พูดถึง ‘สเปน’ ก็คงต้องนึกถึง วัวกระทิง และ ชื่อร้านอาหารที่เราจะพามาในวันนี้ ก็เป็นชื่อของวัวกระทิงตัวหนึ่งระดับตำนาน คือ ISLERO เดินเข้ามาในร้าน ทางขวาจะมี เคาน์เตอร์บาร์ และ โต๊ะไม้ยาวๆ สำหรับนั่งดื่ม คุยกันได้ แต่ที่สะดุดตา คือ วัวกระทิงสีแดงที่ผนัง เดินเข้ามาอีกนิด มีชั้นเก็บไวน์ และ มีมุมส่วนตัวเล็กๆ ให้นั่งดื่มได้เช่นกัน และยังคงมีภาพวัวกระทิงเช่นเคย กำลังทักทายมาทางนี้ นอกจากนี้เรายังสามารถเดินออกไปด้านนอกออกไปสูดอากาศข้างนอกได้เช่นกัน นั่งจิบไวน์ ดูบรรยากาศข้างนอกได้ เรากลับมาที่ฝั่งซ้ายกันบ้าง ก็เป็นโต๊ะอาหาร นั่งสบายๆ เรียงรายให้เลือกนั่งกันได้ตามอัธยาศัย เชฟคนล่าสุด แห่ง ISLERO นั่นก็คือ Chef Emiliano Alvarellos (Head Chef) และ แฟนสาว Chef Ilianna Karagkiozi (Pastry Chef) เชฟ Emiliano เองก็เคยผ่านการทำงานในร้านอาหารมิชลินสตาร์หลายแห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ คือ el Bulli ร้านอาหารในสเปน ที่ได้รับดาวจากมิชลิน ถึงสามดาว กันเลยทีเดียว มาถึงก็ได้รับสิ่งนี้ นั่นก็คือ Welcome Drink คือ ดีมากๆเลย ต้องบอกแบบนี้เลย เจ้าแก้วนี้มีชื่อว่า GIN FIZZ คือ ให้ความรู้สึกแปลกใหม่มากๆ คือ เวลาดื่มจะได้ความรู้สึกอุ่นๆ จากโฟมไข่ขาวนุ่มๆ หวานๆ ข้างบน พร้อมกับความเย็นจากส่วนผสมข้างล่าง คาดว่าน่าจะเป็น Margarita หรือ Gin Tonic ซึ่งยังมีความเป็นเกล็ดน้ำแข็ง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เข้ากันมากๆ เรามาเริ่มกันที่ Amuse Bouche กันก่อนเลยแล้วกัน มีทั้งหมด 3 อย่าง คือ… ไข่ปลาคาเวียร์ – เจลลี่เลมอน ซุปผักเสิร์ฟแบบเย็นสไตล์สเปน หรือ Gazpacho…
Author: Kreingkrai
วันนี้ Kinlakestars.com ได้มาถึง ห้องอาหาร ซิน เทียน ตี้ รงแรม คราวน์ พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินี พาร์ค เพื่อนำเสนอ Buffet all you can eat Dim sum ซึ่งเชฟ Lam Kok Weng ผู้ที่เคยคว้าชัยชนะ จาก เวทีเชฟกระทะเหล็กมาแล้ว เชฟได้ประจำอยู่ที่ห้องอาหาร Xin Tian Di แห่งนี้นี่เอง เข้ามาถึงก็จะพบกับสิ่งนี้ ตั้งตระหง่านอยู่ คล้ายๆ โหลที่ไว้เก็บใบชา เข้ามาข้างในอีกนิด ก็จะพบกับโต๊ะที่ตั้งเรียงรายอยู่เต็มห้องอาหาร ซึ่งทุกโต๊ะก็สามารถมองทะลุผ่านหน้าต่างบานยาว เห็นวิวภายนอกจากชั้น 22 ได้อย่างชัดเจน หรือ ท่านใดต้องการความเป็นส่วนตัว ทางห้องอาหารก็มีแบบเป็นห้อง ไว้รับรองเช่นกันนะครับ สำหรับบุฟเฟ่ต์ในวันนี้ จะเป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ มื้อกลางวัน