เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ปีนี้ทางโรงแรม The Okura Prestige Bangkok ก็มีทำขนมไหว้พระจันทร์มาให้จับจองด้วยเช่นกัน โดยคัดเลือกรสชาติยอดฮิตขึ้นมา 4 รสด้วยกัน ได้แก่ ไส้ชาเขียว ไส้คัสตาร์ด ไส้ทุเรียนไข่เดี่ยว และ ไส้พุทราไข่เดี่ยว กล่องสีเข้ม น้ำตาลผิวเงางามกับลวดลายใบแปะก๊วย ที่แสดงออกและบ่งบอก ให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น มาเริ่มกันที่ไส้ยอดฮิตเลย นั่นก็คือ ไส้คัสตาร์ด ต้องบอกก่อนว่าเป็นคนที่ชอบ ไส้คัสตาร์ด อยู่แล้ว และของเขาก็ทำได้ดีเลยทีเดียว ด้วยความที่แป้งบาง และ ตัวไส้มีเนื้อเนียนนุ่ม พอทานแล้วรู้สึกว่าตัวแป้ง กับไส้จะกลมกลืนเข้าด้วยกันเป็นอย่างดี ตัวไส้จะมีกลิ่นหอมๆของไข่อ่อนๆ ส่วนรสชาติคิดว่าก็กำลังดี ไม่หวานไป ต่อมาตัวที่สอง ถือว่าเด็ดไม่แพ้ตัวแรกเลย นั่นก็คือ ไส้พุทราไข่เดี่ยว ถือว่าเป็นอีกไส้ที่ดีเลย เนื่องจากรสชาติ และ เนื้อสัมผัสของไส้ ทำได้ดีมาก เนื้อที่เนียนละเอียด และรสชาติหวานของพุทราจีน ซึ่งมีเอกลักษณ์ ตรงที่มีความอมเปรี้ยวเล็ก เวลาทาน และได้ไข่เค็มมาตัดกับความหวานของตัวพุทราเป็นอะไรที่ต้องบอกว่าลงตัวมากๆ สำหรับไส้นี้ ถ้าใครเป็นคนที่ชอบพุทราจีน บอกเลยว่า ห้ามพลาดจริงๆ ตัวถัดมาเป็น ไส้ทุเรียนไข่เดี่ยว สำหรับไส้นี้ ก็รู้สึกว่ารักษามาตรฐานของขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียน ได้ดี และตัวสุดท้าย คือ ไส้ชาเขียว ตัวเนื้อสัมผัสคล้ายตัวคัสตาร์ด แต่แอบรู้สึกผิดหวังเล็กๆตรงที่มีกลิ่นคล้ายๆ มะลิมากลบกลิ่นของชาเขียวไป ซึ่งส่วนตัว คิดว่า ถ้าทำให้รสชาติของชาเขียวเด่นขึ้นมาโดดๆ น่าจะสามารถเอาใจเหล่าสาวกชาเขียวได้เลย เพราะด้วยตัวเนื้อสัมผัสของไส้ที่ดีอยู่แล้ว “โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าเป็นขนมไหว้พระจันทร์ของ The Okura Prestige เป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่ดี จากหนึ่งในโรงแรมที่ทำขนมไหว้พระจันทร์ในกรุงเทพฯ ด้วยความที่แป้งบาง และ ไส้ที่เนียนนุ่มลื่นคอ” โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ทุกชิ้นจะประทับลายใบแปะก๊วย หรือใบ Ginko ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ บรรจุในกล่องกระดาษสีน้ำตาลดีไซน์เป็นพิเศษฉลุลายใบแปะก๊วย โดยใน 1 กล่องมีขนมไหว้พระจันทร์จัดเป็นชุดจำนวน 8…
Author: Kreingkrai
