” หากพูดถึง ขนมไหว้พระจันทร์ ไส้คัสตาร์ดเปลือกเหลืองแล้วก็คงต้องนึกถึง Mandarin Oriental ทั้งเนื้อแป้ง ขนาดชิ้น และไส้คัสตาร์ด ความลงตัวสมบูรณ์แบบ อีกทั้งไส้ใหม่ในปีนี้ นั้นคือพุทราจีนและเมล็ดแตงโม “ ในครั้งนี้ เราจะพาทุกท่านไปพบกับรีวิวขนมไหว้พระจันทร์ทุกรส กล่องใหม่ของปีนี้ และเบื้องหลังการทำขนมไหว้พระจันทร์อันได้มาตรฐานและใส่ใจถึงในครัวของ Mandarin Oriental Bangkok เข้าสู่ช่วงเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์อีกครั้ง ในทุกๆช่วงกลางปี กลางฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นเวลาแห่งการไหว้พระจันทร์ สิ่งที่ตามมาคือขนมไหว้พระจันทร์ อันเป็นขนมที่โปรดปรานของใครหลายคน แม้กาลเวลาจะผ่านไปนับพันปี แต่ทว่าความนิยมในขนมไหว้พระจันทร์กลับเพิ่มมากขึ้น และมีการพัฒนา สร้างสรรค์ ขนมไหว้พระจันทร์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับเปลี่ยนขนาด รูปทรง รสชาติ ส่วนผสม ไส้ แป้ง และอีกสิ่งสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนซื้อขนมไหว้พระจันทร์นั่นคือ กล่อง และบรรจุภัณฑ์ ที่ทุกๆแห่งต่างแข่งขันกันรังสรรค์กล่อง และบรรจุภัณฑ์ให้งดงามและหลากหลาย กล่องในปีนี้มีสองแบบโดยแบบที่เราจะนำมารีวิวเป็นแบบ classic จะเป็นรูปทรงวงกลม สีแดงและมีไก่สีทองอยู่ด้านบนตรงกลาง เป็นลวดลายจีนบางๆบนผิวกล่อง เปิดออกมาจะเป็นที่บรรจุขนมสองชั้นแยกออกมาเหมือนตู้ ส่วนกล่องอีกแบบจะมีขนาดใหญ่และรูปทรงที่พิเศษ ซึ่งมาพร้อมชาจากฝรั่งเศสชั้นเลิศ Mariage Frères แต่ของจำหน่ายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับในบทความนี้ก่อนที่เราจะพาทุกท่านไปพบกับรีวิวตัวขนมไหว้พระจันทร์ เราอยากจะพาทุกท่านไปพบกับขบวนการทำ ขนมไหว้พระจันทร์กัน เราของพาทุกท่านเข้าสู่ในครัวเพื่อชมขั้นตอนการทำ รวมถึงลองทำขนมไหว้พระจันทร์ จึงสามารถบอกได้ว่าสูตรแป้งของที่ Mandarin Oriental แตกต่างออกไปจากในหลายที่ บางที่ต้องเคาะและใช้นำ้หนักมือเยอะมาก 4-5 ครั้งจึงจะออก แต่สำหรับของ Mandarin Oriental หากใช้น้ำหนักมือเท่าบางที่ เคาะเพียงสองทีก็หลุดแล้ว เพราะแป้งมีความร้อนและบางกว่า จะเห็นได้ว่าทาง Mandarin Oriental นั้นทำกันขึ้นมาเอง ไม่ได้จ้าง Out Source อีกทั้งขบวนการในการทำก็ได้มาตรฐาน ตั้งแต่การ ทำไส้ นวดแป้ง ห่อไส้ ใส่พิมพ์ และเคาะขึ้นรูป ไส้คัสตาร์ด สุดยอดไส้ที่ทาง กินแหลกแจกดาว – Kinlakestars กล้ารับรองและแนะนำว่า สุดยอดจริงๆ นั่นก็คือ ไส้คัสตาร์ด นั่นเองครับ ด้วยเนื้อแป้งที่เนียนนุ่ม บาง ไส้คัสตาร์ดที่ หวาน มัน ละมุน…
Author: Kittin Assavavichai
