Chef : Gerard Villaret Horcajo : 08 2022 Story : Nathanai C. / Photo : Pol.Capt. Kittin A นับเป็นการจิบน้ำชาซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Sustainability Concept ที่ทางโรงแรมมุ่งมั่นที่จะช่วยอนุรักษ์โลกและรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสอดรับกับการที่โรงแรมสินธร เคมปินสกี้กรุงเทพฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED และสะท้อนถึงสัญลักษณ์ของโรงแรม บรรยากาศ การจิบน้ำชา ภายใต้โถง ล็อบบี้โรงแรมอันสง่านี้ เรียกว่าเสริมบรรยากาศความสดชื่นและความสดใสภายใต้ความหรูหรามีระดับ ว่าแล้วเราลองไปดูกันเลยครับว่าภายใต้ชุดน้ำชาที่แสนอลังการนี้มีอะไรให้รับประทานบ้าง เริ่มจากแก้วแรกเป็นการ เติมความสดชื่น หลังจากที่ เดินทางมาถึงด้วย กรานิต้าเมล่อนผสมน้ำมะพร้าว Korat Melon and Coconut Granita ความสดชื่นจากเกล็ดน้ำแข็ง ที่ถูกเสิร์ฟภายในลูกมะพร้าวให้กลิ่นหอมหวานสดชื่น ก่อนที่จะได้ไปเพลิดเพลินกับอาหารทั้งเซ็ตคาวและหวานครับ เสิร์ฟมาเคียงกับชุดเซ็ทสโคนไม่ว่าจะเป็นแบบเพลนปกติหรือแบบสโคนลูกเกด เนื้อสโคนนุ่มหอม ไม่ร่วนจนเกินไป เรียกว่าเมื่อกัดไปพอคำก็จะได้กลิ่นหอมของตัวเนื้อสโคนเข้ามาอยู่ในปาก เสิร์ฟมาพร้อมกับแยมสตรอเบอรี่ ค็อตเตทครีมชีส และเลมอนเคิร์ด ซึ่งทำให้สโคนดูมีมิติและรับประทานได้อย่างเพลิดเพลิน เริ่มต้นด้วย เซ็ตของคาวกันครับ งานดีได้มีโอกาสรับประทานผ่านคำแนะนำของเชฟผู้รังสรรค์เสร็จ น้ำชานี้ กลิ่นไอของการประสานรสชาติ ที่มีเสน่ห์เข้ากับสไตล์ของการเป็น Wellness Destination โดยเชฟแนะนำให้เริ่มจาก welcome Sorbet Scottish Salmon Tatar เมื่อชั้นของแซลมอนทาร์ทาร์ที่คลุกเคล้าเข้ากับ Sour Cream แตงกวา และคาร์เวียร์ เรียกว่าเข้ากันได้อย่างลงตัว ประกบด้วยขนมปังบัมเปอร์นิเคิล ที่มีรสสัมผัสหนึบหนับเล็กน้อยทำให้คำนี้มีความรู้สึกแน่น แต่ยังประสานและแสดงรสชาติของแซลมอนได้เป็นอย่างดี Foei Gras Roll ฟัวกราเทอรีนคำนี้ ถูกนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจและ ละม้ายคล้ายกับ ขนมหวานคำนึง จริงแล้วโฟล์คร้านนี้ถูกเคลือบไว้ด้วยเมล็ดโกโก้ผงที่บดละเอียด แล้วเสิร์ฟด้วยบลูเบอร์รี่เชื่อมด้านบน พร้อมกับแผ่นแตงกวาดอง ถูกวางและจัดเรียงอยู่ด้านบนของขนมปัง Brioche ที่เรียกว่ามีความน่าสนใจ และเมื่อได้ลองทานเข้าไปพร้อมกัน อาจจะ รู้สึกถึงความ หอมมันของพวกราที่เข้ากันกับรสชาติของบลูเบอร์รี่ ที่ออกอมเปรี้ยวหวานนิดๆตัดเข้ากันได้อย่างลงตัวทำให้คำนี้น่าสนใจและควรลองทานเป็นอย่างยิ่งครับ Shrimp Cocktail Wafer เวเฟอร์ ค็อกเทลกุ้งคำนี้เรียกว่ามีความน่าสนใจมากเพราะสีสันและขนาดที่ออกมาได้อย่างลงตัว…
Author: Natthanai Chunpleng
Chef : Takasura K : 03 2022 Story : Nathanai C. . / Photo : Dr.Athiwat T พริ้มบรรยากาศจิบชากลิ่นหอมเลิศ ลิ้มรสขนมสุดอร่อย ปล่อยตัวในบรรยากาศเรียบหรู ดูวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสุดสบายตา ที่ Capella Bangkok วันนี้กินแหลกแจกดาวจะพาทุกท่านมาเดินกับชากลิ่นหอมพิเศษที่คัดสรรมาอย่างดีเรียกได้ว่าเป็นชาแบบเฉพาะของที่โรงแรมนี้ Capella Bangkok พร้อมกับชิมคานาเป้รสเลิศที่ตั้งใจรังสรรค์มาเป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีขนมรสชาติแสนอร่อยงานนี้สายชอบทานมูสอร่อยแน่นอนครับ พร้อมกับดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาในบรรยากาศเรียบหรูของล็อบบี้เลาจน์ พร้อมแล้วมาดูกันเลยครับ มาจิบบชาทั้งทีก็ต้องเริ่มจากเรื่องชาก่อนเลยครับที่นี่มีชาให้เลือกหลากหลายมากในรถเข็นสุดพิเศษคันนี้ มีชาให้เลือกมากมายหลากหลายแบบตั้งแต่ชาหอมแบบพื้นฐาน แต่ก็จะมีความพิเศษด้วยความเป็นชาเฉพาะของ Capella กลิ่นที่เรานิยมดื่มกันทั่วไป ได้แก่ English Breakfast, Earl Grey, Chamomile, Lemongrass and Ginger, Green Tea with Jasmine, Green Tea Sencha, Peppermint, Lavender, Strawberry, Soft Peach และ Rooibos Cream Orange ตอนนี้เราแวะมาสัมผัสกับชากลิ่นรูปแบบเฉพาะที่เป็น signature ของที่โรงแรมกันครับ Smoky Oolong with Candied