Author: Kittin Assavavichai

ตลอดเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนเชฟ เซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf ) หัวหน้าพ่อครัวเบเกอร์รี่ (Executive Pastry Chef) ได้นำสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของประเทศญี่ปุ่น มารังสรรค์เป็นชุดน้ำชายามบ่ายโดยเลือกใช้ส่วนผสมหลักเป็นผลไม้ที่มีสีส้มและช็อคโกแลต เพื่อให้บริการที่อัพแอนด์อะบัฟ บาร์ (Up & Above bar)ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2561 เท่านั้น ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมของทุก ๆ ปี ต้นไม้ทั่วประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มผลัดใบและเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม แดง และน้ำตาล สร้างสีสันอันงดงาม เชฟจึงได้นำสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมารังสรรค์ชุดน้ำชายามบ่าย ประกอบไปด้วยขนมคาวหวาน 12 ชนิด อาทิ พุดดิ้งเมลอน สคอนช็อกโกแลตและผิวเปลือกส้มอบใหม่ ช็อกโกแลตทรัฟเฟิลไส้ทับทิม เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มไส้แยมส้มคัมควอท(Kumquat)เค้กฟักทองญี่ปุ่นแต่งด้วยเมอแรงก์ ไดฟูกุญี่ปุ่นไส้เมลอน แอปเปิลทาร์ตตาแตง มาการองพิมพ์ลายใบไม้เปลี่ยนสีไส้ทับทิม ส่วนอาหารคาว ได้แก่ ขนมปังกรอบหน้าปลาแซลมอนรมควัน ชีสริคอตต้า (Ricotta) เกรปฟรุต และอะโวคาโด้ กุ้งปรุงรสเสิร์ฟกับเยลลี่บลัดออเรนจ์ ขนมปังบริยอชไส้เนื้อเป็ดตุ๋นและส้ม และแซนวิชขนมปังไรย์ไส้ชีสบรี(Brie)ตกแต่งด้วยส้มคัมควอทเชื่อม ชุดน้ำชายามบ่ายที่แต่งแต้มสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีให้บริการคู่กับเครื่องดื่มชา หรือ กาแฟสำหรับ 2 ท่าน โดยจะเข้ากันได้ดีกับ ชา ซูร์ เลอ นีล (Thé Sur Le Nil) ชาชั้นเลิศสัญชาติฝรั่งเศส ของ มาคิยาจ แฟรส์ (Mariage Frères) เป็นชาเชียวที่หอมกรุ่นผลไม้ตระกูลซิตรัสและเครื่องเทศหรือจะเลือกรับประทานกับเครื่องดื่มอื่น ๆ อาทิ ซาโรที (Saro Tea) ชากลีบดอกบัวและสมุนไพรออแกนิค กาแฟอิลลี่ (Illy) ที่สามารถให้บริการทั้งแบบร้อนและเย็น ชุดน้ำชายามบ่ายที่แต่งแต้มสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มีให้บริการทุกวันที่อัพแอนด์อะบัฟ บาร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2561 เวลา 14.00 น. ถึง…