ในครั้งนี้ เดอะ คอร์ทยาร์ด ที่ เดอะเฮ้าส์ออนสาทร พร้อมแล้วที่จะนำเสนอเซ็ทอาฟเตอร์นูนทีในรูปแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย ! สถานที่ที่เราจะไปทานวันนี้อยู่ในส่วน Outdoor ของ The house อดีตเคยเป็นบ้านของคุณหลวงต่อมาเปลี่ยนมือไปเป็นบูทีคโฮเทลแห่งแรกในไทยโดยมาดามชาวอิตาเลียนจนต่อมาได้กลายเป็นสถานทูตและที่พักของท่านทูตรัสเซียมาก่อน บ้านอายุ126 ปีแล้วค่ะ ถูกนำมาดัดแปลงบางส่วนเพื่อให้กลายเป็นมัลติฟังก์ชั่น พอเดินเข้ามานั้นทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างกับฝั่ง W hotel อย่างมาก เปลี่ยนจากความโมเดิร์น ตื้ดๆ เป็นความสงบร่มเย็น มีต้นไม้ ลานม้านั่งกว้างๆ ถ้าอากาศเย็นหน่อยนี่จะเลิศว้าวไปนานครับ แต่มาบ่ายแก่ๆแบบนี้ แดดเริ่มร่ม บวกกับมีพัดลมและร่มไม้คอยช่วย ก็พอคลายร้อนไปได้ เดอะเฮ้าส์ออนสาทร (The House on Sathorn) อาคารสไตล์โคโลเนียลอายุกว่า 126 ปี ที่ตั้งสง่าโดดเด่นให้เห็นความแตกต่างระหว่างความเก่าแก่และอิทธิพลของโลกปัจจุบันของอาคารโรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพ ได้เป็นเสมือนสถานที่แฮงค์เอ้าท์ใหม่ล่าสุด ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงให้กับเหล่าเทรนด์เซ็ทเตอร์ เดอะ คอร์ทยาร์ด (The Courtyard) อีกหนึ่งที่โปรดของใครหลายๆคน สวนสวยกลางบ้านที่สามารถให้คุณนั่งพักผ่อนและหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองกรุงเทพมหานครได้ตลอดวัน พร้อมอาหารคอมฟอร์ทฟู้ดที่ทานง่ายหลากหลายเมนูให้คุณเลือกสรร ปฏิเสธไม่ได้ที่ใครหลายๆคนที่ได้มาเยี่ยมชม เดอะ คอร์ทยาร์ด เฝ้ารอที่จะได้มานั่งจิบชายามบ่ายท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นในเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่งของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เดอะเฮ้าส์ออนสาทรพร้อมแล้วที่จะให้ทุกท่านได้ลิ้มลองเซ็ทอาฟเตอร์นูนที (Afternoon Tea) ในรูปแบบเฉพาะตัว นำเสนออาหารหวานและอาหารคาวนานาชนิดที่มาพร้อมชาจาก TWG สำหรับเครื่องดื่มในชุด สามารถเลือกชา กาแฟได้จากเมนู ครั้งนี้ผมเลือกเป็นชาซากุระครับ ซึ่งเป็นชาเขียวที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิแห่งเมืองเกียวโต กลิ่นหอมหวานจากผลไม้ตระกูลเบอรรี่ อีกตัวเลือกเป็นชา White House ซึ่งเป็นชาผลไม้กลิ่นกุหลาบและมีรสเปรี้ยวๆและกลิ่นหอมจาก ผลไม้ตระกูล Berry ครับ มาเริ่มต้นเซ็ทอาฟเตอร์นูนที ประกอบไปด้วยขนมหวานอย่าง ซอร์เบท์โฮมเม้ดประจำวัน เต็มอิ่มกับอาหารคาวที่มากับเซ็ทอาฟเตอร์นูนที อาทิ มินิแซนด์วิชไส้แกงไก่และสับปะรด ครัวซองเห็ดทรัฟเฟิลและมาสคาโปเน่ชีส และแป้งซาลาเปาเสิร์ฟในแบบเบอร์เกอร์สอดไส้ด้วยปูอลาสก้าผัดพริก ตัวที่ประทับใจมากที่สุดคือครัวซองเห็ดทรัฟเฟิลครับ (Mushroom Truffle Mascarpone Croissant) สิ่งที่เด่นที่สุดของครัวซองชิ้นนี้คือกลิ่นครับ กลิ่นของทรัฟเฟิลนั้นหอมเด่นชัดมาก รสชาติมันเค็มกลมกล่อม ผิวนอกของครัวซองไม่ได้กรอบมาก แต่ก็นุ่มละมุน ตัวต่อมา Chili Alaskan Crab…
