Chef : Jimmy X Alanbeezhoung : 11 2023 Story ์: Nopmanee P. Photo : Pol.Capt. Kittin A ท่านผู้อ่านของ Kinandleisure.com คงสงสัยตั้งแต่หัวเรื่องแล้ว ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาค่อยๆไขคำตอบไปด้วยกันต่อไป ขณะนี้ขอกดลิฟต์ไปที่ชั้น 25 ของ Hotel Indigo Bangkok ริมถนนวิทยุ มีห้องอาหาร Char และวิวตึกสูงอันสวยงามของใจกลางกรุงเทพรออยู่ เป็นที่ๆเหมาะมากที่จะมาในช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกแบบนี้นะเจ้าคะ ปกติแล้วห้องอาหารนี้รังสรรค์โดยเชฟ Jimmy ซึ่งโดดเด่นในด้านการทำอาหารย่าง แต่คราวนี้เป็นโปรเจคพิเศษ 4 Hands Dinner ร่วมกับ เชฟอลัน บีฉวง เอ็กเซคคูทีฟจากห้องอาหารยู่ เหย เป่า ที่กำลังจะเปิดในอีกไม่กี่วันนี้หละค่ะ พบกับรสชาติอันแปลกใหม่ที่ไม่คาดคิดแต่ลงตัวจากวัตถุดิบที่คุ้นเคย ระหว่างการผสมผสานอาหารจีนสไตล์โมเดิร์น เข้าถึงง่ายของเชฟอลัน บีฉวง และอาหารละตินสุดครีเอทีฟในสไตล์ของเชฟจิมมี่ พร้อมกับการถ่ายทอดเรื่องราว และประสบการณ์เดินทางรอบโลกของเชฟทั้ง 2 ท่านที่จะแฝงอยู่ในอาหาร 5-คอร์สนี้ ภายใต้คอนเซป “Borderless Flavours” ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ไย เรามาค่อยๆไขคำตอบของความลงตัวนี้กันดีกว่านะเจ้าคะ Salmon Tiradito อาหารสัญชาติเปรู จานนี้ของเชฟจิมมี่นั้นไม่มีวิธีกินที่แน่นอน จะเอาแป้ง Tortillas กรอบมาทานกับปลาแซลม่อนสดสไลด์บาง หรือทานปลาคู่กับเหล่าซอสแล้วมีรสเผ็ดของพริกเจลาปิโนแซมขึ้นมาเล็กน้อยก็อร่อยเช่นกัน จานนี้จับคู่กับแชมเปญ Ernest Rapeneau Brut เป็นจานเรียกน้ำย่อยที่ดีมากจานนึงเพคะ แล้วมา Cold Starter ต่อกันที่ Chino-Latino Duck Salad จานนี้ของเชฟจิมมี่ ใช้วัตถุดิบแห้ง 4 อย่าง ผัก 4 อย่าง ผลไม้ 4 อย่าง Top ด้วย Dark choc 70% sauce ซึ่งจะให้รสที่เข้ากันกับ hoisin sauce ของจีน…
Author: Nopmanee
ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยความสุขและความอบอุ่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงกับชุดน้ำชายามบ่ายประจำฤดูกาล “Sense of Tsubaki Afternoon Tea” ที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ซึ่งเสนอประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและไม่ลืมได้ที่จะสัมผัสกลิ่นอายของฤดูหนาวผ่านชุดน้ำชายามบ่ายที่เต็มไปด้วยความอร่อยและความโรแมนติก เมื่อเวลาผ่านไปและเข้าสู่ฤดูกาลอันแสนพิเศษนี้ การชิมชายามบ่ายที่นี่จะเป็นการพิเศษที่ไม่เหมือนใคร เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการเฉลิมฉลองความรักและความอบอุ่นที่สุดของปี ขอเชิญคุณมาร่วมสัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกและความอบอุ่นกับ “Sense of Tsubaki Afternoon Tea” ที่มีราคาเซ็ตละ 1,950++ บาท สำหรับ 2 ท่าน บริการเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ณ ห้องอาหารอัพ แอนด์ อะบัฟ อย่าพลาดโอกาสที่จะเพลิดเพลินกับความหรูหราและความอบอุ่นในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก รับประสบการณ์ที่ท้าทายความคิดและเติมเต็มความสุขในสมาธิของคุณกับ “Sense of Tsubaki Afternoon Tea” ที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ตอนนี้! ในชุดน้ำชายามบ่ายฤดูกาลนี้ สัญลักษณ์ที่มีความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์เด่นของมันคือดอกซึบากิหรือดอกคามิเลีย ที่มีเสน่ห์และเฉดสีแดงชมพูที่น่าหลงใหลอย่างไม่ธรรมดา เหมือนกับดอกกุหลาบ ดอกไม้ที่มีความงดงามและการบานออกมาสวยงาม ดอกซึบากิเป็นสัญลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความหมายของความรักและความผูกพันที่ลึกซึ้ง บรรยากาศที่เงียบสงบและโรแมนติกของชุดน้ำชายามบ่ายช่วยให้คู่รักได้มีเวลาส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความสุข พร้อมหลีกหนีจากความวุ่นวายและเร่งรีบของชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้น คู่รักที่ร่วมรับประทานชุดน้ำชายามบ่ายนี้จะได้สัมผัสถึงความสุขและความอบอุ่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงกันไปตลอดเวลาที่ผ่านมา ‘Sense of Tsubaki Afternoon Tea’ ไม่เพียงแต่ดึงดูดต่อมรับรสเท่านั้น แต่ยังสร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็นด้วยสีสันอันสดใส ไฮไลท์อาหารคาวได้แก่ ทาร์ตบรีชีสและแครนเบอร์รี่ ทาร์ตบรีชีสและแครนเบอร์รี่ ‘Sense of Tsubaki Afternoon Tea’ คือความลงตัวที่เต็มไปด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นและความอร่อยที่สร้างความประทับใจได้อย่างแท้จริง! ทาร์ตบรีชีสนี้มีรสชาติหวานนุ่มนวลจากชีสที่ละมุนและครีมบริสุทธิ์ และเสริมด้วยความหวานเบาของแครนเบอร์รี่ที่สดใหม่ การผสมพลิกผันระหว่างรสชาติเข้มข้นและความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละส่วนทำให้รสชาติของทาร์ตนี้มีความน่าติดใจ ไม่เพียงแค่รสชาติที่ดี ทาร์ตบรีชีสและแครนเบอร์รี่ยังมีลักษณะที่เอนไปด้วยความสวยงาม การเรียงรายละเอียดของแครนเบอร์รี่สดใหม่บนชีสเนื้อหน้าเตาทำให้เป็นผลงานศิลปะที่สวยงามและน่าอิ่มใจต่อจิตใจ นอกจากนี้ การเสิร์ฟทาร์ตในบรรยากาศที่เงียบสงบและเรียบง่ายของ ‘Sense of Tsubaki Afternoon Tea’ ยังเพิ่มความพิเศษให้กับประสบการณ์การรับประทานอาหารอย่างมหัศจรรย์ ทั้งหมดนี้ทำให้ทาร์ตบรีชีสและแครนเบอร์รี่ที่ ‘Sense of Tsubaki Afternoon Tea’ เป็นหนึ่งในเมนูที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความอร่อยและความงดงามในทุกๆ เมนูที่มีอยู่ในร้านนี้ แน่นอนว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในไม่ช้า! แซนวิชแซลมอนนอร์เวย์พร้อมคาเวียร์ แซนวิชแซลมอนนอร์เวย์พร้อมคาเวียร์…
พบกับการแสดง Sherlock Holmes ภาคสุดท้าย โดย Nigel Miles-Thomas ย้อนกลับไปในปี 1916 เชอร์ล็อกโฮมส์ เพิ่งกลับมาที่ห้องของเขาที Baker street หลังจากไปร่วมงานศพของด็อกเตอร์วัตสันต์ เขาได้ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เขาไม่ค่อยได้แบ่งปันกับวัตสันต์มากนัก และยังมีอะไรอีกมากมายที่เขาไม่ได้เปิดเผยออกไป สิ่งที่เขาเก็บซ่อนไว้ รวมไปถึงความรู้สึกลึกๆสำหรับเพื่อนของเขา จินตนาการว่าวัตสันต์ได้ปรากฏตัว โฮมส์ได้บอกเล่าถึงความล้มเหลวนี้และสัมผัสมุมมองจากคดีเก่าๆที่ผ่านมา และบทบาทที่หลากหลายที่เขาได้เผชิญระหว่างการสืบสวน รวมไปถึงผู้หญิงอย่าง Irene Adler และแน่นอน ศาสตราจารย์มอริอาตี้ โฮมส์ได้เจาะลึกลงไปสู่ด้านมืดของเรื่องราวในอดีตของเขาเอง เขาได้เปิดเผยความลับอันน่าสะพรึงระลึกได้ถึงว่าตอนนี้เขาเปล่าเลี่ยวและโดดเดี่ยว ปราศจากเพื่อนสนิทและไร้จุดหมายในยุค