เรียบง่ายสไตล์สแกนดิเนเวียน กับเชฟมิชลินสตาร์ สายัญ อีซาคซอน โรงแรมเดอะ เซนต์รีจิส กรุงเทพฯ นำเสนอเชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาว เชฟสายัญ อีซาคซอน จากห้องอาหารเอสเพอรันโต (Esperanto) ในกรุงสต๊อกโฮม ประเทศสวีเดน เชฟเชื้อสายไทยสัญชาติสวีดิช กลับมาเยือนบ้านเกิดครั้งแรก พร้อมด้วย A Simply Scandinavian อาหารเรียบง่ายสไตล์สแกนดิเนเวีย ดังที่เสิร์ฟในร้านมิชลิน 1 ดาว สไตล์ซัสเทนเนเบิลของเขาในสต๊อกโฮม ห้องอาหารเอสเพอรันโต อยู่ในลิสต์ 50 ห้องอาหารที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งเชฟสายัญ นั้นได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งน้ำซอสและน้ำซุป ด้วยจุดเด่นการปรุงรสชาติของทั้ง 2 สิ่งนั่นเอง ในจานอาหารเรียบง่ายสไตล์สแกนดิเนเวียของเขา สัมผัสประสบการณ์อาหารเรียบง่ายสไตล์สแกนดิเนเวียน จากเชฟมิชลินสตาร์เชื้อสายไทย สายัญ อีซาคซอน ได้ที่ห้องอาหารโจโจ ทั้งเซ็ตเมนู 3 คอร์ส มื้อกลางวัน (เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป) ราคา 2,800 บาท++ (ไวน์แพริ่ง เพิ่ม 1,800 บาท++) และเซ็ตเมนู 8 คอร์ส มื้อค่ำ (เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป) ราคา 3,900 บาท++ (ไวน์แพริ่ง เพิ่ม 2,800 บาท++) สำหรับเซ็ตเมนู 3 คอร์ส มื้อกลางวัน ประกอบด้วย Oriental garden salad, buttermilk fromage blanc,poached pullet egg จับคู่กับไวน์ Montes Classic Sauvignon Blanc 2017, Chile ตามด้วย Black garlic pigeon, Nordic five spice, potato…
Author: Kittin Assavavichai
Eathai (อีทไทย) ที่สุดแห่งอาณาจักรอาหารไทย…ใหญ่สุด…มากสุด…ครบสุด ชั้น LG ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ FoodLoft (ฟู้ดลอฟท์) ชั้น 7 ห้างเซ็นทรัล ชิดลมเนรมิตเมนูสุดพิเศษจากมหัศจรรย์พรรณไม้รับประทานได้ ในโอกาสฉลอง “Central Anniversary 2018” (เซ็นทรัล แอนนิเวอร์ซารี่ 2018) ฉลองครบ 71 ปี ห้างเซ็นทรัล กับคอนเซปต์ The World Of Floral Wonders (เดอะ เวิลด์ ออฟ ฟลอรัล วันเดอร์ส) จัดเต็มความอลังการเสกดอกไม้นับล้านดอกเนรมิตห้างเซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ให้เป็นสวนสวรรค์แห่งดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่ง ชวนชมกาเซโบยักษ์สูง 7 เมตรกลางห้าง พร้อมประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสายพันธุ์หายากจากยุโรปถึง 12 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังคัดสรรเมนูสุดพิเศษที่คุณจะต้องหลงใหลมาเสิร์ฟให้ลิ้มลองความอร่อยระหว่างวันที่ 1-5 พ.ย. นี้ พร้อมบริการเดลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้านคุณ ! เริ่มกันที่อีทไทยเนรมิต งาน“กรุ่นกลิ่นหอมหวาน อาหารดอกไม้” เต็มไปด้วยหลากสีสันของดอกไม้จากเอเชียสุดตื่นตาโดย “ปาร์ค นาย เลิศ” มาพร้อมกับเมนูสุดพิเศษ สูตรต้นตำรับของปาร์คนายเลิศกับเมนู ปอเปี๊ยะคุณย่าดอกขจร ปอเปี๊ยะทอดสูตรคุณย่าของคุณเล็ก ณพาภรณ์ ที่ยังคงความดั้งเดิมทั้งรสชาติและรายละเอียด ผสานเข้ากับดอกขจรที่มากด้วยคุณประโยชน์ รับประทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษรสกลมกล่อม เข้ากันอย่างลงตัวหรือจะอร่อยกับขนมจีนน้ำพริกดอกไม้ เมนูอาหารไทยโบราณของภาคกลางที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของภูมิภาค จากส่วนผสมที่มากด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาหลากหลายชนิด นำมาปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอนตามต้นตำรับดั้งเดิมของบ้านปาร์คนายเลิศ จนได้เป็นน้ำพริกเข้มข้น รสกลมกล่อม รับประทานคู่กับเส้นขนมจีนเหนียวนุ่ม พร้อมผักเครื่องเคียงและดอกไม้นานาชนิดหรือยำส้มโอดอกเข็ม ที่มีมาแต่โบราณเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายจากทั้งส้มโอคัดพิเศษ เครื่องยำรสกลมกล่อม และกุ้งตัวโตเนื้อแน่น แต่งแต้มด้วยดอกไม้สีสันสวยงามเพิ่มความสดชื่น นอกจากนี้ยังมีหลากหลายเมนูดอกไม้จากร้านดังให้เลือกอร่อยกันอีกไม่ว่าจะเป็นร้าน“ร้านผุดฉัน”กับเมนูไข่ลุยสวนดอกไม้ หน้าตาคล้ายๆ เมี่ยงแต่เปลี่ยนจากใบชะพลูเป็นไข่ไก่ สอดไส้ด้วยเกสรดอกไม้ และดอกไม้ทานได้ อย่าง อัญชัน กุหลาบ เบญจมาศ ตัดด้วยรสชาติน้ำจิ้มแซ่บเข้ากันลงตัว, ขนมถ้วยเค็มดอกไม้หรือจุ๋ยก๊วย ของว่างชาวไทย-จีน เพิ่มความสดใสของตัวแป้งด้วยสีต่างๆของดอกไม้ ตัวไส้มีความเค็มนำและหวาน ทานคู่กันลงตัวเป็นอย่างดี ยำโสมมนัส สูตรต้นตำรับโบราณที่รวมเกสรดอกไม้หลากหลายชนิดราดด้วยน้ำยำรสชาติเปรี้ยวหวาน ตัดด้วยเครื่องเคียงเจียวเพิ่มความหอม สำหรับใครที่ชอบความแซ่บ ขอแนะนำเมนูยำ จาก“ร้านยำดอกไม้” อาทิ เมนูยำดอกไม้ทอด ที่นำดอกกุหลาบและใบบัวทอดกรอบ ราดด้วยน้ำยำสูตรพิเศษของทางร้าน หรือ ยำผักกระเฉดรวมมิตร ใช้ผักกระเฉดกับดอกโสนราดด้วยน้ำยำรสชาติเปรี้ยวหวานทำให้รสชาติไม่ขมจนเกินไป มีความกลมกล่อมอร่อยต้องลองถัดมาที่ “ร้านขนมจีนหลากสี” ยกเมนูดอกไม้มาพร้อมเสิร์ฟมากมาย ทั้ง เมี่ยงปลาทูและ ยำวุ้นเส้นดอกอัญชันมีไฮไลท์อยู่ที่วุ้นเส้นสีม่วงสวยจากดอกอัญชันมาพร้อมเครื่องยำแน่นๆ สาวกเล้งห้ามพลาด! เมนูดอกไม้จาก “ร้านเล้งเซงลี้”ที่เล้งผ่านการตุ๋นนานถึง 4 ชม.ทำให้ได้เนื้อที่เปื่อย นุ่มอร่อย โรยด้วยดอกไม้และพริกขี้หนู หน้าตาสวยงามน่ารับประทาน ส่วนเรื่องรสชาตินั้นเปรี้ยวแซ่บสะใจ ตัดกับสีสันสวยงามของดอกไม้ ต่อกันที่เมนูดอกไม้เวียดนามจาก “ร้านเวียตคอนเซ็ปต์” (Viet Concept) กับเมนูปอเปี๊ยะกุหลาบอัญชัน แป้งปอเปี๊ยะเหนียวนุ่มเสิร์ฟคู่กัน 2 สีคือสีชมพูที่ได้มาจากน้ำกุหลาบอ่อนๆ ส่วนแป้งสีฟ้าได้จากน้ำอัญชัญ ห่อด้วยผักปลอดสารพิษคัดพิเศษ และ กุ้งสดเด้งๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้าน อีกหนึ่งเมนูห้ามพลาดคือ เฝอหมูอัญชันเส้นเฝอมีสีฟ้าสวยงามจากดอกอัญชัน โดยความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่เมื่อบีบมะนาวลงในน้ำซุปจะเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงทันที…
เชิญคุณและครอบครัวที่คุณรักมาร่วมอิ่มหนำไปกับ ซันเดย์บรั้นช์คุณภาพเลิศรส เต็มอิ่มไปกับเมนูอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติชั้นเลิศหลากหลายสไตล์ พร้อมร่วมสนุกไปกับกิจกรรมระบายสีรูปปั้นช้างสุดพิเศษจาก “เอเลเฟนท์ พาเหรด®” (Elephant Parade®)ที่จะให้คุณได้ออกแบบพร้อมวาดลวดลายลงบนรูปปั้นช้างด้วยความคิดสร้างสรรค์และความรักที่เต็มเปี่ยมที่คุณตั้งใจที่จะมอบให้กับช้าง โดยกิจกรรมนี้จะเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 นี้ เป็นต้นไป บุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์ ราคาท่านละ 2,888 บาทถ้วนสำหรับผู้ใหญ่ และ 1,444 บาทถ้วนสำหรับเด็กที่มีอายุระหว่าง 4 ปี -11 ปี รูปปั้นช้างราคาตัวละ 1,000 บาทถ้วน โดยจำนวนเงิน 20 เปอร์เซ็นต์จากกำไรสุทธิจะนำไปบริจาคเพื่อกิจกรรมในโครงการสวัสดิการ และอนุรักษ์ช้างในเอเชียต่อไป เริ่มต้นกิจกรรมแห่งการแบ่งปันนี้ด้วยการอิ่มอร่อยไปกับการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ และ จากท้องถิ่นหลากหลายเมนูที่ปรุงจากวัตถุดิบคุณภาพที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี ในช่วงมื้อสาย วันอาทิตย์ อาทิ อาหารทะเลสดใหม่ตัวโตนานาชนิด, ซูชิและซาชิมิจากสเตชั่นอาหารญี่ปุ่น,เป็ดปักกิ่งจาก สเตชั่นอาหารจีน อีกทั้ง อาหารอินเดีย, อาหารตะวันตก และอาหารไทย