สวัสดีค่ำคืนยามเย็น หลังจากที่ทำงานมาเหน็ดเหนื่อย วันนี้ทาง Kinlakestars จะพาทุกท่านพบกันประสบการณ์ใหม่ในงาน imbibe x Campari Negroni’s Week ซึ่งอีเว้นท์จัดขึ้นเพื่องานการกุศล มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถนั่นเอง โดยสถานที่จัดอีเว้นท์ในครั้งนี้ นั่นก็คือ โรงแรม Park Hyatt Bangkok ซึ่งเริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 4-10 มิถุนายน 2561 ซึ่งในแต่ละวันจะมีธีที่แตกต่างกันออกไป และในคืนนี้ มีเมนูเครื่องดื่มที่ใช้ส่วนผสมจากแบรนด์ Negroni บวกกับการปรุงแต่งรสชาติและกลิ่นให้ออกมานุ่มละมุน ดื่มแล้วเข้าถึงความเป็นอิตาลี่ไปอย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง campari, review, negroni week, park hyatt, campari, review, negroni week, park hyatt, campari, review, negroni week, park hyatt และมีเมนูให้เลือกมากถึง 3 เมนูที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ซึ่งนั่นก็ได้แก่ Silent Negroni ซึ่งมีความเข้ม กลมกล่อม อร่อย ทานไม่ยาก หอมกลิ่น Lemons เบาๆ ตัวที่สองคือ Mandolino ซึ่งทานง่าย อร่อย สดชื่น และตัวสุดท้ายคือ Negroni รสชาติกลมก่อมเข้มข้น แก้วเดียวรู้เรื่อง ถ้าหากท่านใดสนใจและอยากเข้าร่วมงานการกุศลในครั้งนี้ สามารถติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/events/388126298332998/ campari, review, negroni week, park hyatt โดยมีค่าใช้จ่าย 1000 บาท โดยรายได้ จะนำไปสมทบทุนให้กับ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ KinlakeStars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย…
Author: Kreingkrai
วันนี้เราจะพาทุกท่านมาที่ เดอะ เบเกอรี่ แห่งโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก กัน ซึ่งตั้งอยู่ข้างหน้าโรงแรมฯเลยครับ โดยที่เราสามารถเข้าจากทางด้านหน้า หรือ เดินทะลุผ่านมาจากทางล๊อบบี้ของโรงแรมฯ ก็ได้เช่นกันครับ และพบกับชุดจิบชายามบ่ายชุดใหม่ที่มีหน้าตาที่หรู สวย เก๋ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่สำคัญ วัตถุดิบทำขนมยังเน้นเอาพืชผลออร์แกนิคมาใช้ด้วย ภายในร้านก็ตกแต่งให้ความรู้สึกสบายๆ และตัวร้านเองก็ดูเหมือนจะถูกรายล้อมด้วยต้นไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้นั่งอยู่กลางสวน ผ่อนคลายดีจริงๆ บริเวณตู้ขนม และ บาร์ ขนมน่าทานทั้งนั้นเลยครับ อีกมุมของร้าน นอกจากโซนที่นั่ง ก็จะมีของฝากสำหรับซื้อกลับด้วยครับ อันนี้เป็นขนมซิกเนเจอร์ของทางโรงแรมฯ นั่นก็คือ Palmier หรือ พายผีเสื้อ นั่นเอง มีหลากหลายรสชาติเลยทีเดียว เรามาเข้าเรื่องวันนี้ของเราเลยดีกว่า นั่นก็คือ The Royal Art of Afternoon tea ชุดน้ำชายามบ่าย ที่เสิร์ฟมาบนกระดานหมากรุกอันหรูหรา ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากกิจกรรมที่เป็นที่โปรดปรานของ สมเด็จพระราชปิตุจฉาเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ผู้ทรงเป็นเจ้าของพื้นที่วังคันธวาสอันเป็นสถานที่ตั้งของโรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อกในปัจจุบัน ซึ่งขนมทุกชิ้นถูกรังสรรค์มาอย่างตั้งใจ โดย เชฟเอ๋ (เชฟ อนุพงษ์ นวลฉวี ) Executive Pastry Chef ประจำโรงแรม ดิ แอทธินี แห่งนี้นี่เอง ชุดน้ำชาชุดนี้ จะเสิร์ฟมากับชาพรีเมี่ยมสัญชาติเยอรมัน อย่าง Ronnefeldt โดยมีชาหลากหลายชนิดให้เราได้เลือกเลย โดยสามารถขอลองดมกลิ่นดูก่อนได้ว่าชอบแบบไหน วันนี้ขอเลือกเป็น ” Sweet Kiss ” เป็นชาผลไม้ หอมมากๆ บอกเลย ขนมนานาชนิด ทั้งคาวหวาน ก็ถูกจัดวางมาบนกล่องไม้ ที่นำเสนอออกมาในรูปแบบของตารางหมากรุกนั่นเอง มาดูที่ชุดน้ำชากัน โดยจริงๆ หลักๆของชุดน้ำชานี้ จะมีตัวเด่นๆ อยู่ 3 ตัว ได้แก่ Champagne Beetroot, Caramel Corn และ Organic…
วันนี้ทาง Kinlakestars จะพาทุกท่านไปดื่มด่ำประสบการณ์ดื่มเบียร์ครั้งใหญ่กับอาณาจักรเบียร์ชั้นนำ จากทั่วโลก ในบรรยากาศสุดคูล ชิว สบายและผ่อนคลาย ที่ Beer Republic Bangkok นั่นเอง โดยทางร้านตั้งอยู่ใจกลางเมือง อยู่ทางด้านหน้าของโรงแรม Inter Continental Bangkok สะดวก ต่อการเดินทางเป็นอย่างมาก ด้วยการตกแต่งแบบมีสไตล์ แฝงไปด้วยกลิ่นอายในแบบ Western ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากโรงงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมนั่นเอง จึงทำให้ Beer Republic มีบรรยากาศและกลิ่นอายที่เป็นกันเอง เหมาะแก่การมานั่งดื่มหลังเลิกงาน หรือพาเพื่อนฝูงมา Hang out ก็ดี โดย Highlight จากทางร้านก็คือ การนำเบียร์จากทั่วราชอาณาจักรมาไว้ที่นี่ เพื่อให้ทุกท่านได้ลิ้มลองกันได้อย่างเต็มที่นั่นเอง ซึ่งจะกล่าวก็คือ เบียร์ รีพับบลิค กรุงเทพฯ นี้ มีเบียร์ชั้นนำและตัวท๊อป จากทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 70 ชนิด ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับสุนทรีย์ และกลิ่นอายของความเป็น Western ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มอีกมากมายที่คอยต้อนรับนักดื่มเบียร์ทุกท่านตั้งแต่หน้าใหม่จนกระทั่งฮาร์ทคอ ไม่ว่าจะเป็น เบียร์เพลเอล เบียร์ฟิลส์เนอร์ หรือจะเป็นเบียร์ที่ขึ้นชื่อจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีไว้คอยบริการเช่นกัน หากได้ลิ้มลองเบียร์แบบใด ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของเบียร์จากเรา พร้อมให้คำแนะนำเพื่อเพิ่มอรรถรสในการดื่มที่ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ทางร้านได้เคลมไว้ สิ่งที่เขาไม่เคยมองข้ามนั่นก็คือ คุณภาพอาหารพร้อมทั้งราคาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยรสชาติต้นตำหรับ หรือจะเป็นอาหารรยุโรปขึ้นชื่อ รสชาติยอดเยี่ยมที่มีให้เลือกมากมาย รับประกันได้เลยว่าประทับใจทุกเมนู โดยลูกค้าสามารถเลือกอาหารที่ชื่นชอบ และทางร้านจะบริการเบียร์ที่เหมาะสมสำหรับเมนูอาหารนั้นๆให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับอรรถรสและรสชาติของเบียร์ที่แท้จริง ได้อย่างลงตัว จะว่าไปแล้ว บอกได้เลยว่าบรรยากาศของร้านมีส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ด้วยสถานที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองเหมาะกับ Lifestyle คนเมืองกรุง และสถานที่กว้างขวางเหมาะแก่การมาพบปะสังสรรค์ เฉลิมฉลองดื่มด่ำในโอกาสพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นทางร้านยังมีดนตรีสดจากวงดนตรีที่หลากหลาย พร้อมทั้งอาหารรสชาติดีเลิศ และเบียร์เย็นๆที่เป็นเอกลักษณ์ มีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิดนั่นเอง เราจึงขอสรุปได้เลยว่า ด้วยบรรยากาศและไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสม อาหารที่แสนอร่อย รวมไปถึง เบียร์ที่ให้เลือกมากมาย และยังมี Beer’s specialist ที่คอยให้บริการในการเลือกสรรเบียร์ให้คุณ Beer Republic จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับท่านที่รักและหลงใหลในการดื่มด่ำเบียร์ สนุกสนานไปกับเสียงดนตรีสดเบาๆ และที่สำคัญนั้น เหมาะแก่การมา…
Kinlakestars.com กลับมาอีกครั้ง ที่ เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ (The Reflexions) – ห้องอาหารฝรั่งเศสของโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก โดยวันนี้จะขอแนะนำบุฟเฟ่ต์บรันช์ อย่าง “โซเชียล แซทเทอร์เดย์ บรันช์” (Social Saturday Brunch) กับ อาหารฝรั่งเศสเลิศรสหลากหลายเมนู โดย เชฟร็อกซาน แรงจ์ และทีมงานมากประสบการณ์ โดยสามารถรับประทานได้อย่างไม่อั้น พร้อมเพลิดเพลินไปกับบทเพลงอันไพเราะจากคุณมัชฌิมา หรือคุณคิมิโกะ จากรายการเดอะ วอยซ์ ประเทศไทย ซีซันที่ 5 นักร้องมืออาชีพชาวไทย เคล้าเสียงเปียโนแสนหวานที่บรรเลงโดย มร.ฌ็อง-ฟร็องซัว นักเปียโนชาวฝรั่งเศสมากพรสวรรค์ อาหารฝรั่งเศส สำหรับวันเสาร์ เท่านั้น มาถึง เขาก็มาเสิร์ฟขนมปัง และ แครกเกอร์ต่างๆ ให้ทานเล่นกันก่อน สำหรับบุฟเฟ่ต์ในวันนี้จะเป็นแบบอาลาคาร์ท (A la Carte) คือ เราสามารถเลือกสั่งอาหารต่างๆจากในเมนูได้เลย แต่สำหรับ Saturday Brunch จะมี 2 ราคา ดังนี้ 3,888 บาท++ ต่อท่าน (รวมเครื่องดื่มแบบไม่มีแอลกอฮอล์, น้ำผลไม้ ชา และกาแฟ) 6,588 บาท++ ต่อท่าน (รวมเครื่องดื่มแชมเปญ, ไวน์ และสปิริตระดับพรีเมียม) สำหรับเครื่องดื่มพรีเมี่ยม ที่จะมาเสิร์ฟเราในแบบ Free-flow กันเลยครับ เชฟร็อกซาน แรงจ์ – เชฟสาวไฟแรง ประสบการณ์กว่า 18 ปี ในการทำอาหารในห้องอาหารชั้นนำ และร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายแห่ง ซักพักบริกรก็มาเสิร์ฟแชมเปญ Perrier-Jouet Brut ให้ครับ จริงๆ เราสามารถสั่งเครื่องดื่มตามที่เราต้องการได้เลยนะครับ มาแล้ว Amuse Bouche ของเรา คือ King crab with…
สวัสดีครับวันนี้ทาง Kinlakestars.com ก็ได้มาเทสไวน์กับแก้วที่มีรูปทรงแตกต่างกันไปกับแบรนด์ Lucaris แบรนด์ที่ผลิตแก้วได้อย่างมีอารยธรรม โดยเฉพาะแก้วไวน์ หากคุณหลงใหลในไวน์แล้ว จะทราบดีว่า แก้วไวน์มีความสำคัญต่อการส่งเสริมรสชาติและฟิลลิ่งในการดื่มไวน์ และหากคุณกำลังสนใจในเรื่องของแก้วไวน์ แน่นอนว่าต้องเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ แก้วไวน์ที่มีการดีไซน์ที่สวยงาม แข็งแรง และคุณภาพดี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแก้วไวน์เหล่านั้นมักเป็นแก้วไวน์ประเภท “แก้วไวน์ คริสตัล (Crystal Wine Glass)” และในวันนี้ทาง Kinlakestars ก็ได้มีโอกาสไปเข้าคลอร์ส Wine Testing ที่ทาง Lucaris Thailand เป็นคนจัดขึ้น กับมื้ออาหารสุดพิเศษทั้งหมด 6 courses จากร้านอาหาร Uno Mas วันนี้ทาง Kinlakestars จะพาทุกท่านไปชิมอาหารสเปน กับประสบการณ์ที่ดีเลิศ ทานง่าย รสชาติถูกปากคนไทย อยู่ใจกลางเมือง พร้อมชมวิวสวย มุมสูง บนชั้น 54 ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ชื่อ “UNO MAS” (อูโน มาส) มาจากภาษาสเปน หมายถึง “ขออีกหนึ่ง” โดยได้รับการออกแบบให้สะท้อนความรู้สึกของการเดินทางไปสู่ดินแดนมหัศจรรย์แห่งคาบสมุทรไอบีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และนี่คือแก้วไวน์ที่เราใช้เทสคู่กับไวน์และมื้ออาหารในค่ำคืนนี้ครับ เริ่มจากซ้ายไปขวา ก็จะประกอบด้วย 1. Universal 2. Robust Red 3. Elegant Red 4. Rich White 5. Crisp White และ 6. Sparkling มาเริ่มกัสที่ คอร์สแรกกันเลย นั่นก็คือ Foie Gras Mi-Cuit Smoked eel, Green Apple and Spring Onions ต้องบอกได้เลยว่าฟัวกราส์ที่นี่อร่อย และไม่มันเลี่ยนจนเกินไปเพราะ ทานคู่กับแอปเปิ้ลเขียวที่ให้รสหวานอมเปรี้ยวและหัวหอมที่มีความสดชื่นและหวานปลายนิดๆ ซึ่งให้รสชาติที่ลงตัวเป็นอย่างยิ่ง ตัดกับ Sparkling อย่าง Pitars Cuvee Presting Brut Nv แล้ว…
Chocolate Boutique So much more than chocolate… Chocolate Boutique – ร้านขนมที่ขายขนมต่างๆมากมาย หลากหลายชนิด ภายใต้แบรนด์ของโรงแรม แชงกรี-ล่า กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ชั้นเดียวกันกับล็อบบี้เลยครับ มีขายทั้ง เค้ก คุ๊กกี้ ขนมปัง ครัวซองต์ และอื่นๆอีกมากมาย ให้ได้เลือกซื้อกลับบ้าน หรือ สามารถทานที่โรงแรม พร้อมดื่มด่ำความสวยงามของวิวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกด้วย