The Thai Sommelier Affair 2018 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ วันศุกร์ ที่ 4 พฤษภาคม 2561 โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ภูมิใจนำเสนอ The Thai Sommelier Affair 2018 ครั้งแรกกับการรวมตัวกันของซอมเมอลิเยร์ชาวไทย พร้อมด้วยการจัดแสดงไวน์ระดับพรีเมี่ยมมากกว่า 100 ฉลากมาให้ได้ชิมในงานนี้ เพียงงานเดียวเท่านั้น ณ มณฑาทิพย์คอร์ท โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม ศกนี้ ซอมเมอลิเยร์ (Sommelier) คือผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ ที่คอยให้คำแนะนำและคัดสรรไวน์ด้วยเทคนิคและข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยเสริมอรรถรสให้กับการสังสรรค์ในโอกาสต่างๆ หรือมื้ออาหารของคุณให้ดียิ่งขึ้น โดยในครั้งนี้ เหล่าสุดยอดซอมเมอลิเยร์ชาวไทยทั้งหมด 10 ท่าน ได้รวมตัวกันจัดงาน The Thai Sommelier Affair เป็นครั้งแรก ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ภายในงาน ท่านจะได้พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองกับเหล่าซอมเมอร์ลิเยร์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งการจัดแสดงไวน์ระดับพรีเมี่ยม โดยท่านสามารถลิ้มรสไวน์คุณภาพมากกว่า 100 ฉลากจากทุกมุมโลก พร้อมด้วยชีส โคลด์ คัท และคานาเป้รังสรรค์โดยทีมเชฟของโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ตลอดเวลา 3 ชั่วโมงเต็ม โดยซอมเมอลิเยร์ที่ร่วมคัดสรรไวน์และยืนยันมาร่วมงานทั้งหมด ได้แก่ ประทีป กนิษฐชาต จากโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ปฐมพงศ์ วังมะนาวจากโรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ จตุพร มีแก้ว จากโรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ภัทรพล พลฤทธิ์ จากโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ธนากร…
Author: Kittin Assavavichai
เชฟชื่อดังระดับโลกชาวนิวซีแลนด์ ผู้เป็นทั้งนักจัดรายการทำอาหาร เชฟเจ้าของร้านอาหารรวมไปถึงเจ้าของผลงานหนังสือทำอาหารภายใต้ชื่อตนเอง “บ๊อบบี้ ชินน์” มีกำหนดมาเยือนเพื่อแสดงฝีมือทำอาหารระดับตำนานที่ขอบอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆสำหรับนักชิมตัวยง เชฟคนดังจะมาร่ายมนต์ให้ท่านได้ลิ้มลองกัน ที่ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ณ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 25-27 เมษายน 2561 Bobby Chinn เป็น celebrity chef ที่เป็นทั้ง TV personality เจ้าของร้านอาหารใน London และผู้เขียนหนังสืออาหาร ที่ประสบการณ์การทำอาหาร ทั้งอาหารตะวันตก และอาหารเอเชีย ซึ่งจะมีแนวคิดการปรุงอาหารที่แตกต่างและน่าสนใจ ด้วยบรรยากาศแสงตื่นตากับทัศนียภาพของกรุงเทพฯมุมสูง ที่แสนสวยงามและไม่เหมือนใคร เรามาเริ่มต้นค่ำคืนอันแสนประทับใจกันด้วย AMUSE BOUCHE ซึ่งนั้นก็คือ OYSTER BRULEE : Sauteed Spinach, Cauliflower Puree & Braised Oyster Draped with Sake Sabayon สำหรับจานแรกเป็นหอยนางรม และประกอบไปด้วยผักโขมเค็ม