เมื่อวันพุธที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ทาง ร้าน Brasserie Cordonnier ร้านอาหารฝรั่งเศสสไตล์บิสโตร เปิดใหม่ย่าน นานา ได้ทำการเปิดอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งที่ผ่านมามีการ soft opening เปิดในส่วนของเฉพาะตัวร้านอาหารด้านล่าง ในวันนี้ทางร้านได้เชิญแขกพิเศษต่างๆไม่ว่าจะเป็น เหล่าดารา เซเลบริตี้ บรรณาธิการ นักเขียน สื่อมวลชน มาเพื่อสัมผัสประสบการณ์และ ชื่มชม บรรยากาศร้าน พร้อมลิ้มลองอาหารเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งได้งาน ทางร้านได้ให้ลิ้มลองอาหารฝรั่งเศสกินง่าย รสชาติดั้งเดิม อีกทั้งเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีความสวยงาม สร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังมีการแสดงโอเปรร่าสด เพื่อการต้อนรับแขกในงาน และการเฉลิมฉลองเปิดตัวร้านอย่างเป็นทางการบริเวณชั้น 3 และ 4 ซึ่งเนรมิตให้มีบรรยากาศที่แสนวิเศษ ประดุจอยู่ในร้านรองเท้า ซึ่งบริเวณนี้ ในกรณีที่ให้บริการปกติจะเน้นให้บริการเป็น ของกินเล่น และเครื่องดื่ม ในส่วนของชั้นล่างจึงจะเน้นให้บริการในส่วนของอาหารอย่างเต็มรูปแบบ Contact : 33/30 Soi Sukhumvit 11 10110 Bangkok, Thailand 094 970 8599 Hours 18:00 – 00:00 สำหรับรีวิวเต็มสามารถติดตามได้ที่ Kinlakestars.com เร็วๆนี้ครับ เรื่อง : Pol.Cap. Kittin A ภาพ : Veerapong N. sunday brunch, Up & Above, The Okura Prestige Bangkok, buffet, review, รีวิว, บุฟเฟต์, โอกุระ KinlakeStars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน…
ข้าวมันไก่เป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตของพี่น้องชาวไทยทุกท่าน ด้วยความมันของเม็ดข้าว รสชาติที่ละมุนไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไป กับความลงตัวของไก่กับข้าวจึงทำให้เป็นเมนูโปรดของใครหลายคน และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ แมคโดนัล ทำเมนู ข้าวมันไก่ทอด นั้นเอง เมนูใหม่ “แมคข้าวมันไก่ทอด” กรอบนอก นุ่มใน เนื้อแน่น เสริร์ฟพร้อมข้าวมันหอมกรุ่น หุงสดใหม่ๆร้อนๆ จากข้าวหอมมะลิอย่างดีที่ผ่านการพํฒนามมาอย่างละเอียด พร้อมราดด้วยซอสสูตรเฉพาะของ แมคโดนัลด์ เพียงจานละ 59 บาท โดยเลือกอร่อยได้ 2 แบบ 1 แมคข้าวมันไก่สไปซี่ (ไก่เผ็ด) สำหรับไก่เผ็ดก็จะใช้เนื้อส่วนน่อง จะได้เทคเจอร์มากกว่าในส่วนอก 2 แมคข้าวมันไก่กรอบ (Chic Stick) ซึ่งใช้เนื้อส่วนอก จะได้สัมผัสของเนื้อขาวเต็มๆ หรือเลือกอร่อยแบบเป็นชุด พร้อมซูปมักกะโรนี และเครื่องดื่มน้ำอัดลม เช่น โค้ก เพียง 89 บาท (จากราคาปกติ 144 บาท) เรื่อง : Pol.Cap. Kittin A ภาพ : Veerapong N. mcdonald, ข้าวมันไก่ทอด, review KinlakeStars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง…