โดยขนมทั้งหมดที่วางขายตอนนี้ ได้ผ่านการรังสรรค์ใหม่ทั้งหมด จากเชฟชาวเดนมาร์ก อย่าง Chef Claus Olsen หัวหน้าพ่อครัวขนมอบและขนมหวานคนล่าสุดของโรงแรมฯ นั่นเอง ข้างหน้ามีโชว์พีชกาน้ำชาด้วย ทั้งหมดนี่ทำจากน้ำตาลเลยครับ บริเวณนี้ก็มีจำหน่ายของฝากต่างๆด้วยนะครับ ทำจากช็อคโกแลต ไม่ว่าจะเป็น ตุ๊กตุ๊ก ช้าง ลิปสติก เป็นต้น เค้กแนวผู้หญิ้งผู้หญิง ให้เป็นของขวัญวันเกิด หรือ เทศกาลสำคัญต่างๆ ก็สามารถสั่งได้เลยครับ หรือ จะเป็นแบบนี้ก็สามารถสั่งได้ เรามาดูขนมของวันนี้กันดีกว่า จานนี้จะมี Chocolate Croissant (70 บาท) และ Creme brulee Bun (69 บาท) ได้ลองชิมแครมบูเล่บันไป คือ บอกเลยว่า มันดี ตัวแป้งทำได้ดีทีเดียว มันยังมีความกรอบที่ผิวนอกเล็กน้อย เนื้อแป้งเหนียวนุ่ม และ ข้างในสอดไส้ด้วยครีมหอมๆ เบาๆ แบบทะลักๆ ความนุ่มเบา และ ที่สำคัญมีความหวานกำลังพอดี อร่อยเลยครับ สำหรับชิ้นนี้ ถัดมาเป็น Plain Croissant (60 บาท) และ Ham Cheese Croissant (99 บาท) คือ อันนี้ไม่ได้ชิม แต่จากการได้ลองทานแครมบูเล่บันไป คิดว่าน่าจะดี เพราะแป้งที่ใช้น่าจะเป็นตัวเดียวกัน Quiche Lorraine (105 บาท) อันนี้ได้ลองทานแบบคลาสิคไป แป้งมีความกรอบร่วนดี ส่วนไส้…
The Chocolate Boutique So much more than chocolate… The Chocolate ฺBoutique – ร้านขนม ณ ล๊อบบี้ โรงแรมแชงกรี-ล่า กรุงเทพฯ ที่ถูกปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ รวมถึงเมนูขนมหวาน และ ขนมอบ ต่างๆ ก็ถูกเปลี่ยนใหม่หมด โดยเมนูทั้งหมดถูกคิดและรังสรรค์โดย เชฟ เคลาส์ โอลเซน เอ็กเซคคูทีฟ เพสตรี้เชฟ ที่มีประสบการณ์การทำงานด้านขนมหวานมาแล้วรอบโลก รวมไปถึงโรงแรม 5 ดาวชื่อดังในกรุงเทพฯ วันนี้เริ่มด้วยการทำช็อคโกแลตทรัฟเฟิล โดยเชฟเคลาส์ ได้ลงมาประกบสอนกันตัวต่อตัวเลยทีเดียว เหล่าช็อคโกแลตที่ถูกสอดไส้กานาชไว้ข้างใน พร้อมสำหรับคลุกกับ ช็อคโกแลต และ ผงโกโก้ ออกมาแล้ว สำหรับช็อคโกแลตทรัฟเฟิล ต่อมา ก็มาตกแต่งคัพเค้กกันต่อ โดยวันนี้จะแต่งคัพเค้กในแนวของเทศกาลตรุษจีน ซึ่งมีทั้ง ส้ม ทองก้อน ประทัด มาเต็มไปหมด เชฟธัน ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านงานปั้นน้ำตาล และเคยตกแต่งเค้กแต่งงานให้กับโรงแรมห้าดาวระดับตำนานมาแล้ว ซึ่งวันนี้เธอจะมาช่วยสอนในการปั้นน้ำตาล และ ตกแต่งเค้กด้วย น้ำตาลที่ใช้เป็นฟองดอง ลักษณะจะคล้ายดินน้ำมัน โดยเราสามารถปั้นเป็นรูปร่างต่างๆ ตามที่เราต้องการได้เลย นอกจากนี้ เราก็สามารถใช้พิมพ์ซิลิโคน เป็นแบบได้เช่นกัน โดยอัดเจ้าฟองดองลงไป แล้วแกะออกมา ก็จะได้รูปร่างตามพิมพ์ที่เราต้องการนั่นเอง โฉมหน้าของเหล่าน้ำตาลของเราที่ใช้ตกแต่งคัพเค้ก พอปั้นเสร็จ ก็ทำการนำมาวางบนแผ่นฟองดองกลมๆ คัพเค้กของเราพร้อมแล้ว ก็นำน้ำตาลมาวางด้านบนได้เลย เสร็จแล้ว ‘คัพเค้กสำหรับตรุษจีน’ สวยงามมากๆ บรรยากาศการทำขนมอย่างสนุกสนานของพี่ๆน้องๆสื่อมวลชน ทีนี้สำหรับใครที่มองหาของขวัญสำหรับวาเลนไทน์ก็ดี หรือ ตรุษจีน ทางโรงแรมก็มีขายเป็นเซ็ตคัพเค้กด้วย 6 ถ้วย ราคา 699 บาท ถูกจัดเรียงอยู่ในกล่องทรงยาวอย่างสวยงาม ต้องขอบอกก่อนว่าในรูปตัวครีมอาจจะดูละลายๆ เป็นเพราะทางโรงแรมฯ เอามาตั้งโชว์ไว้ด้านนอก เลยทำให้ตัวครีมมันยุบตัวนะครับ แต่ถ้าสั่งของจริง จะสวยงามเหมือนที่ทำวันนี้แน่นอน โคมแดงก็มา มาพร้อมกับตัวหนังสือ 福 ซึ่งมีความหมายเป็นมงคล ที่ว่า “มีวาสนาดี” นอกจากนี้ก็มีซิ่วท้อ…
จะให้ดอกไม้ใคร ก่อนให้คุณรู้ไหมว่าดอกไม้แต่ละดอกนั้นมีความหมายที่ต่างกันออกไป ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเรามาดูความหมายของแต่ละดอกกัน ก่อนจะให้ จะได้สื่อถึงความหมายของดอกนั้นๆด้วย ไม่เพียงแค่ความสวยงาม เพราะผู้รับอาจตกใจและเป็นการสื่อความหมายที่คลาดเคลื่อนไปกันได้ เรามาเริ่มต้นกันด้วยดอกไม้ยอดฮิตกันเลยดีกว่า นั้นก็คือ กุหลาบ กุหลาบ สำหรับกุหลาบนั้นนับว่าเป็นราชินีแห่งกุหลาบ ถูกหยิบยกมาเป็นดอกไม้ยอดนิยมที่นำมามอบให้กัน ทว่ากุหลาบนั้นมีหลายสีมากทีเดียว แล้วแต่ละสีก็มีความหมายที่ต่างกันออกไป แล้วมันต่างกันอย่างไรบ้างก็ไปดูกันเลย กุหลาบสีแดง ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบ สีแดงอ่อน หรือสีแดงสด บ่งบอกถึงการตกหลุมรักหรือแอบปลื้มใครซักคน เป็นสื่อแทนใจเพื่อจะบอกให้รู้ว่ามีคนกำลังแอบปลื้มอยู่ ส่วนดอกกุหลาบสีแดงเข้ม ถ้ามีใครให้ดอกกุหลาบสีแดง รู้ไว้เลยนะ ว่าเค้าคนนั้นมีความรักที่สุดแสนจะลึกซึ้ง มั่นคง และแน่นปึ๊ก เรียกได้ว่าความรักนั้น ไม่มีวันจืดจางไปจากหัวใจ ดังนั้นหากได้รับดอกกุหลาบสีแดงสด เตรียมยิ้มแก้มปริได้ เพราะมันสื่อความหมายว่าผู้ให้น่ะ “รักคุณ” เข้าแล้ว และไม่ใช่รักเล่นๆ รักขำๆ หากแต่เป็นรักแท้อันจริงจังอีกต่างหาก กุหลาบสีขาว เป็นสีแห่งความรักที่ใสสะอาด บริสุทธิ์น่าทนุถนอมโดยไม่คิด เลยว่าความรักที่มอบให้ไปนั้น จะได้ความรักตอบกลับมาหรือเปล่านับตั้งแต่อดีต ผู้คนมักใช้ดอกกุหลาบสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ และการแต่งงาน นั่นเพราะกุหลาบสีขาวแฝงนัยยะหลายอย่างเอาไว้ ทั้งความรักที่บริสุทธิ์ ความรักที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ความยินดี การให้เกียรติ ความนับถือซึ่งกันและกัน รวมถึงเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่จะช่วยเตือนใจว่า คู่บ่าวสาวจะมีเพียงรักเดียว ไปจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต กุหลาบสีชมพู เป็นความโรแมนติกที่แสดงถึงความรักที่หวานซึ้งที่ผู้ให้มีต่อผู้รับ แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจ เพราะว่ามันไม่ได้เป็นความรักที่ลึกซึ้งแค่เป็นเพียงรักหรือความชอบระยะเริ่มต้น ดั่งดอกไม้พึ่งเริ่มผลิบานนั้นเอง กุหลาบสีชมพู ถูกยกให้เป็นภาพตัวแทนของความงดงาม น่ารักและอ่อนหวาน ความหมายของดอกกุหลาบสีชมพู จึงเปรียบได้กับความรักที่อ่อนหวาน นุ่มนวล ราวกับบทกวี ที่บรรจงเรียงร้อยถ้อยคำอย่างสละสลวย ทว่าสีชมพูนั้นมีหลากหลาย ทั้งอ่อนและแก่ ซึ่งก็มีความหมายลึกซึ้งต่างกันไปอีก กุหลาบสีชมพูเข้ม ถือเป็นตัวแทนของคำขอบคุณ ถ้าสาวๆ จะซื้อดอกกุหลาบสีชมพูเข้มสักช่อ ไว้ตอบแทนน้ำใจไมตรี และความรัก ที่คนรู้ใจของคุณมอบให้เสมอมา ก็โรแมนติกไม่หยอกเลยเน๊อะ กุหลาบสีชมพูอ่อน เป็นตัวแทนความสุภาพ ชื่นชม และเข้าอกเข้าใจกัน กุหลาบสีชมพูอ่อน จึงมักนำมามอบให้ เพื่อแสดงถึงการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แต่ถ้าหนุ่มคนไหน แอบย่อง เอาดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนมาให้คุณในวันวาเลนไทน์นี้ล่ะก็ อาจแปลความได้ว่า เขาชื่นชมและชื่นชอบในตัวคุณ กุหลาบสีเหลือง เป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพ และยังสื่อถึงความห่วงใยของผู้ให้ด้วย หลายคนเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่ใช้สำหรับเยี่ยมคนป่วย แต่จริงๆแล้วก็สามารถให้กับเพื่อนๆ เนื่องในโอกาสพิเศษได้เช่นกัน ชาวยุโรปในอดีตมีความเชื่อว่า สีเหลืองเป็นสีที่บ่งบอกถึงแสงสว่าง ความรุ่งโรจน์ เฉกเช่นดวงอาทิตย์ที่มีพลัง…
Brasserie Cordonnier – ร้านอาหารฝรั่งเศสแนวบิสโตร ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่างซ่อมรองเท้า ซึ่งก็มีความหมายตรงกับชื่อร้าน คำว่า “Cordonnier” ร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 11 หาได้ไม่ยาก ถ้าเข้ามาจากปากซอย 11 ตรงเข้ามาจนสุดซอยแล้วเลี้ยวซ้าย ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือนั่นเอง ภายในร้านตกแต่งแนวย้อนยุคนิดๆ อารมณ์ประมาณปี 1930 โต๊ะถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ มีให้เลือกนั่ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบาร์ หรือ มุมสบายๆ อย่างมุมตรงข้าม ซึ่งมีโซฟาหนังสีเข้ม ทอดยาวจนสุดร้าน ที่ผนังก็ประดับไปด้วยรูปมากมาย รวมไปถึงสิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ อุปกรณ์ของช่างซ่อมรองเท้า ซึ่งถือว่าเป็นคอนเซ็ปท์ของร้านเขาเลยทีเดียว ชมร้านไปพอสมควรแล้ว เรามาเริ่มกันที่เครื่องดื่มก่อนแล้วกัน เป็นค็อกเทล ซึ่งบาร์เทนเดอร์ ได้แนะนำสองแก้วนี้มาให้ครับ แก้วแรก With Love from Monet (350++ บาท) แก้วนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากจิตรกรฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง นั่นก็คือ Claude Monet ทำให้แก้วนี้จะมีกิมมิคเล็กๆ ตรงที่จะมีพู่กันมาให้ ใช้ทาเจลมะนาวลงบนขอบแก้ว เพื่อเพิ่มความเปรี้ยวลงไป ให้กับค็อกเทลแก้วนี้นั่นเอง ส่วนในขวดสแตนเลสเป็น ค็อกเทลที่ผสมมาแล้ว อาทิเช่น สก๊อตวิสกี้ สวีท เวอร์มุท คัมพารี่ เป็นต้น เทลงบนน้ำแข็งก้อนลูกบาศก์ ตกแต่งด้วยก้านไธม์ แก้วนี้จะอาจจะค่อนข้างแรงนิดหนึ่งครับ ต่อมาเป็น Moulin Sour (390++ บาท) แก้วนี้ก็มีเรื่องราวเช่นกัน คือ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโรงละครคาบาเร่ที่โด่งดังในกรุงปารีส นั่นก็คือ Moulin Rouge สำหรับแก้วนี้ จะใช้ไข่ขาว ผสมกับ น้ำมะนาว ทำให้เกิดฟอง แต่งกลิ่นวานิลาซักเล็กน้อย จากนั้นเพิ่มสีสันให้สมกับชื่อโรงละครสีแดง ด้วยพอร์ตไวน์ และทีเด็ดที่ไม่เหมือนใครของแก้วนี้คือ เขาจะหยอดน้ำมันทรัฟเฟิล ปิดท้าย และวางดอกกล้วยไม้ แทนกังหันของโรงละครฯ แก้วนี้จะออกเปรี้ยวๆหวานๆ ได้ความนุ่มๆของฟองไข่ขาวด้านบน มีกลิ่นของทรัฟเฟิลอ่อนๆ Chef Clement Hernandez – เชฟหนุ่มไฟแรงสัญชาติฝรั่งเศส เคยทำงานในร้านอาหารมิชลินมาแล้วหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านมิชลินดาวเดียว จน ถึง 3…
วันนี้มาถึงเร็ว ก็ขอมานั่งชิลริมแม่น้ำเจ้าพระยาซักหน่อย พร้อมจิบซิกเนเจอร์ค็อกเทลของที่นี่ อย่าง River Breeze (350++ บาท) ยังไม่ได้ชิม กลิ่นหอมของเสาวรสก็โชยมาเลยครับ รสชาติเข้มข้น เปรี้ยวหวาน ทำให้รู้สึกสดชื่นดี แก้วนี้รู้สึกถึงแอลกอฮอล์อ่อนๆ หรือ แทบจะไม่รู้สึกเท่าไร แต่ด้วยรสชาติแล้ว โอเคมากๆ ถือว่า เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีทีเดียว ถึงเวลาแล้ว เราก็เดินมาที่ห้องอาหาร Next 2 Café กันเลย ขอลองเข้าไปเดินดูไลน์บุฟเฟ่ต์ก่อนแล้วกัน รู้สึกว่ามันเยอะมากๆจริงๆ ด้วยความหลากหลาย และ วัตถุดิบแต่ละอย่างที่ใช้ ก็ต้องบอกว่าคุณภาพจริงๆ เขาไม่ได้มาเล่นๆจริงๆ จัดเต็มสุดๆ กับ บุฟเฟ่ต์ทุกเย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ท่านละ 2,200 บาท เน็ต บรรยากาศข้างในก็ดูสบายๆ Salads ในส่วนของไลน์บุฟเฟ่ต์ ก็จะมีทั้งสลัดในแบบที่ให้เรามาใส่ผักเองตามใจชอบ กับ แบบที่เค้าปรุงมาให้เรียบร้อยแล้ว ในส่วนนี้เราก็สามารถใส่ผักตามชอบได้เลยครับ มีเดรสซิ่ง และ ท๊อปปิ้งสำหรับสลัดมากมายเลยครับ ในส่วนของสลัดที่เตรียมมาแล้วก็อยู่ข้างๆกัน Phuket Lobster Salad เราขอเริ่มด้วยจานที่ดูสะดุดตาที่สุดก่อนแล้วกัน เสิร์ฟล็อบสเตอร์มาเป็นตัวเลย Tuna nicoise with bacon crisps, potatoes, tomatoes, quail eggs and roasted capsicum Seared Angus beef, prawns, asparagus ,arugula and mustard dressing Smoked Duck with Grilled Pineapple สำหรับจานนี้ชื่ออาจจะผิดพลาดเล็กน้อย คือ ไม่มีสับปะรดนะครับ จะเป็นส้มแทน Grilled Baby octopus, chorizo, black olive, aubergine, roasted bell peppers and sherry vinaigrette…