เนื่องจากเดือนสิงหาคมของทุกปี จะมีวันสำคัญวันหนึ่ง ที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือ ‘ วันแม่ ‘ นั่นเอง วันนี้เลยอยากลองใช้ ดอกมะลิ มาทำขนมกัน ว่าแต่จะทำขนมอะไรดี คิดไปคิดมา สำหรับประเทศที่ร้อนมากๆ แบบนี้ เลยคิดว่ามาทำไอศกรีม กันดีกว่า ซึ่งวันนี้เราไม่ได้มาแค่ไอศกรีมอย่างเดียว เราจะมาเพิ่มเนื้อสัมผัสเวลาทานให้กับไอศกรีม นั่นก็คือ ครัมเบิล ซึ่งจะมาช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสที่กรอบ และมีกลิ่นหอมของเนย ℜℜ มาเริ่มกันที่ Jasmine Vanilla Ice cream กันเลย ℜℜ Cream 300 g Milk 375 g Sugar 50 g Trimoline 30 g Vanilla bean 1/3 pod Dried Jasmine 5 g Milk Powder 15 g Egg yolk 90 g เริ่มจากนำ ครีม นม น้ำตาล วานิลา ดอกมะลิแห้ง Trimoline** ไปใส่หม้อ แล้วต้มจนเดือด จากนั้นนำฟิล์มพลาสติกมาปิด เพื่อดึงกลิ่นของมะลิ และวานิลาออกมา พักไว้ซักครึ่งชั่วโมง จากนั้นนำมาต้มอีกครั้งโดยใส่นมผงลงไปด้วย แล้วต้มจนเดือด ระหว่างตีไข่แดงให้ฟูเล็กน้อย พอส่วนผสมนมเดือด ก็ทยอยเทใส่ลงในไข่แดง พร้อมกับใช้ตะกร้อมือตีไปด้วย จากนั้น เทส่วนผสม ของไอศกรีม กลับลงไปในหม้อ แล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อน จนข้นขึ้น ให้อุณหภูมิถึง 83 -84 °C นำฟิล์มปิดแนบกับตัวครีม เพื่อไม่ให้เกิดชั้นที่ผิวข้างบน พักในตู้เย็นให้เย็นสนิท จากนั้นนำมาปั่นในเครื่องทำไอศกรีม จนเนื้อไอศกรีมข้นขึ้น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ อันนี้ สังเกตว่าตัวเนื้อไอศกรีมของเราจะมีเนื้อเป็นครีมมากขึ้น **Trimoline คือ Invert…
ห้องอาหารซุยเซียน ห้องอาหารจีนแห่งโรงแรมแลนมาร์ค กรุงเทพ ตั้งอยู่ ชั้น 10 ของโรงแรมฯ เดินทางสะดวก สามารถเดินจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีนานา เพียง 50 – 60 เมตร เท่านั้น มาดูบรรยากาศในห้องอาหารกันนะครับ มีให้บริการแบบห้องส่วนตัวด้วย อาหารที่ทางโรงแรมเตรียมสำหรับบุฟเฟ่ต์ กว่า 20 อย่าง ทั้ง ติ่มซำ ของทอด ซุป และอื่นๆ อีกมากมาย เริ่มจากพระเอกของห้องอาหารนี้เลย นั่นคือ หมูกรอบ นั่นเอง ซึ่งทางห้องอาหารจะเสิร์ฟเพียงแค่วันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้น หมูกรอบของที่นี่ ใช้วิธีการอบ เนื้อหมูนุ่มกำลังดี มีมันแทรกเล็กน้อย ไม่เลี่ยน หนังบางกรอบ จิ้มกับซีอิ๊วดำเฉพาะของทางห้องอาหาร เข้ากันมากๆ เป็นจานที่คิดว่ามาถึงที่นี่ พลาดไม่ได้เลยจริงๆ เหมือนที่บอกว่า ถ้าไม่ได้กิน เหมือนมาไม่ถึง ‘ซุยเซียน’ ก็ว่าได้ ต่อมาเป็นอีกจานที่ทางโรงแรมบอกว่าพลาดไม่ได้อีกหนึ่งจาน คือ กุ้งทอดครีมสลัด พอได้ทาน ก็รู้สึกไม่ผิดกับที่เขาบอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะ ตัวกุ้งมีความสด แล้วนำไปทอด และคลุกกับน้ำสลัดไม่มาก ไม่น้อยไป ซึ่งทำให้ได้รสชาติที่กำลังดี นอกจากสองจานที่เป็น ซิกเนเจอร์ ของทางห้องอาหารแล้ว ก็ยังมีติ่มซำให้เราเลือกทานอีกมากมาย เรามาเริ่มกับติ่มซำแบบดั้งเดิมกันก่อนแล้วกันนะคับ พูดถึงติ่มซำก็นึกถึง ‘ขนมจีบ’ ขนมจีบกุ้ง ใช้แป้งเกี๊ยวหยก ห่อไส้ที่อัดแน่นด้วยกุ้งขาว เเชบ้วย ข้างใน ขนมจีบหมู ต่อมาเป็น ซาลาเปา มีให้เลือกกัน 2 ไส้ คือ ไส้หมูแดง และ ไส้ครีม ไส้หมูแดง – ตัวไส้รสชาติเข้มข้น เค็มๆหวานๆ กำลังดี มีหมูแดงเป็นชิ้นๆ อยู่ข้างใน ไส้ครีม – ตัวแป้งนุ่ม ไส้ครีมรสชาติดี หอม แต่จะหวานไปเล็กน้อย มาที่ ก๋วยเตี๋ยวหลอด มี 2 ไส้ เช่นกัน…