new modern and war-ravaged เขารู้สึกประหลาดใจ เช่น เรื่องวัตสันต์ ดูเหมือนว่าเขาได้มาถึงจุดสุดท้ายในช่วงเวลาของเขาแล้ว Nigel Miles-Thomas นั้นเป็นนักแสดงที่ได้รับการยกย่องสำหรับการแสดงบนเวทีและในจอด้วยเสน่ห์ของเขา กว่า 5 ทศวรรษ เคยร่วมงานกับ Steven Berkoff เคยรับบทนำในลอนดอน West End และอีกหลายโรงในอังกฤษ เคยแสดงในอเมริกา ทั่วยุโรปและเอเซีย รู้จักกันดีด้วยบทบาท Dr Who ด้วยความสามารถที่เป็นที่น่าจดจำจึงนำเขามาสู่บทบาทที่โดดเด่นนี้ เขาได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการแสดงเป็นเชอร์ล็อก โฮมส์ภาคสุดท้ายนี้ One man performance show มีรอบเดียวเท่านั้น ในคืนวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2024 เวลา 18:30 น. Cocktail reception / 20:00 น. เริ่มการแสดงณ ห้องอาหาร Colonnade, The Sukhothai Bangkokบัตรที่นั่งราคา 800 บาท net/คนสำรองที่นั่งได้ที่ : 02 344 8888 หรือทาง LINE @Sukhothaibangkok (มี @ ด้านหน้า) K News Kinandleisure.com Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ…
Chef : Champ Panichkul : 1 2024 Story : Nathapol K. / Photo : Pol.Capt. Kittin A Bijoux de Beurre Echire (บิฌูส์ เดอ เบอร์ เอชิเร่) ร้านขนมอบสไตล์ฝรั่งเศสชื่อดังย่านเอกมัย ซึ่ง Kinandleisure ได้เคยพาทุกท่านไปเยี่ยมชมและชิมขนมอันแสนอร่อยกันมาแล้วนั้น ผ่านไปด้วยเวลาไม่นานเพียงประมาณ 1 ปี ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังสามารถบุกมาเปิดสาขาใหม่พร้อมกับห้าง Emsphere สุดชิค ใจกลางสุขุมวิทได้ แสดงให้เห็นศักยภาพและคุณภาพของร้านที่ยังคงเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบขนมอบสไตล์ฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี ร้าน Bijoux de Beurre Echire ที่สาขา Emsphere นั้น จะตั้งอยู่ที่ชั้น G ใกล้กับ Gourmet Market โดยลักษณะการตกแต่งร้านใกล้เคียงกับที่สาขาเอกมัย โดยใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้และใช้โทนสีขาวฟ้าเป็นหลัก ให้บรรยากาศอบอุ่น สบายๆ แต่มีความโมเดิร์น ที่หน้าร้านยังคงมีน้องวัวสีขาวลายฟ้าคอยยืนต้อนรับอยู่ เดินเข้าไปภายในร้านก็จะพบกับshelfวางขนมปังบางส่วนให้ลูกค้าสามารถเลือกหยิบใส่ถาดได้เอง แตกต่างจากที่สาขาเดิม และด้านข้างก็จะมีเคาน์เตอร์พนักงานคอยให้บริการพร้อมกับขนมอบหอมกรุ่นและบาร์เตรียมเครื่องดื่ม ด้านในสุดจะเป็นพื้นที่อบขนมโดยมีกระจกใสกั้นไว้ทำให้สามารถมองดูเชฟทำขนมได้อย่างเพลิดเพลิน ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะมีโต๊ะและเก้าอี้สีน้ำตาลและสีขาวสลับฟ้าให้ลูกค้าสามารถเข้าไปนั่งทานในร้านได้ แต่เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างจำกัด จึงมีโต๊ะให้บริการเพียงประมาณ ๘ โต๊ะเท่านั้น หากจะนั่งทานที่ร้านบางเวลาอาจต้องใช้เวลารอโต๊ะหน่อย เนื่องจากมีลูกค้าค่อนข้างเยอะ สำหรับผู้รังสรรค์เมนูต่าง ๆ ของร้าน ก็คือ เชฟแชมป์ พานิชกุล ซึ่งเป็นทั้งเชฟหลักและ Co-owner ของร้าน โดยเชฟแชมป์จบการศึกษาจากโรงเรียนสอนทำอาหารระดับโลกอย่าง Le Cordon Bleu และสั่งสมประสบการณ์มากว่าสิบปี จนมีความเชี่ยวชาญด้านขนมสไตล์ฝรั่งเศสเป็นอย่างยิ่ง โดยยังคงคอปเซปในการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เนย” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งแน่นอนว่าทางร้านได้ใช้เนย Echire ซึ่งเป็นเนยเกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากฝรั่งเศสที่มีสัญลักษณ์ AOP (Appellation d’Origine Protégée or Protected Designation of Origin) ซึ่งเป็นตรารับรองที่รัฐบาลฝรั่งเศสได้การันตีว่าสินค้านั้นผลิตในถิ่นกำเนิดและผลิตด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิมของสินค้านั้น…
เรื่อง: กิจกรรมการกุศล – Bangkok Uncovered & Beyond Vol.4วันที่: วันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 16 และ 17 ธันวาคม 2023เวลา : 10.00 – 21.00 นที่ตั้ง: สวนสุโขทัย โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลระดมทุน “Bangkok Uncovered &Beyond” เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาสังคมของ 6 ชุมชนที่ใกล้สูญพันธุ์ในกรุงเทพฯ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ของการเฉลิมฉลองโครงการ โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ และพันธมิตรยอดนิยม รวมถึงกรุงเทพมหานครฝ่ายบริหาร (กทม.) – กองการท่องเที่ยว เตรียมขยายขนาดการจัดงาน จึงมีโครงการอยู่ในขณะนี้ที่เรียกว่า “Bangkok Uncovered & Beyond” และถือเป็นงานที่สี่ของเรานับตั้งแต่ปี 2562 โครงการนี้ได้พัฒนามาจากการสร้างแนวคิด APPEAR เพื่อรักษาชุมชนและวัฒนธรรมที่สูญหายไปทำให้พวกเขากลับมาอีกครั้งผ่านการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เราได้ร่วมมือกับการพัฒนาแห่งสหประชาชาติโครงการ (UNDP) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) – กองการท่องเที่ยว ทางโรงแรมสุโขทัยกรุงเทพก็ได้ร่วมมือกันในโครงการนี้เพื่อส่งเสริมกิจกรรมที่ยั่งยืนภายในชุมชนที่สูญหาย 6 แห่งพร้อมทั้งปรับปรุงความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ชุมชนที่ใกล้สูญพันธุ์ 6 ชุมชน ได้แก่ เกาะสานเจ้า บางลำภู หัวตะเข้ บางกระดี่ บ้านบุ และนางเลิ้ง เวิร์คช็อปสร้างสรรค์ศิลปหัตถกรรมไทยโดยช่างฝีมือชุมชน เช่น ว่าวยั่งยืนที่ทำจากใบไม้ลงรักปิดทอง (ลายรถน้ำ) งานปักผ้ามอญ งานหัตถกรรมกระดาษมอญ และ(ไม่) เหมือนกันการวาดภาพเหมือนตนเอง การแสดงดนตรี การเต้นรำ และงานฝีมือที่หายาก เช่น กล้วยแกะสลัก ดอกผงหินวินเทจการทำพวงมาลัย(ปางพวง) ดนตรีมอญ รำชาตรี เรียนรู้สูตรลับจากคุณย่าในชุมชน เช่น ด้ายสีทองและขนมจักร ช้อปปิ้งของขวัญที่ไม่ซ้ำใครหรือเพียงแค่พักผ่อนและปรนเปรอต่อมรับรสของคุณอย่างไม่สิ้นสุดอาหารและขนมอร่อยๆ เช่น คาราเมลมอญและมาร์ซิปันถั่วเขียว ลองขนมเรรายโบราณ เยลลี่ก้อน เค้กก้านบัวแดงนึ่งแบบไทย รับข้อเสนอพิเศษด้วยบัตรกำนัลจากโรงแรมห้าดาวสุดหรูอย่างแท้จริง – The Sukhothai…
Chef : เชฟสุจิรา พงษ์มอญ หรือเชฟอ้อม : 11 2023 Story : Nathapol K. / Photo : Pol.Capt. Kittin A Khaan (ขาล) เป็นร้านอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งแห่งใหม่ย่านชิดลมของเชฟสุจิรา พงษ์มอญ หรือเชฟอ้อม ผู้ซึ่งเคยได้รับรางวัล Michelin Guide Young Chef Award 2021 และสร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารต่าง ๆ มามากมาย โดยเชฟได้นำเอาประสบการณ์ในวงการอาหารตลอดเกือบ ๒๐ ปี