Author: Kreingkrai

วันนี้ทางทีม Kinlakestars ได้รับเกียรติเชิญมาร่วมงานการสาธิตทำช็อคโกแลต โดยเชฟที่ว่าเป็นที่สุดของฝรั่งเศสในด้านช็อคโกแลตและขนมหวาน (Chocolate & Confectionery) นั่นก็คือ เชฟเฟรดเดอริค ฮาเเวคเกอร์ (Frédéric Hawecker) คนนี้นี่เอง เชฟชาวฝรั่งเศส ผู้ครองตำแหน่งระดับชาติ อย่าง Un des Meilleurs Ouvriers de France (MOF) ในฐานะช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญทางด้านช็อกโกแลต ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011  นอกจากนั้นเชฟเฟรดเดอริค ยังเคยเป็นผู้ฝึกอบรมประจำโรงเรียนสอนทำขนมเพื่อวิชาชีพชั้นสูงในเมืองอีแซงโชว์ (Yssingeaux) ประเทศฝรั่งเศส และยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการทำช็อกโกแลตให้กับสถาบันต่างๆทั่วโลก และวันนี้ช็อคโกแลตที่เชฟใช้ เป็นช็อคโกแลตคุณภาพดี สัญชาติฝรั่งเศส แบรนด์ Chocolaterie de l’Opéra ซึ่งจุดเด่นของแบรนด์นี้ก็คือ เขาจะใช้เมล็ดคาเคาจากประเทศเขตร้อน ใกล้เส้นศูนย์สูตร ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกที่ให้ผลผลิตคุณภาพดีที่สุดในการผลิตช็อคโกแลต เช่น เกาะมาดากัสการ์ ปาปัวนิวกีนี เวเนซุเอลา เอกวาดอร์ เป็นต้น และอีกจุดเด่นอีกอย่างของแบรนด์นี้ก็คือ ช็อคโกแลตที่ผลิตจะเป็นแบบ Single Origin ด้วย นั่นก็คือ เป็นช็อคโกแลตที่ผลิตจากเมล็ดคาเคาจากแหล่งปลูกเดียว นั่นหมายความว่า เราจะได้ช็อคโกแลตรสชาติแท้ๆ จากแหล่งปลูกๆนั้น นั่นเอง เชฟโชว์ผลคาเคา ที่มาของช็อคโกแลตที่เรารับประทานกัน โดยเชฟบอกถึงส่วนที่เขานำมาทำช็อคโกแลต นั่นก็คือ ส่วนไส้ของเมล็ดคาเคานั่นเอง คือ เวลาผ่าผลออกมา จะมีส่วนเนื้อขาวๆที่หุ้มเมล็ดอยู่ ส่วนที่ใช้ในการทำช็อคโกแลตจะอยู่ในเมล็ดอีกที ซึ่งจะนำมาใช้เลยก็ได้ ต้องผ่านการหมัก การทำให้แห้ง และ การคั่ว เสียก่อน ซึ่งพอผ่านกระบวนการต่างๆแล้ว จะได้ในส่วนของ โกโก้แมส และ โกโก้บัตเตอร์ ออกมา ส่วนนี้แหละ เป็นส่วนเปอร์เซนต์ที่เราเห็นบนฉลากของช็อคโกแลต เชฟบอกถึงองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่างของช็อคโกแลต นั่นก็คือ โกโก้แมส โกโก้บัตเตอร์ และ น้ำตาล นอกจากส่วนประกอบสามอย่างนี้ ก็จะมี นมผง ซึ่งจะมีแค่ใน มิลค์ช็อคโกแลต และ ไวท์ช็อคโกแลตนั่นเอง เปอร์เซ็นต์ที่เราเห็นบนฉลากนั้นมาจากเปอร์เซนต์โกโก้แมส…