Read More

Kinlakestars.com ขอต้อนรับเข้าสู่มื้อแคมเปญสุดพิเศษ “ITALIAN JOB VOL.1” สุดยอดมื้อสุดพิเศษที่เป็นเหมือนของขวัญแก่คออาหารอิตาเลียน ด้วยการร่วมมือระหว่าง David Tamburini แห่ง La Scala และเชฟชื่อดังจากภูเก็ต Alessandro Frau จากร้าน ACQUA ครั้งแรกกับการทำอาหารชุดจับคู่ ณ  La Scala – Italian Work ซึ่งเป็นชุดอาหารใหม่ที่มีพ่อครัวชาวอิตาเลียนชื่อดังของอิตาลี David Tamburini เป็นตัวยืน สำหรับเชฟ Alessandro Frau จาก บริษัท Acqua เป็นเชฟที่มีชื่อเสียงในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดาเหล่านักชิม ได้รับการยอมรับว่าเป็นเชฟชั้นนำ และร้านของเขาก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภูเก็ต เดวิดและอเลสซานโดรได้มาผสมผสานกับการสร้างสรรค์อาหารอิตาเลียนแท้ๆซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเพณีและวัฒนธรรมของประเทศอิตาลี โดยสัมผัสกับรสพื้นเมืองของซิซิลีและซาร์ดิเนีย ที่ได้รับการวิวัฒนาการด้วยการปรุงแบบสมัยใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคนิคการปรุงอาหารใหม่ส่วนผสมและงานศิลปะในปัจจุบัน โดยมื้อนี้เป็นการจัดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก เต็มทุกที่นั่ง ได้จัดกันไปเมื่องมื้อค่ำเฉพาะวันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา โดยราคาที่ขายไปนั้นคือ THB 5,500 ++ ต่อท่าน (เฉพาะอาหาร)และ คนละ 6,800 ++ บาท (รวมไวน์) โดยราคานี้เป็นเงินบาทและไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษีที่รัฐบาลกำหนดอีก 7 % และนี่คือ เมนูสำหรับ La Scala x Acqua Aperitivo 2/3 small amouse bouche มาเริ่มอุ่นเครื่องกันด้วยของเรียกน้ำย่อยชิ้นพอดีคำ ด้วยแป้งที่บางกรอบชิ้นพอดีคำจากแป้งขนมปังขาวท๊อปด้วยซาลามี่อย่างดีกับซอสรสมันๆจากกระเทียม ต่อกันด้วยจานเด็ดจาก summer menu ของทางห้องอาหาร La scala Caprese Campania buffalo mozzarella bavaroise Caprese Campania buffalo mozzarella bavaroise สวยงามเตะตาแต่แรกเห็นด้วยความน่ารัก สวยงาม เชฟทำออกมาได้คล้ายมะเขือเทศจริงมาก ทั้งขนาด สี และรูปร่าง  จริงๆแล้วมันคือบูราต้าชีส สดๆ…

Read More

Vegan Vanguards เทศกาล “เจ” ณ Haoma สำหรับวันที่ 10th และ 11th October 2018 ด้วยการสร้างสรรค์โดย (Haoma x Broccoli Revolution x Barefood Bangkok) Vanguard Vanguard ร้านอาหารชั้นนำ 2 แห่งของกรุงเทพฯ Broccoli Revolution และ Barefood Bangkok ร่วมมือกับ Haoma “table in farm” ร้านอาหารชั้นนำเช่นกัน ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ร่วมกันสร้างสรรค์อาหารสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำวีแก้น 2 คืนเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล “เจ” ” ใช่แล้วเรากล่าวว่าการเฉลิมฉลอง การเป็นมังสวิรัติหรือ “เจ” ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องกินอะไรที่น่าเบื่อที่บ้าน ด้วยเต้าหู้อ่อนย้วยสไตล์อาม่า อากง หรือเนื้อสัตว์ทดแทนปลอมๆ! ” เชฟกล่าว เชฟ Deepanker Khosla (Chef DK) จาก Haoma ร่วมกับ Naya Ehrlich-Adam จากการร้านปฏิวัติบร็อคโคลี่และเชฟ Edoardo Bonavolta และ Taksina Nuangsri-Anttila จาก Barefood Bangkok จะสร้างเมนูดั้งเดิมที่เน้นผลิตภัณฑ์มังสวิรัติของตัวเองและสูตรส่วนตัวซึ่งรวมเอาไว้ ผักและสมุนไพรจาก Haapas aquaponic, hydroponic และปุ๋ยหมักฟาร์ม มื้ออาหารนี้จะให้ทุกท่านได้ชิมอาหารทั้ง 7 จาน ในแต่ละจานจะเป็นอาหารที่มีมาตรฐานที่ดีและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของเทศกาล “เจ” ไม่มีเนื้อสัตว์ผลิตภัณฑ์จากนมหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์และไม่มีหัวหอมหรือกระเทียมพร้อมกับการเลือก Mocktail หรือการต้มน้ำผลไม้และผักชนิดบรอคโคลี่ที่เพิ่มเข้ามา มังสวิรัติ หรือ Vanguards ผสานกับอาหารที่มีรูปแบบที่ยั่งยืนของ Haoma  จะพิสูจน์ว่าการรับประทานอาหารมังสวิรัติในประเทศไทย สามารถเป็นประสบการณ์ที่ดีและยกระดับในสภาพแวดล้อมที่สนุกสนาน Haoma และ Vanguard ยังเชื่อว่าสิ่งสำคัญของการกิน คือการส่งเสริมการลดขยะอาหารและการซื้อสินค้าในท้องถิ่นที่มีคุณภาพเนื่องจากเป็นวิธีการในอนาคต มาดูในส่วนของอาหารกันเลย Heirloom Tomato Soup Chiang…