ซึ่งมีให้บริการ ตั้งแต่ วันจันทร์ ถึง วันอาทิตย์กันเลย เพียงแต่ว่า วันเสาร์ และ วันอาทิตย์ นั้นจะเพิ่ม ซุปพิเศษ มา นั่นก็คือ ซุปน้ำแดง เป่าฮื้อไต้หวันเส้น เนื้อปู และ เห็ดเข็มทอง ส่วนวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ จะเป็นซุปประจำวัน วนกันไป ซึ่งวันนี้มีซุปเสฉวน พอมาถึงเขาก็จะเริ่มเสิร์ฟซุปก่อนเลย ชามนี้ เป็นซุปเสฉวน มีรสชาติเค็ม และ มีรสเปรี้ยวอ่อนๆ ตามมา ข้างในซุปก็จะมี เห็ดหอม เต้าหู้ เห็ดหูหนู เป็นต้น ต่อมา จะเป็นซุปน้ำแดง เป่าฮื้อไต้หวันเส้น เนื้อปู และ เห็ดเข็มทอง ซึ่งจะเสิร์ฟเฉพาะ วันเสาร์ และ วันอาทิตย์ เท่านั้น ตัวซุปมีความใส แต่มีความข้นอยู่เล็กน้อย ข้างใน…
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก แล้ว วันนี้เลยอยากนำเสนอสูตร ขนม ที่ทำได้ไม่ยาก กันที่บ้านนะครับ Valentine Rice Crispy Treats Valentine Rice Crispy Treats – ตัวนี้ไม่ต้องใช้เตาอบเลยครับ อุปกรณ์ไม่ยุ่ง เพียงแค่มีหม้อ หรือ ไมโครเวฟก็ใช้ได้แล้วครับ จริงๆแล้ว ส่วนผสมหลักๆ ของขนมชนิดนี้ ก็คือ ข้าวพอง มาร์ชเมลโลว์ เนย ส่วน ถั่ว ผลไม้แห้ง สี และ กลิ่น นั้น เราก็สามารถใส่ตามที่เราชอบได้เลย แต่ควรใช้สัดส่วนตามสูตรนี้ คือ ถ้าเพิ่มอะไรอย่างหนึ่ง ก็ควรลดอีกอย่างหนึ่ง ในปริมาณที่เท่ากัน Valentine Rice Crispy Treats Marshmallow 180 g Butter 40 g Puffed Rice 60 g Cashewnut 15 g Dried Cranberry 12 g Dried Strawberry 12 g Dried Apricot 10 g Rose Flavour Colouring Pecan (ใช้แต่งข้างหน้าเท่านั้น) พิมพ์ของเราวันนี้ เริ่มจาก เตรียมทุกอย่าง ยกเว้น เนย มาร์ชเมลโลว์ สี และ กลิ่น…
ร่วมฉลองกับเทศกาลแห่งความรักที่แท้จริง ด้วยชุดชายามบ่ายแสนหวานชุดนี้ รักคือการให้ เงินส่วนหนึ่งจากชุดชานี้จะไปบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก อีกไม่กี่วัน เทศกาลวันวาเลนไทน์ก็จะมาถึงแล้ว วันนี้ Kinlakestars ขอนำเสนอกิจกรรมดีๆ ชุดน้ำชาดีๆ จากโรงแรม Okura Prestige Bangkok ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีสำคัญปีหนึ่งของโรงแรมฯ เนื่องจากปีนี้โรงแรมฯ กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ซึ่งจะครบรอบในเดือนพฤษภาคมนี้ ทางโรงแรมเลยจัดโปรเจคที่มีชื่อว่า Five Years of Success Five months of Sharings ซึ่งจะเป็น 5 กิจกรรมทีช่วยเหลือสังคม ซึ่งเดือนที่ผ่านมา ทางโรงแรมได้ไปสร้างสนามเด็กเล่นพัฒนาสมอง ที่โรงเรียนวัดซับเสือแมบ จ.