ลิ้มรสเมนูอาหารพื้นบ้านล้านนา ปรับสมดุลร่างกายในเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อเตรียมอำลาฤดูฝนเตรียมเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูหนาว พร้อมรับเดือนแห่งวันแม่ ด้วยเมนูอาหารเหนือต้นตำรับ ปรุงจากวัตถุดิบที่ส่งตรงมาจากภาคเหนือของไทย ณ ห้องอาหาร สยาม ที รูม ตลอดเดือนสิงหาคม และกันยายนนี้ อิ่มอร่อยกับอาหารไทยแท้รสชาติดั้งเดิมแบบฉบับ “ตำรับคุณยาย” (Grandma’s recipe) พร้อมเติมเต็มความรู้สึกอบอุ่นแบบครอบครัวไทยด้วยบรรยากาศภายในห้องอาหารและการบริการที่ใส่ใจเสมือนคุณเป็นคนในครอบครัว ได้ที่ห้องอาหารสยาม ที รูม โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ด้วยการตกแต่งสไตล์ร่วมสมัย นำกลิ่นอายความเป็นไทยเข้ามาผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นผนังที่นำลักษณะเด่นของฝาบ้านไม้โบราณมาเป็นจุดเด่นในการออกแบบ กระเบื้องลายมณียกช่อสีคราม เฟอร์นิเจอร์ที่มีลวดลายแบบไทย เครื่องใช้จากแหล่งผลิตชั้นดีของประเทศ ทั้งเครื่องจานชามศิลาดล จากจังหวัดกาญจนบุรี ชุดช้อนส้อมมีดอรัญญิกจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึงเครื่องแต่งกายของพนักงานที่ใช้สีน้ำเงินเข้มแบบผ้าม่อฮ่อมพื้นบ้านของไทยเป็นหลักทำให้ทุกครั้งที่มาเยือนจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวไทยดั้งเดิม ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มของ สยาม ที รูม นั้น เชฟอ้น อนุกูล พูลพิพัฒน์และคุณจรัล หอมทวนลม ผู้จัดการห้องอาหาร ได้นำอาหารไทยแท้สูตรดั้งเดิมสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นแบบฉบับ “ตำรับคุณยาย” สูตรลับประจำตระกูลของเชฟอ้นที่หารับประทานได้ยาก ในมหานครแห่งนี้ ปรับปรุงให้มีความเป็นเอกลักษณ์โดยคงรสชาติไทยแท้และเครื่องดื่มที่มีกลิ่นอายของความเป็นไทยสมัยก่อนมาให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง นอกจากนั้นในร้านก็ยังมีขนมอบให้ท่านได้เลือกรับประทานคู่กับเครื่องดื่มในช่วงเวลาสบาย ๆ ได้อีกด้วย อาหารรสชาติจัดจ้านแบบไทยแท้ที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นแบบฉบับ “ตำรับคุณยาย” นั้นเรียกได้ว่าเป็นสูตรลับประจำตระกูลของ เชฟอ้น – อนุกูล พูลพิพัฒน์ หัวหน้าพ่อครัว (Junior Sous Chef) ผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยมาตั้งแต่วัยเยาว์ เนื่องเพราะคุณแม่และยายของเขาเป็นแม่ครัวชื่อดัง ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ถึงขั้นทำแปลงผักในบ้านเพื่อผลิตวัตถุดิบสำหรับเมนูแสนอร่อย นับเป็นการปลูกฝัง เรื่องการใช้ส่วนผสมที่สดใหม่ให้กับเชฟอ้นมาโดยตลอด เมื่อเขาได้เริ่มต้นการเป็นเชฟที่โรงแรม เจดับบลิว แมริออท แบงค็อก (JW Marriott Bangkok) ทักษะและความหลงใหลในอาหารไทย ประกอบกับพรสวรรค์ได้ส่งให้เขาฉายแววโดดเด่น จนคว้ารางวัลอันทรงเกียรติมากมาย โดยล่าสุดได้รับการแต่งตั้งเป็น มาสเตอร์ เชฟ (Master Chef) ณ โรงแรมเจดับบลิว แมริออท แบงค็อก ก่อนที่จะมารังสรรค์ความอร่อยให้กับห้องอาหารสยาม ที รูม โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค “ตำรับคุณยาย” อาหารไทยดั้งเดิมสูตรประจำตระกูลของเชฟอ้นในครั้งนี้ ยังคงรสชาติจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยแท้ๆ…
