Author: athiwat tripipitsiriwat

วันนี้ Kinlakestars.com จะพาทุกท่านไปพบกับ New Menu ณ Attico, Raddison Blu ซึ่งเป็นแบบ Shared table style ขนาดแต่ละจานเหมาะสมอย่างยิ่งกับการเอามาแบ่งกันรับประทาน หรือใครที่มากันสองคนก็สามารถบอกพนักงานว่าให้จัดแบ่งเป็นสองจานมาได้ โดยจะได้ขนาดจานที่กินได้พอดีต่อท่าน และสวยงามดูเหมือนอาหารที่กินเป็นคอร์สเมนู เชฟ Danilo Aiassa เชฟชาวอิตาลีที่มากประสบการณ์ เคยเป็นเชฟร้านอาหารและโรงแรมชื่อดังเช่น Four Seasons Bangkok และ Ciao italian restaurant ของโรงแรม Mandarin Oriental มาแล้ว ซึ่งเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของนักชิมหลายๆท่าน บรรยากาศสไตลด์ทัสคาเนียนแท้ ในส่วนของร้าน การตกแต่งเป็นสไตล์ทัสคานี ร้านจะสูง โปร่ง หน้าต่างบานใหญ่ สูง แบบ Floor to ceiling ทางเข้าประดับด้วยถังไม้โอ๊ค การตกแต่งโดยใช้โทนสีเอิร์ทโทน ไม้ ถังไวน์ และ ขวดไวน์ รวมทั้งภาพวาดธรรมชาติที่แขวนบนกำแพง พร้อมไฟสีเหลืองนวล ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนอยู่บ้านชนบทในแคว้นทัสคานี นอกจากนี้ยังมีห้อง Private ด้านในสุดของห้องอาหาร สามารถจัดงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ส่วนตัวได้ ทางด้านนอกก็ยังสามารถพักผ่อนแบบมีสไตล์ได้ที่นอกระเบียงทั้งสองด้านของห้องอาหารแอตติโก้ เป็นมุมในกทม. ที่เห็นพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม อาหารอิตาลีชั้นเยี่ยม อาหารที่นี่เป็นอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม รังสรรค์เมนูโดยเชฟ Danilo Aiassa เป็นเชฟอิตาเลี่ยน เชฟจะเน้นเรื่องวัตถุดิบ ที่พิถีพิถันในการคัดสรร เช่น เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียและอิตาลี อาหารทะเลนำเข้าจากฝรั่งเศส ชีสนำเข้านานาชนิดแล้ว ยังมีพาสต้า น๊อคกี้แบบโฮมเมด ผักสลัดคุณภาพเยี่ยม ขนมปังอบโฮมเมด และโคลด์ คัท ที่มีให้เลือกมากกว่า 10 ชนิด อาหารที่นี่ Portion ไม่เล็ก สามารถแชร์กินกันได้ ตามสไตล์คนเอเชียครับ ร้านอาหารแอตติโก้ยังมีเมนูพิเศษที่ผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล (Seasonal) ของประเทศอิตาลี และไวน์นำเข้าชั้นดีจากอิตาลีไว้บริการอีกด้วย เริ่มต้นมื้ออาหารกันด้วยขนมปังกัน สำหรับขนมปังที่นี่มีอย่างหลากหลายรูปแบบให้แขกได้เลือกสรรค์ และมีเนยให้เลือกถึง 3 ชนิด ได้แก่ เนย…