โดยทีมเชฟมืออาชีพแห่งห้องอาหาร เน็กซ์ทู คาเฟ่ พร้อมสนุกสนานไปกับการออกแบบเติมแต่งสีสันรูปปั้นช้างด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคุณเอง พร้อมลิ้มลองรสชาติความอร่อยของเมนูแนะนำพิเศษจานใหม่ล่าสุด เพื่อร่วมรำลึกคืนสู่วัยเด็กด้วย “เมนูไข่เจียวกุ้งล็อบสเตอร์”ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันโดยทีมเชฟมากฝีมือแห่งห้องอาหารเน็กซ์ทู คาเฟ่ ปรุงด้วยน้ำซอสฮอลแลนเดซหอมละมุน โรยด้วยไข่กุ้งกรุบลิ้น, “เมนูกุ้งล็อบสเตอร์ย่างอบด้วยชีส”ที่ใช้กุ้งล็อบสเตอร์คุณภาพนำเข้าจากแหล่งที่มาชั้นดี ย่างให้สุกกำลังดี อบด้วยชีสชั้นดี และเครื่องเทศนำเข้า หอมมันนุ่มลิ้นทุกเนื้อสัมผัส, และ “เมนูกุ้งล็อบสเตอร์บิส”ซุปกุ้งล็อบสเตอร์รสชาติเข้มข้น อีกทั้งกุ้งล็อบสเตอร์เนื้อแน่นและขาปูอลาสก้าสดใหม่ ขอเชิญครอบครัวสุขสันต์มาอิ่มอร่อยไปกับซันเดย์บรั้นช์คุณภาพเลิศรสพร้อมร่วมสนุกไปกับกิจกรรม หน้า 2/3 การกุศล ระบายสีรูปปั้นช้างสุดพิเศษจาก“เอเลเฟนท์ พาเหรด®” (Elephant Parade® ณ เน็กซ์ทู คาเฟ่ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ แบบรับประทานได้ไม่อั้น พร้อมเอาใจผู้รักการรับประทานเนื้อด้วย“เมนูเนื้อวัวแองกัส”เนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลียที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในราชาแห่งเนื้อ เต็มอิ่มไปกับ“เมนูฟัวกราส์กระทะร้อน” ปรุงสดพร้อมเสิร์ฟทุกจาน พร้อมสเตชั่นเมนูของหวานแสนอร่อยมากมาย อาทิ ไอศกรีมสไตล์โฮมเมดเนื้อมันหวานหอมของไทยและนำเข้าจากอิตาลีที่มีให้เลือกถึง 12 รสชาติ, ช็อคโกแลตฟองดูว์, มิลล์เฟย ขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศส และอีกมากมาย โครงการ “เอเลเฟนท์ พาเหรด®” (Elephant Parade®)เป็นโครงการที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปหันมาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ช้าง ด้วยการร่วมกันช่วยเหลือช้างที่เจ็บป่วยหรือช้างที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงร่วมกันช่วยลดความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับช้าง ด้วยการดำเนินโครงการในลักษณะการจัดนิทรรศการที่ได้ทำการรวบรวมผลงานศิลปะรูปปั้นช้างที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งโดยศิลปิน นักออกแบบ และบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ท่านใดที่สนใจสนับสนุนซื้อสินค้ารูปปั้นช้าง สามารถแวะชมและเลือกซื้อสินค้าได้ที่ ร้าน เอเลเฟนท์ พาเหรด (Elephant Parade®)บริเวณชั้นล็อบบี้ อาคารแชงกรี-ลา โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 0 2236 7777 ต่อ 6205/6206…
ตั้งแต่วันที่ 9 ถึง 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 นี้ ห้องอาหารจีน แชงพาเลซ แห่งโรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ภูมิใจนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารจีนภายใต้คอนเซ็ปต์ร่วมสมัยที่ได้ผนวกสูตรอาหารจีนต้นตำรับที่ปรุงอย่างพิถีพิถันให้เข้ากับประสบการณ์และความคิดสร้างสรรค์ของหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ครัวจีน มร. คริสโตเฟอร์ ไช่ แห่งห้องอาหารจีนร่วมสมัย เจี๋ย โรงแรมแชงกรี-ลา จาการ์ตา ที่บินตรงมาเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ ผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารจีนโดยเฉพาะด้วยการผสมผสานกันระหว่างสูตรอาหารจีนรสชาติต้นตำรับอันโอชะ ผนวกเข้ากับแนวคิดสมัยใหม่ในการปรุงอาหารที่ได้หล่อหลอมจากประสบการณ์อันยาวนานของ เชฟไช่ ผู้ซึ่งมีความผูกพันใน การทำอาหารจีนตั้งแต่ในวัยเด็ก ที่ได้รังสรรค์ขึ้นเป็นอาหารจีนในสไตล์ร่วมสมัยเลิศรสมากกว่า 