สุดตระการตาไปกับมื้อสุดหลากหลายอัดแน่นด้วยคุณภาพ ห้องอาหาร อัพแอนด์อะบัฟ (Up & Above Restaurant) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) แนะนำ “แชมเปญซันเดย์บรั้นซ์” บริการอาหารนานาชาติหลากหลายเมนูให้คุณได้เลือกรับประทานอย่างไม่จำกัดตั้งแต่เวลา 12.00 น. ถึง 15.00 น. เชฟ แอนโทนี ชอลท์ไมเยอร์ (Antony Scholtmeyer) หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ (Executive Chef) ได้คัดสรรเมนูน่ารับประทานหลากหลายสัญชาติมาให้บริการแก่ทุกท่าน ทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารอเมริกัน อาหารฝรั่งเศส อาหารไทย นอกจากนั้นยังมี อาหารทะเล ทั้งจากทะเลอ่าวไทย และอาหารทะเลนำเข้าคัดคุณภาพสดใหม่ให้บริการ อาทิ เมนล็อบสเตอร์ ขาปูอลาสก้า หอยตลับมะนิลา ปูทะเล กั้งทะเลตัวโต มุมหอยนางรม นอกจากนั้นยังมีหอยนางรมคุณภาพดีนำเข้าจากต่างประเทศมาให้เลือกรับประทานตามใจชอบ กระเทาะเปลือกกันแบบสดๆ ได้แก่ ฟินเดอแคลร์ (Fin de Claire) จากประเทศฝรั่งเศส อีเกิล ร็อค (Eagle rock) จากประเทศสหรัฐอเมริกา และแปซิฟิก (Pacific) จากประเทศออสเตรเลีย ให้บริการคู่กับซอสสูตรเฉพาะของ ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้แก่ ซอสพอนซึ (Ponzu) ซอสเปรี้ยวแบบญี่ปุ่น ซอสค็อกเทล (Cocktail sauce) เป็นซอสมีส่วนผสมของมายองเนส บรั่นดีและซอสมะเขือเทศ มิกโนเนท (Mignonette) ซอสรสเปรี้ยวแบบอิตาเลี่ยนที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู ไวน์แดง และหอมแดง ซอสทาบาสโก้ (Tabasco) ซอสพริกที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศและน้ำส้มสายชู ไว้คอยให้บริการ นอกจากนี้ยังมีมุมปรุงอาหารให้บริการจานต่อจาน ได้แก่ มุมพาสต้า เส้นสด ที่จะมีพ่อครัวนวดเส้นสด ๆ นำไปปรุงในแบบที่คุณโปรดปราน มุมอาหารญี่ปุ่น ให้บริการปลาดิบ สด ๆ ข้าวห่อสาหร่าย และข้าวหน้าปลาดิบหลายรายการ มุมสั่งทำสดใหม่ เอกเบเนดิกแบบฝรั่งเศส อีกทั้งยังมีล๊อบสเตอร์ย่าง ตับห่านย่าง หรือ เนื้อลูกวัวย่าง ให้บริการเป็นอาหารพิศษ ที่เชฟจะปรุงใหม่เพื่อให้บริการแบบจานต่อจาน มุมเนื้ออบเวลลิงตัน สเต็กเนื้อสันในห่อด้วยแป้งพายอบสุกกำลังดีรสชาติอร่อยกลมกล่อม มุมอาหารไทย มุมของตุ๋นและปรุงสุกอย่างช้า…
โรงแรมเปิดใหม่ในภูเก็ต ภายใต้แนวคิดสุดชิคที่ใครมาก็ถ่ายรูปกันได้สนุกสุดๆไปเลย พร้อมวิวสวยๆทั้งกลางวันและกลางคืน ครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับรีวิว เดอะ ซิส กะตะ ภูเก็ต รีสอร์ทหรูระดับ 4.5 ดาว จำนวน 124 ห้อง ตั้งอยู่บนเนินเขาหาดกะตะ จ.