Read More

สวัสดีกันอีกครั้งนะครับ วันนี้ Kinlakestars.com เรามาพบกันกับอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับอันลือชื่อ รังสรรค์โดยเชฟชื่อดัง! ขออารัมภบทสั้นๆแล้วไปชมกันเลยดีกว่า คาเฟ่ แคลร์ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ห้องอาหารขนาดย่อมสุดหรูแต่ดูผ่อนคลาย สบายๆสไตล์ปารีเซียง ที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศการรับประทานอาหารที่บ้านของท่านเอง กลิ่นอายแบบฝรั่งเศสยุคต้นศตวรรษที่ 20 New Organic Salad bar ก่อนเข้าสู่มื้ออาหารเมนูใหม่ เราขอพาทุกท่านไปพบกับสลัดบาร์ หนึ่งในสิ่งใหม่ดีๆที่เกิดขึ้นของห้องอาหารนี้ ท่านสามารถเพลิดเพลินกับสลัดผักสดๆคุณภาพสูงและหลากหลาย ด้วยผักสดๆออร์แกนิกน่ากิน เย้ายวนชวนหิวและเลิศรส ไม่เพียงแค่บรรดาผักสดหลากหลายคุณภาพสูง แต่ยังมีสารพัดน้ำสลัด และโคลคัท ชีส และของหวานอันมากมายและหลากหลาย รวมทั้งผลไม้สดอีกด้วย ก่อนอื่นขอแนะนำให้รู้จักกับ เชฟเอริค (Eric Weidmann) หัวหน้าพ่อครัวประจำห้องอาหารคาเฟ่ แคลร์ ชาวฝรั่งเศส ผู้เข้าร่วมแข่งขันจากรายการ “เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (Iron Chef Thailand)” และก็ชนะซะด้วย มาการันตีคุณภาพของอาหารมื้อนี้ ความสามารถทางด้านการรังสรรค์อาหารเข้าตากรรมการ จนได้รับเชิญเข้าร่วมการแข่งขันโจทย์อาหารฝรั่งเศส ในรายการ “เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (Iron Chef Thailand)” โดยแข่งกับเชฟไก่ ธนัญญา วิลคินซัน ที่เรียกว่าแกร่งในฝีไม้ลายมือ ทว่าแฝงด้วยความอ่อนหวานในรสชาติอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเธอ ในการแข่งขันทำอาหารที่มีวัตถุดิบเป็นหอยนางรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นสุดยอดเมนูอาหารฝรั่งเศส และเป็นเชฟเอริคที่ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ สำหรับค่ำคืนนี้ เชฟเอริคได้นำเสนอ 6 เมนูด้วยกันนำทัพโดยเมนู หอยสดชื่น เมนูเด็ดจากการแข่งขัน โดยใช้หอยนางรมฟิน เดอ แคลร์ เสิร์ฟเย็นแบบสดๆ โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอนและซอสส้มยูสุ ทานคู่กับกระเทียมต้นย่างสุก รสชาติออกไปทางอ่อนนุ่ม ทานง่าย ไร้กลิ่นคาวเหมาะแก่การเรียกน้ำย่อยเป็นที่สุด (ราคา 550 บาท) จานต่อมาคือ ทูน่าทาร์ทาร์ กับรสชาติที่หลากหลายในคำเดียว ให้รสเปรี้ยวอมหวานที่ไม่เหมือนกัน รสจัดจ้าน ที่ใช้ปลาทูน่าครีบเหลืองเนื้อแน่นเป็นตัวเด่นของจาน มาปรุงรสด้วยผิวเลมอน มะเขือเทศตากแห้ง น้ำมันหอมระเหย ใบโหระพา และวางฐานโดยอะโวคาโด อะโวคาโดรสมันเป็นเอกลักษณ์ (ราคา 370 บาท) ปลาโดเวอร์โซล แล่สดเนื้อละมุน ทอดและราดด้วยซอสเนยและเลมอน (ราคา 1,250…