20 รายการ ที่ประกอบไปด้วยหลากหลายรสสัมผัสจากวัตถุดิบชั้นดีที่ได้รับการคัดสรรอย่างตั้งใจ อาทิ เมนูซุปปลิงทะเล ที่ปรุงเนื้อปลิงด้วยเครื่องเทศนำเข้าชั้นดีจนหอมหวน ถูกต้องตำสูตรต้นตำรับ, เมนู เนื้อวัวแล่บางทอดกรอบเป็นรูปทรงสะดุดตา ราดด้วยซอสน้ำผึ้งที่เพิ่มความหวานหอมให้กับเมนูเนื้อจานนี้ให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น, เมนูกุ้งทะเลตัวใหญ่เนื้อแน่นชุบไข่แดงเค็มทอด หอมมัน และเมนูหอยเชลล์อบที่จัดเรียงบนกุ้งชุบแป้งทอด ราดด้วยซอสรสเปรี้ยวตัดหวาน จัดวางให้พอดีคำ และอีกหลากลหายเมนูเลิศรส ในราคาเริ่มต้นที่จานละ 180++ บาท ด้วยประสบการณ์อันยาวนานมากกว่า 30 ปีในเส้นทางการปรุงอาหารจีนของเชฟไช่ ที่เขาได้รังสรรค์อาหารแต่ละจานของเขาอย่างพิถีพิถัน โดยมีความโดดเด่นทั้งในด้านของรสชาติ และการจัดจานอาหาร ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมนำเสนอความแปลกใหม่ของการรับประทานอาหารจีนในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญต่อสูตรอาหารต้นตำรับ ทุกท่านจะได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารจีนสไตล์ร่วมสมัยเลิศรสหลากหลายเมนูภายในบรรยากาศอันหรูหราและยิ่งใหญ่ของห้องอาหารจีนแชงพาเลซ ที่ได้รับแรงบันดาลใจการตกแต่งมาจากสถาปัตยกรรมในยุคสมัยราชวงศ์ถัง พร้อมการบริการที่อบอุ่นและใส่ใจในทุกรายละเอียดในแบบฉบับชาวเอเชียของโรงแรมแชงกรี-ลาอันเลื่องชื่อ ที่จะทำให้ทุกท่านได้สัมผัสกับหนึ่งในประสบการณ์การรับประทานอาหารในห้องอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรงแรมฯ ที่ท่านจะรู้สึกประทับใจ เมนูอาหารจีนสไตล์ร่วมสมัยเลิศรสโดย มร. คริสโตเฟอร์ ไช่ พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 9 ถึง วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 นี้ ทั้งมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ ในราคาเริ่มต้นเพียงจานละ 180++ บาท มื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 น. ถึง 14.30 น. (วันจันทร์ ถึง วันเสาร์) มื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 15.00 น. (วันอาทิตย์) มื้อค่ำ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง…
เชฟทิม สเปดดิง บินตรงจากประเทศอังกฤษ เพื่อมานำเสนอและปรุงอาหารมื้อพิเศษไม่เหมือนใคร ณ ห้องอาหารสุดหรูทั้งห้าห้องในโรงแรมห้าดาวชื่อดังเครือแมริออท ระหว่างวันที่ 2 – 17 พฤศจิกายน 2561 ทิม สเปดดิง เชฟดาวรุ่งชื่อดังจากประเทศอังกฤษมาพร้อมกับประสบการณ์ในร้านอาหารมิชลินสตาร์อย่าง Clove Club และ The Ledbury ในลอนดอน และ Quay ในซิดนีย์ และล่าสุดกับโครงการเปิดเกสท์เฮาส์แนวชนบทที่เมืองคอร์นวอลล์ ซึ่งทิมกำลังทำร่วมกับ Louise Roedkjaer นำเสนออาหารแนวใหม่ทำมาจากวัตถุดิบออร์แกนิค รังสรรค์เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ ภายใต้แนวคิดจากฟาร์มท้องถิ่นสู่โต๊ะอาหารพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกได้ลิ้มลอง ทิม ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเชฟที่มีอิทธิพลและนำเสนอความน่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดในวงการเชฟรุ่นใหม่แห่งสหราชอาณาจักร และสำหรับช่วงเวลาพิเศษในเดือนพฤศจิกายนนี้ทิมจะโชว์ความสามารถในการสร้างสรรค์เมนูสำหรับห้าห้องอาหารชื่อดัง ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โรงแรมแมริออท กรุงเทพฯ สุขุมวิท โรงแรมเรเนซองส์กรุงเทพฯ ราชประสงค์ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท และโรงแรมเลอ เมอริเดียน สุวรรณภูมิ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา แต่ละเมนูจะนำเสนอเอกลักษณ์ของเชฟทิมในการเลือกใช้วัตุดิบท้องถิ่นของไทยที่ดีที่สุดในการรังสรรค์เมนู เช่น ซาชิมิปลาแมคคาเรลย่างไฟเสิร์ฟกับดอกเอลเดอร์ฟลาวเวอร์และกูสเบอร์รี่ หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟกับคะน้าเคลป์ตุ๋นและมัสตาร์ดสาหร่ายพร้อมน้ำซุปหอยเชลล์รมควัน เป็ดเคลือบน้ำตาลเสิร์ฟกับฟักทอง ใบบิทเทอร์ลีฟและเครื่องเทศเดวิลและของหวานอย่าง กรานิตาส้มแมนดารินกับมูสโยเกิร์ต เป็นต้น “ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมานำเสนอเมนูที่ผมสร้างสรรค์ร่วมกับเชฟที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ณ ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำของกรุงเทพฯ เมนูพิเศษที่ไม่เหมือนใครของผมนั้นเน้นความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบในไทย ซึ่งแต่ละเมนูสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด ความตั้งใจเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลที่เรียบง่าย แต่จะถูกนำเสนอออกมาในแบบที่สร้างสรรค์และทันสมัย” เชฟทิมกล่าว และในค่ำคืนนี้เป็นการ dinner ล่องเรือลิ้มรสอาหารชั้นเลิศไปพร้อมกับการเพลิดเพลินทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 1 Lightly Smoke Mackerel , Sour Cream & Leaves เนื้อปลารมควัน ทำให้เกิดกลิ่นรสเฉพาะตัว กลิ่นหอมๆ เนื้อปลายังคงความชุ่มฉ่ำ แต่ไม่ดิบ มีรสเค็มในตัว กินคู่กับซอสรสเปรี้ยวที่ตัดรสกันได้ดี ผสานกับความสดชื่นจากใบโหระพาด้านบน 2 Vegetables From The Garden, Seaweed mustard & Aromatic Brotlh, Serd Scallop สแกลอปตัวโตนำไปจี่ไฟอ่อนๆ พอให้ผิวไหม้นิดๆ แต่เนื้อด้านในยังฉ่ำและหวาน นุ่ม ตกแต่งด้วยดอกกวางตุ้ง กับสาหร่ายทะเลและซุปผักหอมๆรสอูมามิกลมกล่อม 3 Honey Glazed Duck, Pumpkin, Bitter leaves…
ห้องอาหารจีนหลงฟ่ง โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา (ชื่อเดิม โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ) ได้เชิญมาสเตอร์เชฟ เจฟฟรีย์ กวาน ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการปรุงอาหารจีนกวางตุ้งดั้งเดิมผสมผสานกับความสมัยใหม่ จากห้องอาหาร Redโรงแรม Pullman Kuala Lumpur City Centre Hotel & Residences (Pullman KLCC)ประเทศมาเลเซีย มาโชว์ฝีมือมือเมนูติ่มซำ ทั้งแบบดั้งเดิม และประยุกต์ ระหว่างวันที่2ถึง 11พฤศจิยายน นี้ ราคา: วันจันทร์ – ศุกร์ บุฟเฟ่ต์ มื้อกลางวัน/มื้อเย็น ท่านละ790++บาท วันเสาร์–อาทิตย์ บุฟเฟ่ต์ มื้อกลางวัน/มื้อเย็น ท่านละ 890++ บาท ห้องอาหารจีน หลงฟ่ง มื้อกลางวันเปิดบริการ เวลา11.30 -14.30น. และมื้อเย็นเวลา18.00 – 22.30น. สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร.02 694 2222ต่อ1540หรือ อีเมล:[email protected] kinlakestars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง…
Israeli-Thai Fusion Dinner เป็นมื้ออาหารที่ใช้วัตถุดิบจากอิสราเอลมาปรุงเป็นสองรูปแบบ เป็นอย่างไรค่อยๆอ่านค่อยๆชมกันเลยครับแต่บอกเลยว่าน่าสนใจมาก ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ได้รับเชิญให้ร่วมโต๊ะทานอาหารที่บ้านของ Dr. Meir Shlomo เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยโดยเชฟดังของทั้งสองประเทศคือ เชฟ Bar Cooper ที่เชิญมาโดยทางสถานทูตเชิญมาจากประเทศอิสราเอล ที่จะนำวัตถุดิบมาปรุงเป็น อาหารอิสราเอล และเชฟหมึกแดง ผู้มีชื่อเสียงในวงการอาหารที่จะมาปรุงเป็น อาหารไทย เมื่อปรุงแล้วจะเสิร์ฟเคียงคู่กัน เทียบกันจานต่อจานจากวัตถุดิบเดียวกัน แต่ละจานจะแปลก จะสร้างสรรค์อย่างไรไปชมกันเลยครับ Dr. Meir Shlomo แเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ละภริยา, คุณ Smadar พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอก กฤติน สำหรับ อาหารอิสราเอล หลายคนอาจคิดว่าคืออาหารตะวันออกกลาง และมันก็มีส่วนถูกในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะอาหารอิสราเอลมีความคล้ายคลึงกับอาหารตะวันออกกลาง (Middle Eastern) แต่ในหลายๆจานก็จะมีส่วนผสมที่ต่างกันออกไป จากที่เชฟ Cooper เล่าให้ฟัง อาหารอิสราเอลได้รับอิทธิพลมาจากหลายประเทศ ทั้ง Morrocan, European, Russian, Persian, และ Mediterranean ก็ด้านทำเลที่ตั้งเอง จึงส่งผลทั้งในส่วนของวัตถุดิบและกรรมวิธีการปรุง รวมถึงวัฒนธรรมที่รับมา Kosher food คืออะไร? หลากหลายศาสนา หลากหลายภูมิภาคย่อมมีความเชื่อและข้อบังคับของอาหารต่างๆกันออกไป อาทิ ชาวอิสลามไม่กินหมู ผู้นับถือพระแม่กวนอิมไม่กินเนื้อวัว เป็นต้น ชาวยิวเองก็มีหลักการเกี่ยวกับข้อบังคับด้านการกินอาหารนั้นเอง ซึ่งชาวยิวเรียกว่า Kosher food โดยข้อบังคับคร่าวๆก็มีดังนี้ ห้ามกินเนื้อหมูเช่นเดียวกับอิสลาม โดยจากการค้นคว้าจากบันทึกประวัติศาสตร์หลายส่วนได้พบว่าในอดีตภูมิภาคเขตนั้นเคยเกิดโรคระบาดจากหมูห้ามกินเนื้อสัตว์ พร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม ชีส โยเกิร์ท หมายถึง กินในมื้อเดียวกันไม่ได้ และควรจะต้องเว้นระยะเวลาการกินแต่ละอย่างให้ห่างกันหลายชั่วโมง ซึ่งพบจากบันทึกประวัติศาสตร์เช่นเดียวกันกับข้อก่อนหน้านี้ว่า ในอดีตการกินเช่นนั้นทำให้เกิดอาการท้องร่วง จนอาจเป็นที่มาของข้อบังคับนี้ต่อมาห้ามกินอาหารทะเลมีเปลือกทั้งหลาย เช่น กั้ง แมงดาทะเล หอย กุ้ง ปู เนื้อปลา กินได้เฉพาะปลาที่มีเกล็ดและครีบ เพราะฉะนั้นปลาไม่มีเกล็ดอย่างปลาไหล กินไม่ได้ไข่ กินได้ถ้าในไข่แดงไม่มีจุดเลือดสีแดงติดอยู่ ซึ่งกฎและข้อบังคับต่างๆนี้ก็จึงทำให้เกิดร้านอาหารเฉพาะ ไม่ต่างจากในโลกอิสลามที่จะมีร้านอาหาร ฮาลาน ทางยิวเองก็มีร้าน Kosher ซึ่งจะเป็นร้านที่ ปรุงอาหารตามข้อบังคับนี้ ระเบียบการกินอาหารเหล่านี้มาก หากไม่มีป้ายแปะไว้ แสดงว่าเป็น Non-kosher ก็จะมีอาหารที่ขายตามปกติทั่วไป…
โจโจ ณ เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ขอมอบประสบการณ์แห่งความอร่อยของเมนูอาหารโดยเชฟมิชลินสตาร์อย่างต่อเนื่อง พบกับเชฟแอนเรียส คามินาดา จากห้องอาหารหรูระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาว Schloss Schauenstein และห้องอาหาร IGNIV ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเชฟมาร์เซล สคิบบา พ่อครัวใหญ่ของร้านอาหาร IGNIV ในพระราชวัง Badrutt ตั้งอยู่บนภูเขามีชื่อเสียงตระหง่านสูงที่สุดในเซนต์มอริตซ์ (St. Moritz) เชฟแอนเดรียสจะมารังสรรค์มื้ออาหารมื้อค่ำอันน่าจดจำ ภายใต้บรรยากาศที่หรูหราในสไตล์ห้องอาหารโจโจ ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2561 พบกับเชฟแอนเดรียสและเชฟมาร์เซล จะนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารร่วมสมัย นำเสนอเมนูอาหารจากห้องอาหาร IGNIV ระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว ด้วยสามคอร์ทเมนู ประกอบด้วย 16 รายการอาหาร ในคอนเซ็ปต์ที่ฉีกกฎเกณฑ์ออกไปจากแบบดั้งเดิม (very non-traditionally) ที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่สดใหม่ รสชาติของวัตถุดิบแท้ และสีสันสดใสเพื่อกระตุ้นความรู้สึก การรับรสสัมผัส และสร้างความประหลาดใจ แต่ละคอร์ทเมนูจะเสิร์ฟหลากหลายรายการให้กับบรรดานักชิมได้ลิ้มลองได้ถึง 16 รายการ เฉพาะมื้อค่ำเท่านั้น “เรามีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอคอนเซ็ปต์ของห้องอาหาร IGNIV โดยการเดินทางไปยังประเทศต่างๆเพื่อให้นักชิมได้รู้จักกับแนวคิด