ฮิโช (Hishou) สไตล์อาหาร: อาหารญี่ปุ่น ขนาดของห้องอาหาร: ห้องอาหารหลักมี 70 ที่นั่ง, 6 ที่นั่งบริเวณสาเกบาร์ และห้องส่วนตัว 2 ห้อง สามารถรับรองได้ 6 และ 20 ที่นั่ง การแต่งกาย: สุภาพ กรุณางดเว้นการสวมใส่กางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ เวลาเปิดให้บริการ: เปิดบริการทุกวัน มื้อเช้า 06.00-10.30 น., มื้อกลางวัน 11.30-14.30 น., มื้อค่ำ 17.30-22.30 น. ความเป็นมา ชื่อ “ฮิโช” มีความหมายว่า “บินสูง” ห้องอาหารแห่งนี้ให้บริการอาหารญี่ปุ่น โดยมีเมนูเด่น คือ เซ็ทเมนูเทมปุระ และบุฟเฟ่ต์ของว่างสไตล์ญี่ปุ่น และเมนูอาหารญี่ปุ่นรสเลิศแบบอาลาคาร์ตอีกมากมาย ห้องอาหารมีบริเวณสาเกบาร์ซึ่งสามารถสั่งอาหารมารับประทานได้เช่นกัน บรรยากาศและการตกแต่ง ห้องอาหารฮิโช ตั้งอยู่บนชั้นล่างสุดของโรงแรม โดดเด่นด้วยหุ่นซามูไรชุดเกราะสีแดงขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้า ห้องอาหารหลักมีบริเวณกว้างขวาง โดยมีสาเกบาร์ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้า ด้านหลังของบาร์ประดับประดาด้วยขวดสาเกขนาดใหญ่หลากหลายชนิด บริเวณห้องอาหารมีไลน์บุฟเฟ่ต์ตั้งอยู่ตรงกลาง และห้องส่วนตัว 2 ห้อง การตกแต่งน่าสนใจด้วยปล้องไม้ไผ่ที่เรียงตัวอย่างสวยงามตลอดแนวเพดาน ให้แสงส่องผ่านลงมาระยิบระยับ เสมือนแสงของหิ่งห้อยที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางปล้องไม้ไผ่ ผนังด้านหนึ่งกรุกระจกใส โดยมีต้นไผ่เรียงรายเพื่อกรองแสงตามธรรมชาติที่ส่องเข้ามาให้อบอุ่นสบายตา การใช้วัสดุที่ทำจากไม้ไผ่ที่สวยงาม ผสมผสานวัสดุธรรมชาติตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม และการตกแต่งภายในที่ทันสมัย สร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่ให้กับห้องอาหาร การเรียงตัวของไม้ไผ่บนเพดานที่มีความสูงต่ำ เสมือนการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ และเห็นแสงระยิบระยับประหนึ่งแสงของหิ่งห้อยส่องผ่านแนวปล้องไม้ไผ่ลงมา เป็นไฟตกแต่งแนวล้อเลียนธรรมชาติที่สวยงาม เมนู เมนูเด่นของห้องอาหารฮิโช คือ เซ็ตเทมปุระ 2 เซ็ต ซึ่งมีตัวเลือกมากมาย อาทิ ปูหิมะ, กุ้ง, ปลา, ปลาหมึก, ปลาไหล, ปลาหมึกยักษ์, ชีสกามองแบร์ และไข่นกกระทา พร้อมด้วยผักหลายชนิดและใบโอบะหรือใบชิโสะ (Oba leaf) บุฟเฟ่ต์โอซูไซ (Osouzai) ตรงกลางห้องอาหาร ให้บริการทั้งในรูปแบบที่เลือกรับประทานเฉพาะบุฟเฟ่ต์อย่างเดียว หรือรับประทานร่วมกับเซ็ตเทมปุระ ทางด้านเมนูอาลาคาร์ตนั้น ประกอบด้วย เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เช็ตปลาดิบ, เซ็ตซูชิ,…
Author: Kittin Assavavichai
อัพ แอนด์ อะบัฟ บาร์ (Up & Above Bar) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) เชิญชวนทุกท่านมาลิ้มรสขนมนานาชนิดในชุดน้ำชายามบ่ายสีม่วง สีสันของทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในช่วงฤดูร้อนที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นให้บริการระหว่างวันที่ 1 กรกฏาคม – 30 กันยายน 2562 เท่านั้น เชฟ เซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf ) หัวหน้าพ่อครัวเบเกอร์รี่ (Executive Pastry