Read More

Ciao!! กลับมาอีกครั้งสำหรับการจับมือร่วมรังสรรค์อาหารมื้อพิเศษระหว่าง เชฟจากร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อดังทั่วโลก กับ เชฟประจำห้องอาหาร ลา สกาล่า แห่งโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ โดยรอบนี้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 นั่นก็คือ The Italian Job Vol.3 โดยคราวนี้ Kinlakestars.com จะพาไปพบกับเชฟมากประสบการณ์ ดีกรีมิชลินสตาร์ Michelin Star อีกเช่นเคย Chef Ciccio Sultano จากร้านอาหารอิตาเลี่ยนมิชลิน 2 ดาว อย่าง Duomo Ragusa Ibla, Sicily ประเทศอิตาลี เรามาเริ่มกันที่อาหารเรียกน้ำย่อยกันก่อนเลยครับ Cherry Tomato มาในลักษณะของผลเชอร์รี่ตามชื่อ แต่รสชาติก็ตามชื่อ Tomato นั่นก็คือ มะเขือเทศนั่นเอง รสออกเค็มหน่อยๆ เนื้อสัมผัสนุ่มๆ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากโหระพาที่ปักมาด้านบน คือ ทำออกมาได้ประหลาดใจตรงที่ทำหน้าตาออกมาให้คล้ายสิ่งหนึ่ง แต่รสชาติกลับออกมาเป็นอีกสิ่งๆหนึ่ง ต่อมา Truffle ทำออกมาเลียนแบบหน้าตาของเห็ดทรัฟเฟิล ลูกทรงกลมสีดำ คือ ต้องบอกว่าจานนี้เซอร์ไพรส์มากๆเลยทีเดียว พอนำเข้าปาก พอเรากัดลงไป ผิวด้านนอกกรอบๆ เบาๆ เนื้อสัมผัสคล้ายๆโฟมเย็นๆ ทะลักออกมา พร้อมกลิ่นหอมเฉพาะตัวของทรัฟเฟิลฟุ้งขึ้นมา คือ กลิ่นเบาๆ แต่มันมีความละมุนอยู่ทั่วปาก สำหรับจานนี้บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่เพิ่งเคยทานแบบนี้ครั้งแรก ส่วนตัวรู้สึกว่ามันดีมากๆ มาต่อด้วยมะกอกเขียวสอดไส้ Green olive staffed with Raffadali pistachio marzipan พอเข้าปากแล้วเคี้ยว จะได้รสหวานมาก่อนเลย ตามด้วยกลิ่นของมะกอก และพอเคี้ยวไปถึงตรงกลางจะเจอเป็นเม็ดแข็งๆ ไม่ต้องตกใจนะครับ ตรงกลางเขาน่าจะตั้งใจทำให้มันออกคล้ายกับเมล็ดของมะกอก แต่แท้ที่จริงแล้ว มันคือถั่วพิชตาชิโอนี่เอง สรุปจานนี้เราสามารถทานได้ทั้งหมดเลยครับ “I wanted to be fried” : small cannolo, Mazara del Vallo red prawn, Oscietra caviar แคนโนลีชิ้นน้อย…

Read More

วันนี้ทางทีม Kinlakestars ได้รับเชิญมาร่วมลิ้มรสอาหารอิตาเลียนจากเชฟระดับมิชลินสตาร์ ที่บินตรงมาจากมาเก๊าเลยทีเดียว นั่นก็คือ Chef Antimo Merone จากร้าน 8 1/2 Otto e Mezzo – Bombana ซึ่งปีนี้ ทางร้านได้ติดเป็น 1 ใน 7 ของร้านอาหารในฮ่องกงและมาเก๊า ที่ได้รับดาวมิชลินถึงสามดาวเลยครับ ซึ่งแน่นอนว่าฝีมือต้องไม่ธรรมดาแน่นอน Welcome Drink จะเป็น Zardetto Prosecco Brut โดยอาหารวันนี้จะถูกรังสรรค์ร่วมกัน ระหว่าง Chef Antimo Merone และ Chef David Tamburini เชฟประจำห้องอาหารลา สกาล่า แห่งโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ นั่นเอง โดยเชฟจะผลัดกันเสิร์ฟจานต่อจานครับ มาเริ่มที่ Amuse Bouche หรือ เรียกได้ว่าเป็นอาหารจานแรกที่เชฟคนหนึ่งใช้แสดงตัวตนของเขาออกมา นั่นก็คือ Ostrica (A) เชฟใช้วัตถุดิบหลักเป็นหอยนางรมสด ซึ่งทั่วไปเขาก็จะนิยมทานคู่กับเลมอน แต่เชฟแอนติโม่ไม่ชอบรสที่เปรี้ยวจัดของเลมอน จึงใช้ส้มยุซุ และ ส้มแมนดาริน แทน โดย วางเจลลี่ส้มยุซุบนตัวหอย มีครีมเต้าหู้ด้านบน ตกแต่งด้วยผักชีลาว (dill) และ มีเนื้อส้มแมนดารินฉ่ำๆ อยู่รอบๆตัวหอยข้างล่างจะเป็นน้ำมันผักชีลาวครับ สำหรับจานนี้เริ่มต้นค่อนข้างดีทีเดียว คือ พอทานแล้วทำให้รู้สึกสดชื่น มีความนุ่มละมุนดี รสชาติของหอย ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่กลางทะเล ผสมผสานกับกลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวของผักชีลาวมาเคล้า นอกจากนี้มีความเปรี้ยวอมหวานของส้มทั้งสองชนิด ให้ความสดชื่น และ เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว มาต่อด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยกัน เริ่มจาก Merluzzo (A) ของเชฟแอนติโม่ก่อนเลย จานนี้จะเป็นจานปลา เชฟใช้เป็นปลาค็อด นำไปหมักด้วยเกลือ แล้วนำไปซูวีด จนเนื้อสุกพอดี จากการซูวีด้วยอุณหภูมิ และเวลาที่เหมาะสม ทำให้เนื้อที่ได้นุ่มลิ้นสุดๆ วางลงบนเเห็ดชองเทอเรลล์ที่เคี่ยวจนน้ำซอสซึมเข้าเนื้อเต็มที่ รสชาติออกเค็มๆ กรึบๆ เสิร์ฟคู่กับซอสเห็ดที่เป็นโฟมๆ รสชาติกลมกล่อม หอมมากๆ และมีเห็ดทรัฟเฟิลสไลด์วางอยู่บนซอสอีกที ส่วนด้านบนตกแต่งมาด้วยตุอิลมันฝรั่ง…