ลพบุรี ซึ่งสำหรับเดือนนี้ เดือนแห่งความรัก โรงแรมก็ต้องการให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมครั้งนี้ด้วย เลยทำชุดน้ำชาชุดพิเศษ อย่าง Hearts & Roses Afternoon tea set (1,190 THB++) ซึ่งทางโรงแรมฯ จะนำเงินส่วนหนึ่งไปบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก อีกด้วย ซึ่งสามารถลิ้มลองกันได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลยนะคับ สำหรับเดือนกุมภาพันธ์นี้ บรรยากาศบริเวณเล้าจ์ มีที่นั่งติดขอบกระจกด้วย มองเห็นวิวชัดแจ๋ว สามารถนั่งจิบเครื่องดื่ม และ ทานของว่างยามบ่ายท่ามกลางวิวจากตึกสูง ชั้น 24 ซึ่งมองเห็นตึกต่างๆ ที่รายล้อมอยู่ทั่วกรุงเทพฯ สามารถจิบน้ำชายามบ่าย พร้อมกับชมวิวชิวๆ กันได้นะครับ มาถึง เขาก็จะให้เราเลือกเครื่องดื่มกันก่อน มีให้เลือกทั้ง ชา และ กาแฟ ซึ่งที่นี่ใช้ชาแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม จากฝรั่งเศส อย่าง Marriage Frères กันเลยทีเดียว เป็นชาที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งก็มีให้เลือกกันหลายตัว ส่วนกาแฟ ก็จะใช้ของแบรนด์ illy ที่สำคัญในหนึ่งเซต สามารถเลือกเครื่องดื่มได้ 2 อย่างไปเลย ไม่ว่า ชา หรือ กาแฟ คุ้มมากๆเลยครับ วันนี้ขอเลือก เป็นชา Blanc & Rose และ Marco…
มาเรียนรู้การทำอาหารอิตาเลียนแท้ๆ จากเชฟลูก้าผู้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเซี่ยงไฮ้กันเถอะ กับสูตการทำ ราวิโอลี่ ตั้งแต่แป้ง ไส้ และซอส อย่างละเอียด วันนี้ Kinlakestars ไม่ได้มารีวิวกันที่ห้องอาหาร La Tavola แห่งโรงแรม Renaissance Bangkok แต่ทางโรงแรมฯ ได้เชิญพวกเรามาทำอาหารอิตาเลี่ยนต้นฉบับแท้ๆ จาก Chef Luca เชฟใหญ่ แห่งโรงแรม Ritz Carlton Shanghai กันเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เชฟได้นำเสนอจานนี้เลย Homemade Spinach Ricotta Cappellacci (Ravioli) and Arabbiata sauce ใจกลางห้องอาหาร La Tavola ได้ถูกเปลี่ยนเป็น Cooking Station ย่อมๆ กันเลยทีเดียว ส่วนผสมได้ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อย ของพร้อม คนพร้อม เริ่มทำกันเลยดีกว่า มาดูสูตรของแป้งราวิโอลี่ และ ตัวไส้กัน ซึ่งวันนี้ตัวไส้ เชฟได้ทำไส้ไว้ให้พวกเราแล้ว เรามาเริ่มจากแป้งก่อนแล้วกัน ซึ่งเราสามารถผสมทุกอย่างลงได้ทีเดียวเลย อาจจะเริ่มจากปลายนิ้วผสมๆ กัน พอเริ่มเข้ากัน ก็นวดได้เลย แป้ง Semolina เป็นคือแป้งสาลีชนิดหยาบ ที่ได้จากข้าวสาลี Durum ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายทราย สีออกเหลืองนวลๆ นิยมใช้ทำแป้งพาสต้า นวดๆ ไปเรื่อยจนแป้งไม่ติดกับอ่างผสม ก็เอาลงมานวดบนโต๊ะอีกซักเล็กน้อย ซึ่งจริงๆแล้ว ถ้าใครมีเครื่องตีแป้งก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ซึ่งก็จะช่วยประหยัดแรง และ เวลา อีกด้วย จากนนั้น ก็นำแป้งมารีดด้วยเครื่องรีดแป้ง ได้แป้งออกมาเป็นแผ่นบางเฉียบ ดูง่ายๆ แบบนี้ ต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควรเลยทีเดียวนะครับ อันนี้เป็นไส้ชีสริคอตต้า กับ ผักโขม ซึ่งเชฟได้ผสมมาให้ และ บรรจุในถุงบีบเรียบร้อย (สามารถดูสูตรได้ข้างบนเลยนะครับ) แผ่นแป้งของเรามาแล้ว ก็ลงมือจัดเลย บีบไส้ลงไป เว้นระยะห่างให้พอดี มีทริคเล็กๆ คือ เอาห่วงตัดของเรามากดเบาๆ ให้เป็นรอย เพื่อจะได้กะปริมาณ และ ระยะห่างได้ครับ ก็บีบไปจนเต็ม…
อิ่มพุงกาง ราคาเริ่มต้นที่ 688++ กับติ่มซำรสดีและหลากหลายเมนูกว่า 39 รายการ พร้อมโปร มา 3 จ่าย 2 พิเศษสุดๆจาก KTC เหลือเพียงท่านละ 458++ CHINA TABLE – ห้องอาหารจีน แห่งโรงแรมเรดิสันบลู พลาซ่า ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่ 3 ของโรงแรมฯ ภายในห้องอาหารก็จะถูกตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เช่น โต๊ะสี่เหลี่ยม หรือ ลวดลายผนังที่ดูร่วมสมัย นั่นเอง มีบริการเป็นห้องส่วนตัวด้วยเช่นกันนะครับ Chef Bruce Hui – เชฟประจำห้องอาหาร China Table ห้องอาหารนี้ จะเปิดบริการ 2 ช่วง คือ 11.30 – 14.30 สำหรับบุฟเฟ่ต์ และ A la carte และอีกช่วงเวลาหนึ่ง คือ 18.30 – 22.30 ซึ่งจะมี A la carte อย่างเดียว วันนี้ทีม Kinlakestars ก็จะลิ้มลองติ่มซำมื้อกลางวันกัน ซึ่งมีเมนูให้เลือกมากมาย มากกว่า 30 รายการ ซึ่งแน่นอนถึงจะเป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ แต่เขาไม่ได้แค่ติ่มซำอย่างเดียว จากในภาพเป็นแค่อาหารส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ มาถึงเขาก็จะให้เลือกซุปคนละ 1 ถ้วย จากเมนู 3 อย่าง ได้แก่ ซุปข้าวโพดเนื้อปู ซุปเสฉวนเจ และ ซุปเกี๊ยวน้ำเยื่อไผ่ ทานซุปเสร็จแล้ว ก็มาต่อกันที่ของนึ่งเลยแล้วกัน เริ่มด้วยของนึ่งแบบดั้งเดิมๆ กันก่อนเลยแล้วกัน นั่นก็คือ ‘ ขนมจีบกุ้ง ‘ ไส้จะเป็นหมูผสมกับกุ้ง คือ ต้องบอกว่า กุ้งดีมาก แน่น เด้ง รสชาติกลมกล่อมเลยทีเดียว ห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวบาง โรยด้วยไข่กุ้งข้างบน…
Ciao Ciao!! สวัสดีครับทุกคน วันนี้ Kinlakestars.com จะพาทุกคนมาลิ้มลองอาหารอิตาเลียนแท้ๆ จากโรงแรมชื่อดังระดับตำนาน อย่าง โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ลนั่นเอง ที่ห้องอาหาร Ciao Terrazza ใครที่เคยมาแล้วก็ต้องมาใหม่เพราะเปลี่ยนเชฟแล้ว ริมเจ้าพระยา สายน้ำแห่งชีวิต ความงามที่ถักทอผ่านการเวลามาสู่ตำนานที่มีชีวิต และ Ciao ห้องอาหารอิตาเลียนชั้นเลิศที่ตั้งอยู่บนโรงแรมระดับตำนานอย่าง Mandarin Oriental โรงแรมที่ใครก็ต่างยอมรับถึงคุณภาพ ที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 140 ปี บรรยากาศชิลๆ นั่งทานอาหารอิตาเลียน ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา มองเรือที่สัญจรไปมา โดยร้านอาหารจะเปิดช่วงเย็นๆ อากาศก็จะไม่ร้อนเท่าไร รับลมเย็น ชมแสงไฟริมฝั่งแม่น้ำฯ ได้เช่นกัน มองเห็นฝั่งศาลาริมน้ำด้วย ท่านใดอยู่ฝั่งธนฯ ก็สามารถจอดรถ ที่ฝั่งศาลาริมน้ำ แล้วนั่งเรือของโรงแรมโอเรียนเต็ลข้ามมาได้เลยเช่นกัน ขึ้นมาก็จะพบกับห้องอาหาร Ciao เลย . เข้ามาบริเวณข้างใน ก็จะพบกับส่วนของบาร์ . เตาอบพิซซ่า วันนี้เราได้โต๊ะใหญ่ มุมข้างในเลยครับ มีการตกแต่งด้วยเซรามิกสีสันสวยงามที่ขอบโต๊ะด้วย เริ่มด้วยเครื่องดื่มกันเลยครับ เริ่มจากที่ Ciao Spritz แล้วกันครับ รสชาติเบาๆ ดื่มง่าย ได้รสชาติของ Prosecco ค่อนข้างชัด เวลาดื่มรู้สึกสดชื่นดี แก้วต่อมา Ciao Negroni Vemilglio และแก้วสุดท้าย Lemon Drop ค๊อกเทลทั้งหมดในวันนี้ และเริ่มต้นมื้ออาหารกันด้วยขนมปัง ซึ่ง Ciao มีขนมปังมาให้กินกันก่อนเข้ามื้ออาหารที่หลากหลายชนิด และ วันนี้เชฟเสิร์ฟ คล้ายๆ Amuse Bouche ของฝรั่งเศส มา 2 อย่าง คือ ทาร์ตตับบด (แป้งทาร์ตมีความกรอบร่วน ส่วนตัวตับดีมาก เนียนนุ่มละลายในปาก ไม่คาว ทานง่าย) และ ซุปผัก เสิร์ฟแบบเย็นๆ ( เนื้อสัมผัสที่ละมุน เบาๆ มีกลิ่นของผักอ่อนๆ) เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี จากแรก เป็น…
Executive Chef คนใหม่ แห่งโรงแรมเชราตันแกรนด์ สุขุมวิท ‘Chef Gaetano Palumbo’ วันนี้ทางโรงแรมเชราตันแกรนด์ สุขุมวิท ได้เชิญสื่อต่างๆ ทีม Kinlakestars เพื่อแนะนำ Executive Chef คนใหม่ ของทางโรงแรมด้วย นั่นก็คือ Chef Gaetano Palumbo ซึ่งจริงๆ แล้วเราอาจจะคุ้นเคยกับเชฟท่านนี้ เพราะ เชฟเคยเป็น Chef de Cuisine อยู่ที่รอสสินีส์มาก่อน และ เราเคยได้เจอกับเขาแล้ว ในการมาเยือนของเชฟมิชลินครั้งที่ผ่านมา ที่ห้องอาหาร Rossini’s ครั้งนี้ทางโรงแรมนัดกับเราที่ BarSu บาร์ของโรงแรมฯ ซึ่งตั้งอยู่ ชั้น G บรรยากาศชิวๆ สบายๆ พอถึงได้ซักพัก เชฟเกตาโน่ ก็ออกมาแนะนำตัว และ เสิร์ฟอาหารเรียกน้ำย่อย ด้วยเจ้า Skewer ซึ่งถูกวางบนถ่านที่ร้อนระอุ เป็นเนื้อไก่ และ เนื้อกุ้ง