sophisticated social experience เราตั้งใจสร้างประสบการณ์ของการพบปะสังสรรค์ ร่วมพูดคุย แบ่งปันความคิด ความทรงจำและช่วงเวลาในขณะที่ร่วมรับประทานอาหาร และเพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารของเรา เชฟแอนเดรียสกล่าว เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย 6 รายการ อาทิ ปลาฮามาจิแรดิชอะโวคาโด (Hamachi-Radish-Avocado) ตับเป็ดโยเกิร์ตและผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ (Duck Liver-Yoghurt-Physalis) และผักกาดหอมไข่แดงทรัฟเฟิ้ล(Lettuce-Egg Yolk-Truffle) เมนูจานหลัก 4 รายการ ด้วยส่วนผสมหลักของ ปลา ไก่ เนื้อ และ หมูสามชั้น ต่อด้วยเมนูของหวาน 6 รายการ ไข่คาราเมล …
เชฟสาวมากฝีมือสุดสร้างสรรค์ที่เต็มเปี่ยมด้วยไฟอันแรงกล้าในการปรุงอาหาร มาพร้อมกับนักสร้างสรรค์เครื่องดื่มแบบไทย ร่วมกันมาสร้างมื้อแสนสุดพิเศษ ณ ห้องอาหารไทยอันเป็นตำนานแห่งย่านราชประสงค์อย่าง Spice Market ” Chef Tam และ Thaipioka’s Spice Journey ” มื้อพิเศษเอ็กซ์คลูซีฟที่ปรุงโดย “เชฟตาม ชุดารี เทพาคำ” Top Chef Thailand คนแรกของประเทศไทย ที่แสนโด่งดัง Kinlakestars ขอบอกเลยว่าถ้าใครเป็นแฟนคลับรายการนี้และของเชฟตามจะต้องประทับใจกับฝีมือของเชฟตาม ซึ่งเป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีอายุน้อยที่สุดในรายการ ที่ใช้ความสามารถครองตำแหน่งผู้ชนะของรายการในที่สุด ในครั้งนี้เชฟตามได้นำเสนออาหารไทยในรูปแบบที่ทันสมัยแต่ปรุงด้วยวิธีและเครื่องปรุงแบบไทยแท้ จะน่าตื่นตาเพลิดลิ้นขนาดไหน ไปชมกันเลยครับ เริ่มต้นมื้ออาหารด้วย welcome drink ที่เป็นเอกลักษณ์ของห้องอาหาร นั้นคือ Princess Siam เครื่องดื่มสร้างความสดชื่น สุดแสนหอมหวานจากกุหลาบ ลิ้นจี่ และมะนาว หอม หวาน เปรี้ยวนิดๆ สดชื่นเหมือนสาวงามที่เรียบร้อย อ่อนหวาน และดูสดชื่น เรามาเริ่มต้นมื้ออันแสนวิเศษกันเลยดีกว่าคับ “เทอร์รีนลาบเป็ดและมูสตับไก่” Duck Laab terrine chicken liver mousse, Khao Kum rice grilled flatbread Showcasing northern spices with classical French techniques of making terrine and liver mousse. Served with Ma Kwan Jaew (a northern wild ice) and the flavours of Laab inspirad by our trips to Chiang Rei. Each e condiments for the…
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอเชิญทุกท่านมาพบกับ อาหารไทยรสจัดจ้านด้วยฝีมือเชฟชื่อดังอย่างเชฟชุมพล แจ้งไพร ที่โด่งดังจากรายการเชฟกระทะเหล็ก ด้วยแนวคิดของเชฟชุมพล ที่ต้องการจะตอบสนองกับ การเป็นเชฟท้องถิ่นในเขตชุมชนนั่นเองดังนั้นชุมพลจึงเลือกใช้และเฟ้นหาวัตถุดิบที่ดีเยี่ยมที่สุดของตามแต่ละท้องถิ่นจากทั่วทั้งประเทศไทยมารังสรรค์ปรุงและสร้างเป็นอาหารจานเด็ดด้วยกรรมวิธีการปรุงที่ดีเยี่ยม เพื่อให้ได้อาหารไทยรสจัดจ้านสำหรับแขกทุกท่านที่ได้มาลิ้มลอง สำหรับฤดูฝนนี้เป็นหนึ่งในฤดูที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ฤดูหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและปริมาณน้ำฝนที่ชุ่มฉ่ำ จากอิทธิพลของลมมรสุมจึงทำให้พืชผักต่างๆเจริญเติบโตงอกงามมากมาย อีกทั้งยังมีวัตถุดิบต่างๆที่ค่อนข้างได้ผลดีในช่วงฤดูนี้ไม่ว่าจะเป็นกบ หรือสมุนไพรหลายๆชนิด ในครั้งนี้ Kinlakestars.com จะพาทุกท่านไปพบกับ ชุดอาหารเย็นซึ่งโดยปกติของทางร้านอาหารนั้นจะแบ่งชุดอาหารเป็นทั้งหมด 3 ระดับคือ ชุดเอก ชุดโท และชุดตรี ซึ่งในแต่ละชุดนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างกันไป โดยชุดเอกนั้นจะเป็นชุดที่ใกล้เคียงและได้รับอิทธิพลจากอาหารชั้นสูงมีความเป็นอาหารชาววัง ในส่วนของชุดโทนั้นก็จะมีความผสมผสานและเรียบง่ายขึ้น