มาเปิดร้านอาหารของตัวเองแห่งแรกที่แสดงถึงตัวตนของเชฟได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ชื่อร้านก็มาจาก “ปีขาล” ซึ่งเป็นปีนักษัตรของเชฟอ้อม และยังพ้องเสียงกับคำว่า “เล่าขาน” หรือ “กล่าวขาน” ซึ่งเป็นคอนเซปของร้านในการนำเอาเมนูอาหารในท้องถิ่นต่าง ๆ ของประเทศไทย หรือที่เรียกว่าเป็นสตรีทฟู้ด นำเอามาเป็นแรงบันดาลใจ แล้วผ่านกระบวนการคิดและรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ในรูปแบบของเชฟอ้อมให้มีความเป็น royal cuisine (from street to royal) และเชฟได้นำมาเล่าขานให้ทุกท่านได้ลิ้มลองโดยยังคงกลิ่นอายดั้งเดิม แต่จะได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนที่ใดอย่างแน่นอน ร้านอาหาร Khaan ตั้งอยู่ภายในซอยสมคิด ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลมและเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ โดยตัวร้านเป็นอาคารสีขาวตัดกับไม้สีน้ำตาลแดงเข้มแบบเรือนไทย โดยมีส่วนของครัวทำอาหารตั้งอยู่ด้านหน้าร้านสร้างความตื่นตาตื่นใจและน่าเพลิดเพลินกับการทำอาหารของเชฟและผู้ช่วยได้คล้ายกับร้านสตรีทฟู้ด แต่จะมีกระจกใสกั้นไว้เพื่อสุขอนามัยและความสะอาด ภายในร้านตกแต่งด้วยลวดลาย ผ้าไหม และงานศิลปหัตถกรรมแบบไทย โดยใช้โทนสีขาว น้ำตาล แดง เงิน และทอง ให้ความรู้สึกเรียบหรูเหมาะกับมาทานดินเนอร์ สำหรับอาหารนั้น เชฟอ้อมได้คัดสรรเอาเมนูที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในท้องถิ่นต่าง ๆ ภายในประเทศไทย นำมาร้อยเรียงเล่าขานให้ทุกท่านได้ลิ้มรสกัน โดยพยายามใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่มีทั้งคุณภาพและคุณประโยชน์นำมาปรุงอาหารอย่างคุ้มค่าทุกส่วน (zero waste) โดยใช้เทคนิคทั้งแบบไทยและตะวันตก จนได้ออกมาเป็นอาหารทั้งสิ้น ๑๑ คอร์ส โดยในวันนี้เราได้ลองชิมไปถึง ๗ คอร์ส ดังนี้ ๑. ขานรสเลิศตำรับขาล Amuse Bouche Amuse Bouche เป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศส อ่านว่า “อามูส บุช”…
โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ มีความภูมิใจเสนอการเปิดประสบการณ์รับประทานอาหารครั้งใหม่ โดยได้แต่งตั้ง โฮ คิง ยิป (หรือ เชฟวิคเตอร์) หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ชาวจีนคนใหม่ ผู้รังสรรค์อาหารจีนกวางตุ้งเมนูใหม่พร้อมให้ลิ้มลอง ณ ห้องอาหารจีนเหม่ยเจียง ที่เลื่องชื่อด้านอาหารจีนตำรับกวางตุ้ง เชฟวิคเตอร์ได้สั่งสมประสบการณ์มากว่าสามทศวรรษ เขาได้นำความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมอันมากมาย จากประสบการณ์งานครัวที่มีชื่อเสียงมากมายทั่วเอเชีย เช่น “Lung King Heen Kitchen” ระดับมิชลิน 3 ดาว (ในขณะที่เชฟร่วมงาน) ประเทศฮ่องกง และ Shang Palace ที่ไทเป ประเทศไต้หวัน มาสู่การสร้างสรรค์อาหารจีนตำรับกวางตุ้งเมนูใหม่ ยกระดับศิลปะอาหารจีนและสร้างประสบการณ์การทานอาหารที่พิเศษ ที่ห้องอาหารเหม่ยเจียง (Mei Jiang) ในฐานะหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ชาวจีน ความทุ่มเทของเขาในการรักษามาตรฐานอันไร้ที่ติและแนวทางการสร้างสรรค์อาหารจีน ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับในวงการ อาหารจีนกวางตุ้งเมนูใหม่ ที่เหม่ยเจียง เป็นการนำวัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากในท้องถิ่นและนำเข้าจากนานาชาติ มารังสรรค์อาหารจีนกวางตุ้ง เสิร์ฟในรูปแบบตะวันตก หรือสไตล์แบ่งปันกับครอบครัว อาทิ กุ้งลายเสือและหมั่นโถวทอดซอสเอ็กซ์โอ ปูจ๋าสไตล์จีน ซุปหอยสังข์ตุ๋นกระเพาะปลาน้ำใส กุ้งมังกรภูเก็ตนึ่งไข่ขาวเหล้าจีน ซี่โครงเนื้อผัดพริกสไตล์เสฉวน และ ข้าวผัดเป๋าฮื้อห่อใบบัว ฯลฯ “ผมรู้สึกตื่นเต้นและยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับทีมพ่อครัวและที่มีความสามารถของห้องอาหารเหม่ยเจียง โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ แห่งนี้ ผมมีความมุ่งมั่นในการทำอาหารเพื่อความสมบูรณ์แบบมาโดยตลอด และจะได้นำความหลงใหลในอาหารจีนและอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ใหม่ๆ ของผมมาสู่ห้องอาหารแห่งนี้” เชฟวิคเตอร์กล่าว ความเชี่ยวชาญของเชฟวิคเตอร์ครอบคลุมทักษะการทำอาหารที่หลากหลาย ตั้งแต่การประดิษฐ์อาหารที่ประณีตไปจนถึงบริหารทีมพ่อครัวชั้นนำ ในการสร้างประสบการณ์ยกระดับการรับประทานอาหารด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ที่น่าจดจำให้กับแขกโรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ห้องอาหารเหม่ยเจียง โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวัน (เสาร์-อาทิตย์) 11.30-14.30 น. และมื้อค่ำ (ทุกวัน) 18.00 – 22.30 น. สำรองที่นั่งและสอบถามข้อมูล กรุณาติดต่อ โทร. 0 2020 6969 หรือ อีเมล [email protected] Kin…
บ่ายนี้ ดิฉันและ Kinandleisure จะพาคุณๆท่านผู้อ่านที่เจริญทั้งหลายมาทาน Afternoon tea บนตึกที่สูงเทียมเมฆแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯกัน นั่นก็คือ ที่ห้องอาหาร Vertigo Too ชั้น 60 โรงแรมบันยัน ทรี (Banyan tree Bangkok) นั่นเองคราวนี้เค้าเปลี่ยนเชฟขนมหวานใหม่ ชุดขนมใหม่ คอนเซปลูกเล่นใหม่ๆ ที่ทำให้คุณต้องร้อง ว้าววววว ตามธรรมเนียมแล้ว เรามาเลือกชากันก่อนค่ะ มี 2 แบรนด์ให้เลือก ซึ่งเราขอแนะนำ TWG : Silver Moon ที่รสชาติจะออก Berry Fruity+Vanilla bouquet ผสมกันอย่างลงตัว (1 คน เลือกชาได้ 1 รสค่ะ) จากนั้นไม่นานเลย พนักงานเข็นรถชุดน้ำชาวันนี้มาแล้ว ยิ่งตอนที่มีควันแล้ว ชวนให้นึกถึงสวนสวยในจินตนาการขึ้นมาจริงๆ เราสามารถขอถ่ายรูปคู่กับรถเข็นก่อนได้ด้วยนะคะ แล้วค่อยนำมาจัดวางบนโต๊ะ กับ Background ที่เป็นวิวตึกสูง ไม่มีที่ไหนจะเก๋ไปกว่านี้แล้วล่ะค่ะก่อนอื่นเรามาหยิบแก้วค็อกเทลที่เห็นมีฟองอากาศอยู่ด้านบนนี้ เป่าฟองให้แตก แล้วจิบ Welcome drink กันก่อนเถอะค่ะ แก้วนี้จะประกอบไปด้วยไซรัปกุหลาบเป็นตัวหลัก นางเอกแห่งยุคตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เป็นตัวนำนี้จะทำให้คุณผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งลูกเล่นการสร้างฟองขนาดใหญ่บนปากแก้ว ที่พอคุนเป่าหรือจิ้ม ฟองก็จะระเบิดตูมออกมาเป็นควันกลิ่นกุหลาบ แสนหอมหวาน เลิศมากค่ะ โดยเซ็ตอาฟเตอร์นูนทีสุดพิเศษนี้รังสรรโดยเชฟหนึ่ง จตุพร เชฟขนมหวานมากประสบการณ์ของโรงแรม เชฟหนึ่งสั่งสมประสบการณ์ด้านขนมหวานมากว่าหนึ่งทศวรรษ ทำงานในเครือโรงแรมชั้นนำและแบรนด์เบเกอรีชื่อดังมากมาย เชฟหนึ่งได้สรรสร้างขนมอย่างพิถีพิถัน จนมาเป็นขนมหวานสุดน่ารัก ดื่มด่ำกับช่วงเวลาพิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์ ณ เวอร์ทิโก้ทู