Read More

หาดื่มเป็นชิมเป็นแล้วคุณจะรัก Rosé Wine เพราะไวน์ไม่ได้มีแค่แดงและขาว ไวน์ดีๆอย่างไวน์สีกุหลาบ(Rose wine) คือไวน์สีชมพู อาจไม่ได้เป็นนิยมนักในหมู่คนทั่วไป ไวน์โรเซผลิตได้ 3 วิธี วิธีที่นิยมกันทั่วไป คือนำองุ่นแดงมาหมักทั้งเปลือกนาน 1-2 วัน แล้วจึงกรองเอาเปลือกออก อีกวิธีหนึ่งคือนำน้ำองุ่นชนิดสีแดงเรื่อ ๆ มาหมักทั้งเปลือก และวิธีสุดท้ายคือนำไวน์ขาว และไวน์แดงมาผสมกันเพื่อให้ได้ไวน์โรเซที่เป็นสีชมพูประเภทไม่มีฟอง นิยมใช้ดื่มก่อนอาหาร จะต้องเตรียมที่อุณหภูมิ 8-12 องศาเซลเซียส เป็นไวน์สีชมพูประเภทมีฟองก็จะต้อง เตรียมที่ 6-8  องศาเซลเซียส ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ร่วมกับ Godfather ร้านไวน์ชั้นนำที่คอไวน์ต่างยกให้เป็นร้านไวน์คุณภาพทั้งไวน์ที่เลือกสรรมาและราคาที่จำหน่าย บอกได้เลยว่าดีงามมากเพราะที่นี่จะมีผู้เชียวชาญด้านไวน์คอยให้ความรู้และสาระต่างๆกับไวน์แก่ผู้มาเยือนทุกท่านกันอย่างเต็มอิ่มและจุใจ เรามาดู Rosé Wine ทั้งสามที่แสนจะมีเอกลักษณ์กันดีกว่า ไวน์น้ำหอมที่ผมเองปลาบปลื้มและชื่นชอบที่สุดเลยก็ว่าได้ Fragància de Marta HITE 2017 • DO PENEDÈS Fragància de Marta เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับแนวคิดและการออกแบบอันละเอียดอ่อน ผู้ผลิตขวดนั้นเป็นเจ้าเดียวกับผู้ผลิตขวดน้ำหอม สีสวยประดุจดอกกุหลาบชมพูสีจางๆ สีมีความหนักไปทางไวน์ขาว รางวัลที่ได้รับ GOLD MEDAL – GILBERT & GAILLARD INTERNATIONAL CHALLENGE 2018 GOLD MEDAL – INTERNATIONAL WINE AWARDS 2018 GOLD MEDAL – INTERNATIONAL WINE AWARDS 2017 GOLD MEDAL – CATAVINUM WORLD AWARDS 2017 GOLD MEDAL – INTERNATIONAL WINE GUIDE 2016 ไร่องุ่น: Penedès terroir พันธุ์องุ่น: Xarel.lo, Sauvignon blanc and Pinot noir. เมือง:…