Orangeชานี้บัญชาที่เก็บบ่มมาแรมปี ตลอดจนมีการนำมากรุ่นเผา ให้ความร้อนถึง 3 ครั้งจึงทำให้ได้กลิ่นหอมอบอวล และยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นของน้ำผึ้งและดอกกล้วยไม้ชาอู่หลงที่ไม่ได้ขึ้นชื่อแค่การเป็นชาเขียวหรือชาดำแต่ยังมีคุณสมบัติในเรื่องของการดูแลสุขภาพทั้งการบำรุงหัวใจ สมองตลอดจนกระดูกและฟันนอกจากนี้ยังสามารถเร่งอัตราการเผาผลาญลดโอกาสการเป็นโรคเบาหวานแบบที่ 2 และป้องกันการเกิดมะเร็งต่างๆ Aged Bai Mu Dan White Tea 2010เป็นชาที่มีความน่าสนใจในการดื่มเพราะถ้ายิ่งแช่ตัวชาไว้ยิ่งนานเท่าไหร่ก็จะทำให้รสชาติออกหวานหอมเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเป็นชาที่มีกระบวนการขั้นตอนในการวัดตวงและการการผสมเป็นอย่างดี คุณสมบัติของชาขาวซึ่งถูกผสมเข้าไปช่วยในเรื่องของการปกป้องผิวพรรณหรือความเสียหายจากการทำลายโดยแสง UV ส่วนภายในร่างกายยังมีสารที่ช่วยดูแลเรื่องของการทำงานในระดับเซลล์ผิวเหมาะกับการดูแลเรื่องผิวพรรณครับ Caffeine Free With Pandan Lemongrass And Butterfly Peaชาที่ได้รับการคัดเลือกชาที่ไร้สารคาเฟอีนอย่างดี นำไปผสมกับใบเตยและมะกรูดที่คัดเลือกจากทางภาคเหนือของไทย ในตัวชามีสาร Anti oxidant จากสมุนไพรซึ่งส่งผลในเรื่องทางการแพทย์…
รีวิวห้องอาหาร Flow กับบุฟเฟต์ Sunday brunch แบบจุใจ ที่เรียกว่าการปรับปรุงโฉมใหม่ของห้องอาหารนี้จากโรงแรมมิลเลนเนียมฮิลตัน กรุงเทพ ไม่ได้ปรับปรุงเพียงเฉพาะการตกแต่งและสีสันของห้องอาหารเท่านั้น สำหรับบุฟเฟ่ต์อาหารในวันนี้จะพาทุกท่านไปรับชมความจุใจแบบไม่อั้นในแต่ละโซนอาหารกันครับ สำหรับบรรยากาศในวันนี้ซันเดย์บรันช์ปกติจะรับประทานกันตั้งแต่ช่วง 12:00 น ถึง 15:00 น ทั้งนี้สำหรับลูกค้าบางท่านที่หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงกลางวันอาจจะมาถึงทางโรงแรมก่อน ในแพ็คเกจนี้ยังสามารถขึ้นไปนั่งจิบเครื่องดื่มตามแพ็คเกจที่เลือก บน Three sixty rooftop Bar ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังว่ามีแบบไหนบ้างในช่วงท้ายครับ สำหรับบรรยากาศแบบวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเต็มตาสวยงามที่เรียกว่างดงามทีเดียวครับ แน่นอนว่าหลายท่านอาจมีโอกาสได้มาตอนกลางคืนแล้วหลายครั้ง แต่ผมรับรองว่าช่วงกลางวันสวยงามไม่แพ้กันเลยครับ ซึ่งเราสามารถมาได้ตั้งแต่ช่วง 11:30 น ซึ่งบรรยากาศวิวแม่น้ำตอนกลางวันนั้นสวยงามและเป็นมุมที่น่าถ่ายภาพจะกับคนพิเศษหรือกับครอบครัวก็อบอุ่นน่ารักเลยครับ เมื่อจุใจกับการจิบเครื่องดื่มรอเวลาแล้ว ตอนนี้ก็สามารถลงมาเริ่มรับประทานอาหารที่ห้องอาหาร Flow กันได้เลยครับ Sushi Bar แบบจุใจเริ่มจาก Sushi Bar ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเมื่อเราเห็นห้องอาหารนี้จะเจอกับบาร์อาหารญี่ปุ่นก่อนเลย ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายครับตั้งแต่ แซลมอนทูน่า ปลาไหลย่าง แซลมอน Grill ปลาหมึก อะโวคาโด ไข่ปลาแซลมอน นอกจากนี้ยังมีแคลิฟอเนียโรลที่เราสามารถสั่งไส้ที่ปั้นได้ตามต้องการครับ ของผมเลือกเฉพาะที่ชอบเลย คือ แซลมอน ไข่กุ้ง แล้วก็ไข่ปลาแซลมอนครับ เรียกว่าเป็นซูชิบาร์ที่เลือกได้ตามใจชอบทีเดียว Seafood ParadiseIced Seafood island มีทั้ง อาหารทะเลแบบเย็น มีให้เลือกครบครับทั้งปู กุ้ง กั้ง หอย หอยตลับ หอยแมลงภู่ ขาปูอลาสก้า ที่คอยมาเติมให้ตลอดเรียกว่าตักได้เรื่อยๆจริงๆ นอกจากนี้หอยนางรมยังมีเคาน์เตอร์แยกไว้อยู่อีกมุมหนึ่ง มีทั้ง Normandy และ Fin de clair หรือคนชอบแบบรมควันก็มีให้พร้อมทั้งปลาแซลมอน ปลาดาบ และปลาทูน่าส่วนเมนูอาหารทะเลที่ปรุงแล้วมีทั้งหอยแมลงภู่อบชีสผักโขม Asian Zone อาหารอาเซียนมีทั้งจีนและอาหารไทยผสมผสานอย่างลงตัว พะแนงเนื้อวากิวนุ่มหอมเครื่องแกงอร่อย หมูกรอบที่ตัดชิ้นพอดีคำกรุบกรอบอร่อย ยังมีไส้กรอกอีสาน ขนมจีบเนื้อแน่น ข้าวมันไก่ และแกงต่างๆ มากมายให้เลือกทานแบบไม่มีเบื่อ เคาน์เตอร์แยกที่อยู่รวมกับเป็ดปักกิ่งและหมูหันเคาน์เตอร์นี้เป็นอีกเคาน์เตอร์เด็ดครับที่ผมจัดมาทานหลายรอบเลยทีเดียวทั้งเป็ดย่างหมูหันกรอบเข้ากับเนื้อแป้งหมั่นโถวที่เตรียมเสิร์ฟไว้ได้อย่างดี นายอาหารไทยยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้นครับยังมีข้าวซอย ข้าวมันไก่ที่จัดมาพอดีรับประทาน ตลอดจนยังมีขนมจีบซาลาเปาที่หอมนุ่มอร่อยตามมาตรฐานครับ European Foodมีตั้งแต่ซุปล็อบสเตอร์ (Lobster Bisque) เป็นจานแรกที่ผมลองทานแล้วประทับใจมาก เนื้อซุปหอมข้นมันอร่อยแล้วมีการใส่เนื้อล็อบสเตอร์เป็นชิ้นเล็กๆพอรับประทานในตัวน้ำซุปด้วย…