Read More

ครั้งนี้พวกเรา kinlakestars.com จะพาทุกท่านไปพบกับความอร่อยแบบไม่อั้น ของอาหารหลากหลายชาติในสไตล์ไทย จากวัตถุดิบชั้นเลิศกันที่ Sunday brunch พระยา คิทเช่น โรงแรม Bangkok Mariott The Surawongse ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าในราคานี้ ไม่มีที่ไหนให้ได้มากเท่านี้อีกแล้ว !!! เป็นยังไงเราไปดูกัน เริ่มที่บรรยากาศของทางห้องอาหารกันก่อน ตกแต่งด้วยผนังไม้ ที่แกะสลักและเพ้นท์ด้วยมืออย่างพิถีพิถัน เป็นภาพอย่างไทยที่มีการวาดแบบ Isometric ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากทางจีนนั้นเอง โซนอาหารจะแยกออกเป็นสามโซนคืออาหารจานหลัก ขนมหวานตามทางเดินฮอลล์ และ DIY dessert ต่อจากทางเดิน มีเพลงบรรเลงดนตรีสากลสดประกอบ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการรับประทาน ไฮไลท์ของห้องอาหารนี้คือ “ซีฟู้ดวอลล์ (Seafood Wall)”มีอาหารทะเลสดใหม่มาให้ได้ลองกันถึง 12 ชนิด เช่น ปูทะเล หอยหวาน กุ้งลายเสือ กั้งหิน เป็นต้น สามารถเลือกวิธีการปรุงได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นซอสพริกไทดำ ผัดผงกะหรี่ ซอสกระเทียม หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะอร่อยและรังสรรค์คิดกันได้ครับ นอกจาก Seafood ก็ยังมีทั้งเนื้อ dry age คุณภาพสูง เนื้อหมูคุโรบุตะชั้นเลิศ เนื้อไก่ s-pure เนื้อแกะ ให้คีบเลือกและนำไปให้เชฟปรุงได้ พอปรุงออกมาก็จะได้ประมาณนี้เลย ชอบเนื้อแกะมาก! Oyster Bar Oyster Bar เองก็มีให้เลือกมากกว่า 3 สายพันธุ์ โดยในแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความมัน สัมผัสความหวาน หรือขนาดตัว โดยย้ำว่าเพื่อความสด พนักงานจะไม่แกะและนำไปวางจนเยอะเกินแต่จะวางไว้ให้บริการอย่างพอประมาณ เมื่อใกล้หมดจึงแกะให้เพิ่มเติมไป เพื่อความสด ใหม่ เรามาดูสุดยอดเมนูที่ต้องห้ามพลาดกันดีกว่าครับ ได้ชื่อว่าอาหารไทย ก็ต้องปรุงแบบไทยๆ แต่เพื่อให้สมกับแขกคนพิเศษอย่างคุณๆ ทางห้องอาหารจึงเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศมารังสรรค์ อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของเชฟคือ “แกงคั่วล็อบสเตอร์ใบชะพลู” ซึ่งมีรสชาติเผ็ดจัดจ้านของน้ำยากะทิ กะทิที่ใช้ปรุงเป็นกะทิสด ความหอมมันจึงย่อมแตกต่างไปจากกะทิสำเร็จรูป อีกทั้งพริกแกงที่นำมาใช้ก็เรียกได้ว่าหอม ถึงเครื่องมาก  แต่ยังคงความหวานกลมกล่อมของเนื้อกุ้งล็อบสเตอร์เอาไว้ สามารถทานคู่กับขนมจีนที่เป็น Self-serving ด้านข้างได้ Chicken volcano (ไก่อบภูเขาไฟ) ไก่อบสไตล์จีนยุคดั้งเดิมของปี ’80 และซอส BBQ…

