าง ๆ มาบนชิงช้าสวรรค์สีโรสโกลด์สุดอลังการ สามารถหมุนตัววงล้อของชิงช้าสวรรค์ได้ ทำให้ถ่ายภาพอาหารได้ทุกเมนู จะถ่ายมุมไหนก็งดงาม หรือจะถ่ายภาพคนผ่านวงล้อของชิงช้าสวรรค์ก็เก๋ไปอีกแบบ เหมาะกับการถ่ายภาพอวดลงโซเชียลเป็นอย่างยิ่ง ชุดน้ำชา Ferris Wheel Afternoon Tea นี้ ประกอบไปด้วย เครื่องดื่ม จะเป็นชา TWG แบรนด์ชาสุดหรูระดับพรีเมี่ยม มีให้เลือกถึง 16 รสชาติ โดยสามารถเลือกได้ 2 รสชาติ ในวันนี้ได้เลือก Pink Flamingo Tea จะเป็นเครื่องดื่มเย็น ส่วนประกอบหลักเป็นชาเขียว แต่มีสีแดงออกชมพูระเรื่อ เนื่องจากมีส่วนผสมของดอกไม้อยู่ด้วย โดยจะเสิร์ฟมาในแก้วทรงสูง ท็อปด้านบนด้วยเลมอน มีไซรัปให้ต่างหาก สามารถเพิ่มความหวานได้ตามชอบใจ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น เหมาะกับผู้ที่ชอบรสเปรี้ยวหวาน และ Silver Moon Tea เป็นชาเขียวเช่นเดียวกัน แต่มีส่วนผสมของสตรอเบอรี่อบแห้ง วานิลลา และเครื่องเทศเล็กน้อย ทำให้ได้ทั้งความหอมและสดชื่นในส่วนของอาหารทานเล่นและของหวานนั้น ประกอบไปด้วย Quiche Lorraine (คีช ลอร์เรนน์) หรือที่ดั้งเดิม คือ…
ชวนกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารนอร์ดิก – ไทยกับเมนูที่ได้รับความนิยม จากรูปแบบเซตสู่อาหารจานเดี่ยวที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้องอาหาร ฟร้อนท์ รูม (Front Room) โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ โดยเชฟเฟ รุ่งทิวา ชุ่มมงคล และทีมเชฟประจำห้องอาหาร นำอาหารจานเด่นในแต่ละเซตเมนู (Tasting menu) ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามารวมเป็นเมนูอาหารจานเดี่ยว ที่พร้อมเสิร์ฟในรูปแบบใหม่ที่เหมาะกับการรับประทานร่วมกัน (Sharing concept) ในราคาเริ่มต้นที่จานละ 400++ บาท ถึง 1,500++ บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้องอาหารฟร้อนท์ รูม เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม ปีพุทธศักราช 2561 โดยทางห้องอาหารได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างชาติที่ได้มาลิ้มลองอาหารสไตล์ใหม่แบบนอร์ดิก-ไทยที่มีเอกลักษณ์และสร้างสรรค์ โดยอาหารแต่ละจานในแต่ละเซตเมนู เชฟเฟและทีมเชฟห้องอาหารนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำอาหารแบบนอร์ดิกที่เน้นการหมัก ดอง รมควัน มาปรุงเป็นอาหารจานใหม่ที่เน้นการใช้วัตถุดิบ และสมุนไพรท้องถิ่นส่วนมากที่หาได้ในคุณภาพที่ดีเยี่ยมในประเทศไทยได้อย่างลงตัว สร้างสรรค์ มีศิลปะ และรสชาติกลมกล่อมอย่างมีเอกลักษณ์ “เชฟกับทีมเชฟได้วางแผนเปลี่ยนเซตเมนูอาหารทุกๆสี่เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เราเลือกมาใช้ให้มีคุณภาพที่ดีที่สุดในแต่ละฤดูกาล ด้วยกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบอาหารบางจานจากเซตเมนู (Tasting menu) ที่เราได้แนะนำตั้งแต่เปิดร้าน จวบจนปัจจุบันที่เราได้แนะนำเซตเมนูที่ 4 ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ เชฟจึงเลือกเมนูอาหารจานโปรดที่โดดเด่นมารวมอยู่ในเมนูอาหารจานเดี่ยว พร้อมแนะนำการเสิร์ฟอาหารในสไตล์ใหม่ที่ลูกค้าสามารถสั่งอาหารหลากหลายจานมารับประทานร่วมกัน” เชฟเฟ รุ่งทิวา ชุ่มมงคล หัวหน้าเชฟห้องอาหาร ฟร้อนท์ รูม กล่าว …/อาหารจานเด่นแนะนำ ห้องอาหาร ฟร้อนท์ รูม โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ นำอาหารจานเด่นจากเซตเมนูรวมเป็นเมนูอาหารจานเดี่ยว หน้า 2 อาหารจานเด่นแนะนำ อาทิ เอเชี่ยน แปซิฟิก ปลากระพงสดโรยผงกระเทียมเสิร์ฟพร้อมบล็อกโคลี่และโฟมมะพร้าว แอตแลนติก ลักซ์ ปลาแซลมอน รับประทานคู่กับแครอทและมายองเนสข้าวคั่ว บลูออฟเดอะซี สลัดปูคลุกผงกระหรี่สไตล์เฉพาะของฟร้อนท์ รูม เรส อิน โคราช เนื้อทาร์ทาร์คลุกผงพริกลาบเนื้อ สมุนไพรจากทางภาคเหนือ และมะละกอดอง สุโขทัย ดักซ์…
โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ชวนคุณมาดื่มด่ำความรื่นรมย์ยามบ่าย ด้วยชุดน้ำชายามบ่ายคอนเซปต์ใหม่ เฟอรีส วีล อาฟเตอร์นูน ที (Ferris Wheel Afternoon Tea) ที่จะมาทำให้คุณเพลิดเพลินและหลงใหลในเสน่ห์การจิบชา Ferris Wheel Afternoon Tea ชุดน้ำชายามบ่ายที่ได้แรงบันดาลใจจาก ลอนดอน อาย (London Eye) ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป แลนด์มาร์คสำคัญที่สะท้อนถึงความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์งานดีไซน์ของชาวอังกฤษ ผ่านนานาเมนูคาวหวาน รสเลิศ ที่รังสรรค์มาอย่างพิถีพถัน โดยเชฟเอริค วีดแมน หัวหน้าพ่อครัวดีกรีเชฟผู้ท้าชิงที่ชนะในรายการกระทะเหล็ก ประจำห้องอาหารคาเฟ่ แคลร์ เสิร์ฟคู่กับชา TWG แบรนด์ชาสุดหรูระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยม ที่เรียงรายมาให้เลือกหลากหลายรสชาติ ร่วมสัมผัสสุนทรียภาพยามบ่ายในรูปแบบใหม่ ไปกับเฟอรีส วีล อาฟเตอร์นูน ที ได้แล้ววันนี้ ที่ห้องอาหารคาเฟ่ แคลร์ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ให้บริการทุกวัน เวลา 14:30-17:30 น. ในราคาเซ็ตละ 1,250 บาท++ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ที่คาเฟ่ แคลร์ โทร 0 2125 9000 ต่อ 9080 หรือ อีเมล [email protected] Ferris Wheel afternoon tea Kin Promo KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด…
เปิดค่ำคืนมหกรรมนาฬิกาครั้งยิ่งใหญ่แห่งภูมิภาคเอเชียประจำปี ครั้งที่ 21 สุดตระการตา สำหรับงาน “เซ็นทรัล | เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2019” (Central | ZEN International Watch Fair 2019) ภายใต้คอนเซปต์“More Than Time Itself” ชวนเปิดประสบการณ์สัมผัสนวัตถกรรมเรือนเวลา ส่งตรงจาก 2 งานแสดงนาฬิการะดับโลก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ครบครันด้วยสุดยอดแบรนด์นาฬิการะดับเวิลด์คลาส แบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะห้างเซ็นทรัล รวมถึงคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด ลิมิเตด เอดิชั่น รวมกว่า 180 แบรนด์ มาให้อัปเดตพร้อมกันที่ประเทศไทย ณ ดิ อีเว้นต์ ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. – 16 ก.ย. 2562และที่แผนกนาฬิกาห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และเซน จนถึงวันที่ 8 ต.ค. 2562 ภายในงานซึ่งจัดขึ้น ณ ดิ อีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ได้รับเกียรติจาก ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ และธาพิดา นรพัลลภ ออมนิ-แชนแนล เมอร์ชั่นไดซิ่ง ไดเร็กเตอร์ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ร่วมด้วยผู้บริหารค่ายนาฬิกาชั้นนำ ตลอดจนเหล่าเซเลบริตี้ ที่หลงใหลเรือนเวลาร่วมงานคับคั่ง อาทิ ปัญญ์ชลี เพ็ญชาติ, สุรีย์ รัตนหิรัญญา, จุไรรัตน์ ภิรมย์ภักดี, อรุยา พุทธินันท์, สิดารัตน์ พุทธินันท์, ศศิวิมล ดารารัตนโรจน์, สุริยน ศรีอรทัยกุล, นันทวัน แสงธรรมกิจกุล, ทิพย์สิริ เทวกุล ณ อยุธยา, สุวรา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา,ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล, ศรินญา มหาดำรงค์กุล, กฤตยา มหาดำรงค์กุล, ม.ล.ธนฉัตร ฉัตรชัย, ธนพนธ์ เบญจรงคกุล, รัสวดี ควรทรงธรรม, พิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา ธาพิดา นรพัลลภ ออมนิ-แชนแนล เมอร์ชั่นไดซิ่ง ไดเร็กเตอร์ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า “ทุกช่วงการจัดงานในปี 2019 นี้ เราได้คัดสรรช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อนาฬิกา ซึ่งห้างเซ็นทรัลตั้งใจจัดขึ้นเพื่อนำคอลเลกชั่นล่าสุดจากแบรนด์ดังระดับโลกตลอดจนเรือนไฮไลต์ ส่งตรงจากงาน Basel…
โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพฯ เปิดตัวรูปโฉมใหม่ของ 4 ห้องอาหารบนชั้น 3 ของโรงแรมฯ, หลังปิดปรับปรุงเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา, เพื่อให้เป็นศูนย์รวมห้องอาหารระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศสแนวใหม่ “เราเชื่อว่าการที่โรงแรมฯ มีบริการห้องอาหารระดับพรีเมี่ยมหลากหลายประเภท ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศสแนวใหม่ อยู่ในแห่งเดียว จะสามารถดึงดูดใจนักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ชื่นชอบความหลากหลาย และไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปต่างสถานที่” คุณชูเลง โก ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม ดิ แอทธินี กล่าว “เราทุ่มทุนมหาศาล ในการปิดห้องอาหารทั้งหมดบนชั้น 3 เพื่อปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่เป็นเวลาถึง 6 เดือนเต็ม อีกทั้งการได้พันธมิตรอย่างเจฟ แรมซีย์ มาร่วมงาน เรามั่นใจว่าจะเป็นที่กล่าวขวัญ และได้รับการตอบรับที่ดีเลิศจากลูกค้าผู้มีโอกาสมาเยือน ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ” คุณชูเลง โก ยังกล่าวต่อไปว่า นอกเหนือไปกว่าอาหารที่มีคุณภาพและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่แล้ว โรงแรมยังคงมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับขั้นตอนการผลิตอาหารเพื่อการอนุรักษ์และความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นนโยบายหลักของโรงแรมมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โรงแรม ดิ แอทธินี จึงเป็นโรงแรมแรกในโลก ที่ได้รับใบประกาศ ISO 20121 ในด้านมาตรฐานการจัดงานนิทรรศการและการประชุม เพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จนถึงปัจจุบัน ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 6 แล้ว บริเวณชั้น 3 ของโรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพฯ ประกอบด้วยห้องอาหาร 4 ห้อง ดิ อัลเลียม แบงค็อก (The Allium Bangkok) – ห้องอาหารหลักมี 74 ที่นั่ง บริเวณบาร์ 8 ที่นั่ง และบริเวณชั้นบน ที่สามารถจัดเป็นกรุ๊ปส่วนตัวได้ 38 ที่นั่ง ร็อกซาน แลงจ์…
“Sushiyoshi” เป็นร้านอาหารญี่ปุ่ นสไตล์”Omakase” โดยผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมในแบบ “เอโดะมาเอะ-ซูชิ” (Edomae-Sushi)และมีกลิ่นอายไปทางฝรั่งเศส ซึ่งการทานแบบ Omakaseของเราเป็นการเปิดโอกาสให้เชฟมีอิสระในการรังสรรค์เมนูอย่างเต็มที่ ไม่มีกฎเกณฑ์ ตายตัว ในทุกเมนูของ Sushiyoshiจะถูกออกแบบในสไตล์”Co-Creation”ซึ่งเป็นไอเดียที่เกิดจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอรวมกับการบ่มเพาะประสบการณ์มายาวนานหลายทศวรรษ เมนูได้ถูกสร้างสรรค์อย่างตั้งใจให้มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไปในแบบ “Fusion”(โซซาคุ) ยิ่งไปกว่านั้นเมนูจะถูกคัดสรรโดย ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงฤดูกาลนั้นๆ ส่งตรงจากตลาดปลาในญี่ปุ่ น ซึ่งเมนูจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอย่าง หลากหลายไม่จ าเจ ดังนั้นแต่ละปีเมนูของเราจะไม่เหมือนกัน คุณสามารถมาเติมเต็มประสบการณ์พิเศษที่ หลากหลายกันออกไปในแต่ละช่วงฤดูกาล เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะได้ดื่มด ่ากับมื้อสุดพิเศษในวันนี้อย่างเต็มที่และได้รับประสบการณ์ทานโอมากาเสะที่ แตกต่างและความประทับใจที่ลืมไม่ลง… Update 29th August 2019 Sushiyoshi Bangkok Sale Kit Sushiyoshi Course:6,800 baht ++ ส าหรับรอบเดือนสิงหาคม-กันยายน 2019 (ไม่รวมเครื่องดื่ม,7% VATและ10% Service Charge) ส าหรับ Course Menuจะแบ่งเป็นวันละ 2รอบ Dinner 1:17.30 – 20.00 Dinner 2:20.30 – 23.00 *ส าหรับลูกค้าที่ต้องการพร้อมกับครอบครัวและเด็กเล็ก ทางร้านยินดีต้อนรับเด็กอายุตั้งแต่10 ปีขึ้นไป โดยจะเป็นการจัดอาหารcourseเดียวกันกับท่านอื่นๆ:) สถานที่ : W Bangkokชั้น 1(สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรีExit1) เชฟประจ าที่ร้าน คือ Head Chef Satoru Kubotaและ Sous Chef Takanori Haraจะเป็น 2Japanese Chefs ที่ ได้รับการไว้วางใจจาก Master Chef Hiroki ให้ดูแลสาขาที่ประเทศไทยครับ ประสบการณ์ในการปั้น Omakase เกิน 10 ปีเช่นกัน Update 29th August 2019 รายละเอียดการจอง :…
สำหรับชาวตะวันตกช่วงคริสต์มาสก็จะส่งต่อความสุขกันด้วยแฮมเปอร์ สำหรับชาวเอเชียเชื้อสายจีนเองก็มี ขนมไหว้พระจันทร์มาส่งมอบให้กันและกัน และแน่นอนว่านอกจาก รสชาติ ก็ยังมีกล่องซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ หลายคนซื้อเพื่อมอบให้กันหรือซื้อเก็บก็เพราะความสวยของกล่องนี่แหละครับ และความแปลกใหม่สร้างสรรค์ของไส้ในปัจจุบันที่นับวันยิ่งมากมาย หลากหลาย น่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้ KinlakeStars.com – กินแหลกแจกดาว ได้รวบรวมทำรีวิว ขนมไหว้พระจันทร์ ประจำปี 2019 ชั้นนำในกรุงเทพฯ หลากหลายสไตล์ รวมถึงการคัดสรร จากกองบรรณาธิการที่ชิมและตัดสินด้วยเกณฑ์ที่มาตรฐาน มาให้ทุกท่านได้ ลองอ่าน ลองชมประกอบการตัดสินใจซื้อมาลอง มาไหว้ เอาไปให้ หรือเอามาชิม เข้าสู่ช่วงเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์อีกครั้ง ในทุกๆช่วงกลางปี กลางฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นเวลาแห่งการไหว้พระจันทร์ สิ่งที่ตามมาคือขนมไหว้พระจันทร์ อันเป็นขนมที่โปรดปรานของใครหลายคน แม้กาลเวลาจะผ่านไปนับพันปี แต่ทว่าความนิยมในขนมไหว้พระจันทร์กลับเพิ่มมากขึ้น และมีการพัฒนา สร้างสรรค์ ขนมไหว้พระจันทร์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับเปลี่ยนขนาด รูปทรง รสชาติ ส่วนผสม ไส้ แป้ง และอีกสิ่งสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนซื้อขนมไหว้พระจันทร์นั่นคือ กล่อง และบรรจุภัณฑ์ ที่ทุกๆแห่งต่างแข่งขันกันรังสรรค์กล่อง และบรรจุภัณฑ์ให้งดงามและหลากหลาย หมวดหมู่ไส้แปลกสร้างสรรค์ Swissotel Bangkok น้ำลายสอไปกับขนมไหว้พระจันทร์สุดยั่วต่อมรับรส ส่งต่อความสุขกับขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายรสชาติแปลกใหม่ ฮันนี่ยูซุ มะม่วงน้ำปลาหวาน จาก Swissotel Bangkok Ratchada อ่านต่อที่>>> W Bangkok W Moonkit: Lift off! ออกเดินทางชมจันทร์ไปกับ ขนมไหว้พระจันทร์สุดชิค ทั้งรส ทั้งกล่อง จาก W hotel Bangkok อ่านต่อที่>>> Marriott Marquis Bangkok สืบสานวัฒนธรรมอันดีงามพร้อมสุขภาพดี ด้วย “ขนมไหว้พระจันทร์สูตรยาจีนเพื่อสุขภาพ” ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค อ่านต่อที่>>> Dusit Thani Bangkok ขนมไหว้พระจันทร์กับชื่ออันเป็นตำนาน พร้อมรสที่แปลกใหม่ทั้งลูกบัวรังนก อินทผาลัมน้ำผึ้ง ทรัฟเฟิลเกาลัดแสนหอม และไส้ดั้งเดิมสูตรต้นตำหรับอย่างทุเรียนที่ใช้ทุเรียน 100% ณ Dusit Suites Hotel…