บางครั้งเรามีครัวซอง หรือ ขนมปัง ที่ทานไม่หมด แล้วใกล้หมดอายุ แทนที่เราจะปล่อยให้มันหมดอายุไป วันนี้ Kinlakestars หาสูตรขนมง่ายๆ มาเสนอ ซึ่งช่วยแปลงขนมใกล้หมดอายุของคุณ ให้เป็นขนมใหม่ที่น่าทานมากขึ้น ด้วย “Croissant Pudding” นั่นเอง ซึ่งจริงๆแล้ว ปกติเขาจะใช้ขนมปังกัน หรือเรียกกันว่า Bread Pudding แต่วันนี้ผมจะลองใช้ครัวซองที่ผมมีอยู่มาทำพุดดิ้งแทนครับ ” Croissant Pudding เป็นขนมที่ทำได้ง่ายๆ ไม่เสียเวลา ใช้ส่วนผสมที่หาได้ง่าย ที่สำคัญตอนออกจากเตาใหม่ เป็นอะไรอร่อยมาก โดยเฉพาะเวลาที่ทาน เราจะได้ความกรอบของครัวซองที่อยู่ด้านบนๆ กับ คัสตาร์ตที่นุ่ม และ หอม ข้างล่าง ทานคู่กับไอศครีม เป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆเลย ” ส่วนผสม ครัวซอง 3 – 4 ชิ้น ไข่แดง 75 กรัม ครีม 300 กรัม นม 75 กรัม วานิลา 1/2 ฝัก น้ำตาล 50 กรัม ผงอบเชย สำหรับโรยตอนอบเสร็จ เริ่มจากการนำครัวซองมาหั่นเป็นชิ้นๆก่อน จากนั้นนำไปอบให้แห้งซักเล็กน้อย เพื่อเวลาเราเทส่วนผสมของครีมลงไป จะได้ดูดครีมเข้าไปได้เต็มที่ พอแห้งแล้วจัดเรียงครัวซองใส่ภาชนะที่ต้องการได้เลยครับ นำ นม ครีม น้ำตาล ไปใส่ในหม้อ จากนั้นขูดเมล็ดวานิลา ใส่ลงไปต้มด้วย ต้มให้เกือบเดือด ตีไข่แดงให้ฟูนิดหนึ่ง…
ขนมหวานที่ผสานความเป็นไทยและเยอรมันอย่างลงตัว อร่อย งดงาม โดย Executive Chef of Shangri-la Bangkok, Marc Cibrowius วันนี้ทางทีม Kinlakestars ได้มีโอกาสมาร่วมชมการจัดจานของ Executive Chef คนล่าสุด ของโรงแรมแชงกรีลา กรุงเทพฯ นั่นก็คือ เชฟมาร์ค หรือ Marc Cibrowius คนนี้นี่เอง ซึ่งเป็นชาวเยอรมัน เชฟได้ทำงานกับทางเครือฯแชงกรีลา มาหลายปี ทำงานกับโรงแรมในเครือฯ หลายประเทศด้วยกัน อาทิเช่น จีน อินโดนีเซีย ฯลฯ รู้จักเชฟกันแล้ว ทีนี้มารู้จักกับขนมของเชฟมาร์คกันดีกว่า ! ส่วนประกอบของขนมต่างๆ เชฟได้เตรียมมาไว้หมดแล้ว เนื่องจากบางอย่างต้องใช้เวลาในการทำค่อนข้างนาน ตัวนี้เป็นมูสช็อกโกแลต ซึ่งทำมาจากช็อกโกแลต Valrhona Manjari (64% Cacao) ซึ่งเชฟตั้งใจว่าต้องเป็นช็อกโกแลตตัวนี้เท่านั้น เนื่องจากช็อกโกแลตตัวนี้ให้รสแฝงของผลไม้ในกลุ่มส้ม ซึ่งส่วนประกอบของขนมอื่นๆ จะสามารถสนับสนุนและมีรสชาติไปในทิศทางเดียวกันด้วย พอลองตัดดูข้างใน เชฟมีสอดไส้ด้วยเจลลี่มะม่วง เนื้อเค้กช็อกโกแลต