และในส่วนของชุดตรีนั้นจะเน้นหนักไปทางอาหาร แบบชาวบ้านและชุมชน ‘ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว’ นิยามความอุดมสมบูรณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทยในฐานะอาณาจักรแห่งอาหาร ท่ามกลางความปราณีต วิจิตรบรรจง ศิลปะและวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่านรสชาติอาหารไทยแต่ละคำ โดยในวันนี้เราจะพาทุกท่านเน้นย้ำเน้นหนักไปดูในส่วนของอาหารชุดเอกซึ่งเป็นอาหารที่มีความพิถีพิถัน และมีรสที่เบาละมุนมากกว่าอีก 2 ชุด แต่อย่างไรก็ดีในคอลัมน์นี้เราก็ยังมีรูปภาพมาฝากกันจากสำรับอาหารชุดโทและชุดตรีด้วยรูปแบบของร้านอาหารนี้เป็นอาคารที่ดัดแปลงจากบ้านเก่า มีรูปแบบอาคารที่โมเดิร์นทันสมัยเรียบหรู ซึ่งเน้นความสูงของกระจกและผนังสีขาวเป็นหลัก มีการออกแบบในรูปแบบ re construction เมื่อท่านเดินจากลานจอดรถที่อยู่ด้านหน้าของร้านอาหาร ผ่านเข้าประตูร้านจะเป็นทางเดินยาวเหยียดตรงไปจนถึงจุดพักคอย เพดานจะค่อยๆลากจากระดับสูงนำไปสู่ระดับต่ำ บริเวณเพดานนั้นจะตกแต่งประดับประดาด้วย ผนังและเพดานสีเข้มและลงรักเป็นลายไทยสวยสดงดงามทำให้ทุกท่านค่อยๆเปลี่ยนความรู้สึกจากความโอ่โถงไปสู่ความอบอุ่นเหมือนเดินเข้าบ้าน บริเวณด้านหน้าร้านเมื่อท่านเดินมาจนสุดทางเดินของทางเข้าร้านนั้นท่านก็จะพบกับรูปปั้นสำริดหล่อเป็นรูปครูแห่งวงการอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่เชฟชุมพลนั้นให้ความนับถือ บริเวณด้านขวามือหากถ้าท่านมองไปจะพบกับห้องเก็บไวน์ซึ่งมีไว้ให้ท่านเลือกอยู่มากมายหลากหลายชนิดพอสมควรมาทางเดินผ่านไปทางด้านซ้ายมือฉันก็จะพบกับบริเวณพื้นที่รับแขกพักคอย ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะให้แขกทุกท่านที่มารับประทานอาหารนั้นนั่งรอตรงบริเวณนี้รวมถึงสามารถสั่งเครื่องดื่มได้สำหรับร้านอาหารนั้นก็จะมีทั้งในส่วนของที่เป็นบริเวณที่นั่งกินร่วมกับคนทั่วไปและห้องส่วนตัว ซึ่งห้องส่วนตัวนั้นจัดได้ว่าสวยงามและโต๊ะอาหารนั้นทำมาจากไม้ที่ผ่าซีกจากลำต้น ผนังด้านหนึ่งมีการตกแต่งด้วยฝาปะกนสีแดงฉานซึ่งเป็นสีแดงแบบไทย ส่วนผนังอีกด้านหนึ่งเป็นกระจกขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้สามารถมองเห็นส่วนของบ้านและอาคารหลังนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วย เฟิร์นสไบนางซึ่งจะมีการเรียงตัวของใบอย่างละเอียดและทิ้งลงมา เหมือนสไบของชุดไทยนั่นเอง ย้อนกลับไปในส่วนของพื้นที่บริเวณนั่งกินข้าว แม้จะเป็นพื้นที่รวมแต่ก็มีการจัดโต๊ะและรูปแบบพื้นที่ให้ความเป็นส่วนตัวของแต่ละโต๊ะได้ดีเพราะปูพื้นที่ระยะห่างของแต่ละโต๊ะนั้นเว้นไว้มากพอสมควร เชฟเล่าให้เราฟังถึงรสชาติว่าอาหารส่วนใหญ่ในโลกมักมี 2 รสชาติหลัก คือเค็มและหวาน แต่อาหารไทยทะลุขีดจำกัด เพราะใน 1 เมนูมีถึง 3 รสชาติด้วยกัน เช่น ภาคเหนือ เมื่ออดีตประเทศจีนเข้ามามีบทบาท ผสมผสานกับอินเดียมุสลิม บวกกับชนเผ่าพื้นบ้าน จึงเกิดรสชาติอาหารที่นำด้วยรสเค็ม ตามด้วยรสหวาน และรสมันเป็นสุดท้าย ส่วนภาคอีสานรสชาติอาหารจะนำด้วยรสเผ็ด ตามด้วยรสเค็มและรสเปรี้ยว ซึ่งแตกต่างจากภาคกลางที่เชฟเรียกว่าเป็นศูนย์รวมอาหารรสชาติกลมกล่อมที่มี 4-5 รสชาติหลัก (เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด มัน) แถมยังเป็นอาหารภาคแรกที่ออกสู่สายตาของชาวต่างชาติอีกด้วย แต่สำหรับคนรักอาหารรสชาติเข้มข้นจัดจ้านเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศแล้วล่ะก็ต้องมาทางภาคใต้ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวจีนฮกเกี้ยนและมลายู ผสมผสานกับคนภาคใต้พื้นบ้าน รสชาติอาหารส่วนใหญ่จึงมีรสเผ็ด เค็ม เปรี้ยว และมัน (เป็นหลัก)…