Read More

โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์อันศักดิ์สิทธิ์ เชิญคุณมาลิ้มลองขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับแสนอร่อยหลากหลายรสชาติยอดนิยมที่เราได้คัดสรรมาอย่างดี อาทิ ไส้ทุเรียน, ไส้ทุเรียนไข่เดี่ยว, ไส้เต้าซา(ถั่วแดง), ไส้เต้าซา(ถั่วแดง)ไข่เดี่ยว, ไส้ลูกบัว, ไส้ลูกบัวไข่เดี่ยว, ไส้ช็อกโกแลต, ไส้ชาเขียวและ ไส้มะพร้าวเพื่อมอบเป็นของฝากสำหรับญาติมิตรคนสนิทและเสริมสิริมงคลในเทศกาลไหว้พระจันทร์ โดยสามารถเลือกเป็นชิ้นหรือเป็นเซ็ทได้ตามต้องการ ดังนี้ ขนมไหว้พระจันทร์ 1 ชิ้น ราคาชิ้นละ 128 บาท (สุทธิ) ขนมไหว้พระจันทร์ 4 ชิ้นพร้อมกล่อง ราคาชุดละ 788 บาท (สุทธิ) ขนมไหว้พระจันทร์พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2561 – 15 ตุลาคม 2561 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) ณ ห้องอาหารจีน ไดนาสตี้ และซิงก์เบเกอรี่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ *เปิดรับสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ สั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ โทร: 02 541 1234 ต่อ 4151/ Email: [email protected]     ขนมไหว้พระจันทร์, mooncake, 2018, Review mooncake centara grand 2018 KinlakeStars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ…

Read More

งานดินเนอร์สุดพิเศษ “ไทย แกสโตรโนมี ซีรีส์ 1” จัดขึ้น ณ ห้องอาหารไทยไฟน์ ได-นิ่งสุดหรูระดับมิชลินสตาร์ 1ดาว สระบัว บาย กิน กิน เป็นครั้งแรกที่รวบรวบสามสุดยอดเชฟชื่อดังแห่งวงการอาหารไทยมาร่วมรังสรรค์เมนูสุดครีเอทีฟ ที่เหล่าบรรดานักชิมทั่วประเทศไม่ควรพลาดร่วมเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นจากสามเชฟผู้มีชื่อเสียง “เฮนริค อูล แอนเดอร์เซน”แห่งร้าน Kiin Kiinโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก “เชฟเอียน กิตติชัย”เชฟผู้โด่งดังแถวหน้าของประเทศไทย และเจ้าของร้านอาหารไทย อิษยา สยามมิส คลับ และ“เชฟเบิ้ม ชยวีร์ สุจริตจันทร์”หัวหน้าพ่อครัวห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการได้รับดาวมิชลิน เชฟทั้งสามท่านร่วมกันเฉพาะกิจเพื่อรังสรรค์และโชว์ทักษะฝีมือการปรุงอาหารไทยแนวใหม่ ที่ใช้เทคนิคในการทำแตกต่างออกไปตามสไตล์ของแต่ละคน โดยนำเสนออาหารทั้งหมด6เมนู ซึ่งได้ผ่านการรังสรรค์ขึ้นมาอย่างปราณีตและปรุงรสมาอย่างพิถีพิถัน พร้อมใส่ไอเดียและนวัตกรรมใหม่ๆเพิ่มเข้าไป เป็นการเปลี่ยนหน้าตาของอาหารจานนั้นๆให้แตกต่างไปจากอาหารไทยจานเดิมที่เราคุ้นเคย ช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกท่านได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารจานพิเศษที่ไม่สามารถหารับประทานที่ไหนได้ “ความพิเศษของมื้ออาหารค่ำภายในงานไทย แกสโตรโนมี ซีรีส์ 1ณ ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน นี้ เป็นการผนึกกำลังของสามเชฟผู้มากความสามารถในด้านความคิดสร้างสรรค์จากเชฟอาหารไทยชื่อดัง ที่จะร่วมนำพาทุกท่านให้ได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยของอาหารไทยในสไตล์แปลกใหม่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยนำคอนเซ็ปต์ศิลปะกึ่งการแสดงของห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ที่เน้นย้ำถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับเชฟและทีมงานทุกคน เสมือนกับลูกค้าทุกท่านมานั่งชมโชว์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของอาหารแต่ละจาน มาดัดแปลงให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของดินเนอร์มื้อพิเศษนี้ ช่วยเปลี่ยนมื้ออาหารที่แสนธรรมดาให้เป็นอีกหนึ่งมื้อแห่งประสบการณ์ที่เหนือระดับ” กล่าวโดยมร. แอนเดรอัส แม็กนุส รองผู้จัดการใหญ่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ สำหรับเมนูที่จะใช้เสิร์ฟทั้งหมด 6 คอร์สนั้น เชฟแต่ละท่านจะใช้เทคนิคต่างๆตามสไตล์ถนัดของตนเอง นำวัตถุดิบที่หลากหลายมาผสมผสานเข้ากับรสชาติอาหารที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นไทย โดยแต่ละจานจะมีหน้าตาเแตกต่างไปจากอาหารไทยจานเดิมที่เราคุ้นเคย นอกจากนี้เชฟทุกท่านจะออกมาแสดงฝีมือการปรุงอาหารในเมนูของตนเองให้ลูกค้าทุกคนได้ร่วมรับชมอย่างเพลิดเพลินและเข้าถึงในทุกขั้นตอนความอร่อยของอาหารแต่ละจานอีกด้วย เมนูไฮไลท์เริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยแบบชาววัง“แสร้งว่าปลา”ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับเมนูยำหรือพล่า จากเชฟเบิ้มหัวหน้าพ่อครัวห้องอาหารสระบัว บาย กิน กินโดยครั้งนี้พิเศษไม่เหมือนใครในการนำปลาค็อดมาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงแทนเนื้อสัตว์ชนิดอื่น คลุกเคล้าเข้ากับสมุนไพรไทย เสิร์ฟพร้อมหนังปลาค็อดและไข่ปลาค็อดให้รสชาติเข้ากันได้เป็นอย่างดี เมนูถัดมาเป็นอาหารจานหลักจากเชฟเอียน กิตติชัย แห่งร้านอาหารอิษยา สยามมิส คลับ“เนื้อโคขุนโพนยางคำ” ที่ใช้เนื้อไทยโกเบเกรดพรีเมี่ยมระดับ A5นำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆ โดยมีส่วนผสมเป็นใบขี้เหล็กและพริกย่างกับมะพร้าวเผา ให้คุณได้อิ่มอร่อยกับเนื้อย่างโพนยางคำที่แสนหอม นุ่ม ละมุนลิ้น ส่งท้ายความอร่อยด้วยเมนูขนมหวานจากเชฟเฮนริค แห่งร้าน Kiin Kiinโคเปนเฮเกน ที่เขาได้หยิบเมนูขนมไทยยอดนิยมอย่าง“มะพร้าวแก้ว”มานำเสนอในรูปแบบใหม่…