Read More

The Dock Seafood Bar – ร้านอาหารทะเลในเครือของธรรมชาติซีฟู๊ด แหล่งรวมอาหารทะเลชั้นนำของประเทศฯ ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ปลอดสารเคมี จากท้องทะเลทั่วโลก โดยร้านอาหาร เดอะดอค ซีฟู๊ดบาร์ นั้น มีด้วยกันทั้งหมด 6 สาขา คือ สาขาสยามพารากอน สาขาเอ็มควอเทียร์ สาขาเอ็มควอเทียร์ สาขาเดอะมอลล์บางแค สาขาบลูพอร์ต หัวหิน และ สาขาสุดท้าย สาขาที่เรามาในวันนี้ นั่นก็คือ สาขาทองหล่อ ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการเมส ทองหล่อ (Maze Thonglor) ชั้น 1 นั่นเอง อาหารทะเลมากมายหลายชนิด เช่น ปลาแซลมอน ล็อบสเตอร์ สแกลล็อป เป็นต้น ดูความหลากหลายของหอยนางรมสิ มีมากมายถึง 15 ชนิด เลยทีเดียว มีไข่ปลาคาเวียร์ด้วย สำหรับวันนี้ จะเป็นมื้อพิเศษโดยเชฟรับเชิญ อย่าง Chef Collin Stevens เชฟที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารทะเลมากกว่า 20 ปี และเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาแล้วทั่วโลก อาหารทะเลที่เชฟจะปรุงให้ทานกันในวันนี้ ถูกส่งตรงมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมดครับ โดยเริ่มจากสตาร์ทเตอร์ อย่าง Oyster Manhattan ก่อนเลย หอยนางรมที่ใช้ คือ Pickering Passage ข้างบนมีเม็ดสเฟียร์สีส้มอ่อนๆ และ ผิวส้ม คือ เนื้อหอยมีความนุ่มละมุน มีเนื้อสัมผัสของผิวส้ม และ กลิ่นหอมฟุ้งขึ้นจมูก ได้ความรู้สึกเค็มๆจากเกลือ ต่อด้วยสตาร์ทเตอร์จานที่สอง King Crab & Avocado Cannelloni เชฟนำเสนออาหารออกมารูปแบบคล้ายกับพาสต้าคาเนลโลนี่ ที่มีลักษณะเป็นหลอด โดยใช้อโวคาโดแทนเส้นพาสต้า แล้วสอดไส้ด้วยเนื้อปูคิงแครป เนื้อปูสด หวาน ซอสที่คลุกเคล้ามากับเนื้อปูรสชาติดีกลมกล่อม ส่วนครีมสีส้มๆมีความเค็มๆเปรี้ยวๆหน่อยๆ มันๆ มีกลิ่นถั่วนิดๆ พอทานรวมกันทุกอย่าง มันดีอ่ะ มันมีความลงตัวด้วยสัดส่วนขององค์ประกอบต่างๆในจานที่พอดีกัน สำหรับผมจานนี้จัดว่าเด็ดเลยทีเดียว มาจานหลักบ้าง Grilled…