กลับมาอีกครั้งกับมื้อสายวันอาทิตย์ในบรรยากาศสุดผ่อนคลายริมน ้าสุดประทับใจที่ โรงแรม มลิ เลนเนยี ม ฮลิตนั กรงุ เทพ เปิดให ้บริการแล ้วอีกครั้งกับรูปโฉมใหม่ที่มาพร้อมความสดใส สนุกสนาน และสเตชนั่ อาหารปรุงสดใหม่ๆ แบบอินเตอร์แอคทีฟภายใต ้แนวความคิด OH MY BRUNCH! – All New Sunday Brunch ทิ้งความวุ่นวายในวันท างาน แล ้วมาเต็มอิ่มกับประสบการณ์อาหารรสเลิศกับครอบครัวและคนที่คุณรัก ในบรรยากาศแสนสบายและเป็นกันเองริมแม่น ้าเจ้าพระยาที่ห ้องอาหาร FlowOH MY Brunch!แล้ววันอาทิตย์ของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มื้อสายวันอาทิตย์ที่ห้องอาหาร Flow ให้คุณสมั ผัสประสบการณ์อิ่มอร่อยแบบไม่เหมือนใคร เต็มอิ่มกับหลากเมนูคุณภาพเยี่ยมนานาชาติ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่ นอินเดีย กว่า 16 สเตชนั ที่เชฟคัดสรรมาให้เลือกลิ้มลองอยา่ งจใุ จตลอดสามชวโมงเต็ม ั่ พร้อมแพ็กเกจเครื่องดื่มสุดพิเศษแบบไม่อั้น ใหค้ ณุ ไดส้ งัสรรคก่อนมื้ออาหาร ์ พร้อมชมวิวเหนือแม่น ้าเจ้าพระยาแบบ 360องศาสุดตระการตาที่ ThreeSixty Jazz Lounge หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในกรุงเทพฯมอื้ สายวนัสบาย ชว่ งเวลาแหง่ ความสขุ คู่ความอร่อยตื่นตาตื่นใจไปกับไลน์บุฟเฟต์แบบอินเตอร์แอคทีฟ ให้คุณได้เลือกลิ้มลองเมนูโปรดทคี่ ณุ ชนื่ ชอบไดอ้ ยา่ งตรงใจ กับสเตชนั่ อาหารที่ปรุงกันแบบสดๆ ไม่ว่าจะเป็นไลนอ์ าหารญปี่ ่นุ ซงึ่ เชฟจะมาสาธติ การแลป่ ลาทนู ่าและแซลมอนสดใหมแ่ บบทงั้ตัว แวะเวยีนไปชมสเตชนั่ ออยสเตอร์พรีเมี่ยม ซงึ่ เชฟรอใหบ้ รกิ ารแกะหอยนางรมน าเขา้กนั แบบสดๆ ส าหรับผทู้ ชี่ นื่ ชอบเนอื้ พรีเมี่ยมคุณภาพเยี่ยม…
Story : Nathapol.K / Photo : Natthanai.C วันนี้ kinlakestars.com กลับมาอีกครั้งที่ Diplomat bar บาร์แจ๊สระดับไฮเอนด์ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้นล็อบบี้ของโรงแรมคอนราด ใจกลางกรุงเทพฯ แม้คนส่วนใหญ่อาจจะรู้จักชื่อเสียงของร้านนี้ในด้านการเป็นบาร์แจ๊สที่มีเครื่องดื่มและดนตรีที่ครึกครื้นในตอนกลางคืนก็ตาม แต่ในช่วงเวลากลางวัน ที่นี่ก็ยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบร่มรื่นเช่นกัน ด้วยโซฟาสีเอิร์ทโทนที่มีหมอนนุ่ม ๆ ใบใหญ่ให้พิง มีแสงแดดอบอุ่นส่องผ่านกระจกเข้ามา และเพดานอันสูงโปร่ง จึงเหมาะแก่การนั่งจิบน้ำชาพูดคุยพักผ่อนกันได้อย่างเพลิดเพลิน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความวุ่นวายของการใช้ชีวิตของผู้คนโดยรอบ ครั้งนี้ Diplomat bar ได้จัดชุดน้ำชายามบ่ายแสนพิเศษ เพื่อแพริ่งกับเชมเปญสุดพรีเมี่ยมระดับโลกอย่าง G.H. Mumm แชมเปญสัญชาติฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของโลก โดยครั้งนี้ได้เลือกแพริ่งกับแชมเปญรุ่น Mumm Grand Cordon และ Mumm Grand Cordon Rosé ซึ่งเป็นแชมเปญที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันและเป็นเอกลักษณ์ทั้งรสชาติและดีไซน์ของขวดที่ล้ำสมัย เพื่อต้องการมอบความรู้สึกแห่งการเฉลิมฉลองอย่างแท้จริงให้กับแชมเปญเลิฟเวอร์ทั้งหลาย เมื่อนำมาแพริ่งกับขนมคาวหวานสุดพิเศษที่เชฟได้บรรจงสร้างสรรค์ขึ้น จึงช่วยทำให้ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ในการจิบชายามบ่ายได้อย่างลงตัว โดยเชฟได้แนะนำลำดับในการทานไว้ ดังนี้ ในถาดแรกจะเป็นของคาว มี 4 อย่าง คือ Crab Apple Salad and Smoked Cured Salmon in cones เป็นสลัดแอปเปิ้ลผสมกับเนื้อปู พันด้วยแซลมอน ใส่ไว้ในโคนวาฟเฟิลกรุบกรอบ แถมยังท็อปด้านบนด้วยไข่ปลาแซลมอนอีก จัดเต็มสุด ๆ แต่ก็สามารถทานได้พอดีคำ รสชาติลงตัว Gazpacho Jelly, Tiger Prawn and Avocado marinated in Soy Sesame Dressing มีต้นแบบมาจากซุปเย็นของสเปนที่มีชื่อว่ากัซปาโช ทำจากผักสดปั่นกับน้ำมะเขือเทศสดแล้วแช่เย็นไว้ นำมาดัดแปลงด้วยการทำให้เป็นเจลลี่นิด ๆ ทานกับกุ้งลายเสือและอโวคาโดที่นำไปหมักในน้ำสลัดงาซีอี๊วญี่ปุ่น ผสมผสานความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว เมื่อทานไปรู้สึกได้ถึงความสดชื่นของน้ำมะเขือเทศผสมกับความหวานมันของเนื้อกุ้งและอโวคาโด Fine de Claire Oyster with Pink Peppercorn, Leek and Potato Vinaigrette …