ภูเก็ต โชว์จุดขายวิวหาดกะตะแบบพาโนรามาสุดโรแมนติค พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกไปพร้อมกับวิวน้ำทะเลสวยๆ ด้วยสระว่ายน้ำแบบไม่มีที่สิ้นสุด กับการออกแบบที่ทันสมัย ครบครันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์การพักผ่อนอย่างสูงสุด ดังสโลแกน ‘Stay in Style’ เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อนอย่างผ่อนคลายกับบรรยากาศของเกาะภูเก็ตอย่างแท้จริง เดอะ ซิส กะตะ สร้างขึ้นจาก ความคิด และ ไลฟ์สไตล์ ของสามสาวพี่น้อง ชาวภูเก็ตตระกูลภัทรวรณี ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถัน และมุ่งมั่นที่จะเป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแห่งหนึ่งในหาดกะตะ เพื่อให้ผู้เข้าพักได้ประสบการณ์การพักผ่อนอย่างสูงสุด เข้ากับสโลแกน ‘Stay In Style’ และด้วยเป็นการบริหารงานแบบครอบครัว ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะให้ทุกท่านได้สัมผัส คงจะหนีไม่พ้นสัมผัสขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งเป็นที่มาของประสบการณ์ สัมผัสทั้ง 5 ของ SIS ( 5 Senses ) Designed in Style ที่จะพาทุกท่านไปพบกับการออกแบบลายเชฟรอนที่ตกแต่งอยู่รอบๆ โรงแรม เต็มอิ่มท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยเขียวชะอุ่มตลอดสองข้างทางภายในโรงแรม สุดประทับใจกับสระว่ายน้ำหลักแบบไร้ขอบ ที่สามารถมองเห็นวิวหาดกะตะได้ทั้งหมด พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกแสนโรแมนติก ยามค่ำคืนอลังการกับสระอีกด้านของโรงแรม ที่มีดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับกว่า 3,000 ดวง อยู่ใต้พื้นน้ำ Dinning in Style พบกับประสบการณ์การรับประทานอาหารอย่างมีสไตล์ที่ห้องอาหาร หลักของทางโรงแรม ห้องอาหาร Dawn Till Dusk นำเสนอเมนูอาหารสไตล์แปลกใหม่ แบบผสมผสานวัตถุดิบพื้นเมืองกับวัตถุดิบนานาชาติได้อย่างลงตัว รวบรวมจากความประทับใจในเมนูอาหารจากประสบการณ์การเดินทางไปในหลายๆ สถานที่ทั่วทุกมุมโลกของสามสาวพี่น้อง อ่านรีวิวห้องอาหารเต็มที่>>> Aroma in Style สดชื่นด้วยกลิ่นหอมสุดพิเศษของชาจาก TWG และกาแฟจาก illy และพบกับกลิ่นอโรมาจากชุดเครื่องอาบน้ำภายใต้แบรนด์ของ Elle ที่มีให้บริการในทุกห้อง พร้อมด้วยประสบการณ์การนวดผ่อนคลายที่ให้ทุกคนได้รู้สึกถึงความแตกต่างไปจากประสบการณ์การนวดแบบเดิมๆ ให้บริการโดย Let’s Relax แบรนด์นานาชาติชื่อดัง…
หาพูดถึงความคุ้มค่ายอดนิยมเวลาคนไทยนึกถึง คงหนีไม่พ้น Buffet ซึ่งอะไรจะดีไปเสียกว่าการมาสังสรรค์ยามเลกงาน กับอาหารคุณภาพสูงจัดเต็มไม่อัน ห้องอาหารวูว์ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ แนะนำบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำรูปแบบใหม่ The St. Regis Classic และ The St. Regis Epic สำหรับช่วงเวลาดินเนอร์ให้แขกทุกท่านได้ลิ้มลองตลอดเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ดื่มด่ำท่ามกลางบรรยากาศพลบค่ำอันหรูหราในแบบคลาสสิค สะท้อนมนต์เสน่ห์ในแบบตะวันตกได้รับแรงบันดาลใจจาก มหานครนิวยอร์ก ด้วยทัศนียภาพของกรุงเทพฯ และความเขียวขจีของสนามกอล์ฟราชกรีฑาสโมสรจากมุมมองชั้น12 ของห้องอาหารวูว์ ได้ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18.00น.