Read More

วันเดียวเท่านั้น กับ การร่วมมือกันรังสรรค์มื้ออาหารสุดพิเศษให้กับคุณ โดยเชฟชื่อดัง จากร้าน Sushi Zo และ ร้าน La Bottega di Luca วันนี้ทาง Kinlakestars.com ได้รับเชิญมาร่วมลิ้มชิมรสอาหาร เทสติ้งมื้อพิเศษ เนื่องจากอาหารในวันนี้ จะถูกสรรสร้าง โดยเชฟ Andrea จากร้านอาหารอิตาเลี่ยน อย่างLa Bottega di Luca ซึ่งเป็นโฮสในวันนี้ และ เชฟ Toshi จากร้านอาหารญี่ปุ่นดีกรีมิชลินสองดาว อย่าง Sushi Zo นั่นเอง ซึ่งวันนี้เชฟได้ทำอาหารทั้งหมด 6 คอร์ส ด้วยกัน โดยจะขายแค่วันที่ 24 กันยายนนี้ เท่านั้น นะครับ ระหว่างรออาหาร ก็ชิมขนมปังไปพลางๆก่อน เรามาเริ่ม ในฝั่งของเชฟ Andrea ก่อนเลย นั่นก็คือ Warm Sashimi in Amalfi Coast เป็นซาซิมิปลาคินเมะไดที่ถูกจัดวางบนหัวไชเท้าฝอย และแครอทฝอย ปลาถูกเผาไฟที่ผิวเล็กน้อย โรยมาด้วยไข่ปลาแซลมอนเล็กน้อย และ ในชามมีน้ำซุปรสชาติกำลังดี  รสอ่อนๆ หอมๆ เหมาะสำหรับการเริ่มต้นของมื้อเป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็จะมีเห็ดให้สัมผัสกรึบๆเวลาเคี้ยวด้วย สลับมาฝั่งเชฟ Toshi กันบ้าง จานนี้คือ I’ll leave it to you เป็นชีสบูราต้าหมักในโชยุ และ สาเก เชฟแบ่งเป็นสี่ฝั่ง แล้วตกแต่งด้วยท๊อปปิ้งต่างๆ ได้แก่ ปลาทูน่า เทมปุระสาหร่าย และ เทมปุระใบชิโสะ คือ ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบชีสบูราต้ามากๆ และ ได้ลองชิมชีสที่ถูกนำไปดัดแปลงแบบนี้อีก มันยิ่งทำให้รู้สึกอยากลิ้มลองไปอีก พอได้ทานชีสมีความหอมของโชยุขึ้นมา และ ได้ทานกับส่วนประกอบต่างๆที่นำมาวางบนชีส แล้วบอกเลยว่า มันดีจริงๆ ชอบๆๆ แต่ละคำ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นสัมผัส หรือ กลิ่นก็ตาม…