บรรยากาศเข้าหน้าร้อนตามแบบฉบับของคนไทย อาหารอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้คงเป็นข้าวแช่ ที่เป็นอาหารรสชาติอร่อยและไว้ทานดับร้อน หลายคนคงคุ้นชื่อกับเมนูนี้ ที่ได้ความอร่อยแบบตำรับชาววัง ไปจนถึงอารมณ์ทางฝั่งเพชรบุรีหรือพื้นที่ใกล้เคียง วันนี้กินแหลกแจกดาวได้มีโอกาสมาสัมผัสข้าวแช่สยาม ที่สยามทีรูมใจกลางกรุงเทพฯ กันครับ น้ำดื่มเริ่มต้นความสดชื่นด้วย น้ำแตงโม อิตาเลี่ยนโซดาลิ้นจี่ ความโดดเด่นภายใต้ความท้าทายจากเมนูข้าวแช่ที่ต้องทานพร้อมกับแตงโมและปลาแห้ง รังสรรค์ออกมาเป็นรูปแบบของเครื่องดื่มแตงโมและปลาแห้ง ที่มีความร่วมสมัยสดชื่นและเป็นเอกลักษณ์ด้วยการผสานน้ำแตงโมและกลิ่นของน้ำลิ้นจี่เป็นการเปิดประสาทสัมผัสและเติมความสดชื่นให้กับเมนูข้าวแช่นี้ได้เป็นอย่างดีครับ ไอศกรีมเชอร์เบตกระท้อน เปิดประสาทรสสัมผัส ด้วยกระท้อน แรงบันดาลใจจาก เชฟจากวัยเด็ก ซึ่งเชฟเล่าจากความทรงจำว่า จากการที่เปิดตู้เย็นแล้วเจอกระท้อนที่แช่อยู่ในวัยเด็กซึ่งหากตากเนื้อกระท้อนที่แช่เย็นอยู่มารับประทานจะมีความสดชื่นหวานหอมยิ่งนำมาทำเป็นในรูปไอศกรีมมีความโดดเด่นและรับประทานง่าย และเติมกลิ่นเพื่อต้อนรับสู่การรับประทานข้าวแช่ด้วยทั้งหมูฝอย หอมเจียว ส้มซ่า ซึ่งเป็นรสสัมผัสที่มีกลิ่นประสานของความเป็นของคาวเล็กๆ กับรสชาติของอาหารหวานทำให้เป็นการเปิดประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร ไม่ได้มีเพียงรสหวานเปรี้ยวเพื่อให้รู้สึกตื่นแต่เพียงเท่านั้นแต่ยังสอดแทรกรสชาติอื่นๆ อย่างละเล็กละน้อยทำให้เมนูที่เหมือนไอกครีมกระท้อนธรรมดานี้ ไม่เหมือนใครทีเดียวครับ ข้าวแช่ ตัวข้าวหลักของเมนูวันนี้เชฟเลือกที่จะใช้ข้าวหอมมะลิ จากจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีเอกลักษณ์ในความหอมอ่อนๆ มียางข้าวผสมแบบพอดี ทำให้ตัวข้าวแช่จะไม่ได้แข็งเหมือนลักษณะข้าวของที่อื่นที่จะนิยมใช้เป็นข้าวเสาไห้ แล้วนำมาแช่ในน้ำดอกไม้ ซึ่งหอมและมีลักษณะเฉพาะ และนำไปอบด้วยควันเทียนตามตำรับแบบไทยเวลาเสิร์ฟจะมีก้อนน้ำแข็งซึ่งแช่พร้อมกับดอกไม้เสิร์ฟลอยอยู่ในถ้วยอย่างดูน่าสนใจและน่ารับประทานในภาชนะออกสีทองเหลืองสวยงามดูมีความหรูหราแต่ก็ไม่ทิ้งรูปแบบความเป็นไทย ลูกกะปิ เมนูแรกที่เชฟเลือกออกมาแนะนำเลยครับซึ่งเชฟภูมิใจนำเสนอกรรมวิธีการทำ ซึ่งต้องเริ่มจากการนำปลาช่อนนา ปลาดุกนา นำมาย่างให้หอมแล้วอบแห้ง เสร็จแล้วจึงฉีกเนื้อให้เป็นฝอยนำมาป่นผัดเข้ากับกระเทียม มะกรูด กะปิคลองโคน น้ำตาลคลองโคลน ซึ่งวัตถุดิบ 2 อันหลังนี้ทางเชฟแนะนำหรือว่าเป็นการนำรสชาติและวัตถุดิบพื้นเมืองของทางราชบุรีมาใช้เพื่อให้ได้ตามรสชาติแบบตำรับของจังหวัดจริงๆ เมื่อผัดเครื่องทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วก็นำมาชุบด้วยไข่แดงเค็มแบบบางๆทอดจนได้เป็นก้อนหอมนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป เป็นคำแรกที่ เชฟ แนะนำให้ทานเพื่อเปิดรสสัมผัสของข้าวแช่จานนี้ครับ ปลายี่สนผัดหวาน ปลายี่สกหรือที่เรียกให้ถูกตามที่เชฟของเราแนะนำคือปลายี่สนนั้น เมนูนี้เกิดจากการนำปลายี่สนนี้ มาตากแห้ง จากนั้นเพื่อให้ได้ความนุ่งจะต้องนำมาแช่น้ำ 3 วัน เสร็จแล้วจึงนำเนื้อปลามาฉีกเป็นเส้น เพื่อให้นุ่มและสามารถนำมาผัดได้จากนั้นจึงใส่เครื่องเทศสูตรเฉพาะเคล้ากับน้ำตาลมะพร้าว แล้วนำมาปั้นเป็นรูปจานนี้จึงเป็นคำที่มีรสชาติออกหวานแต่มีกลิ่นหอมของเนื้อปลาผสมอยู่ในตัว หมูฝอย เมนูที่เข้าใจว่าจะสามารถหาซื้อได้ไม่ยากแต่ที่นี่ก็เลือกที่จะใส่ความพิถีพิถันและทำเองโดยเริ่มจากการนำเนื้อหมูย่างอย่างพอดีจนเนื้อแห้งแต่ยังคงความนุ่ม