และมีบางอย่างกรอบๆข้างใน ซึ่งเชฟน่าจะต้องการสร้างเนื้อสัมผัสข้างในให้มีหลากหลายในส่วนประกอบนี้ มาเริ่มประกอบขนมกันเลยดีกว่า ซึ่งเริ่มจากส่วนฐาน ซึ่งเชฟใช้เป็น Baumkuchen หรือ เค้กขอนไม้ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นวงๆ คล้ายวงปี แต่ครั้งนี้เชฟปรับให้เป็นแนวตรง การทำเค้กชนิดนี้ใช้เเพื่อเหมาะกับการจัดจานหวานของเชฟ จากนั้นเชฟก็ใช้แปรงทาเกลสบางๆ ลงบน Baumkuchen เพื่อให้ตัวขนมเงาขึ้นมา จากนั้นก็วางมูสช็อกโกแลต และ เจลลี่มะม่วง ลงบน Baumkuchen และวาง Macaron สีชมพู ลงบนเจลลี่มะม่วง เชฟบอกอีกด้วยว่าต้องการให้ขนมดูเด่น จึงเลือกสีนี้ ต่อมาเชฟก็ผสมเนื้อมะม่วงหั่นเต๋า กับ เสาวรส เข้าด้วยกัน คล้ายๆ Salsa แล้วตักไว้ข้างๆ เชฟบอกว่า เป็นตัวแทนของความเป็นไทย รวมไปถึง Lemongrass Sorbet ที่จะวางบนช๊อคโกแลตมูสด้วย วาง Lemongrass Sorbet ที่เคลือบด้วยช๊อคโกแลต และสุดท้ายตกแต่งด้วย…
เพลิดเพลินไปกับ เบียร์และติ่มซำ เหมือนดั่งชาวเยอรมันตัวใหญ่หัวทองใส่ชุดจีนแล้วมารำพัด ความแตกต่างที่ฟังดูแปลกแต่ลงตัว สวัสดี หนีห่าวทุกๆท่าน วันนี้ Kinlakestars.com จะขอพาทุกท่านไปพบกับการจับคู่ที่ฟังดูแปลกแต่ลงตัวอย่างเลิศ ครั้งนี้พิเศษสำหรับคอเบียร์ และ ติ่มซำจริงๆ เพราะ Beervana คราฟท์เบียร์ชื่อดัง และ ลกหว่าฮิน ห้องอาหารแห่งโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยาม สแควร์ ได้จับมือกัน จัดบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ และ เบียร์ ขึ้นมา ซึ่งจะจัดในเสนอราคาที่ ท่านละ 1,800 บาท (NET) ครับ ซึ่งเบียร์ที่นำมาดื่มคู่กับติ่มซำ ก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ซึ่งทางคุณ Brian Bartusch (Official Beer Geek and General Manager) ได้คัดสรรคราฟท์เบียร์มา 4 ตัวด้วยกัน คือ Dead Guy Ale, Hazelnut Brown Ale, Chainbreaker White IPA และ Coffee Milk Stout (จากขวามาซ้าย) นอกจากเบียร์แล้วคุณ Brian ยังนำ Pineapple Cider มาให้ดื่มอีกด้วย ตัวนี้จะเป็น Welcome Drink คือ ‘ACE’ Pineapple Cider (ABV 5.0%) ‘Deschutes’ Chainbreaker White IPA (ABV 5.6%) – Delightful Refreshimg Crisp ‘ROGUE’ Dead Guy Ale (ABV 6.5%) – Full bodied Mildly Bitter ‘ROGUE’ Hazelnut…
ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าทุเรียนพอดี เลยลองจับทุเรียนมาทำขนมฝรั่งดีกว่า วันนี้ กินแหลกแจกดาว – KinlakeStars.com เลยมานำเสนอเมนูจากทุเรียนแล้วกัน ซึ่งทุเรียนที่จะนำมาใช้ในวันนี้ คือ ทุเรียนหมอนทอง นะครับ ขนมที่จะทำในวันนี้ มีส่วนประกอบหลักๆ 3 อย่าง คือ ส่วนฐาน Sable Breton จะอารมณ์คล้ายๆคุกกี้ที่มีเนื้อค่อนข้างร่วนนิดหน่อย โดยปกติจะใช้เป็นน้ำตาลทรายขาว แต่ครั้งนี้จะขอลองเปลี่ยนเป็นน้ำตาลทรายแดงแทน เพื่อให้ได้กลิ่นของน้ำตาลทราบแดงอ่อนๆ ส่วนที่ 2 จะเป็นครีมวานิลา ซึ่งเบสของตัวครีมนี้จะเป็น Pastry Cream ผสมกับวิปครีม หรือเค้าเรียกกันว่า “Crème Diplomat” และส่วนสุดท้ายที่จะขาดไปไม่ได้ของขนมชิ้นนี้เลย คือ ทุเรียนหมอนทองของเรา นั่นเอง Brown sugar Sable Breton Brown sugar 125 g Butter,unsalted 83 g Egg yolk 75 g Vanilla 1 Tsp All Pupose flour 185 g Baking powder 10 g Salt 1 pinch วอร์มเตาที่ 180 องศาเซลเซียส เริ่มจากการนำเนยออกมาพักไว้ที่อุณหภูมิห้องให้นิ่มก่อน จากนั้นนำแป้ง ผงฟู และ เกลือ มาร่อนรวมกัน แล้วพักเอาไว้ พอเนยของเรานิ่มแล้ว ก็นำมาตีกับน้ำตาลทรายแดงจนฟู ค่อยๆใส่ ส่วนผสมของไข่แดง และ วานิลา ตีจนเข้ากัน จากนั้นใส่ส่วนผสมของแป้ง ลงไป แล้วตะล่อมจนเข้ากัน นำโดว์ไปพักในตู้เย็น พอโดว์ของเราพักได้ที่แล้ว นำออกมารีดให้ความหนาประมาณ 1 ซม. จากนั้นนำเข้าอบ 12 – 15 นาที พักขนมซักพักหนึ่ง…
สวัสดีครับ ครั้งนี้ทางเครือโรงแรมแมริออท ได้เชิญทีมงาน Kinlakestars มาร่วมกิจกรรมกับทางโรงแรมฯ ที่ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้บอกได้เลยว่าพิเศษสุดๆ เนื่องจากทางโรงแรมฯ ได้เชิญ Executive Chef ถึง 18 คน จากโรงแรมในเครือฯทั่วเอเชีย มาร่วมกิจกรรมเวิร์คช๊อปทำอาหารกับบล็อกเกอร์ ภายใต้คอนเซป “Childhood memory Story” โดยที่เริ่มแรกเชฟ Toine Hoeksel ซึ่งเป็นเชฟใหญ่ที่ดูแลอาหารของโรงแรมในเครือฯ ทั่วเอเชียแปซิฟิก ได้พูดเกริ่นนำถึงกิจกรรมครั้งนี้ จากนั้นก็อธิบายถึงกฎ กติกา ของกิจกรรมต่างๆ แล้วทำการสุ่มจับคู่ เชฟ กับ บล็อกเกอร์ ซึ่งครั้งนี้เราได้จับคู่กับ Executive Chef ถึง 3 คน ได้แก่ Chef Dietmar Spritzer จากโรงแรมแมริออท ภูเก็ต , Chef Phatsakorn Tatiyaphak หรือ เชฟโตโต้ จากโรงแรมแมริออท ระยอง และ Chef Ninh Cong Dan จากโรงแรมเรเนซองส์ ไซ่ง่อน ซึ่งแต่ละคนมืออาชีพมากๆ หลังจากทำความรู้จักกับเชฟ เราก็คุยกันว่าจะทำอาหารอะไรดี 3 จาน ในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง สรุปเราตกลงกันว่าเราจะทำ ต้มยำกุ้งแม่น้ำ สปาเกตตี้กุ้งแม่น้ำผัดพริกเกลือ และ ยำทะเล จากนั้นเชฟก็พาเราลงไปที่ครัวอิตาเลียน La Tavola แห่งโรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ เชฟแต่ละคนต่างช่วยกันเตรียมของกันใหญ่เลย โดยเชฟเริ่มจากเตรียมเครื่องต้มยำ เตรียมน้ำยำ ก่อน หลังจากนั้นก็หันมาเตรียมกุ้ง เนื่องจากทีมเรา ใช้กุ้งเป็นวัตถุดิบหลักของทุกจานเลยค่อนข้างประหยัดเวลาเลยทีเดียว พอเตรียมกุ้งเสร็จ ก็นำเครื่องต้มยำมาต้ม แต่เชฟยังไม่ปรุงรสอะไร หลังจากต้มได้ที่ จึงยกลงจากเตา โดยเชฟปรุงน้ำปลา และ น้ำมะนาว ด้วยอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ระหว่างที่เชฟโตโต้กำลังทำน้ำต้มยำ…