เพียวเร่จากดอกกะหล่ำ และท๊อปหน้าด้วยซาบายอนที่ผสมกับสาเก ซึ่งปกติซาบายอนจะทำจากส่วนผสมของไข่แดงและน้ำ แต่ครั้งนี้บ๊อบบี้เปลี่ยนจากการใช้น้ำมาเป็นสาเกแทน นอกจากของเหลวและไข่แดง ซาบายอนจะทำโดยการใส่เกลือลงไป เล็กน้อย ไข่แดง1ฟอง ต่อของเหลว1 ช้อนโต๊ะ ตีใน BAIN MARIE จนให้เป็น RIBBON STAGE แล้วค่อยใส่เนยละลายลงไปทีละนิด(เนยอุณภูมิ 52C) จนได้ความเข้มข้นของซอสที่ต้องการ แล้วปรุงด้วยพริกคาเยนและน้ำมะนาว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ซาบายอนนั้นจะต้องฟูนุ่มและไม่ด้าน ซึ่งเจ้าหอยนางนมซาบายอนนี้ก็ผิวหน้าฟูนุ่มตามรูปเลย หลังจากนั้นเราก็ชิมขนมปังรองท้องกันไปพลางๆ CRAB TRIO จานนี้ประกอบไปด้วย 3 ไอเทมย่อยๆนั้นคือ Tamarind Glazed Crab Cake Californian Vietnamese Spring Roll Crab Corn Espresso สามตัวนี้ดื่มคู่กับ ไวน์ขาวริสลิ่งแสนสดชื่น เหมาะกับอากาศร้อนๆบ้านเรานัก และเข้ากับอาหารเป็นอย่างดี Riesling, le Mirna Road…
เชฟชื่อดังระดับโลกชาวนิวซีแลนด์ ผู้เป็นทั้งนักจัดรายการทำอาหาร เชฟเจ้าของร้านอาหารรวมไปถึงเจ้าของผลงานหนังสือทำอาหารภายใต้ชื่อตนเอง “บ๊อบบี้ ชินน์” มีกำหนดมาเยือนเพื่อแสดงฝีมือทำอาหารระดับตำนานที่ขอบอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆสำหรับนักชิมตัวยง เชฟคนดังจะมาร่ายมนต์ให้ท่านได้ลิ้มลองกัน ที่ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ณ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 25-27 เมษายน 2561 โปรดสำรองที่นั่งล่วงหน้า เนื่องจากประสบการณ์ระดับโลกเช่นนี้มีจำนวนจำกัด! วันศุกร์และเสาร์ที่ 25-27 เมษายน ที่ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ (ตั้งอยู่บนชั้น 61) ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. +66 (0) 2679-1200 KinlakeStars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง KinlakeStars.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร หากฝ่าฝืนผู้บริหารพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด
เมื่อพูดถึงความเป็นไทยที่ราบลุ่มภาคกลาง สิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตชาวที่ราบลุ่มก็คือวิถีชิวิตริมสายน้ำนั้นเอง สายน้ำเปรียบเสมือนสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต ทั้งกิน ดื่ม ใช้ เพาะปลูก สัญจร และในครั้งนี้ Kinlakestars จะพาทุกท่านไปพบกับบุฟเฟ่ต์ข้าวแช่ริมน้ำ ตำรับชาววังที่กินได้ไม่อั้น อีกทั้งอาหารไทยอื่นๆและขนมไทยมากมาย ในราคาเดียว พร้อมชื่นชมทัศนียภาพและวิถีริมน้ำจากโรงแรมชื่อดังระดับตำนานที่อยู่คู่สายน้ำแห่งนี้ มายาวนานกว่า 140 ปี ณ ศาลาริมน้ำ Mandarin Oriental Bangkok ศาลาริมน้ำเป็นห้องอาหารไทยที่ให้บริการทั้งในช่วงเวลากลางวัน และ กลางคืน ตั้งอยู่ตรงข้ามกับตัวโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok สามารถมาได้ทั้งทางรถจากถนนเจริญนคร หรือ นั่งเรือของทางโรงแรมข้ามมาก็ย่อมได้ ห้องอาหารมีทั้งด้านในและด้านนอกอาหาร