ถึง 22.00น. ทุกวันจันทร์ถึงวันพุธ พบกับบุฟเฟ่ต์ The St. Regis Classic นำเสนอเมนูพิเศษจากบุฟเฟต์สเตชั่น และเมนู A La Minute ที่รังสรรค์และปรุงแต่งรสชาติโดยเชฟริชาร์ด ซอว์เยอร์ และทีมเชฟ ใส่ใจทุกขั้นตอนการปรุง พร้อมเสิร์ฟถึงโต๊ะแบบจานต่อจาน และอาหารอีกมากมายที่ทานกันได้แบบไม่อั้นอาทิ หอยนางรมฟีนเดอแคลร์ จากฝรั่งเศส ซีฟู้ดออนไอซ์ มุมอาหารกริลล์ ชีสและโคลด์คัท อาหารตะวันตก อาหารเอเชีย พาสต้าปรุงสดใหม่ พิซซ่าอบร้อนจากเตา เมนูขนมหวานทั้งข้าวเหนียวมะม่วง และเค้กนานาชนิด ในราคาเพียงท่านละ 1,300 บาทสุทธิต่อท่านรวมทั้งชาและกาแฟ (รวมค่าบริการและภาษี) “และครั้งนี้เราจะพาทุกท่านมาพบกับรีวิวบุฟเฟ่ต์จัดเต็มที่มีทุกวันพฤหัสบดีถึงวันเสาร์” พบกับบุฟเฟต์ The St. Regis Epic นอกเหนือจากเมนูในไลน์บุฟเฟ่ต์ข้างต้น ทุกท่านจะได้อิ่มอร่อยไปกับเมนูพรีเมี่ยมหลากหลายทั้ง ซึ่งกว่าสิบรายการที่ทำตามสั่ง ดังนั้นจึงได้กินของร้อนๆสดๆใหม่ๆจากมือเชฟ ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับห้องอาหาร VIU, St.Regis Bangkok บอสตันล็อบเตอร์ย่างหรืออบเนย ซึ่งบอกเลยว่าแค่เมนูนี้เมนูเดียวก็เกินคุ้มแล้ว เพราะด้วยคุณภาพ และขนาดของ Boston Lobster ที่นำมาใช้เต็มเนื้อเต็มตัวพร้อมก้ามโตๆ กับการปรุงที่รสชาติขออกมาแสนจะดีเยี่ยม จัดได้ว่าดีเยี่ยมดีเดียว เป็ดกงฟีต์ ซีฟู้ด สำหรับ seafood นั้น ก็มีทั้ง หลายหลาย item on ice ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หรือหอยนางรม สดๆ…
โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ จัดกิจกรรมเทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลก เวิลด์ กูร์เมต์ เฟสติวัล ครั้งที่ 18 ตั้งแต่วันที่ 4-10 กันยายน 2560 การเฉลิมฉลองเทศกาลอาหารและไวน์ที่ดีสุดกับสุดยอดเชฟมิชลินสตาร์และเชฟชื่อดังจากทั่วโลก โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ภูมิใจนำเสนอ งานเทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลกครั้งที่ 18 งานยิ่งใหญ่ประจำปีที่รวบรวมสุดยอดเชฟมิชลินสตาร์และเชฟชื่อดังจากทั่วโลก เมนูชั้นเลิศ อาหารและไวน์ชั้นเยี่ยม ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 4 กันยายน ถึงวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2560 ซึ่งปีนี้ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ร่วมมือกับ ซานเปลเลกรีโน ได้เชิญเชฟซึ่งมีทั้งเชฟระดับมิชลินสตาร์และเชพที่ได้รับรางวัลรับรองฝีมือและรสชาติอาหารในระดับสากล มากกว่า 10 ท่าน บินตรงมาจาก 8 ประเทศทั่วโลก เพื่อมาปรุงอาหารรสเลิศ ให้ได้ลิ้มรสสุดยอดฝีมือเชฟ ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม โดยเชฟที่ยืนยันมาร่วมงานทั้งหมด ได้แก่ เชฟกีโยม กาลิโอ (Guillaume Galliot) จากห้องอาหาร Caprice ฮ่องกง ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว เชฟชินอิชิโร่ ทาคากิ (Shinichiro Takagi) จากห้องอาหาร Zeniya ญี่ปุ่น ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว เชฟฮิโรอากิ อิชิสุกะ (Hiroaki Ishizuka) จากห้องอาหาร Kien ญี่ปุ่น ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เชฟเจสัน แทน (Jason Tan) จากห้องอาหาร Corner House สิงคโปร์ ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เชฟคริสเตียน คอสตาร์ดิ และเชฟมานูเอล คอสตาร์ดิ (Costardi Brothers – Christian & Manuel) จากห้องอาหาร…