โวลติ ริสโตรานเต แอนด์ บาร์ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ พร้อมเสิร์ฟอาหารอิตาเลียนและแพ็กเกจเครื่องดื่มไม่จำกัดให้ กับแขกอย่างน้อย 10 ท่าน อิ่มเอมในมื้อค่ำ ด้วยแพ็กเกจ “อะเพริทิโว่ อิตาเลียโน่” แพ็กเกจ 1 ชั่วโมงราคาท่านละ 988++บาท และแพ็กเกจ 2 ชั่วโมง ราคาท่านละ 1,688++ บาท สังสรรค์ในบรรยากาศรื่นรมย์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มไม่จำกัดทั้ง น้ำอัดลม ไวน์ขาวและไวน์แดง พร้อมอิ่มเอมกับอาหารอิตาเลียนที่เชฟลูก้า คาสินี คัดสรรมาเป็นพิเศษ อาทิ แซนด์วิชแฮมอบน้ำผึ้งกับเนยแข็งอิตาเลียน ขนมปังฟอคคาเซียกับถั่วพิสตาชิโอ มินิพิซซ่ามาร์เกอร์ริต้า มะกอกสอดไส้หมูกับเนยแข็ง ริซอตโต้ทอดซอสเนื้อบด เนื้อสดสไลด์เสิร์ฟกับผักร็อกเก็ตและซอสบัลซามิก สลัดมะเขือเทศและโหระพากับขนมปังปิ้ง ฯลฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองโต๊ะได้ที่ ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 0 2236 9952 หรือ 0 2236 7777 หรือ อีเมล [email protected] Kin Promo & Event KinlakeStars A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B…
วันนี้ Kinlakestars.com ชวนมาผ่อนคลายกันริมแม่น้ำเจ้าพระยา นั่งทานขนม ทานของว่าง ในกรงนกสีทองสวยสว่าง แปลกตา จิบชา และเครื่องดื่มดีๆ ชมวิว ฟังเพลงจากพินบรรเลงสด เพราะๆ ที่โรงแรม แชงกรี-ลา กรุงเทพฯ บริเวณ ล็อบบี้ของโรงแรม (Lobby Lounge) ที่มีเพดานอันสูงโปร่ง บรรยากาศชิวๆ กำแพงกระจกทั้งแผ่นที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ติดขอบริมแม่น้ำเจ้าพระยา มองเห็นวิวโดยรอบ เรือสัญจรไปมา ยิ่งช่วงเย็นๆแสงพระอาทิตย์สีส้มใกล้ตกดิน แสงไฟจากเรือ ช่างสวยงามจริงๆ บรรยกาศสุนทรีย์แห่งการจิบชายามบ่ายริมแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมเสียงบรรเลงพินสดและของว่างในกรงทองกับชาชั้นเลิศ นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย ไปกับเสียงพิณ และเสียงร้องอันไพเราะ มีเอกลักษณ์ของคุณหวาง ทุกวันอังคาร ถึง วันเสาร์ เวลา16.00 – 18.00 น. เซต Afternoon tea สุดอลังการ ที่ถูกจัดวางบนกรงทอง ตามคอนเซป “Golden Birdcage” ในส่วนของ Afternoon tea เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00 – 18.00 น. และนอกจากขนม และ ของว่างต่างๆ ที่ถูกจัดมาให้แล้ว ทางโรงแรมยังมี Mocktail สุดพิเศษให้ด้วย ซึ่งม๊อกเทลแก้วนี้ไม่ธรรมดาเลย เพราะได้รับรางวัล Dilmah Real High Tea Challenge มาด้วย ‘Blue Paradise’…