Chef) ได้นำสีและกลิ่นของดอกลาเวนเดอร์มาใช้ออกแบบขนมในชุดน้ำชายามบ่ายสีม่วงธีมลาเวนเดอร์เพื่อให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับการจิมน้ำชายามบ่ายราวกับนั่งอยู่ท่ามกลางความงดงามของทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในประเทศญี่ปุ่น ขนมนานาชนิดน่ารักน่ารับประทานได้แก่ มาการองพิมพ์ลายลาเวนเดอร์สอดไส้ครีมแบล็คเคอเรนท์ ช็อกโกแลตพราลีนลาเวนเดอร์ที่ทำจากเมล็ดโกโก้แทนเนียชั้นดี ชีสเค้กลาเวนเดอร์ ขนมเค้กรสพีช ทาร์ทช็อกโกแลตและแบล็คเคอเรนท์ เค้กลูกแพรและถั่วอัลมอนด์ ครีมโยเกิร์ตผสมน้ำผึ้งกลิ่นลาเวนเดอร์ สโคนสูตรดั้งเดิม ขนมปังบริยอช์ไส้ซอสโหระพาโรยไข่ปลาแซลมอน ขนมปังหน้าแตงกวา ขนมปังไส้ไก่สไตล์อังกฤษ ขนมปังหน้าแซลมอนสไลด์สไตล์ฝรั่งเศสหมักด้วยบีทรูท ทั้งหมดนี้สามารถเลือกรับประทานคู่กับชามาคิยาจ แฟรส์ (Mariage Frères) ชาชั้นเลิศสัญชาติฝรั่งเศส โดยได้เลือกชา “Vert Provence” เป็นชาพิเศษที่ให้บริการเฉพาะชุดน้ำชาลาเวนเดอร์เท่านั้น ชากลีบดอกบัวซาโรที (Saro Tea) หรือกาแฟอิลลี่ (Illy) ให้บริการทั้งแบบร้อนและเย็น ชุดน้ำชายามบ่ายสีม่วง ธีมลาเวนเดอร์ มีให้บริการรระหว่างวันที่ 1 กรกฏาคม – 30 กันยายน 2562 เวลา 14.00 น. – 17.00 น. ราคาเริ่มต้นชุดละ 1,290++ บาท ราคารวมเครื่องดื่มชาหรือกาแฟสำหรับ 2 ท่าน อัพ แอนด์ อะบัฟ บาร์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 24 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ…
โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ ขอเชิญสัมผัสประสบการณ์จิบน้ำชายามบ่ายที่พิเศษมากขึ้นกว่าเดิม กับ “เจแปนนีส ไฮที แอท สุรวงศ์” พร้อมการกลับมาอีกครั้งของเชฟรับเชิญเจ้าของรางวัลมากมาย เชฟอิบูกิ มัทสุโมโต ที่จะมาโชว์ฝีมือการทำขนมเค้กสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมเสิร์ฟคู่กับไฮทีที่เดอะ ล็อบบี้ เล้านจ์ ตั้งแต่วันที่ 23-29 มิถุนายน 2562 และเชฟยังเปิดคลาสสอนทำอาหารในวันที่ 23, 28และ 29 มิถุนายนอีกด้วย ด้วยคะแนนโหวต 5 ดาวและอันดับ 5 บน TripAdvisor เดอะ ล็อบบี้ เล้านจ์ คือจุดหมายแห่งใหม่สำหรับการจิบน้ำชายามบ่าย เพลิดเพลินไปกับไฮทีสไตล์ญี่ปุ่น ที่มาพร้อมขนมเค้กสไตล์ญี่ปุ่นโดย เชฟอิบูกิ มัทสุโมโต เช่นเครมบรูเล่ พิตาชิโอ มองบลังค์เค้ก และทรอปิเคิล มูส เสิร์ฟพร้อมชารอนเนเฟลด์ โปรโมชั่น “เจแปนนีส ไฮที แอทสุรวงศ์” สไตล์ญี่ปุ่นพร้อมบริการตั้งแต่วันที่ 23-29 มิถุนายน 2562 ตั้งแต่ 12.00-18.00 น. ที่เดอะ ล็อบบี้ เล้านจ์ ในราคา 750++ บาทต่อเซทสำหรับ 2 ท่าน ร่วมคลาสสอนทำอาหารกับเชฟมัทสุโมโต ในวันที่ 23, 28และ 29 มิถุนายนผู้เข้าคลาสจะได้เรียนรู้เคล็ดลับในการทำขนมหวานรสเลิศ ตามด้วยไฮทีในบรรยากาศสบายๆ ในเวลา 14.00 น. – 17.00 น.ในราคา 988++ต่อท่าน เมนูสำหรับคลาสสอนทำอาหารมีดังนี้ อาทิตย์ 23 มิถุนายน – ไอศครีมโมจิสตรอเบอร์รี่ศุกร์ 28 มิถุนายน – กรีนทีพาร์เฟ่ต์เสาร์ 29 มิถุนายน – ทิรามิสุชาเขียว เชฟอิบูกิ มัทสุโมโต เริ่มงานในฐานะเชฟที่โรงแรมโตเกียว ฮิลตัน และผ่านงานในโรงแรมระดับสากลมาหลายโรงแรม รวมทั้ง เดอะ เซ็นจูรี…