ที่จะโอบล้อมคุณด้วยบรรยากาศสุดเอ็กคลูซีฟบนชั้น 60 พร้อมให้คุณจิบชาร้อนๆหรือเลือกเป็นม็อกเทลเย็นๆ ก็ดูลงตัวไม่แพ้กัน คลอเคล้าด้วยเสียงเพลงที่จะขับกล่อมให้คุณได้ผ่อนคลาย และด้วยความหิวนี้ ขอเริ่มกันที่ เบิร์ดออฟพาราไดซ์ล็อบสเตอร์แซนวิช Bird of Paradise เป็นของว่างที่มีเนื้อล็อบสเตอร์สดๆมาให้ฉ่ำๆ มาเต็มตลอดขนมปังทรงบาแก๊ตนิ่มๆนี้ ท๊อปด้วยคาเวียร์ได้อีก Melon Bouquet เป็นของว่างที่มองเผินๆอาจจะนึกว่าลูกองุ่นได้ เพราะด้วยสีเขียวสดใสของเค้า แต่หาใช่ไม่ เป็นเมล่อนคว้านเป็นลูกกลมหวานสดชื่น กับครีมชีสฉ่ำๆ ซึ่งควรทานพร้อมกันทั้งชิ้น รสชาติจะพอดี! Organic senses…
โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ชวนคุณมาจิบน้ำชายามบ่ายในธีม “Garden of Senses” ที่จะพาคุณไปสัมผัสความรื่นรมย์ของสวนสวยในจินตนาการ เพลิดเพลินไปกับขนมคาวหวานแสนอร่อยและเครื่องดื่มระดับพรีเมียม คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพมาเสิร์ฟให้คุณได้ลิ้มลอง โดยเซตอาฟเตอร์นูนทีสุดพิเศษนี้รังสรรโดยเชฟหนึ่ง จตุพร เชฟขนมหวานมากประสบการณ์ของโรงแรม เชฟหนึ่งสั่งสมประสบการณ์ด้านขนมหวานมากว่าหนึ่งทศวรรษ ทำงานในเครือโรงแรมชั้นนำและแบรนด์เบเกอรีชื่อดังมากมาย เชฟหนึ่งได้สรรสร้างขนมอย่างพิถีพิถัน จนมาเป็นขนมหวานสุดน่ารักอย่าง แรสเบอร์รีฟิโลทาร์ตไส้วานิลลารสหวานหอม (Flower Raspberry Filo) ชูซ์หงษ์ไส้คาราเมลอัลมอนด์ (White Swan Caramel Choux) และบัตเตอร์ฟลายคาเนเล่ช็อกโกแลต (Canelé Ganache Monte) อีกทั้งยังมีคานาเปรสเลิศ อาทิเช่น เบิร์ดออฟพาราไดซ์ล็อบสเตอร์แซนวิช (Bird of Paradise Sandwich) และลูกเมล่อนในวาฟเฟิลโคน (Melon Bouquet) เป็นต้น ดื่มด่ำกับช่วงเวลาพิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์ ณ เวอร์ทิโก้ทู ที่จะโอบล้อมคุณด้วยบรรยากาศสุดเอ็กคลูซีฟบนชั้น 60 พร้อมให้คุณจิบชาร้อนๆหรือเลือกเป็นม็อกเทลเย็นๆ ก็ดูลงตัวไม่แพ้กัน คลอเคล้าด้วยเสียงเพลงที่จะขับกล่อมให้คุณได้ผ่อนคลาย เตรียมเปิดประสบการณ์ใหม่กับ “Garden of Senses Afternoon Tea” ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 13.00 – 16.00น. ที่ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ทู ชั้น 60 ในราคา 2,200++ บาท ต่อเซต สำหรับ 2 ท่าน
ถ้าคุณเป็นคนชอบกินขนมไหว้พระจันทร์ทั้งไส้ทุเรียนและไส้คัสตาร์ดแล้วละก็ ขอบอกเลยว่าขนมของที่นี่ตอบโจทย์สุดๆ ด้วยความที่เชฟได้นำสูตรการทำขนมไหว้พระจันทร์คัสตาร์ดไข่แดงแบบโรงแรมริมน้ำเก่ากึกแห่งหนึ่งมาผสมผสานกับทุเรียนคุณภาพสูงจนได้เป็นรสซิกเนเจอร์ใหม่ ที่จะต้องถูกใจคนที่ชอบทั้งคัสตาร์ดและทุเรียนอย่างแน่นอนSomphong S.- โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ (InterContinental Bangkok) เตรียมต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่กำลังจะมาถึงในปีนี้ ด้วยขนมไหว้พระจันทร์รสเลิศระดับพรีเมียมบรรจุอยู่ในกล่องที่มีเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความคิดสร้างสรรค์และความพิถีพิถันในการทำขนมไหว้พระจันทร์ เทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมของจีนที่มีขึ้นช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง เพื่อแสดงถึงการสิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยว อีกทั้งยังเป็นเวลาที่ครอบครัวรวมตัวกันเพื่อขอบคุณและไหว้พระจันทร์ จึงถือเป็นโอกาสพิเศษสำหรับการเฉลิมฉลองเพื่อมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้กับเพื่อนและครอบครัว ขนมไหว้พระจันทร์ของโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ประจำปี 2566 นี้ ถูกรังสรรค์โดยการผสมผสานความเป็นไทยได้เป็นขนมไหว้พระจันทร์รสชาติใหม่ที่อร่อยอย่างลงตัว บรรจุในกล่องที่ถูกออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงและความงดงามของพวงมาลัย สัญลักษณ์ของความโชคดี ความนอบน้อม และการให้เกียรติ รูปทรงกลมของกล่องขนมไหว้พระจันทร์ยังสื่อถึงความสมบูรณ์และการได้พบกันอีกครั้ง เรียบหรูในโทนสีฟ้าที่มีลวดลายสีทองสวยงามดุจดั่งเส้นขอบฟ้าระยิบระยับของกรุงเทพฯ ประดับด้วยอุบะดอกรักและดอกจำปีที่ปั้นจากดินอย่างประณีต ขนมไหว้พระจันทร์บรรจุในกล่องรูปทรงพวงมาลัยของโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ นี้ถือเป็นของขวัญที่สมบูรณ์แบบ สำหรับครอบครัว คนพิเศษ หรือเพื่อนร่วมงานสำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ อุบะดอกรักและดอกจำปีที่นำมาใช้ประดับกล่องขนมไหว้พระจันทร์นั้นสร้างเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการต้อนรับอันงดงามของไทย ในขณะเดียวกันยังแสดงถึงความหรูหรา ทันสมัยเข้ากับยุคสมัย นอกจากนี้ สูตรขนมไหว้พระจันทร์ยังถูกรังสรรค์โดยพ่อครัวประจำห้องอาหารจีน ซัมเมอร์ พาเลซ (Summer Palace) เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพเยี่ยมที่หาได้ภายในประเทศเท่านั้น ถือเป็นสิ่งที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของโรงแรมฯ ในการร่วมสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพสูงของไทยเพื่อลดการนำเข้าและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดมินิค มาร์ติเนซ (Dominique Martinez) ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ กล่าวว่า “เทศกาลไหว้พระจันทร์ถือเป็นช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่และสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายของประเทศไทย ซึ่งปีนี้ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ นำเสนอขนมไหว้พระจันทร์สูตรโฮมเมดที่ทีมเชฟมากความสามารถของห้องอาหาร ซัมเมอร์ พาเลซ ช่วยกันปั้นขนมไหว้พระจันทร์แต่ละชิ้นด้วยมืออย่างประณีต พิถีพิถัน อบสดใหม่จากเตาทุกวัน ได้เป็นขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อยบรรจุในกล่องรูปทรงพวงมาลัย เหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญให้คนสำคัญในเทศกาลนี้ หรือเพียงรับประทานเพื่อความสิริมงคล” ขนมไหว้พระจันทร์ของโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ มี 4 รสชาติ ซึ่งจะมีถึง 2 รสที่ใช้เบสเป็นคัสตาร์ด ด้วยความที่เชฟใหญ่เคยกำกับห้องอาหารเหม่ยเจียงแห่งริมน้ำฝั่งธนบุรีมาก่อน จึงได้สร้างสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์สูตรใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากขนมคัสตาร์ดไข่แดงเดิมมาผสมผสานเป็นรสใหม่อีก 2 รสอย่าง คัสตาร์ดทุเรียน และ คัสตาร์ดกาแฟ ได้แก่ คัสตาร์ดทุเรียน คัสตาร์ดกาแฟ ถั่วแดงไข่เค็ม และ เม็ดบัวไข่เค็ม บรรจุในกล่องที่มีให้เลือก 3 แบบ…