Read More

สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำขนมไหว้พระจันทร์รสชาติถูกปากชาวประชาและกล่องสุดเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร ด้วยแนวคิดกระดาษพับโอริกามิแบบญี่ปุ่น อันสะท้อนถึงความเป็นญี่ปุ่นของแบรนด์โรงแรมอย่าง The Okura Prestige Bangkok ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ตามวัฒนธรรมจีน ในคืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ด้วยขนมไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิมแสนอร่อยจาก La Pâtisserie ของโรงแรมโอกุระเพรสทีจ กรุงเทพฯ ในปีนี้กล่องบรรจุขนมที่เรียกว่า Origami Mooncake Box ได้รับแรงบันดาลใจจากแบบพับกระดาษแบบญี่ปุ่น โดย Origami (โอริกามิ) เป็นการรวมคำของ 2 คำคือ “โอริ” แปลว่า “พับ” และ “คามิ” แปลว่า “กระดาษ” จึงแปลรวมกันว่า “การพับกระดาษ” หนึ่งในตำนานที่มาของขนมไหว้พระจันทร์คือ เมื่อประมาณ 600 ปีก่อน สมัยปลายราชวงศ์หยวน เจงกิสข่าน จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งมองโกล ได้เข้ายึดครองแผ่นดินใหญ่และปกครองชาวจีน โดยท่านหลิวปั๋วเวิน ได้คิดวิธีที่จะกู้เอกราชคืน โดยได้คิดค้นขนมที่มีชื่อว่า “ขนมไหว้พระจันทร์” และได้แนบกระดาษข้อความให้คนจีนรวมตัวกันขึ้น ผนึกกำลังต่อสู้กับทหารมองโกล และได้กู้เอกราชคืนมาได้ในที่สุด และในภายหลังชาวจีนได้ยึดถือวันเพ็ญเดือน 8 เป็นวันไหว้พระจันทร์เรื่อยมา เพื่อระลึกถึงวีรชนที่ช่วยกู้ชาติ ขนมไหว้พระจันทร์ 1 กล่องบรรจุขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นใหญ่ 4 ชิ้น โดยมี 4 รสชาติที่แตกต่าง ทุกรสชาติล้วนได้ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยม แป้งบางนุ่ม ไส้เนียน เนื้อแน่น รสชาติเข้มข้นแบบต้นตำรับ เริ่มจาก ไส้คัสตาร์ด ไส้ขนมไหว้พระจันทร์ยอดนิยมเนื้อแน่นหอมไข่ ขอบอกเลยค่ะว่าเนื้อแน่น ริชมากๆค่ะ อารมณ์นิวยอร์กชีสเค้กเลยค่ะ เอาไปแช่ตู้เย็นก่อนกินด้วยนะคะ เลิศค่ะ เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับน้ำชาร้อน ๆ ไส้ชาเขียว ไหนๆก็เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น ชาเขียวก็เป็นเอกลักษณ์และสะท้อนถึงความเป็นญี่ปุ่นค่ะ ขอบอกเลยว่าชิ้นนี้ดิฉันชอบมากค่ะ รสหวานกำลังพอดี หอมกลิ่นชาเขียวผสมกลิ่นมะลิอ่อนๆ ประดุจเอาแม่พลอยมาใส่กิโมโนค่ะ ไส้ทุเรียนไข่เดี่ยว หนึ่งในไส้ยอดนิยมชาวไทย ที่ใครหลายๆคนก็ล้วนเฝ้ารอ ด้วยทั้งรสและกลิ่นอันแสนจะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เนื้อเนียน หอมทุเรียนเข้ากันได้ดีกับไข่แดงเค็มฟองโต เนื้อเหนียวนุ่ม หนึบหนุบ และไส้พุทราจีนไข่เดี่ยว รสนี้ดิฉันก็ชอบมากค่ะ ขอบอกเลยว่าเด็ดที่สุดในความหมายนี้ ด้วยสัมผัสที่นุ่มหนึบ ไม่แน่นไป ไม่ร่วนไป…

Read More

สวัสดีครับ วันนี้ทาง kinlakestars จะพาทุกท่านไปทาน Sunday brunch ที่เต็มไปด้วยความหวานละมุนผสมกับกลิ่นอายของความเป็นผู้ดี ณ ห้องอาหาร Sunday Rose Brunch ที่ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โดยจัดทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.30 – 16.00 น. โดยมี 2 ราคา ให้เป็นทางเลือก 1.ราคา 2,400++  มีอาหาร Soft Drink  และน้ำแร่ 2.ราคา 4,500 บาท++ พิเศษสุดกับ Champagne Louis Roederer Brut Premier NV สุดพรีเมี่ยม พร้อมอาหารสุดหรู และเครื่องดื่มอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำแร่ Soft drink จนกระทั่ง Cocktails *สำหรับเด็กอายุ 6-12 ปีขึ้นไป ราคาเพียง 1200 บาท++ และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับลูกค้าที่มีเครื่องแต่งกายเป็นสีชมพู สามารถอัพเกรดแชมเปญเป็น Louis Roederer Pink Champagne (Rosé Champagne) ทันที หากไม่ได้เตรียมไป ทางร้านมีเข็มกลัดดอกกุหลาบสีชมพูให้ท่านเรียบร้อย ทางห้องอาหาร Sunday Rose Brunch ได้มีการตกแต่งในโทน Black Pink ซึ่งทำให้ดูอบอุ่น สุขุม และแอบซ่อนความหวานไว้ในตัว เหมาะอย่างยิ่งที่จะหาเวลามาทานกับคนรัก เพื่อน หรือแม้กระทั่งครอบครัว Dessert Zone โดยเข้ามาโซนแรก ก็จะเจอกับโซนขนมก่อนเลยโดยทุกอย่างเป็นสีชมพูหมด หวังว่าสาวๆคงจะชอบ  ซึ่งจะมีทั้งขนมไทย และตะวันตกรวมกัน และรสชาติขอบอกได้เลยว่าอร่อยมาก ไม่หวาน ไม่เลี่ยนจนเกินไป ทานแล้วลืมนับแคลลอรี่ได้เลย อาทิเช่น Bread & Butter Pudding, Mango Pudding with Rasberry…