นำมาฉีกออกเป็นเส้นฝอย เสร็จแล้วนำไปคั่วทอดกับหอมแดง และน้ำตาลมะพร้าว เป็นหมูฝอยที่มีความหอมหวานเค็มมันเข้ากันอย่างพอดีและมีรสสัมผัสนุ่มเล็กๆที่เรียกว่าผมตักจนหมดภายในไม่กี่คำเลยครับ ไชโป๊วผัดหวาน คำนี้ถ้าเกิดเทียบกับเวลาทานที่อื่น ไชโป๊วจะเป็นเส้นเรียบและมีผิวออกด้านเล็กน้อย แต่สำหรับที่นี่เรียกว่าเป็นหัวไชโป๊วที่มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยเส้นที่ตัดมาขนาดกำลังดี ผัดเข้ากับเครื่องเทศและน้ำตาลมะพร้าวหอมกำลังดีเส้นที่ออกมาดูลื่น ทานง่ายมาก และเพิ่มกลิ่นรสสัมผัสด้วยการอบควันเทียน ทำให้เป็นไชโป๊วผัดหวานที่ไม่เหมือนใครครับ พริกหยวกยัดไส้ ซึ่งตัวไส้ทำจากกุ้งหมูผัดที่นุ่มและสุกกำลังดี มีความกรุบจากเนื้อกุ้งที่ใส่มาอย่างพอเหมาะ หมักสามเกลอ รากผักชี กระเทียม พริกไทย ทำให้คำนี้ดูมีกลิ่นและรสชาติสัมผัส ส่วนตัวตอนแรกเราว่าจะได้กลิ่นเขียวของพริกหยวกนำมาหรืออาจจะเละแต่พอได้กัดเข้าไป คำนี้ออกมาเป็นคำที่รสชาติอร่อย ต้องจิ้มทานต่อกันเลยทีเดียวกับตัวพริกหยวกกลิ่นหอมละมุนไม่ฉุนและชุบทอดด้วยไข่ที่ฟูนุ่ม เข้ากันกับตัวพริกหยวกได้เป็นอย่างดี ไข่เค็มทอด เค็มอ่อนมัน หอมมันจากรสชาติของไข่เค็มจริงๆ คำนี้ทานแล้วทำให้รู้สึกรสชาติของคำอื่นๆ ดูกลมกล่อมเข้ากันมากขึ้นไปอีกครับ นึกว่าส่วนตัวเป็นคำที่รสชาติดูบางละมุนที่สุดในสำรับ ไม่ใช่โดดเค็มแบบชื่อไข่เค็มอย่างที่เราคิด เป็นคำที่สร้างรสสัมผัสที่ไม่เหมือนใครให้กับสำหรับข้าวแช่นี้…
หากจะกล่าวถึงการบริการและการโรงแรมในประเทศต้นๆที่หลายคนต้องนึกถึงนั่นคือสวิตเซอร์แลนด์ สำหรับคนไทยแล้วก็มักจะนิยมที่จะส่งลูกหลานไปเรียนการโรงแรมที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เป็นตัวเลือกต้นๆซึ่งในครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับการเข้าพักอย่างอบอุ่นเรียบหรูสไตล์สวิสส์ Staycation แบบมีระดับ แต่สบายกระเป๋า ณ โรงแรมหรูกลางรัชดา นวดสปาสบายตัว อิ่มตัวอิ่มท้องกับบุฟเฟ่ต์รสชาติเยี่ยม ที่โรงแรม Swissotel Ratchada วันนี้กินแหลกแจกดาว kinlakestars.com จะพาทุกท่านไป Staycation แบบสบายๆ แต่ก็ยังมั่นใจได้ถึงความสะอาดและปลอดภัยจากเชื้อไวรัส โดยมาตรการป้องกันอย่างเป็นระบบทางการตรวจอุณหภูมิด้วยระบบกล้อง การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อของผู้ที่เดินเข้าโรงแรม และการตรวจวัดอุณหภูมิ พร้อมบริการเจลล้างมือ ให้กับผู้เข้าออกทุกท่าน เรียกว่าสบายใจกันได้ระดับทีเดียวเลยครับ เพียงย่างก้าวแรกที่คุณเดินเข้ามาในโรงแรมแห่งนี้คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันแสนหรูหราอลังการด้วยเสาสีดำที่หุ้มด้วยประสิทธิภาพสูงยาวหลายสิบเมตรเป็นเส้นตรงพุ่งทะยานสู่เพดานที่มีรูปภาพสีน้ำมันอันเลื่องชื่อพร้อมกับแชนเดอเลียร์ Crystal ประกายวาววับวิบวับวิบวับๆ พื้นที่จะทำให้ท่านรู้สึกเหมือนเป็นบุคคลพิเศษตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่เดินเข้ามาณสถานที่แห่งนี้มีความรู้สึกที่ใหญ่โตมโหฬารและอบอุ่นบ้านคุณปู่ เมื่อท่านมองไปอีกซีกนึงของโถงต้อนรับท่านก็จะพบกับบันไดเวียนตรงโค้งซึ่งเป็นหนึ่งในที่นิยมสำหรับการมาถ่ายรูปไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปแต่งงานการถ่ายรูปหมู่หรืออิริยาบถต่างๆแบบไหนก็สวยดูดี เรามาเริ่มกันที่บริการของโรงแรมดีกว่าครับ ที่แม้ว่าจะเป็นโรงแรมอยู่คู่ถนนรัชดามานานกว่า 21 ปี แต่บรรยากาศความดูแลเอาใจใส่ของสถานที่จนถึงพนักงานทุกคนยังมีความน่ารักอยู่ให้เห็นตลอดมา ตั้งแต่เช็คอินก็จะมีบริการที่คอยดูแล วันนี้ทางโรงแรมใจดีอัพเกรดให้เป็นห้องแบบ Executive Suites คุณจะสามารถสัมผัสถึงการออกแบบที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นสวิตเซอร์แลนด์ได้ตั้งแต่แรกย่างก้าวที่เดินเข้ามาในห้องจะพบกับห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีเอิร์ธโทนและคุมโทนรวมกันไปทั้งหมดได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นพื้นพรมผนังที่กรุด้วยวอลเปเปอร์สีเอิร์ธโทนเช่นกันตามด้วยโซฟาผ้าอีกครั้งรูปต่างๆที่ใช้ในการตกแต่งงานศิลปะเก้าอี้ล้วนเรียบหรูสวยงามเข้ากันอย่างดีและให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยและเหมาะแก่การพักผ่อนและผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ด้วยรูปแบบห้องที่ไม่ได้เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมทำให้รู้สึกน่าเบื่อและอึดอัดแต่ในทางกลับกันยังมีการออกแบบเส้นเถียงกำแพงเสียงซึ่งทำให้รู้สึกถึงความโกรธและไหลลื่นของพื้นที่ แม้แต่ไม้ที่นำมาใช้ภายในห้องก็มีการคุมโทนได้เป็นอย่างดีให้ความรู้สึกเหมือนดังอยู่ในบ้านที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์การออกแบบรูปแบบนี้จะทำให้ท่านขวดน้ำลึกเหมือนดั่งไปเที่ยวที่ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น ห้องพักที่ได้รับการตกแต่งใหม่มีความเรียบหรูและทันสมัยขึ้น แต่ยังคงความเรียบง่ายเหมาะกับการพักผ่อน มีทั้งโซนห้องนอนที่เป็นส่วนตัว เปิดหน้าต่างเห็นวิวเมืองแบบสบายตา ไปจนกระทั่งพื้นที่ห้องรับแขกที่สามารถนัดเพื่อนมานั่งคุยเล่นกันได้อย่างสบาย ในห้องมีให้ชุดหน้ากากและเจลล้างมือสำหรับแขกที่เข้าพักทุกท่าน ไว้สำหรับใช้ในช่วงที่พักกับโรงแรมได้อีกด้วยส่วนเครื่องติ่มซำอื่นๆก็สวนอาหารหวาน มีการต้อนรับสุดแสนน่ารักและใส่ใจอบอุ่นจากทางโรงแรมด้วยบัตรอวยพร อำนวยพรสิ่งประสงค์องค์ประกอบความหมายดีๆและผลไม้สดอันเป็นมงคลยิ่ง ส่วนห้องน้ำก็ยังคงความเรียบหรูและสะอาดได้มาตรฐาน มีอ่างไว้สำหรับแช่น้ำและแยกพื้นที่อาบน้ำไว้อย่างสะดวกสบาย เรียกว่าเป็นห้องน้ำที่มีขนาดกว้างทีเดียวครับ ข้าวของเครื่องใช้ในห้องก็มากมายดี ครบครันตามมาตรฐานโรงแรม ถ ดาว เรียกได้ว่ามาแต่ตัวมีทุกอย่างให้พร้อมครบ ไม่ว่าจเป็นสบู่ น้ำยาสระผม ครีมบำรุงผม และครีมบำรุงผิว รวมไปถึงแปรงสีฟัน ยาสีฟัน อุปกรณ์ทำความสะอาดใบหน้าใบหู เครื่องเป่าผม หมวกคลุมผมอาบน้ำ ฯลฯ มาถึงอีกส่วนหนึ่งที่เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้แต่เป็นบริการที่สบายก็คือสปาของโรงแรมที่ช่วงนี้จะมีการย้ายชั่วคราวมาที่ชั้น 10 นวดเสร็จแล้วผมก็สบายตัวมีแรงไปพูดคุยกับเพื่อนได้ยาวทั้งวันเลยทีเดียว สำหรับโปรโมชั่นนี้ผมเลือกรับประทานอาหารจีนครับเนื่องจากว่ามีความชอบเป็นส่วนตัว ภัตตาคารจีนหลงฟ่ง มีบุฟเฟ่ติ่มซำโดยเฉพาะช่วงวันเสาร์อาทิตย์ จะมีโปรโมชั่นเป็ดปักกิ่งและหมูหันฮ่องกงแบบไม่อั้น งานนี้น้ำหนักผมไม่รู้จะขึ้นเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถอย่างผมไม่ได้ครับ นั่งทานยาว 3 ชั่วโมงเต็ม ทั้งเมนูติ่มซำที่ทางกินแหลกดาวเคยพาทุกท่านมาทานแล้วยังคงคุณภาพไว้ได้เช่นเดิม ไส้ติ่มซำทุกชิ้นถ้าเป็นกุ้งก็เรียกว่ามาแบบเต็มตัว ถ้าเป็นของทอดก็เรียกว่าทอดกันแบบสดใหม่ไม่มีการเอาของที่พักค้างไว้จนเย็นแล้วมาบริการ ส่วนตัวที่ผมมาที่นี่แล้วไม่เคยพลาดคือปูนิ่มราดซอสไข่เค็ม ผมคนเดียวน่าจะทานประมาณโลกว่าๆครับ ส่วนขนมหวานก็เมนูที่ผมชอบยังคงไว้ครบเลยครับ ถังไอศครีมทุเรียน คัสตาร์ดมะม่วง เจลลี่ว่านหางจระเข้ตะไคร้หอม อ่านรีวิวเต็มต่อที่นี่ >>> (รีวิวเต็มห้องอาหารloongfoong) นอกจากนี้สำหรับคนที่ชื่นชอบการจิบน้ำชายามบ่ายช่วงนี้โรงแรมมีโปรโมชั่นให้จัดเซตกันมาน่ารับประทานเลยครับ สำหรับที่ร้าน Deli Swiss ที่พึ่งตกแต่งใหม่อย่างสวยงามให้บรรยากาศเรียบหรูทันสมัย แต่ยังคงความสงบสำหรับผู้ที่อยากมาพักผ่อนในช่วงบ่ายใครที่สนใจไปดูกันที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ สำหรับมุม เดลีสวิสนั้นเป็นหนึ่งในมุมที่ทางโรงแรมลงทุนรังสรรค์ตกแต่งขึ้นมาใหม่ให้ความรู้สึกทันสมัยและมีความอบอุ่นเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นน่านั่งกระโดดอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวที่ยังคงเปิดโล่ง…