อาคารถูกสร้างออกมาให้มีลักษณะเป็นอาคารทรงไทย ภายในตกแต่งแบบไทยประยุกต์ มีที่นั่งหลายรูปแบบทั้งที่นั่งบนพื้น และที่นั่งแบบโต๊ะเก้าอี้ปกติทั่วไป โดยช่วงกลางวันนั้นจะให้บริการเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ และตอนกลางคืนจะให้เลือกเป็นอาหารชุดพร้อมชมการแสดง หรือ สั่งแบ่งเป็นส่วนๆซึ่งจะแยกส่วนการให้บริการเป็นด้านนอกและด้านในอาคาร สำหรับข้าวแช่ของห้องศาลาริมน้ำ จะให้บริการในไลน์บุฟเฟ่ต์ ซึ่งถูกเพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษเฉพาะในช่วงฤดูร้อนนี้เอง ซึ่งในครั้งนี้เชฟ ประเสริฐ หัวหน้าเชฟประจำห้องศาลาริมน้ำได้มีการปรับสูตรเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความร่วมสมัยและให้ถูกปากคนรุ่นใหม่ กินง่ายมากขึ้น แล้วจะเป็นอย่างไร มีความแตกต่างอย่างไรบ้างไปชมกันเลยครับ ในส่วนของข้าว หนึ่งในความแตกต่างไปจากที่อื่นและสูตรเดิมคือ เชฟได้เปลี่ยนมาใช้เป็นข้าวหอมมะลิ และหุงแบบปกติ ด้วยแนวคิดที่ว่า ในช่วงปกติ คนเรากินข้าวหอมมะลิ ชอบ คุ้นชิน และน่าจะถูกปากกว่าข้าวสาวไห้ที่สุกครึ่งไม่สุกครึ่ง จึงมีการปรับสูตรเล็กน้อยและนำข้าวหอมมะลิมาใช้แทน ในส่วนของน้ำลอย น้ำอบใช้ดอกไม้อย่างหลากหลายและครบถ้วน ทั้งกุหลาบ มะลิ กระดังงา และชมนาด อบกับควันเทียน แต่กลิ่นของดอกไม้จะออกมาชัดเจนมากกว่ากลิ่นควันเทียน ซึ่งทำให้หอม สดชื่น ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและเหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวในช่วงฤดูร้อนเป็นอย่างดี ลูกกะปิ ลูกกะปิที่นี่ใช้กะปิชั้นดีจากคลองโคลน อำเภออำพวา มาทำการย่างในใบตองพับ ด้วยไฟอ่อนๆแล้วจึงนำมาผัดเข้ากับบรรดาเครื่องเทศต่างๆเช่น กระชาย และปลาดุก หอมยัดไส้ พริกหยวกยัดไส้ ไส้ของพริกหยวกยัดไส้ที่นี่คือกุ้งและหมูสับ ปรุงด้วย พริกไทย เกลือ และรากผักชี ส่วนไข่ที่ห่อพริกจะใช้เป็นไข่กรอบ ทำให้ได้ความสวยงามและสัมผัสที่แปลกปากออกไป ไช้โป๊วผัดหวาน ไช้โป๊วมาผัดจนใส หนึบ หวาน ไข่เค็มชุบแป้งทอด ใช้ไข่เค็มอย่างดี โดยส่วนผสมหลักเป็นไข่เค็มแดงและผสมไข่ขาวเค็มลงไป คลุกเคล้าผสมกันจนลงตัวจากนั้นจึงนำไปชุบแป้งทอด ปลาแห้ง หมูทุบ นำหมูมา…
ตามธรรมเนียมหน้าร้อนแบบนี้ อาหารไทยที่ถูกพูดถึงและเหมาะที่จะนำมารับประทานเพื่อคลายร้อนได้ดีที่สุดก็คงจะต้องยกให้ ‘ข้าวแช่’ อาหารไทยโบราณที่มีส่วนผสมวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งต้องใช้แต่ของที่มีคุณภาพนำมาผ่านกรรมวิธีการทำอันซับซ้อนและปราณีต ออกมาเป็น ‘ข้าวแช่’ วันนี้ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปชิมข้าวแช่และอาหารไทยเลิศรส พร้อมทั้งดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดตระการตากลางแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจะเรียกว่าเป็นข้าวแช่ที่อยู่กลางน้ำแห่งเดียวก็ว่าได้ ฉลองวันปีใหม่ไทยด้วยอาหารไทยสไตล์ชาววังบนเรืออัปสรา เมนูอาหารที่ชาวไทยในสมัยก่อนนิยมรับประทานเพื่อคลายร้อนได้ดีที่สุด คงหนีไม่พ้นเมนูข้าวแช่ ซึ่งเรืออัปสราได้เตรียมมาไว้ให้คุณได้ลิ้มลองตลอดเดือนเมษายนนี้ ท่านจะได้พบกับเมนู “ข้าวแช่ในน้ำมะลิอบควันเทียน” ข้าวแช่ที่นี่ใช้ข้าวเม็ดเรียวเรียงสวยสุกกำลังดี แช่ในน้ำดอกมะลิอบควันเทียนกลิ่นหอมอบอวล ลอยน้ำด้วยมะลิและกลีบกุหลาบ มาถึงเครื่องเคียงกันบ้างครับ ปีนี้ทางห้องอาหารมีเครื่องเคียงมาให้ 6 อย่าง แต่จะเสิร์ฟมาในพอชั่นที่กำลังพออิ่ม ไม่ได้เยอะเหมือนปีที่แล้ว เนื่องจากทางห้องอาหารมองว่าอยากให้ลูกค้ามีเนื้อที่ในท้องเอาไว้ชิมอาหารสุดอร่อยอย่างอื่นอีกครับ โดยวิธีการรับประทานเราจะต้องเริ่มจากด้านขวามือก่อนแล้วไล่ไปทางซ้าย ทั้งนี้เพื่อที่เครื่องเคียงจะค่อยๆ เพิ่มความเข้มของรสชาติมากขึ้นไป ทำให้รสชาติไม่โดดกันไปมานั่นเองครับ เครื่องเคียงก็มีดังนี้ครับ ไชโป้วกรอบผัดหวาน ไช้โป้วผัดจนกรุบ กรึบ หนึบ หวาน ผัดจนสีใส เข็ม พริกหยวกยัดไส้กุ้งห่อไข่ เลือกนำเอาพริกหยวกเม็ดขนาดกำลังดี ยัดไส้ด้วยหมูสับกับกุ้ง ปรุงด้วยสามเกลอ ได้แก่พริกไทย รากผักชี และเกลือ นำพริกหยวกไปนึ่งจนสุกแล้วห่อคุลมด้วยแพไข่ ปลายี่สกผัด นำปลายี่สนแห้งมาย่างไฟอ่อน แล้วนำไปโขลกจนได้เนื้อปุย ก่อนนำไปผัดกับหัวกะทิ และปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว หอมแดงยัดไส้ คว้านหอมแดงให้เป็นรู ยัดไส้ด้วยหมูหวาน ปรุงด้วยสามเกลอ ได้แก่พริกไทย รากผักชี และเกลือ นำไปชุบไข่และแป้งสาลี นำไปทอดจนได้สีเหลืองทอง รสชาติหวานเค็มกำลังดี ลูกกะปิผัดกระชายเครื่องเทศ ใช้กะปิอย่างดีจากระยอง นำไปผสมรวมกับเครื่องเทศ อาทิ กระชาย ตะไคร้ หอมแดง หัวกะทิ พริกแห้ง ปลาป่น นำไปผัดในกระทะทองเหลือง โดยค่อยๆ ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวจากอัมพวา และมะพร้าวคั่ว เพื่อให้ได้รสชาติที่หอมและกลมกล่อม ก่อนนำไปชุบกับไข่ ทอดจนได้สีเหลืองทองสวยงาม หมูหวาน นำเนื้อหมูที่ต้มสุกแล้วมาฉีกเป็นเส้นๆ ขนาดพอดี หมักปรุงรสประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำไปทอดด้วยไฟอ่อนๆ จนได้หมูฝอยหวานที่กรอบและมีสีทองสวยงาม โรยด้วยหอมแดงเจียว และผักเครื่องเคียงที่ครบเครื่องบรรจงทำอย่างวิจิตร สวยงาม ทีนี้เราไปดูเมนูอื่นๆกันบ้างดีกว่า พร้อมทั้งเมนูที่ทานแล้วรับรองจะติดใจอย่าง เมนู “ปูนิ่มทอดกรอบราดซอสพริกสามรส” ต้มยำกุ้ง…
หลายที่มักชู “ข้าวแช่ ชาววัง” และ “สูตรชาววัง” ทีนี้เราลองมาดูสูตร “ชาวบ้าน(ใน)” กันดูบ้าง บอกเลยว่าบรรยากาศ ราคา รสชาติไม่เหมือนใคร และสารพัดเมนูคลายร้อน ไม่ว่าจะเป็น ม้าฮ่อ แตงโมปลาแห้ง และคุ้มค่าที่น่ามาลอง จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยครับ หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อ “โรงแรมบ้านใน” กันมาบ้างแล้ว ในฐานะบูทีคโฮเทลน้องใหม่ ที่มีบรรยากาศอบอุ่น อบอวล ชวนให้นึกถึงสมัยคุณยายยังสาวๆ ชวนย้อนยุคไปประมาณสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งชื่อโรงแรมนี้ก็ได้มาจาก การที่ที่ดินผืนนี้แต่เดิมเป็นบ้านของพระยารณชัยชาญยุทธ (ถนอม บุณยเกตุ) สมุหเทศาภิบาลมณฑลร้อยเอ็ด และคุณหญิงรณชัยชาญยุทธ (ทับทิม