ห้องอาหารยามาซาโตะ (Yamazato) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) ห้องอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับ ‘มิชลิน เพลท’ (Michelin Plates)ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 จากคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย เชิญทุกท่านมาลิ้มลองอาหารจานพิเศษที่เชฟคัดสรรวัตถุดิบที่ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานในช่วงต้นฤดูร้อน จัดเป็นอาหารชุดพิเศษ ให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ระหว่างวันที่ 1 ถึง 23 มิถุนายน 2562 เท่านั้น การคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นมารังสรรค์เป็นเมนูพิเศษต่างๆ ถือเป็นสิ่งที่เชฟ ชิเงรุ ฮางิวาระ (Shigeru Hagiwara) หัวหน้าพ่อครัว (Master Chef)ประจำห้องอาหาร ยามาซาโตะ ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก เพราะนอกจากลูกค้าจะได้รับประทานอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ตรงตามฤดูกาลแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับรสชาติที่อร่อยที่สุดของวัตถุดิบนั้นๆ อีกด้วย ซึ่งในช่วงต้นฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานปลาไหล เพราะปลาไหลนั้นอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และวิตามินบี ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานและโปรตีนเพิ่มขึ้น พร้อมต่อสู้กับอากาศอบอ้าวในช่วงฤดูร้อน เชฟ ฮางิวาระ จึงนำปลาไหลและวัตถุดิบอื่นๆ อีกหลายชนิดที่มีรสชาติดีในช่วงต้นฤดูร้อนมารังสรรค์เป็นอาหารชุดพิเศษ โดยอาหารชุดมื้อกลางวัน มีเมนูที่ไม่ควรพลาด อาทิ ปลาไหลตุ๋นเสิร์ฟพร้อมกับกุ้งและเห็ดราดซอสครีมงา ซุปลูกชิ้นหอยเชลล์ใส่เห็ดชิเมจิ ปลาดิบชั้นดี 3 ชนิด (ปลาทูน่า ปลาหมึกญี่ปุ่น ปลาซาร์ดีน) และเมนูแนะนำปลามูนฟิชย่างราดซอสมันฝรั่งหวาน ตามด้วยข้าวสวยญี่ปุ่นคลุกเคล้ากับเนื้อปู เสิร์ฟกับซุปมิโซะร้อนๆ ส่วนขนมหวานให้บริการพุดดิ้งมะม่วงราดซอสชาเขียวและถั่วแดง พร้อมกับผลไม้สดตามฤดูกาล ส่วนอาหารชุดมื้อค่ำ “ไคเซกิ” มีอาหารพิเศษ อาทิ มะเขือม่วงย่างเสิร์ฟกับหอยเชลล์ กุ้ง และเห็ดไมทาเกะนึ่งสาเกราดด้วยซอสหอยเม่น ซุปใสใส่ลูกชิ้นเนื้อปูขนญี่ปุ่น ปลาดิบชั้นดี 4 ชนิด (ปลาทูน่า ปลาหางเหลือ กุ้งหวานญี่ปุ่น ปลาซาร์ดีน) ปลาแมคเคอเรลย่างราดซอสมิโซะกับมะเขือเทศ รับประทานคู่กับเบคอนห่อข้าวโพดอ่อนและผลแบล็คเคอร์แรนท์อบแห้ง เทมปุระปูหิมะ ปลาไหล และผักต่าง ๆ เส้นหมี่น้ำญี่ปุ่นหน้าปลาไหล พุดดิ้งมะม่วงราดซอสชาเขียวและถั่วแดง ให้บริการพร้อมกับผลไม้สดตามฤดูกาล เป็นต้น อาหารชุดพิเศษสำหรับช่วงต้นฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่นให้บริการระหว่างวันที่ 1ถึง23 มิถุนายน 2562 มื้อกลางวันราคาชุดละ 1,500++ บาท ให้บริการตั้งแต่เวลา 11.30 น. ถึง 14.30 น. และมื้อค่ำราคาชุดละ…
โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพเปิดตัวคอนเซ็ปต์ใหม่สำหรับมื้อค่ำ ที่ได้รวบรวมเมนูเนื้อสัตว์ระดับคุณภาพ ปรุงด้วยเทคนิคการทำอาหารสไตล์อเมริกันแท้ ซึ่งเป็นที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายแบบ มีท แอนด์ ไฟร์ (meat and fire) ทิปซี่ คาว (Tipsy Cow)ไดน์นิ่งคอนเซ็ปต์ใหม่จากเดอะคิทเช่นเทเบิ้ล (The Kitchen Table) หนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ตั้งอยู่ใจกลางสาทร ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง มาพร้อมดีไซน์ของห้องอาหารที่มีเอกลักษณ์ ครั้งนี้ นำเสนอเมนูเนื้อสัตว์เกรดพรีเมียมหลากหลายชนิด ที่นำมาปรุงด้วยกรรมวิธีสไตล์อเมริกันแท้ เช่น การปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิต่ำให้สุกอย่างช้าๆ (low-temp, slow-cook) รมควัน ย่าง เป็นต้น เมนูแนะนำ อาทิ เนื้อวัวเสือร้องไห้ออสเตรเลียรมควัน ซี่โครงหมูบาร์บีคิว เนื้อวากิวโทมาฮอว์กย่าง เบอร์เกอร์เนื้อวากิว‘ทิปซี่ คาว’และเทนเดอร์ลอยด์ (tenderloin)หรืออาหารคอมฟอร์ทฟู้ดอื่นๆอย่าง ลาซานญ่าเป็ด สปาเกตตีเนื้อวากิวมีทบอลซึ่งแต่ละจานถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันและปรุงด้วยเทคนิคระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีซอสให้ได้เลือกรับประทานคู่กัน อาทิ ซอสฮอลแลเดซ (hollandaise)ซอสครีมฮอสแรดิช(horseradish cream)และซอสครีมพริกไทย(peppercorn jus)ที่จะทำให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้น เชฟ สตีเว่น คิม(Steven Kim)ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารโรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ และเชฟธิติกร ชุนอ่อน หัวหน้าเชฟประจำเดอะคิทเช่นเทเบิ้ล(Chef De Cuisine) ซึ่งเป็นสองผู้สร้างสรรค์และอยู่เบื้องหลัง ทิปซี่ คาว พวกเขาได้คิดค้นและพัฒนาคอนเซ็ปต์นี้โดยใช้ความหลงใหลในกรรมวิธีทำอาหารนี้และประสบการณ์ที่พวกเขาได้สั่งสมมา จนได้ออกมาเป็น ทิปซี่ คาว นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงสไตล์อเมริกันอีกมากมายให้ได้เลือกอิ่มอร่อยและยังเข้ากันได้อย่างดีกับอาหารจานหลักจาก ทิปซี่ คาว พร้อมด้วยค็อกเทล ในแบบฉบับ ‘ดับเบิ้ลยู ค็อกเทล คัลเจอร์ (#WCocktailCulture)’ นำเสนอเครื่องดื่มหลากหลายเมนู ทิปซี่ คาว เปิดให้บริการทุกวันสำหรับมื้อเย็น ตั้งแต่เวลา 17.30 – 22.30 น. ที่เดอะคิทเช่นเทเบิ้ล ชั้น 2 สำหรับมือกลางวัน เดอะคิทเช่นเทเบิ้ลยังคงให้บริการบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน ‘ลั้นช์ เบรค (Lunch Break)’ ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เวลา 12.00-14.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง โทร 02 344 4210 หรือ อีเมล [email protected]ติดตามข้อมูลข่าวสารอัพเดทของโรงแรมดับเบิ้ลยูกรุงเทพ แบบ 24/7 ได้ที่ www.facebook.com/wbangkokหรือเว็บไซต์ www.wbangkok.com Kin Promo KinlakeStars.com casual dining, beef , Promotion, New menu, w bangkok KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ…
ห้องอาหารศิลาดลที่โรงแรมสุโขทัยกรุงเทพฯเป็นร้านอาหารที่ได้รับรางวัลคู่มือมิชลินที่ให้บริการเมนูอาหารไทยต้นตำรับมากมายในศาลาไทยดั้งเดิมและระเบียงปรับอากาศที่ล้อมรอบด้วยสระบัว เพื่อต้อนรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทยทุกคนเชฟ Rosarin และทีมงานที่มีความสามารถของเธอมีความภูมิใจที่จะแนะนำอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์และหายาก A la Carte และเมนูอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความปรารถนาที่จะเปิดโอกาสให้นักชิมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ของอาหารสไตล์ไทย ยิ่งพวกเขาเห็นและลิ้มรสมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งเชื่อว่าพวกเขาจะค้นพบรสชาติไทยแท้ๆ เชฟ Rosarin ใช้เวลาค่อนข้างนานในการศึกษาและพัฒนาอาหารที่เธอเลือกแต่ละเมนูเพื่อรวมเข้ากับเมนูใหม่ทั้งหมดนี้ เมนูใหม่ของเชฟ Rosarin