Read More

ในไลฟ์สไตล์คนเมืองปัจจุบัน ที่มีทั้งความเร่งรีบ ความเครียดสะสมต่างๆ รวมถึง การเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดสรีระ ล้วนแต่ส่งผลให้ทำให้เรามีความไม่สบายตัว มีอาการปวดเนื้อปวดตัว ทำให้ในบางครั้ง เราก็อยากที่จะหาที่ผ่อนคลาย ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว และพร้อมที่จะกลับมาใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์แบบที่เราต้องการ อย่างเต็มศักยภาพ วันนี้ทาง kinlakestars.com ขอเสนอรีวิวการนวดสปาที่ ซีซั่นสปา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ บนถนนวิทยุ ในสปามีบรรยากาศผ่อนคลายในแบบรีสอร์ท ที่ออกแบบมาให้มีความผ่อนคลาย แต่ยังมีความหรูหรา และ ประณีต ซีซั่นส์ สปา Season Spa -โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ โอเอซิสแห่งการเยียวยากายและใจ ที่เข้าถึงศาสตร์การนวดและหัตถการเข้าไว้ด้วยกันฉบับผสมผสานไทยและต่างชาติท่านจะได้รับการปรนนิบัติจากผู้เชี่ยวชาญตามโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาตามหลักวิทยาศาสตร์ ภายในบรรยากาศผ่อนคลายสไตล์รีสอร์ทที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติเขียวขจีผนวกความหรูหราและความประณีตเพื่อให้ท่านเข้าถึงบรรยากาศการผ่อนคลายอย่างแท้จริง ณ ชั้น 7 โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ The Essence ซีซั่นส์ สปาแห่งนี้ ตระหนักดีว่าความสมดุลทางใจมีความสำคัญเฉกเช่นความสมดุลทางกาย ซึ่งมาพร้อมกับความสัมพันธ์ของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซิกเนเจอร์ทรีทเม้นต์ของเราจะช่วยให้คุณเข้าถึงความสุขที่ยั่งยืนผ่านศาสตร์การนวดและหัตถการของเราโดยแบ่งตามกลุ่มของเคมีในสมองได้ดังนี้ เซโรโทนิน (serotonin) การนวดผสมผสานทรีทเม้นต์ที่ช่วยปลดล็อคความไม่สบายกายและความกังวลใจ ที่ช่วยปลอบประโลมจิตให้เดินทางสอดคล้องกับความสงบในจิตใจ ให้คุณได้สมดุลในการใช้ชีวิตกลับคืนมา โดปามีน (dopamine) ให้รางวัลตัวเองด้วยการปรนนิบัติกายใจของคุณ ด้วยการนวดและหัตถการที่ช่วยปลุกประสาทสัมผัส กระตุ้นให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าผ่านทางร่างกายเข้าสู่จิตใจเพื่อผลลัพท์ที่ดีจากภายใน และเสริมสร้างความรักที่มีให้กับตัวเอง เอนโดรฟิน(endorphins) นวดและหัตถการที่เน้นลงน้ำหนักกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุขเพื่อลดความเจ็บปวดเมื่อยล้าตามวิถีธรรมชาติ คืนความแข็งแรงให้สุขภาพใจ เพิ่มอำนาจในการเข้าถึงความสุขสมดุลทางใจและกายอย่างแท้จริง The Place ห้องทรีทเม้นต์และหัตถการ –ทั้ง 11 ห้องถูกดีไซน์ให้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไทย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ห้องบุษยมาศ ห้องเตียงคู่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ระดับเพรสสิเดนเชียล สปา สวีท ติดตั้งด้วยอ่างจากุซชี่ตรงกลางห้อง ข้างอ่างทั้งสองจะเป็นเตียงสำหรับทำการนวด ห้องอาบน้ำ ห้องสตรีม และห้องแต่งตัว ห้องลินจง ห้องเตียงคู่ ติดตั้งด้วยอ่างอาบน้ำแบบญี่ปุ่น (Sunken Bath Tub) ห้องอาบน้ำ ห้องสตรีม และห้องแต่งตัว โดยห้องนี้แม้ขนาดไม่ใหญ่เท่าห้องก่อนหน้านี้ แต่ก็มีสเน่ห์ในตัวจากอ่างไม้ใบโต กลิ่นหอม สไตล์ญี่ปุ่น พร้อมห้องทรีทเม้นต์มาตรฐาน 4 ห้อง ห้องนวดไทย 2 ห้อง และ ห้องเตียงคู่ 3…