ถูกมาด้วยซอสสูตรพิเศษ เนื้อมีความนุ่มกำลังดี ทานกับ น้ำจิ้มซีฟู๊ด หรือ มะนาว หลังจากนั้น คุณโรเบิร์ต ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม ก็นำพวกเราไปสู่ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ นั่นก็คือ Dine in the Dark (DID) ทุกคนเตรียมพร้อมเข้าไปข้างในห้องมืดแล้ว แต่ก่อนอื่นต้องสวมผ้ากันเปื้อน และ ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด รวมถึง เก็บสิ่งที่เรืองแสง หรือ สิ่งที่ให้แสงสว่างขณะอยู่ในที่มืดได้ เช่น นาฬิกาข้อมือด้วย พอทุกคนพร้อมแล้ว เขาก็ให้เราเกาะไหล่คนข้างหน้า แล้วเดินตามเข้าไปในห้องมืด ผ่านม่านเข้าไปทีละคนๆ พร้อมได้ยินเสียงพนักงานบอกหมายเลขของเราว่าเป็นคนที่เท่าไร ขณะนี้เราได้เข้ามาได้ห้องที่มืดสนิท รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ขณะที่มือก็ยังคงเกาะคนข้างหน้า และ เดินตามกันไปเป็นขบวน มีความรู้สึกบรรยากาศที่คุ้นเคย สมัยมหาวิทยาลัย ใช่แล้ว บรรยากาศการรับน้องนั่นเอง ทีนี้เราได้เข้ามาถึงจุดที่พวกเขาจัดไว้ให้เราแล้ว เขาก็ให้เรายืนเรียงกัน จากนั้นพนักงานก็ค่อยๆ ส่งอาหารให้กับมือของผม ให้ลองชิมดู ซึ่งสัมผัสแรกที่รับมา…
สำหรับเดือนธันวาคมนี้ ก็ทำให้เรานึกถึง เทศกาลวันคริสต์มาส หรือ วันแห่งการฉลองวันประสูติของพระเยซู ศาสดาของชาวคริสต์ทั่วโลก นั่นเอง ซึ่งในวันแห่งการเฉลิมฉลองครั้งนี้ ก็ต้องคู่กับอาหาร หรือ ขนมต่างๆ ที่มีพิเศษเฉพาะวันคริสต์มาส เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Fruit cake, Bûche de Noël หรือ เค้กขอนไม้, Panettone, Christmas Pudding, Galette des Rois หรือ King Cake ของชาวฝรั่งเศส หรือ แม้กระทั่ง Stollen ซึ่งเป็นขนมปังหวานของชาวเยอรมัน ซึ่งถือกำเนิดมายาวนาน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 แต่เจ้า Stollen สมัยนั้น จะมีความแตกต่างกับสโตเลนสมัยนี้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากสมัยก่อนนั้น สโตเลนถูกทำขึ้นด้วยวัตถุดิบง่ายๆ อย่าง แป้งสาลี ยีสต์ น้ำ และ น้ำมัน เท่านั้น ต่อมาได้มีคนไปเรียกร้องกับสมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 5 เพื่อขอใช้เนย แทนน้ำมันพืช ในการทำขนม ต้องบอกก่อนว่าสมัยนั้น เขามีการสั่งห้าม ไม่ให้ใช้เนย ซึ่งเวลาผ่านไป จนถึงสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนส์ ที่ 8 ก็ได้ทำการส่งจดหมายไปยังเมื่อง Dresden ให้สามารถใช้ เนย ในการทำขนมได้ แต่ต้องแลกกับการส่งทองมา เพื่อสร้างโบสถ์ 500 