Read More

โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโอเอซิสกลางกรุงที่ดีแห่งหนึ่ง ซึ่งท่านสามารถผ่อนคลายเหมือนอยู่ชานเมืองหรือต่างจังหวัดได้ทั้งๆที่อยู่ใจกลางสาทร วันนี้ kinlakestars จึงจะพาทุกท่านไปพบกับการจิบชาด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น ปกคลุมด้วยต้นไม้มากมาย บ่ายๆ แบบนี้ก็เลยขอมานั่งเล่น จิบน้ำชายามบ่ายกัน กับชุดชาชุดใหม่ที่รังสรรค์จากบัว ชุดน้ำชานี้ ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนสระบัว มีดอกบัวโผล่ขึ้นมา ขนมต่างๆ ถูกวางไว้บนใบบัว ข้างล่างมีควันออกมา เสมือนเป็นน้ำในสระบัว คือ การนำเสนอชนะเลิศ เสิร์ฟคู่กับ ชากลีบดอกบัวแบรนด์ดัง อย่าง Saro Royal Lotus Tea โดยวันนี้ขอเลือกเป็นตัวซิกเนเจอร์ของที่นี่นะครับ ตัวนี้ทาง Saro Tea ได้ผสมมาให้ทางโรงแรมฯเป็นพิเศษที่เดียว นั่นก็คือ Sukhothai Tea ตัวนี้ไม่มีคาเฟอีนด้วยนะครับ ตอนที่รินชาลงแก้ว กลิ่นหอมนี่ฟุ้งขึ้นมาเลย ให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างดี เรามาเริ่มในส่วนของคาวก่อนดีกว่า ชิ้นนี้เป็นแซนวิชโฮลวีทแฮมชีส ต่อมาเป็น กริลด์แซนวิชสอดแทรกด้วยมะเขือเทศ และ ชีสมอซซาเรลล่านุ่มๆมันๆ ขนมปังมีความกรอบๆตรงผิวด้วย แซนวิชหมดแล้ว เราเขยิบต่อกันเลย กับ ครัวซองท์แฮมคอปป้า และ แตงกวาดอง  แฮมแผ่นบางๆ แตงกวาดองสไลด์ และ ผักสลัดกรอบๆ วางอยู่บนครัวซองท์ที่ถูกตัดมาเป็นทรงคล้ายถ้วย ตัวครัวซองท์หลงเหลือความกรอบที่ผิวเล็กน้อย ข้างในเหนียวนุ่ม ได้รสชาติเค็มๆ และ หอมๆ จากแฮม สำหรับชิ้นนี้เป็นแรปไส้ไก่เม็ดบัว แผ่นแป้งที่ห่อมีความนุ่ม ไส้ข้างใน ตอนที่ได้ทาน กลิ่นรมควันนี่ฟุ้งขึ้นจมูกเป็นอย่างแรกเลย รสชาติจะออกหวานๆเค็มๆ กลมกล่อมดี มาต่อกันที่ชิ้นนี้เลยครับ แอบหลงกลุ่มหรือเปล่า ดูแล้วมันคือ ‘มาการอง’แต่เดี๋ยวก่อน ไส้เป็นแซลมอน นี่นา คือเป็นการจับคู่ที่ค่อนข้างลงตัวทีเดียว ด้วยพื้นฐานของรสชาติเจ้ามาการองที่ค่อนข้างหวาน จับคู่กับ กราฟลักซ์ ที่รสชาติจะออกไปทางเค็มนิดๆ มีความหอมของปลาแซลมอน แต่ด้วยรสชาติของกราฟลักซ์อาจจะยังสู้เจ้ามาการองไม่ได้ ทำให้รสชาติโดยรวมของชิ้นนี้อาจจะเบนไปทางหวานมากกว่า แต่ก็ถือว่าเป็นการทานมาการองอีกรูปแบบหนึ่ง คือ ทำให้เรารู้สึกได้ทานของหวานและของคาวในคำเดียวนั่นเอง นอกจากนี้ยังได้ความมันและความหอมจากครีมชีสที่สอดไส้ขนมมาด้วย หมดของคาวแล้ว เรามาคั่นกันด้วยสโคนกัน ของที่นี่จะเป็น สโคนชาเขียวมะม่วง เสิร์ฟคู่กับ Clotted cream และ แยมสตรอว์เบอร์รีพอลองฉีกสโคนแยกออกจากกันดู ดูเนื้อขนมค่อนข้างแห้งเหมือนกัน แต่ไม่แตกร่วงโรย…