สร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นให้กับแขกของเธอ ข้อความสำคัญจากเมนูใหม่ของเธอนั้นค่อนข้างเรียบง่ายเธอต้องการที่จะแนะนำทุกคนให้รู้จักกับอาหารไทยดั้งเดิมที่ได้รับการเตรียมและปรุงด้วยผลิตภัณฑ์โอทอปในรสชาติไทยที่เรียบง่าย สินค้าทุกชิ้นผลิตในสไตล์ไทยดั้งเดิม แต่ใช้เทคนิคและการชุบที่ทันสมัย อาหารแต่ละจานมาพร้อมกับรสนิยมที่แตกต่างและแน่นอนว่าเป็นการนำเสนอที่มีสไตล์ทางศิลปะ เชฟ โรสริน ยังได้คัดสรรอาหารพิเศษจากเมนูของเธอและนำเสนอเมนูชิมที่มีให้เลือกหกหรือเก้าจานที่ให้ประสบการณ์เต็มรูปแบบการเดินทางผ่านเส้นทางอาหารไทยจากบนลงล่าง เมนูชิมจะช่วยเติมเต็มความคาดหวังของอาหารไทยของคุณตั้งแต่ครั้งแรก ศิลาดลเปิดให้บริการทุกวัน: อาหารกลางวันเวลา 12:00 – 15:00 น. อาหารเย็นตั้งแต่เวลา 18:30 น. – 23:00 น. การแสดงรำไทยเปิดทำการทุกวันเวลา 20:00 น. และ 21:00 น. เมนู Tasting ให้บริการเฉพาะอาหารค่ำเท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2344 8888 หรือส่งอีเมล์ [email protected] KinlakeStars.com Fine dining, thai cuisine, Promotion, New menu KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ…
เอ็กเซ็คคิวทีฟพาสทรีเชฟ คริสตอฟ วิดเมอร์ หัวหน้า พ่อครัวขนมอบและขนมหวานมากประสบการณ์คนใหม่แห่งโรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ภูมิใจนำเสนออีกหนึ่งความคิดสร้างสรรค์อันน่าตื่นเต้นของเขา ด้วยการสรางสรรค์ดาร์กช็อกโกแลตบาร์เข้มข้นของเนื้อโกโก้ 70% สี่รสชาติใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นจากเมล็ดโกโก้พันธุ์ดีที่ปลูกและได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรมชาติจากทั้งสี่ภูมิภาคในประเทศไทย ด้วยส่วนผสมของน้ำตาลออร์แกนิคที่ได้รับตรารับรองอาหารและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคของสหรัฐอเมริกา (U.S. Department of Agriculture หรือ USDA) อุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ และสารพฤกษเคมีที่สำคัญ ได้แก่ สารโพลีฟีน และสารฟลาโวนอลที่มีประโยชน์สูงต่อสุขภาพ ผู้ที่หลงรักช็อกโกแลตทุกท่านสามารถมาลิ้มลองความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ดาร์กช็อกโกแลตบาร์ใหม่ทั้งสี่รสชาติได้แล้ววันนี้ที่ เดอะ ช็อคโกแลต บูทีค บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมฯ ในราคาเริ่มต้นที่ ชิ้นละ 100 บาทถ้วนเท่านั้น ด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนกรรมวิธีการผลิตของดาร์กช็อกโกแลตบาร์ทั้งสี่รสชาติใหม่ ประกอบกับ เชฟคริสตอฟต้องการช่วยส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น เขาจึงได้ คัดสรรและเลือกใช้เมล็ดโกโก้สายพันธุ์ดีที่ปลูกตามธรรมชาติในสี่จังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ เชียงใหม่, ชุมพร, จันทบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ผสมผสานกับประสบการณ์ด้านการทำขนมอบและ ขนมหวานอันยาวนานกว่า 32 ปี และความคิดสร้างสรรค์อันยากที่จะลอกเลียนแบบของเชฟคริสตอฟ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกท่านจะมีความสุขไปกับการลิ้มรสดาร์กช็อกโกแลตบาร์แสนอร่อยทั้งสี่รสชาติใหม่ที่เขาภูมิใจนำเสนอ ดาร์กช็อกโกแลตบาร์เข้มข้นของเนื้อโกโก้ 70% สี่รสชาติใหม่ ประกอบด้วย ดาร์กช็อกโกแลตบาร์จากจังหวัดเชียงใหม่: คัดสรรและเลือกใช้เมล็ดช็อกโกแลตพันธุ์ดีที่เพาะปลูกในพื้นที่ของอำเภอดอยสะเก็ดในฟาร์มปลูกเมล็ดโกโก้ที่มีอายุกว่าหนึ่งทศวรรษในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มอบความหอมหวานให้กับคนรักช็อกโกแลต โดยผสมผสานกลิ่นหอมของตัวผลไม้และกลิ่นหอมของดอกไม้ให้เข้ากับเนื้อสัมผัสของผลไม้แห้งท้องถิ่นได้อย่างลงตัว อันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ อันโดดเด่นของจังหวัดเชียงใหม่ ดาร์กช็อกโกแลตบาร์จากจังหวัดชุมพร: คัดสรรและเลือกใช้เมล็ดช็อกโกแลตพันธุ์ดีที่ปลูกและเจริญเติบโตในฟาร์มปลูกเมล็ดโกโก้ที่เปิดดำเนินการในจังหวัดชุมพรมาอย่างยาวนานจนมีความเชี่ยวชาญอย่างมากในการเพาะปลูก เมล็ดโกโก้ที่ผ่านกรรมวิธีการสกัดจนเป็นช็อกโกแลต เนื้อเนียนเข้มข้นสีสันสวยงาม เพิ่มความอร่อยด้วยรสชาติของถั่วกรุบกรอบ และกล้วยท้องถิ่น อีกทั้งผสมด้วยความเป็นกรดเล็กน้อยเพื่อให้รู้สึกสดชื่น ดาร์กช็อกโกแลตบาร์จากจังหวัดจันทบุรี: คัดสรรและเลือกใช้เมล็ดช็อกโกแลตพันธุ์ดีที่ปลูกในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในประเทศไทย ทำให้เมล็ดโกโก้เติบโตมาพร้อมกับมีรสชาติที่ดี เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ด้วยส่วนผสมจากถั่วและผลไม้ท้องถิ่น และลูกเกด เพื่อให้รสชาติแสนอร่อยและรสสัมผัสที่นุ่มละมุน ดาร์กช็อกโกแลตบาร์จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์: คัดสรรและเลือกใช้เมล็ดช็อกโกแลตพันธุ์ดีที่ปลูกในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วยประสบการณ์ด้านการปลูกเมล็ดโกโก้อันแสนยาวนาน ทุกขั้นตอนการผลิต โดยเริ่มต้นและสิ้นสุดกรรมวิธีในฟาร์มเดียวกัน สร้างรสชาติอันเข้มข้น และเพิ่มรสชาติความอร่อยมากขึ้นด้วยส่วนผสมหลักของมะพร้าวที่ให้เนื้อสัมผัสเข้มข้นหอมมัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 0 2236 7777 หรือ 0 2236 9952 หรือ อีเมล [email protected] หรือเว็บไซต์ http://www.shangri-la.com/bangkok/shangrila/dining/restaurants/the-chocolate-boutique/ chocolate boutique, shangrila, promotion, 2019 Kin PromoKinlakestars.com…
Europe Main Land นั้นเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลาย ศิลปะมากมาย ความหลากหลายทางเชื้อชาติ ความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและทรัพยากรที่อัดแน่นในพื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ เพียงคุณเดินข้ามหมู่บ้านหนึ่ง คุณก็จะพบการใช้ภาษาที่ต่างออกไป การเต้นรำอีกรูปแบบ และอาหารทั้งวัตถุดิบและการปรุงอันแสนหลากหลาย นั้นเป็นมนต์สเน่ห์แห่งแผ่นดินยุโรปเลยก็ว่าได้ เมื่อจะกล่าวถึงประเทศฮังการี หลายคนคงมีภาพติดตาเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยงามใหญ่โต ณ กรุงบูดาเปสต์ ริมแม่น้ำดานูบ แต่นอกเหนือจากนั้นอาจนึกอะไรไม่ออก พื้นที่ส่วนใหญ่ของฮังการี ประมาณ 70% ทำการเกษตร ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นป่าทึบ ได้แก่ ป่าโอ๊ก และ ป่าบีช ดังนั้นจึงทำให้ของดีฮังการีมีมากมาย ถ้าให้เอ่ยให้หมดผมคงต้องเขียนออกมาเป็นหนังสือ แต่ในคอลัมน์นี้จะกล่าวถึงของดีส่วนที่เป็นอาหาร ซึ่งจะต้องทำให้ใครหลายคนร้อง ว้าว! จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยครับ วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ทางสถานทูตฮังการี Embassy of Hungary in Bangkok โดยท่านเอกอัครราชทูต ได้จัด มื้อดินเนอร์สุดพิเศษ เพื่อให้แขกพิเศษได้สัมผัส กับวัตถุดิบชั้นเลิศในการปรุงอาหารจากประเทศฮังการี ซึ่งอาจจะไม่เป็นที่คุ้นชินของคนไทยทั่วไป ตัวอย่างแรกที่คนไทย น่าจะชื่นชอบและเป็นที่นิยมนั่นคือ Foie Gras แต่คนไทยมักจะคุ้นชินกับแบรนด์จากฝรั่งเศส ซึ่งน้อยคนนักจะรู้ว่าหนึ่งใน Foie Gras ที่ดีที่สุดในโลก นั้นมาจากประเทศฮังการี สัมผัสและรสชาติดีเยี่ยมยังไม่พอ ยังเป็น Foie Gras แบบธรรมชาติเสียด้วย เรามาเข้าสู่เมนูแรกอันมีพระเอกของจานเป็น Foie Gras กันเลยครับ เมนูแรกชื่อว่า “Budapest Gourmet” “Hungarian Chilled Foies gras (Libamáj) Terrine, Tokaj wine and mango chutney, Wild Rocket, Toasted Brioche” จานนี้ก็คือ ฟัวกราส์ชั้นเลิศของฮังการีที่เสิร์ฟแบบเย็น (Libamáj) ที่มาพร้อมกับซอสสูตรพิเศษที่ทำจากไวน์ Tokaj ซึ่งเป็นชื่อของไวน์จากภูมิภาค Tokaj (เช่นภูมิภาคไวน์ Tokaj-Hegyalja หรือ Tokaj-Hegyalja) ในฮังการีหรือพื้นที่ไวน์ที่อยู่ติดกัน Tokaj ในสโลวาเกีย ภูมิภาคนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์หวานที่ทำจากองุ่น ซึ่งในอดีตปลูกตามบัญชาจากขุนนางที่ปกครองในแถบนั้น ซึ่งเป็นไวน์ที่มีประวัติยาวนานในภูมิภาคนี้ “น้ำหวาน” ที่มาจากองุ่นของ Tokaj…
โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ เชิญคุณสัมผัสประสบการณ์การลิ้มรสความอร่อยมาพร้อมกลิ่นอายของประเทศอิตาลี กับเชฟมิชลินสตาร์ระดับหนึ่งดาว Luigi Taglienti ส่งตรงจากห้องอาหาร LUME ประเทศอิตาลี เพื่อจะมารังสรรค์สุดยอดมื้ออาหาร ตั้งแต่วันที่ 4-8 มิถุนายนนี้ เท่านั้น เชฟ Luigi นำเสนอศาสตร์แห่งการปรุงอาหารอิตาลีผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างแบบดั้งเดิมพร้อมสร้างสรรค์ในสไตล์โมเดิร์น ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรสชาติอาหารอันหลากหลายในทุกภูมิภาคของประเทศอิตาลี พร้อมเพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารแบบ 3 คอร์ส 5 คอร์ส และ 7 คอร์สเมนู ซึ่งประกอบไปด้วยเมนูพิเศษอย่าง Liguria Shrimp à la Planci- เมนูกุ้งจากเมืองลิกัวเลีย- หรือ Prime Piemontese Beef in Italian Sauce เนื้อไพมอนเทสเกรดพรีเมี่ยม หมักซอสอิตาลี- รวมไปถึงขนมหวานอย่าง Black Truffle Tiramisù ที่กลมกล่อมไปด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว พร้อมจิบไวน์ชั้นดีจากโรงบ่มไวน์ชื่อดังของประเทศอิตาลี Alois Lageder อีกด้วย เมนูพิเศษแบบ 3 เซ็ต (เฉพาะมื้อกลางวัน) 1,488++ บาท988++ บาท สำหรับเซ็ตไวน์ เมนูพิเศษแบบ 5 เซ็ต (มื้อกลางวัน หรือ มื้อค่ำ) 2,888++บาท1,388++ บาท สำหรับเซ็ตไวน์ เมนูพิเศษแบบ 7 เซ็ต (เฉพาะมื้อค่ำ) 3,888++ บาท1,788++ บาท สำหรับเซ็ตไวน์ ทั้งนี้ความสอดคล้องอย่างลงตัวในการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมให้มีความร่วมสมัย ด้วยเทคนิคใหม่เฉพาะตัว ภายใต้พื้นฐานของความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความพิเศษของอาหารจานนั้นๆ ทั้งยังสามารถคงเอกลักษณ์และความทรงจำของเมนูแบบดั้งเดิมไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถต่อยอดความสร้างสรรค์ในแบบใหม่ลงไปได้อย่างลงตัว