บุณยเกตุ) มีบ้านไม้ซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของพื้นที่ จึงได้ชื่อว่า “บ้านใน” และในเวลาต่อมาถูกรื้อและปรับปรุงใหม่เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้สำหรับธิดาทั้ง 3 ของท่าน ดังที่เราจะได้พบตัวแทนสัญลักษณ์ต่างๆตามจุดต่างๆของบ้านที่จะกล่าวถึงกันต่อไป เมื่อก้าวผ่านประตูเข้ามา ผ่านความร่มรื่นของหมู่แมกไม้ จะพบกับตัวโรงแรม หรือบ้าน ที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ได้นำมาทำใหม่ ขยายใหญ่กว่าเดิม และถูกวางผังห้องหับการใช้สอย ให้เหมือนเดิมมากที่สุดเพื่อคุณค่าทางจิตใจ ดีเทลแบบโบราณทุกอย่างยังมีอยู่ให้เห็น และเป็นงานที่แกะด้วยมือทุกชิ้น โทนสีที่ใช้ในการตกแต่งภายใน เป็นโทนสีขาว-นำ้เงิน กรอบรูปแสดงภาพเก่าเรียงรายอยู่บนฝาผนัง แจกันมีดอกไม้สดประดับประดาอยู่ตามมุมต่างๆของบ้าน สะท้อนถึงความใส่ใจของเจ้าของและสถาปนิกได้เป็นอย่างดี วันนี้ Kinlakestars.com จะพาทุกท่านมาย้อนวันวาน ไปสู่ยุคคุณยายยังสาวผ่านสถานที่ กาลเวลา และอาหาร ที่ทำจากสูตรอาหารประจำตระกูลด้วยความพิถีพิถัน ใส่ใจ ทั้งกระบวนการและวัตถุดิบกันค่ะ โดยก่อนอื่น เราขอมาเลือกที่นั่งกันก่อน ถ้ามากันหลายคนและอยากได้ความเป็นส่วนตัว จะขอแนะนำโต๊ะใหญ่ในห้องนี้ ซึ่งบานหน้าต่างที่ประดับผนังทางด้านซ้ายนี้เป็นบานเก่านำมาทำสีใหม่แล้วประดับ ดูสวยดี หรือจะเลือกนั่งตรงนี้ มองเห็นวิวสวนด้านนอก ซึ่งโซนกึ่ง outdoor ก็มีให้เลือกนั่งจ้า เอาล่ะ คราวนี้เรามาเริ่มสั่งอาหารกันเลยดีกว่า มาสร้างความหวานสดชื่น ผ่อนคลายกันด้วยจานแรก ปลาแห้งแตงโม (150 บาท) -แตงโมสีแดงสดอันหวานฉ่ำ เสริมด้วยน้ำตาลทราย ปลาแห้งฝอยสีน้ำตาลซีเปียร์ ม้าฮ่อ (130) ม้าฮ่อ ของว่างไทยโบราณ กินแกล้มผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด เช่น สับปะรด สัมเขียวหวาน ส้มโอ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ โรยด้วยไส้คล้ายกับสาคูไส้หมู โดยสูตรบ้านในจะใช้ส้มชิ้นโต ทำให้ได้ความหวานฉ่ำสดชื่น หมูผัดกะปิสามพราน (190) ใช้กะปิคลองโคลนอันขึ้นชื่อมาผัดกับสารพัดเครื่องสูตรตำรับเฉพาะให้กลิ่นอายแบบไทยๆไม่ว่าจะเป็นใบมะกรูดที่หอมสุดๆ ตะไคร้ หอม ใบส้มซ่า สารพัดเครื่องปรุง และที่ขาดไม่ได้ก็หมูนั้นล่ะจ้า…
สำหรับปีที่ 49 ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังคงมีกิจกรรมและโปรโมชั่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณได้มาสัมผัสประสบการณ์อันแสนประทับใจกันต่อไป เริ่มด้วยการเปิดตัว “Beyond Boundaries” บรั้นช์บุฟเฟ่ต์ เสาร์-อาทิตย์ ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ เอาใจคนที่อยากใช้เวลาไม่เร่งรีบตลอดบ่าย เพื่อทานบุฟเฟ่ต์ มื้อกลางวันพร้อมดื่มแบบสบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยวิวสวนสวยและเสียงน้ำตก ให้คุณได้ดื่มด่ำในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบไร้ข้อจำกัดของเวลา ณ เบญจรงค์ และเทอร์เรส ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มาร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับบรั้นช์บุฟเฟ่ต์ ที่เริ่มเสิร์ฟตั้งแต่เวลา 11:30 น. ยาวไปจนถึงแดดร่มลมตก 17:00 น. แล้วเสิร์ฟต่อด้วยเครื่องดื่ม 1 ดริ้งค์ (ในเมนูที่กำหนด) พร้อมคานาเป้ให้ได้เพลิดเพลินกันไปจนถึงเวลา 19.00 น. เริ่มต้นความอร่อยของมื้อบรั้นช์นี้ด้วย อาหารทานเล่นแบบพอดีคำหรือที่เรียกว่า “Amuse Bouche” ที่เชฟนำมาเสนอด้วยตัวเองเพื่อต้อนรับท่านที่โต๊ะ เป็นเมนูแซลมอนซาชิมิที่ปรุงสุกบนหินร้อน แล้วค่อยๆลิ้มลองอาหารหลากหลาย ตั้งแต่มุมสลัดผักออร์แกนิก ซูชิและซาชิมิระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาฮามาจิ ปลาซาโยริ ปลาชิมะ-อาจิ หอยสังข์ ปลาหมึกยักษ์ ตลอดจนเนื้อวากิว และหอยเม่นทะเลจากฝรั่งเศส ส่วนอาหารทะเลสดๆ ก็มีทั้งกุ้งล็อบสเตอร์ ขาปูยักษ์อลาสก้า กุ้งแม่น้ำตัวโต ปาหมึกสด หอยนางรมสดสด ปลาคอด หอยเชลล์สดจากสก็อตแลนด์ ฟัวกราส์ และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับอาหารจานหลัก จะเป็นการปรุงสดจากครัว โดยสามารถเลือกรับประทานได้จากเมนูอย่างไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็น ล็อบสเตอร์- เทอร์มิดอร์แสนอร่อย ซี่โครงแกะจากนิวซีแลนด์ย่าง หรือเนื้อยูเอสริบอายย่างราดด้วยซอสไวน์ขาว เป็นต้น “Beyond Boundaries” คอนเซ็ปต์บรั้นช์บุฟเฟ่ต์ใหม่ล่าสุด (ต่อ) ตบท้ายด้วยชีสหลากหลายประเภทที่เข็นมาให้ได้เลือกอร่อยกันถึงโต๊ะ และไม่ควรพลาดกับบุฟเฟ่ต์ ขนมหวานหลากชนิด เป็นการปิดท้ายมื้ออร่อยที่เวลาไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังมีดนตรีเล่นสดเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุขตั้งแต่เที่ยงวัน จนถึง 16.00 น. และตั้งแต่ 17:00 น. เป็นต้นไปพบกับดีเจพร้อมแนวดนตรีที่ส่งต่อจากวงดนตรีในช่วงต้น ราคาท่านละ 2,900 บาท++ รวมซอฟท์ดริ้งค์ และน้ำผลไม้แบบเติมไม่อั้น อีกทั้งเสิร์ฟ 1 ดริ้งค์…
ข้าวแช่ อาหารที่มาคู่กับฤดูร้อน อันเป็นที่ได้รับความนิยมยิ่ง ให้ทั้งความดับร้อน สดชื่น และเป็นของเฉพาะฤดู แน่นอนว่าทั้งรส ทั้งกลิ่นที่หอมสดชื่น และขั้นตอนการทำที่ยากและสลับซับซ้อน อีกทั้งการเตรียมเครื่องที่วุ่นวายอยู่พอควรจึงทำให้เป็นอาหารที่ไม่ได้มีขายในทุกที่และในครั้งนี้ Kinlakestars จึงขอแนะนำข้าวแช่เด็ดจากทั่วกรุงฯ เดิมทีนั้นจากเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา กษัตริย์มอญผู้ซึ่งยังไม่มีบุตรเพื่อสืบบัลลังก์เสียที จนกระทั่งได้ทำการบนบานกับศาลเทวดาแห่งหนึ่งอันศักดิ์สิทธิ์จนสมหวัง จึงได้ทำเครื่องเซ่นไหว้มาถวาย เครื่องเซ่นเหล่านั้นก็ได้แก่ หมูเส้น ลูกกะปิ หอมยัดไส้ และไชโป๊วหวาน อันเป็นของที่เก็บได้นาน ทำแล้วเก็บใส่ไหดินเผาไว้ ทำให้เก็บได้นานไม่บูดเน่าเสีย ต่อมา ชาวมอญถือเอาข้าวแช่เป็นอาหารสำคัญในประเพณีวันสงกรานต์ ทำให้ข้าวแช่เป็นอาหารที่ชาวมอญ นิยมทำสังเวยเทวดาในตรุษสงกรานต์ และค่อยๆเผยแพร่เข้ามาในไทย ซึ่งก็เข้ามานานอยู่นานพอควร จะเห็นได้จากกลอนของกวีอย่าง สุนทรภู่ที่กล่าวถึงข้าวแช่ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ว่า