ปี ผ่านไป เจ้าสโตเลน นี้มีรสชาติที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยจะใช้เนยคุณภาพดี รวมไปถึง เครื่องเทศ และ ผลไม้ต่างๆ ที่ใส่เข้าไปในสโตเลน วันนี้เลยขอนำเสนอการทำ Stollen กัน พอดีที่บ้านไม่มียีสต์ ติดบ้านไว้เลย ก็เลยลองหาสูตรที่ไม่ได้ใส่ยีสต์แล้วกันนะครับ มาดูวัตถุดิบกันเลยดีกว่า Stollen Dark Rum 100 ml. Orange Peel …
Below Eleven ไอศกรีมพรีเมี่ยม ที่คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน โดยเชฟชาวฝรั่งเศสเจ้าของแบรนด์ อย่าง เชฟ แอร์เว่ มูลี่ ผู้ที่เคยคว้ารางวัลจาก การแข่งขัน ” Alain Chartier Torphy” ในงานเทศกาลช๊อคโกแลตที่เมืองวานน์ ประเทศฝรั่งเศส Chef Hervé Mouly เชฟฝรั่งเศส เจ้าของแบรนด์ไอศกรีม Below Eleven ได้เล่าถึงความเป็นไปเป็นมาว่า เขาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยมา ตั้งแต่เขาอายุ 25 ปี ตอนนี้เขามีลูกสาว 2 คน เขาบอกว่า เขาไม่สามารถหาไอศกรีมที่ดีให้ลูกเขาไม่ได้ เนื่องจากไอศกรีมตามท้องตลาด รสชาติหวานไป ไม่ก็รสชาติไม่เข้มข้น ไม่ก็รู้สึกว่าครีมน้อยเกินไปไม่เข้มข้น หรือ อย่างซอร์เบท์ก็ใส่ผลไม้ไม่มากพอ ดังนั้นเชฟเลยเริ่มทำไอศกรีมวานิลาให้กับลูกสาวของเขาที่บ้าน ไอศกรีมของเขาจะใช้นมแบบ Full Cream เนื่องจากความหอมของนมอยู่ในส่วนของไขมันที่อยู่ในนม หลายครั้งที่บ้านมีปาร์ตี้ เชฟก็จะทำไอศกรีมเสมอๆ จนมีครั้งหนึ่ง มี Food Ambassador ได้ลองชิมไอศกรีมของเขา และได้ถามเชฟว่า รสชาติแบบนี้ ทำไมถึงไม่เปิดร้าน นี่ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของ Below Eleven แล้วทำไมต้องชื่อ Below Eleven เชฟบอกว่า โดยทั่วไป ของแช่แข็งต่างๆ รวมไปถึงไอศกรีม อุณหภูมิที่ควรเก็บจะอยู่ประมาณ -18 องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิสำหรับไอศกรีมที่เหมาะแก่การทาน ไม่ควรสูงกว่า -11 องศาเซลเซียส ดังนั้น นี่ก็เลยเป็นเหตุผล และ ความเป็นมาของชื่อแบรนด์ Below Eleven นี้นั่นเอง บรรจุภัณฑ์ของ Below Eleven จะเป็นพลาสติกใส เนื่องจากเป็นความต้องการของเชฟฯ ที่ว่า อยากให้ลูกค้าได้เห็นว่าข้างในไอศกรีมนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ไอศครีมวานิลาของ Below Eleven ได้กลิ่นวานิลาอันหอมหวล จากเมล็ดวานิลาสายพันธุ์ตาฮีติ ซึ่งเป็นกลิ่นของสายพันธุ์นี้จะเหมาะกับขนมหวานประเภทเย็นๆ อย่างไอศกรีม และรสวานิลา ก็ถือว่าเป็นรสซิกเนเจอร์ของ Below Eleven เลย อันนี้เชฟกรีดฝักวานิลา และ ปาดเมล็ดออกมาให้ดูกัน ต่อมาเป็นรสช๊อคโกแลต…