ส่งผลให้ชื่อเสียงของเชฟ Luigi เป็นที่ยอมรับจากนักชิมอาหารอีกด้วย ประวัติเชฟ Luigi Taglienti เชฟ Luigi เติบโตขึ้นที่เมือง Liguria ประเทศอิตาลี ท่ามกลางความหลากหลายของรสชาติอาหาร ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสมาชิกภายในครอบครัว ซึ่งแม้ภายหลังการใช้ชีวิตและเดินทางอยู่ต่างประเทศก็ไม่สามารถลบเลือนความทรงจำดีๆ ในรสชาติอาหารอิตาลีของครอบครัวได้เลย Luigi เริ่มต้นเส้นทางความเป็นเชฟด้วยการทำงานภายใต้การดูแลของเชฟที่มีชื่อเสียงมากมายในประเทศอิตาลี หนึ่งในนั้นคือ…
โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เครือโรงแรมชั้นนำของประเทศไทยฉลองครบรอบ 36 ปี ด้วยการจัดแคมเปญยิ่งใหญ่เอาใจลูกค้าต่อเนื่อง 36 วัน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและคืนกำไรให้กับลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกและเฉลิมฉลองความสำเร็จของแบรนด์ในปีที่ 36 รวมถึงเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปี ของเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และครบรอบ 10 ปี ของเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทาราแกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา 36 ปีที่แล้วโครงการพัฒนาห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในนามเซ็นทรัล พลาซา ในพื้นที่ย่านชานเมืองบนถนนลาดพร้าวนั้นได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับโรงแรมระดับห้าดาวแห่งแรกที่อยู่ภายใต้การบริหารงานด้านธุรกิจโรงแรมของกลุ่มเซ็นทรัล โดยการลงทุนในครั้งนั้นถือเป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล จากโรงแรมแห่งแรกบนถนนลาดพร้าว เซ็นทาราได้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน มีโรงแรมในเครือถึง 70 แห่ง ภายใต้ 6 แบรนด์ ตั้งอยู่ใน 12 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นในระดับสากล โดยจะเพิ่มจำนวนโรงแรมและรายได้ขึ้นเป็นสองเท่าภายในปีพ.ศ. 2565 เซ็นทาราเปิดตัวข้อเสนอสุดพิเศษต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบปีที่ 36 ของแบรนด์ต่อเนื่อง 36 วัน ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นห้องพัก อาหารและบริการราคาสุดคุ้ม หรือการจับรางวัลต่างๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป ทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้ธีมตัวเลขพิเศษ “36” ทั้งสิ้น โดยลูกค้าสามารถติดตามเซ็นทาราในช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อรับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษในครั้งนี้ได้ อาทิ สำรองห้องพักคืนที่ 3 ในราคาเพียง 36 บาท – ตลอดช่วงระยะเวลา 36 วัน (ระหว่างวันที่ 3 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2562) ลูกค้าสามารถจองห้องพักได้ในราคาเพียง 36 บาทเท่านั้น ถือเป็นข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้าที่ทำการจองห้องพักขั้นต่ำ 3 คืนขึ้นไป และสามารถใช้ได้กับทุกการจองในทุกโรงแรมและรีสอร์ทเซ็นทาราทั่วโลก รวมถึงโรงแรมหรูระดับห้าดาวทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงรีสอร์ทที่มัลดีฟส์ด้วยเช่นกัน บัตรกำนัลห้องพักออนไลน์ – ลูกค้าสามารถจองห้องพักที่เซ็นทาราได้ในราคาเพียง 3,600 บาทต่อคืนในช่วงเวลา…