Read More

Bunker  ร้านอาหารแนวโมเดิร์นอเมริกัน โดยมีการผสมผสานความเป็นเอเชียลงไปในอาหารแต่ละจาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารฟิลิปปินส์ เนื่องจากเชฟประจำร้านฯ Chef Arnie Marcella เชฟลูกครึ่งอเมริกันฟิลิปปินส์ โดยหลักๆ อาหารของที่ร้านจะได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความที่เป็นประเทศที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรม ทำให้อาหารของที่นี่ จะมีการผสมผสานของอาหารประเทศต่างๆ Bunker ร้านนั้นตั้งอยู่สุดซอย สาทร ซอย 12 โดยตัวร้านภายนอกถูกออกแบบมาอย่างมีความเป็นเอกลักษณ์ คือ เอาจริงๆ แว๊บแรกแอบคิดว่าเป็นสังกะสี แต่จริงๆแล้ว น่าจะเป็นปูนเปลือย แล้วทำแป็นลายตามแนวยาวขึ้นไป ก็ให้ความรู้สึกมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองดี แต่พอเราได้เดินเข้าไปในร้านกลับทำให้รู้สึกเป็นอีกแบบเลย โดยภายในร้านชั้นล่าง จะเป็นบาร์ สลัวๆหน่อย ผนังยังคงความเป็นปูนเปลือย ในส่วนหน้าบาร์ เป็นเคาน์เตอร์ยาว สามารถนั่งดื่มเครื่องดื่ม พร้อมชมลีลาการผสมเครื่องดื่มของบาร์เทนเดอร์ได้ด้วย รวมไปถึงเราสามารถสั่งอาหารมาทานได้ด้วยเช่นกัน อีกด้านก็จะมีกาแฟด้วย เป็นของ Roots Coffee เราขึ้นมาชั้นสองกัน ในส่วนนี้จะเป็นห้องอาหารเต็มรูปแบบ โดยจะมีในส่วนของครัวแบบเปิด ให้เราได้เห็นเชฟเวลาทำอาหารจานต่างๆ ไปด้วย เรายังคงขึ้นกันต่อไปยังชั้นสาม ในส่วนนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ในส่วนของมุมส่วนตัว และโซนเอ้าดอร์ด้านนอก หลังจากลองดูร้านรอบๆ ขอนั่งพัก แวะจิบอะไรซักหน่อย ด้านล่าง โดยสำหรับค็อกเทลที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย นั่นก็คือ Doctor Fairy (340 THB++) โดยสำหรับแก้วนี้ จะมีกิมมิคเล็กๆ คือ พี่บาร์เทนเดอร์จะฉีดเหล้าลงในแก้ว แล้วจุดไฟ จากนั้นก็ใส่…สีชมพูๆ ตามลงไป ปิดท้ายด้วยผิวเลมอน และ อีกแก้ว Spiced blossom (300 THB++) สำหรับแก้วนี้ จะเป็นการผสมผสานระหว่าง จิน และ เหล้าส้ม และ ท็อปด้วยโฟมไข่ขาวนุ่มๆ มาเริ่มอาหารในวันนี้กัน ด้วย Amuse Bouche เป็นแตงโมหั่นเต๋าเสิร์ฟมาบนช้อนไม้ รสชาติจะออกหวานๆ ของแตงโม มีความอมเปรี้ยวนิดๆ Rosemary Focaccia ขนมโฟกาเซียสูตรพิเศษของทางร้าน คือ บอกเลยว่าดีงามมาก พอกัดขนมปัง กลิ่นหอมของโรสแมรี่มันก็ฟุ้งขึ้นมาเลย เนื้อสัมผัสผิวนอกมันจะกรอบๆหน่อย…

Read More