Read More

สูงที่สุดแห่งย่านราชประสงค์ อัดแน่นด้วยงานศิลป์ทำมือ เรียบหรูผู้ดีใหม่สุดๆต้อง Waldorf Astoria Bangkok วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทเป็นลักซ์ชัวรี่แบรนด์ที่โดดเด่นของฮิลตัน มีโรงแรมภายใต้แบรนด์นี้อยู่หลายแห่งในโลก สร้างความรู้สึกเฉพาะให้ผู้คนจดจำความเป็นแบรนด์ได้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบบริการที่เป็นเลิศแบบเป็นส่วนตัว และประสบการณ์เกี่ยวกับอาหารที่ยอดเยี่ยม ในจุดที่ตั้งสำคัญหลาย ๆ แห่งของโลก พื้นที่โดยรวม: 39,867 ตารางเมตร วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนชั้น 6-16 และ 55-57 ของอาคาร 60 ชั้น แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ออกแบบโครงสร้างตึกโดย บริษัท เดอะ โบว์มอนท์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด ห้องพัก โรงแรมมี ห้องพักและสวีท จำนวน 171 ห้อง บนชั้น 6-15 ทุกห้องกว้างขวางและตกแต่งอย่างหรูหรา  ราคาห้องพัก:  เริ่มต้นที่ 13,000 บาท (ไม่รวมภาษีและค่าบริการ ทั้งหมด17.7%) ประเภทห้องพัก:  ห้องดีลักซ์ เตียงเดี่ยว จำนวน 89 ห้อง ขนาด 50 ตารางเมตร  ห้องดีลักซ์ เตียงคู่ จำนวน 3 ห้อง ขนาด 50 ตารางเมตร  ห้องดีลักซ์ สำหรับผู้ใช้วีลแชร์ จำนวน 2 ห้อง ขนาด 50 ตารางเมตร  ห้องดีลักซ์ เตียงเดี่ยว บนชั้นสูง จำนวน 33 ห้อง ขนาด 50 ตารางเมตร  ห้องดีลักซ์ เตียงคู่ จำนวน 9 ห้อง ขนาด 50 ตารางเมตร  ห้องดีลักซ์ สวีท เตียงเดี่ยว จำนวน…

Read More

หลายคนอาจคุ้นเคยกับร้านอาหารอิตาเลียนริมน้ำอย่าง Ciao ด้วยทัศนียภาพที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งรสที่อร่อยถูกปาก พร้อมทั้งคุณภาพวัตถุดิบชั้นสูงที่นำมาใช้ แต่ในครั้งนี้มีสองอย่างที่เปลี่ยนไป นั้นคือ เชฟกับเมนู และช่วงเวลาการให้บริการนั้นเอง ความสวยงามของริมน้ำเจ้าพระยา แสงตะวันที่ทอเป็นสีทองค่อยๆลาลับไป จากสีส้มเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดงที่ดูสงบ สวยงาม โรแมนติก จนกลายเป็นความมืดยามราตรีพร้อมแสงสีที่ประดับประดา ดูสวยหรู ประดุจหญิงสวยงามในชุดเดรสสีดำ ห้องอาหารอิตาเลียน‘เชาว์ เทอร์เรซซ่า’(Ciao Terrazza Restaurant) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยารายล้อมด้วยวิวทิวทัศน์อันงดงาม และอาคารประวัติศาสตร์ตกแต่งตามสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลอายุ 142 ปี พร้อมทั้งสนามหญ้าสีเขียวขจี รังสรรค์เมนูโดยเชฟมาร์เซลโล่ สกอคนามิกกลิโอ หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารอิตาเลียน‘เชาว์ เทอร์เรซซ่า’(Chef Marcello Scognamiglio, Chef de Cuisine, Ciao Terrazza Restaurant) เชฟชาวเนเปิลส์แห่งแคว้นกัมปาเนีย(Campagnia)ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหารสไตล์โฮมเมดสูตรต้นตำรับ เชฟ เน้นคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วโลก สรรค์สร้างมาเป็นเมนูเลิศรสให้กับลูกค้าคนสำคัญ และสามารถสัมผัสประสบการณ์กับมื้ออาหารสุดพิเศษ โดยมีทีมเชฟคอยดูแลตลอดมื้ออาหารของคุณในห้อง ‘Chef’s Table’ อย่างเป็นส่วนตัว พร้อมมีบริการบาร์เครื่องดื่มนานาชนิดให้คุณเลือกสรรมากมายในทุกค่ำคืน ในส่วนของการให้บริการที่เปลี่ยนไปคือปัจจุบัน Ciao ให้บริการตลอดทั้งปี ซึ่งแต่เดิมจะให้บริการแค่ช่วงหัวปี และท้ายปีเท่านั้น และจะปิดบริการในช่วงกลางปี ส่วนของพื้นที่ให้บริการมีสองส่วน คือส่วนกลางแจ้งริมน้ำ และส่วนในอาคาร ซึ่งเป็น chef table กับครัวเปิด เริ่มต้นกันด้วยขนมปัง ให้บริการกันมาอย่างหลากหลายชนิด โดยส่วนตัวผมชอบและแนะนำ FOCACCIA BREAD ที่มีความฟู นุ่ม เค็มๆในตัว พร้อมมะเขือแห้งด้านบน กินคู่กับน้ำมันมะกอก หรือ มาสคาร์โปเน่ชีส ชีสเนื้อเบาละมุน ซึ่งในแต่ละวันเชฟจะมีการเปลี่ยนกิมมิคที่ใส่ลงไปในเจ้าชีสนี้ เช่นอย่างในวันนี้เชฟใส่เปลือกส้มที่ทำเป็นฝอยๆ ทำให้ได้กลิ่นที่หอม สดชื่น อมูสบูช Amuse Bouche เป็นปกติที่การกิน fine dining จะต้องมีการให้บริการ Amuse Bouche ก่อนที่จะเข้าสู่มื้ออย่างเป็นทางการ ซึ่ง Amuse Bouche ก็จะมีการเปลี่ยนวนไปเรื่อยๆตามแต่เชฟเช่นกันครับ ในครั้งนี้ เป็นมะเขือที่นำไปนำเป็นของเหลวแต่หุ้มด้วยผิวเจลาติน รูปร่างสวยงาม จุ๋มจิ๋มมุ้งมิ้ง วางบนช้อนโลหะพอดีคำ เจ้าตัวนี้กินเข้าไปให้รสสดชื่นและเรียกน้ำย่อยได้ดี UOVO CROCCANTE, PECORINO E TARTUFO Crunchy egg,…