ฤดูร้อน ก่อนเก่า ทำข้าวแช่ น่าชมแต่ เครื่องกับ สำรับฉัน ช่างทำเป็น ดอกจอก และดอกจันทร์ งามจนชั้น กระชายทำ เหมือนจำปา มะม่วงดิบ หยิบดู จึ่งรู้จัก ช่างน่ารัก ทำเป็น เช่นมัจฉา (ความจาก “รำพันพิลาป” ของสุนทรภู่ รัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์) ต่อมา ชาววังรับไปปรับปรุงเรียกว่า “ข้าวแช่เสวย” หรือ “ข้าวแช่ชาววัง” เมื่อสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี 2453 แล้ว ข้าวแช่ได้รับการเผยแพร่ไปนอกวังและเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ข้าวแช่ในแต่ละที่ก็ได้ถูกปรับสูตรให้แปลก แตกต่างกันออกไปตามรสที่ถูกปาก ความสวยงาม ของที่หาได้ และในปีนี้มีที่ไหนที่ทาง Kinlakestars แนะนำกันบ้าง มาดูกันเลย Celadon ,The Sukhothai Bangkok ข้าวแช่ชาววังสุดวิจิตรตระการตา รูป รส กลิ่นอันสมบูรณ์แบบ ณ ศิลาดล, The Sukhothai Bangkok ราคา(ต่อท่าน) : 990++ บรรยากาศ : Thai Contemporary ความพิเศษ : วัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วประเทศ ความวิจิตรของต่างๆในชุด…
คลายร้อนกับ “ข้าวแช่” ตำรับไทยโบราณ ณ ห้องอาหารสไปซ์ มาร์เก็ต โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ วันที่ 2 – 30 เมษายน 2561 สำหรับห้องอาหาร Spice Market เป็นห้องอาหารไทยที่จำลองเอาตลาดเครื่องเทศ อันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแบบไทยๆแสนคลาสิกและอบอุ่น ไม่ว่าคุณจะมาช่วงเที่ยงหรือช่วงเย็น ห้องอาหารแห่งนี้ก็ สำหรับหนึ่งในของอร่อยที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องได้ลิ้มลองนั้นก็คือ เมี่ยงคำ นั้นเอง ซึ่งทางห้องอาหารจะจัดเตรียมสำรับเมี่ยงคำโอชารส เครื่องครบ ใส่ไว้ในกล่องไม้แสนสวยน่ากินให้กับแขกทุกๆโต๊ะ เปรียบเสมือนอมูชบูชของห้องอาหารฝรั่ง ซัมเมอร์นี้ เชฟวรินธร สัมฤทธิ์ผล เชฟครัวไทย โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ รอต้อนรับทุกท่านด้วยความเย็นฉ่ำชื่นใจกับเมนูคลายร้อน “ข้าวแช่” ณ ห้องอาหารไทย สไปซ์ มาร์เก็ต ตั้งแต่วันที่ 2 – 30 เมษายน 2561 ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ชวนเพื่อนๆมาลิ้มลองรสชาติและกลิ่นหอมของข้าวแช่ ที่เชฟวรินธร บรรจงคัดสรรเอาข้าวเสาไห้อย่างดีนำไปปรุงอบควันเทียนกลิ่นดอกไม้ ทานคู่กับเครื่องเคียงหลากหลายชนิดที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับไทยโบราณ อาทิ ข้าวแช่ หุงข้าวเสาไห้ จนได้เป็นข้าวที่มีลักษณะเป็นตากบ นำมาขัดผ่านน้ำโดยนำข้าวใส่กระชอน แล้วเปิดน้ำไหลผ่าน ขัดข้าวอย่างเบามือ จนกระทั่งได้ข้าวเป็นเม็ดใส ตัวไม่ขุ่น นำใส่ผ้าขาวบางจึงนำไปนึ่ง ก่อนนำข้าวนั้นไปอบควันเทียน พร้อมกับ ดอกมะลิ และ กุหลาบ ลูกกะปิ ใช้กะปิอย่างดีจากระยอง นำไปผสมรวมกับเครื่องเทศ อาทิ กระชาย ตระไคร้ หอมแดง หัวกะทิ พริกแห้ง ปลาป่น นำไปผัดในกระทะทองเหลือง โดยค่อยๆ ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวจากอัมพวา และมะพร้าวคั่ว เพื่อให้ได้รสชาติที่หอมและกลมกล่อม ก่อนนำไปชุบกับไข่และแป้งสาลี ทอดจนได้สีเหลืองทองสวยงาม ไชโป้วผัดหวาน/ผักกาดหวาน นำหัวไชโป้วไปผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ผัดจนกระทั่งได้เส้นหัวไชโป้วที่มีความวาวใส สวยงาม กรุบกรึบ หอมสอดไส้ คว้านหอมแดงให้เป็นรู ยัดไส้ด้วยหมูหวาน ปรุงด้วยสามเกลอ ได้แก่พริกไทย รากผักชี และเกลือ นำไปชุบไข่และแป้งสาลี นำไปทอดจนได้สีเหลืองทอง…