Read More

The Sunday Brunch @ 204 Bistro Swissôtel Ratchada Bangkok             ในช่วงใกล้สิ้นปีที่มีวันหยุดยาวมากมาย และใกล้ช่วงปิดไตรมาสที่สำหรับประจำปี ถ้าท่านกำลังมองหา Sunday brunch ง่ายๆ เพื่อฉลอง และ พักผ่อนหลังการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย วันนี้ทาง Kinlakestars.com ขอนำทุกท่านไปพบกับหนึ่งใน Sunday brunch ที่คุ้มค่าที่สุดในเวลานี้ที่ 204 Bistro Ratchada Bangkok   204 Bistro เป็นห้องอาหาร buffet ประจำโรงแรม Swissôtel Ratchada Bangkok ที่ขึ้นชื่อในแง่ของกิมมิกที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมานำเสนอให้แก่ลูกค้า และ มี Swedish menu ที่หาไม่ได้จากไลน์บุฟเฟ่ต์อื่นๆ The Vibe           ตัวร้าน 204 Bistro ตั้งอยู่ในชั้นล็อบบี้ของโรงแรม แต่จัดมุมไว้ให้เห็นเฉพาะส่วนที่เป็นสวนต้นไม้ภายในโรงแรม  ร่มรื่น และหลบหนีแสงสะท้อนจากถนนใหญ่ เน้นแสงส่วนใหญ่เป็นแสงธรรมชาติจากกระจกบานสูง และมีส่วนที่นั่งโซฟา ที่ใช้ดาวน์ไลท์และแบ็คดรอบสีน้ำเงิน ดีเทลเรียบง่าย และที่นั่งค่อนข้างกว้างขวาง ทำให้ได้บรรยากาศผ่อนคลาย สไตล์รีสอร์ตริมทะเล The Buffet ไลน์ buffet ของ 204 Bistro แบบนานาชาติ จัดวางไว้อย่างเข้าใจง่าย อาจจะแคบเล็กน้อยถ้ามีลูกค้ามาก แต่ก็ทำให้สามารถเดินอย่างทั่วถึงได้เร็ว และไม่ไกลจากบริเวณที่เป็นที่นั่งมากนัก ไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของที่นี่คือ จานอาหาร Swedish, Seafood on ice และของหวาน มุมไฮไลต์สไตล์สวิสแท้ๆ มุมนี้ เอาใจคนรักอาหารสวิสด้วยความที่เป็นโรงแรมที่มีสาขาแม่จากสวิสเซอแลนด์ ดังนั้นจึงพลาดไม่ได้กับการที่จะต้องมีเมนูอาหารต้นตำรับประจำประเทศซึ่งหาไม่ได้ในที่อื่นแน่นอน Swedish Rosti & Zurich Geschnetzeltes Rosti เป็นวัฒนธรรมอาหารหนึ่งของ Swiss โดยเป็นมันฝรั่งหั่นฝอย ทำออกมาคล้ายตัวพิซซ่า หรือแพนแค้ก มี texture ด้านในคล้าย hashbrown…

Read More

Hishou @ Hotel Nikko Bangkok เทมปุระ เป็นหนึ่งในอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมของคนไทย แต่ในบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นนั้น เทมปุระมักจะเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบรอง ๆ เท่านั้น วันนี้ kinlakestars.com ขอนำเสนอ บุฟเฟ่ต์เทมปุระพรีเมี่ยม อันโดดเด่น เป็นที่แรกของประเทศไทยจากห้องอาหารญี่ปุ่น “ฮิโช’ ประจำโรงแรม Hotel Nikko ย่านทองหล่อ Hishou ร้านฮิโช ตั้งอยู่ ชั้นล็อบบี้ของโรงแรม Hotel Nikko ซึ่งอยู่ใจกลางทองหล่อสามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าจาก BTS ทองหล่อ หรือถ้าขับรถมาก็สะดวกตัวลานจอดรถที่ค่อนข้างกว้างขวาง ตัวร้าน Hishou เป็นหนึ่งในห้องอาหารญี่ปุ่นหลักของตัวโรงแรม Hotel Nikko เองทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของรสชาติญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และการบริการที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งด้วย style ร่วมสมัย แต่ยังคงใกล้ชิดธรรมชาติในสไตล์ของชาวญี่ปุ่นด้วย มีการเน้นแสงธรรมชาติ และโทนสีอบอุ่น เพดานที่ออกแบบพิเศษเป็น แนวไม้ไผ่พร้อมแสงลอดผ่าน จำลองแสงของหิ่งห้อยที่แทรกตามปล้องไม้ไผ่ ในส่วนของพื้นที่ให้บริการจะมีทั้ง บริเวณที่เป็นสาเกบาร์ ที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยขวดของสาเก และโชจู นอกจากนั้นยังมีบริเวณ living kitchen สามารถมองเห็นการทำอาหาร และเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารสไตล์เทมปุระบาร์ ที่สามารถรับเทมปุระสดใหม่จากเชฟได้โดยตรง และ ยังมีห้องส่วนตัวสองห้องเพื่อรองรับแขกที่ต้องการฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษ จุสูงสุดถึง 20 ท่าน Tempura Buffet บุฟเฟ่ต์เทมปุระจะเสิร์ฟเฉพาะมื้อเย็น ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.30 – 22.30 ไม่จำกัดระยะเวลาการรับประทาน โดยตัวบุฟเฟ่ต์เทมปุระ โดยอาหารของร้านจะควบคุมโดยตรงจากเชฟชาวญี่ปุ่น แน่นอนว่ารับประกันในเรื่องของรสชาติ และ กรรมวิธีการทอดเทมปุระ ตัวเทมปุระบุฟเฟต์นี้ นอกจากจะเสิร์ฟพร้อมกับ น้ำจิ้มเทมปุระ ยังมีจุดที่โดดเด่น เฉพาะร้านฮิโชด้วย นั่นก็คือ … เกลือหกชนิด ได้แก่ Moshio (เกลือรสธรรมดา), Wasabi Shio (เกลือวาซาบิ), Karei Shio (เกลือผงกระหรี่), Sansho Shio…