เปลี่ยนมื้ออาหารเดิมๆให้มีสิสันขึ้นไปกับ “เฟลเวอร์เทล (FLAVORTALE)” การแสดงสด พร้อมอาหารมื้อค่ำที่เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ โฮเทล มิวส์ แบงค็อก กันเถอะ!!! จากผลงานการแสดงที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากอย่างการแสดง “Cirque d’Hiver” ณ โฮเทล มิวส์ แบงค็อก เจ้าของหลากหลายรางวัลชนะเลิศโรงแรมหรูระดับห้าดาว และในปีนี้เตรียมพบกับอีกหนึ่งการแสดงที่จะมาโชว์ต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้งที่เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ การแสดงเฟลเวอร์เทล จัดแสดงขึ้นโดยคุณซวน ซู (Xuan Xu) ผู้ผลิตการแสดงมากพรสวรรค์ในหลากหลายโชว์ที่มีชื่อเสียง อาทิ แม็กกี้ ชูส์ (Maggie Choo) และ ซิง ซิง เธียเตอร์ (Sing Sing Theatre) พร้อมกับทีมงานของเธอทั้งในและต่างประเทศ คุณซวน ซูขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมอิ่มเอมใจกับการแสดงที่นำเสนอโดยการนำรสชาติมาเล่าเรื่อง ด้วยภาพอันน่าอัศจรรย์ เครื่องแต่งกายอันหรูหรา และการแสดงเต้นรำที่น่าทึ่ง การแสดงนี้จะเป็นอีกหนึ่งในการแสดงที่น่าสนใจที่จะถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งกรุงเทพ เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ (Medici Kitchen and bar) เปิดให้บริการอาหารจากแคว้นทัสคานีรสชาติต้นตำรับภายในบรรยากาศอันสวยงามพร้อมดื่มด่ำไปกับการแสดงที่น่าทึ่ง และมาในแนวคิด Fine dining อย่างแน่วแน่ แนวทางอาหารจึงชัดเจน ทั้งหน้าตา รสชาติ การใช้วัตถุดิบ จึงพิเศษและพิถีพิถัน เชฟนิก เชฟชาวอิตาเลียนผู้มากประสบการ์ณและฝีมือเยี่ยม รังสรรค์รสชาติ ร่วมกับคุณซวน ที่รังสรรค์การแสดงออกมาให้เข้าคู่กันอย่างลงตัว พบกับการแสดงเฟลเวอร์เทลที่ เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ทุกคืนวันพุธ ตั้งแต่วันพุธที่ 12 กรกฎาคมจนถึงคืนวันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560 นี้ มื้อค่ำเริ่มตั้งแต่เวลา 18:30 น. และการแสดงเริ่มตั้งแต่เวลา 20:00 น. พลาดไม่ได้กับการแสดงเฟลเวอร์เทลอันตระการตา ซึ่งภายใต้แนวคิดนี้ทุกท่านก็สามารถสั่งอาหารตามแต่ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นพาสต้า สลัด จานหลักอย่าง ปลา เนื้อ หรือไก่ตามแต่ที่ชอบ และในช่วงที่การแสดงเริ่ม พนักงานก็จะนำอาหารที่ใส่ในถ้วยเล็กๆประมาณทาปาสมาเสิร์ฟให้ทุกท่าน ก่อนการแสดงจะเริ่ม โดยแต่ละการแสดงอาหารที่เสิร์ฟมาก็จะต่างกันออกไปตามการแสดง เริ่มต้นมื้ออาหารกันด้วยของพื้นฐานอย่างขนมปัง…