โปรพิเศษ !!! ในช่วงตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2561 ทางโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้ร่วมกับบัตรครดิต เพื่อให้ผู้ถือบัตรเครดิต ที่มารับประทานบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำวันเสาร์ ในราคาพิเศษ 1,600 บาทสุทธิ จากราคาปกติ 2,237 บาทสุทธิ (1,900++ บาท) บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำคืนวันเสาร์ ให้บริการที่ห้องอาหาร อัพแอนด์อะบัฟ (Up & Above Restaurant) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) เชฟได้คัดสรรเมนูอาหารนานาชาติน่ารับประทานหลากหลายรายการจากทุกมุมโลกมาให้ทุกท่านได้อิ่มอร่อยอย่างไม่จำกัด พร้อมเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงบรรเลงจากวงดนตรีแจ๊ส ที่จะขับกล่อมตลอดมื้ออาหาร และชมวิวเมืองยามค่ำคืน จากชั้น 24 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เมนูอาหารน่ารับประทาน หอยนางรมสดใหม่คัดคุณภาพส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศส ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา หอยแมลงภู่จากประเทศนิวซีแลนด์ กั้ง กุ้งลาเสือตัวโตๆ และ ปูสดเนื้อแน่น ให้บริการเคียงคู่กับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะหลายรสชาติให้เลือกสรร รวมไปถึงน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านแบบไทย ชีสและแฮมนำเข้า กับสารัดสลัดมากมายนานาชนิด เนื้อและปลาอบ อาหารญี่ปุ่นหลายรายการจากมุมอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นปลาดิบสดใหม่ ซูชิ หรือข้าวห่อสาหร่ายไส้ต่าง ๆ หนึ่งในของเด็ดของที่นี่คือฟัวกราส์ย่างที่ทำออกมาในความสุกกำลังพอดี พร้อมกับผิวเกรียมสัมผัสกำลังดี พ่วงด้วยความแห้งอย่างพอเหมาะ นอกจากนั้นยังมี มุมพาสต้าที่มีเชฟปรุงพาสต้าให้บริการแบบจานต่อจาน สั่งได้หลายเส้นหลายซอส ซ฿่งดัดแปลงได้อย่างหลากหลายตามต้องการ ทางผมเองได้ลองให้เชฟทำเพเน่คาร์โบนาร่า เนื้อกั้ง ซึ่งเชฟก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว อาหารตะวันตกหลากหลายมากมายและคุณภาพเน้นๆ และที่ขาดไปไม่ได้คืออาหารไทยรสจัดจ้าน ที่มีทั้งแกงเผ็ด แกงจืด รวมไปถึงยำและน้ำพริกต่าง ๆ สุดท้ายเป็นขนมหวานที่มีทั้งขนมหวานยอดนิยมของไทย อย่างข้าวเหนียวมะม่วง ไปจนถึงขนมเค้ก ขนมอบนานาชนิด และไอศครีมให้ได้เลือกรับประทานอย่างจุใจ บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำคืนวันเสาร์ที่ห้องอาหาร อัพแอนด์อะบัฟ เปิดให้บริการทุกคืนวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 18.30 น ถึง 22.30 น.…