Read More

ท่ามกลางกระแสนิยมของ “โอมากาเสะ” ในปัจจุบันทำให้มีร้านอาหารที่ให้บริการแบบโอมากาเสะมากขึ้น ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่นำเสนอจุดเด่นของร้านแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของวัตถุดิบชั้นเลิศ ฝีมือของเชฟ ความแปลกใหม่ หรือ ในแง่ของราคา ซึ่งวันนี้ Kinlakestars จะขอนำเสนอร้านโอมากาเสะ ที่โดดเด่นในแง่ของ รสชาติและความคิดสร้างสรรค์ การันตีด้วยรางวัลมิชลินสองดาว ในสาขาแม่ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ร้าน Sushiyoshi เป็นร้านที่เลื่องชื่อ ในกลุ่มผู้ชื่นชอบโอมากะเสะมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งมาเกือบ 30 ปี โดยความพิเศษของร้านนี้เกิดจากฝีมือของมาสเตอร์เชฟ ฮิโรกิ นากาโนะอุเอะ ซึ่งได้ผสานสไตล์การเตรียมโอมากาเสะแบบดั้งเดิม (Edomae) เข้าร่วมกับกรรมวิธีการปรุงอาหารสไตล์ฝรั่งเศส เป็นแบบการสร้างสรรค์ร่วม หรือที่ทางร้านใช้คำว่า Co-Creation ด้วยความโดดเด่นในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ ประกอบกับประสบการณ์อันยาวนาน ทำให้ร้าน Sushiyoshi ได้รับดาวมิชลินสองดาวติดต่อกันหลายปี และถือว่าเป็นโอกาสอันดีของนักชิมชาวไทย ที่ร้านนี้ได้มาเปิดที่ประเทศไทย นับเป็นสาขาที่ 2 นอกประเทศญี่ปุ่นของร้าน Sushiyoshi ต่อจากฮ่องกง ร้าน Sushiyoshi ตั้งอยู่ ที่โรงแรมทำเลดีใจกลางเมือง ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ (W hotel Bangkok) ซึ่งสร้างบรรกาศความหรูหรา และผ่อนคลายเป็นอย่างดี เมื่อเดินเข้าที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งก็จะพบประตูไม้ขนาดใหญ่สะดุดตาของร้าน Sushiyoshi การต้อนรับและบรรยากาศภายในร้าน ประตูร้านจะถูกปิดสนิทจนกว่าจะถึงเวลาเปิดร้าน ซึ่งรอบแรกคือ 17.30 น.ตรง เมื่อถึงเวลานัดหมาย หัวหน้าบริกรจะออกมาต้อนรับตรวจสอบรายชื่อการจองของท่านและพาไปนั่งที่ counter ของร้าน ซึ่งตั้งแต่เดินเข้ามาก็จะพบการตกแต่งของร้านเป็นสไตล์โอมากาเสะมาตรฐานคือมี counter ล้อมรอบครัวที่เป็นส่วนประกอบอาหาร ทำให้ได้บรรยากาศร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นดี เจือกลิ่นน้ำส้มสายชูและมิริน ประกอบเสียงปิ้งอาหารจากเตาถ่านช่วยกระตุ้นความอยากอาหารเต็มที่ ในแต่ละรอบจะสามารถรองรับลูกค้าได้เพียง 12 คนเท่านั้น การจำกัดคนเพียง 12 ท่านนี้ทำให้ทุกที่นั่งสามารถรับอาหารแต่ละเมนูจากมือเชฟได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก และให้ความรู้สึกสบายไม่กดดัน ระหว่างรออาหารคอร์สแรก และเพื่อนร่วมมื้ออาหารท่านอืนๆ ท่านจะสามารถสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นไวน์หรือสาเกมาดื่มก่อนอาหารได้ ซึ่ง Riesling wine ที่เราสั่งมาก็ถือว่ารสชาติดีและเข้ากับอาหารของเชฟฮิโรกิเป็นอย่างดี เชฟและเมนู ถึงแม้รอบนี้เราจะไม่ได้เจอเชฟฮิโรกิ โดยตรงแต่ก็ได้เชฟซูชิชาวญี่ปุ่นที่เชฟฮิโรกิไว้ใจ และมีประสบการณ์ทางด้านโอมากาเสะมากกว่าสิบปี คือ เชฟซาโตรุ คุโบตะ และ เชฟทาคาโนริ ฮาระ ช่วยปั้นซูชิให้ทุกคำ นอกจากนี้เชฟชาวไทยที่ช่วยประกอบอาหารเมนูอื่นๆ…

Read More