Read More

หนึ่งในหน้าที่ของนาฬิกานอกจากการใช้บอกเวลา ยังใช้เป็นทั้งเครื่องประดับ เครื่องบ่งบอกฐานะ และยังสะท้อนถึงรสนิยมและตัวตนของผู้ใส่อีกด้วย และในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีงามของผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกา จะมาชม หรือจะมาซื้อก็ยิ่งเหมาะ ห้างเซ็นทรัล/เซนผู้ริเริ่มจัดมหกรรมนาฬิกาประจำปีที่ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย จนกลายเป็นสุดยอดมหกรรมนาฬิกาแห่งภูมิภาคเอเชีย บนความเชี่ยวชาญตลอด 2 ทศวรรษ ตอกย้ำความเป็นกูรูงานนาฬิกาอีกครั้ง โดยจับมือค่ายนาฬิกาชั้นนำ จัดงาน “เซ็นทรัล/เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์แฟร์ 2018” (Central/ZEN International Watch Fair 2018) มหกรรมนาฬิกาสุดยิ่งใหญ่แห่งเอเชียประจำปี ครั้งที่ 20 นำนาฬิกาเรือนเด่น ส่งตรงจาก 2 งานแสดงนาฬิการะดับโลก บาเซิลเวิลด์(Baselworld) และงานเอสไอเอชเอช (SIHH-The Salon International de la Haute Horlogerie) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มารวมไว้ในงาน กว่า 180 แบรนด์ วันนี้ ถึง 17 ก.ย. 61 ณ ดิ อีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลมและจัดต่อเนื่อง ถึงวันที่ 30 ก.ย. 61 ที่แผนกนาฬิกา ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และเซน ภายในงานวันนี้ ซึ่งจัดขึ้น ณ ดิ อีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม ได้รับเกียรติจากบรรดา เซเลบริตี้วอทช์เลิฟเวอร์ อาทิ พิณน้อย กิติยากร ณ อยุธยา, พญ.กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช, เพ็ญสุภา คชเสนีย์, กัลยพัชร ภักดีผดุงแดน, ณชา จึงกานต์กุล, กรุณา วัจนะพุกกะ, แพรพรรณ ธรรมวัฒนะ, ญานินท์ วีระไวทยะ, ณัฏฐิ์ประภา ชุณหะวัณ ธาพิดา นรพัลลภ เผยว่า “ในฐานะกูรูงานนาฬิกา เราจัดงาน เซ็นทรัล/เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์แฟร์ 2018…

Read More