Festive Buffet Date : Dec 2020 Story : Nathanai C. / Photo : – คริสต์มาสและปีใหม่ปีนี้ ไปฉลองเวลาสุดพิเศษกับบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch และ Special dinner ในโรงแรมกลางเมืองอย่าง Swissotel Bangkok Ratchada วันนี้กินแหลกดาวจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับมื้อพิเศษให้อารมณ์ผสมผสานและเน้นหนักอาหารสไตล์สวิตเซอร์แลนด์สุดพรีเมียม พร้อมเครื่องดื่มแบบไม่อั้นในราคาน่าสนใจมากทีเดียว ณ ห้องอาหาร 204 Bistro บุฟเฟ่ต์นานาชาติอาหารสุดน่าสนใจ เติมความโดดเด่นในมื้อพิเศษนี้ด้วยอาหารสุดพรีเมียมสไตล์สวิตเซอร์แลนด์ เริ่มต้นด้วยไก่งวงเนื้อนุ่มเนื้อแน่น รสชาติอร่อยแบบสไตล์ต้นตำรับ เข้ากับเทศกาล Christmas เป็นอย่างยิ่ง Anti Covid-19 ปลอดภัยหายห่วงกับสารพัดมาตรการป้องกัน covid 19 ด้วยการวัดไข้ พ่นฆ่าเชื้อ และอุปกรณ์กินอาหารเปลี่ยนใหม่ปลอดภัยในถุงนิรภัยตลอดกาล โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา เน้นสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับแขกที่มาพักและลูกค้าที่มาใช้บริการภายในโรงแรม โดยมีมาตรการและข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19• มีจุดคัดกรองอุณหภูมิร่างกายที่ล็อบบี้ ห้องอาหาร และห้องประชุม• อุโมงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ (ปราศจากสารเคมี และแอลกอฮอล์) บริเวณทางเข้าล็อบบี้• จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือในพื้นที่สาธารณะโรงแรม• มีสัญลักษณ์รักษาระยะห่าง “Social Distancing” ในพื้นที่สาธารณะของโรงแรม• ขอความร่วมมือแขกและลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่เข้ามาใช้บริการในโรงแรม• พนักงานผู้ให้บริการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา** โรงแรมนี้ ไม่ได้เข้าร่วมเป็นโรงแรมสำหรับกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ (ASQ) Swiss Selection อีกเมนูอาหาร Rosti มันฝรั่งที่ดูเหมือนเป็นเมนูธรรมดาแต่นำมาปรุงแบบสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมนูหนึ่งที่น่าสนใจมากให้รสสัมผัสที่หอมมันอร่อย เคียงด้วยเบคอนกรอบ แซลมอนรมควัน และผักโขมอบชีส และเครื่องเคียงที่น่าสนใจอื่นๆเพื่อให้เป็นเมนูเฉพาะเอาใจคนรักกลิ่นอายแบบสวิตเซอร์แลนด์จริงๆ Raclette Cheese (ราเคล็ตต์ ชีส) ชีสเนื้อกึ่งนุ่มหอมมัน ที่ปกติจะตัดมาเป็นชิ้น หั่นทานจากก้อนกลมๆ ใหญ่ นำเสนอวิธีรับประทานแบบน่าอร่อยสไตล์ชาวสวิส โดยนำชีสมาย่างด้วยเตาร้อนจนชีสละลาย เสร็จแล้วจึงปาดชีสที่ละลายลงจานรับประทานคู่กับถั่ว ผลไม้อบแห้ง หรือแฮมแบบต่างๆ เรียกว่าน่าสนใจและคนรักชีสพลาดไม่ได้ทีเดียวครับ Foie Gras Foie Gras ฟัวกราส์ ตับห่านหอมมัน รสชาติอร่อยคงหาได้ยากสำหรับบุฟเฟ่ต์ในราคาพันกว่าบาท สำหรับที่นี่มีให้ด้วยครับเรียงรายมาพร้อมกับไลน์อาหารซีฟู้ดสุดพรีเมี่ยม…
Story : Natthanai C. / Photo : Pol.Capt. Kittin A. ท่ามกลางย่านธุรกิจที่เจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากับย่านห้าแยกลาดพร้าว คงไม่มีคนที่ไม่รู้จักเซ็นทรัลลาดพร้าวและโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าวอย่างแน่นอนครับ วันนี้กินแหลกแจกดาวจะพาทุกท่านมาสัมผัสเรื่องราวอาหารญี่ปุ่นที่น่าสนใจกับร้านอาหารรสชาติต้นตำรับกับร้าน ฮากิ (Hagi) ซึ่งความพิเศษของครั้งนี้คือเมนูอาหารรับลมหนาวที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความเป็นมาของทุกเมนู ไฮไลท์ เลยครับ ก่อนจะเข้าสู่มื้ออาหาร ข้าพเจ้าขอพาทุกท่านไปชื่นชม ดื่มด่ำ ผจญภัยในห้องอาหาร ที่ซึ่งจำลองเอาความเป็นญี่ปุ่นมาได้อย่างครบครันหลากหลายสไตล์อารมณ์ โดยเริ่มกันตั้งแต่ทางเข้า เมื่อเข้ามาแล้วท่านจะรู้สึกเหมือนว๊าปเข้ามาอยู่ในยุคเอโดะยามเย็นใกล้มืด เพดานสีดำกับแสงสีแดง ทางเข้าที่ปูด้วยหินกาบเงาสีดำ มีเรือนไม้สไตล์ญี่ปุ่นตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเด่น ทางเดินหินสีดำเรียงรายแยกตัวออกไปหลายทิศหลายทาง ท่านสามารถพบกับห้องส่วนตัวสไตล์ญี่ปุ่นแบบห้องเสื่อทาทามิหลากหลายขนาด ด้วยการใช้วัตถุดิบอันเป็นเอกลักษณ์อย่างไม้ฉำฉาหรือไม้สน กับรูปแบบการนั่งที่เป็นหลุมลงไป ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านญี่ปุ่น ถัดมาเป็นการนั่งกินดื่มกันหน้าเตาเทปันยากิ ท่านจะสามารถเห็นการร่ายรำแสดงฝีไม้ลายมือของเหล่าเชฟ ควงตะหลิว ย่างเนื้อ หั่นกุ้งกันแบบขั้นตอนต่อขั้นตอนพร้อมการลิ้มรสอย่างแสนเพลิดเพลินเจริญใจ มาถึงอีกฝั่งของห้องอาหาร ณ มุมที่แห่งนี้มีห้องส่วนตัวในรูปแบบบ้านญี่ปุ่นที่มีความนำสมัยขึ้นมา หากจะกล่าวเทียบก็คงเป็นช่วงปลายยุคเมจิที่มีการใช้เก้าอี้นั่งกันเป็นกิจลักษณะกันภายในบ้านเรือนประชาชนทั่วไป แต่ก็ยังคงกลิ่นอายและเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นไว้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพดานไม้ หรือเครื่องประดับตกแต่งอย่างดาบซามุไร ผนังลวดลายกระดาษ ตามทางเดินที่ทอดไปทั่วห้องอาหารท่านก็ยังสามารถนั่งกินดื่มกันได้โดยเสพบรรยากาศแบบนั่งกินในยุคเอโดะยามตะวันลับฟ้า และก็มาถึงในห้องส่วนตัวที่เราได้ใช้เป็นที่กินดื่มกันในวันนี้ ในเรือนญี่ปุ่นหลังใหญ่กลางห้องอาหารที่เวลาเข้าเรือนจะต้องข้ามสะพานไม้สไตล์ญี่ปุ่นเข้าไป เพิ่มความเป็นส่วนตัวและแปลกดียิ่งขึ้น หลังจากที่ข้าพเจ้าได้พาทุกท่านชื่นชม เดินกันไปรอบๆห้องอาหารเพื่อเก็บบรรยากาศเป็นข้อมูลสำหรับประกอบการเลือกโซนที่นั่งของทุกท่านสำหรับการมาเยือนยังสถานที่แห่งนี้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราไปดูในส่วนอาหารกันเลยครับ เมนูในวันนี้รังสรรค์โดยมาสเตอร์ไอรอนเชฟฮิโรชิ มัสซึดะ จากเมืองนาโกย่า ที่บรรจงสร้างสรรค์อย่างงดงามเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงตามวิถีการรับประทานอาหารแบบญี่ปุ่น เพื่อเป็นการลิ้มรสฤดูกาล ตามชื่อที่ว่า “คิเซ็ตสึ โอะ อะจิวะอุ” อาหารเซ็ทแรกนี้เป็นของช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งนำเสนอโดยไฮไลท์เด็ดอย่าง อิคุระคาเวียร์และแซลมอน ไข่ปลาแซลม่อนสดนำเข้ามาอย่างมุ่งมั่น พร้อมทั้งเนื้อปลาแซลม่อนชั้นดีสื่อออกมากับเมนู ข้าวหน้าปลาแซลม่อนและอิคุระ หรือ ซาเกะ อิคุระ ดงบุริ ที่อัดแน่นด้วยความสดของเนื้อและไข่ปลาแซลมอน ซึ่งเมื่อรับประทานพร้อมกับข้าวญี่ปุ่นหอมนุ่มๆ ข้างล่างแล้วฟินมากครับ สดมาก ไม่ผิดหวัง เหมือนทานซูชิที่เลือกตักขนาดได้ตามต้องการ ต่อด้วยอีกจาน ซาเกะ โฮอิรุ ยากิ สเต็กแซลมอนสไตล์ญี่ปุ่น เนื้อแซลม่อนที่ย่างเกรียมหนังได้ความกรอบเล็กน่ารับประทานกับเนื้อที่นุ่มสุกกำลังดีไม่แห้งไม่แข็ง ต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นที่เราอาจเคยทานตามร้านทั่วไป และเข้าคู่ได้เป็นอย่างดีกับ ซุปแซลมอน อิชิการินาเบ ที่ตุ๋นมาในหม้อไฟญี่ปุ่นหอม สุดบรรยายด้วยการผสานการปรุงรสแบบนาโกย่าที่มีกลิ่นเนยหอมละมุนกรุ่นเข้ากับน้ำซุปที่หอมหวานได้เป็นอย่างดี สำหรับเดือนเริ่มฤดูหนาวอย่างพฤศจิกายน ที่เป็นช่วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นรอลิ้มรสอาหารที่กล่าวได้ว่าต้องช่วงเวลานี้นั่นคือ หอยนางรมญี่ปุ่น เริ่มที่จานแรก คากิฟูไร หอยนางรมชุบเกล็ดขนมปังทอด ที่หอมกรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมากจนเกินควร และก็ไม่ได้ทอดจนเนื้อหอยนางรมแห้งเลย…
อาหารกับบรรยากาศสุดหรูที่ไม่เหมือนใครกินแหลกจากดาวกลับมาอีกครั้ง ที่ห้องอาหารสระบัว SRA BUA by KIIN KIIN (กิน กิน) ณ โรมแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok สำหรับการมาโรงแรมนี้ยังคงกลิ่นอายและสัมผัสเฉกเช่นวันแรกที่ทุกท่านได้มาสัมผัส ทั้งนี้มาตรการในช่วงสถานการณ์แบบที่ต้องเน้นย้ำเรื่องสุขภาพและความสะอาดเป็นมาตรฐาน ทางร้านอาหารสระบัว ก็ดูแลเต็มที่ครับทั้งการควบคุมพนักงานการจับสัมผัสต่างๆ การบริการจะมีการสวมใส่อุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐานและได้รับการรับรองจากทางสาธารณสุข ทั้งภาชนะ อุปกรณ์รับประทานอาหาร ไปจนถึงแก้วน้ำดื่มจะมีฝากระดาษครอบเพื่อปกป้องจากโอกาสที่อาจเกิดการปนเปื้อน ที่ประดับออกมาสวยงามคอยรองรับไว้อย่างลงตัว Classical French Chef จาโคเปนเฮเกน สู่แรงบันดาลใจในการสร้างบรรยากาศความประทับใจในการรับประทานอาหารในรูปแบบที่สวยงาม รสชาติจากอาหารไทยที่มีตั้งแต่รสชาติและประสบการณ์ที่เราได้จากการใช้ชีวิตประจำวัน ไปจนถึงจานพิเศษที่รังสรรค์รสชาติที่เป็นตำรับไทยแท้อย่างเอร็ดอร่อย Welcome Dish Snack Street Food ที่ดูง่าย แต่มีความลึกซึ้งและกลขบคิดที่น่าสนใจและน่ารับประทาน ASTRONAUT Bag จาน signature ถุงอวกาศ ที่ดู simple แต่เรียกเสียงฮือฮาได้ทุกครั้งจากถุงใสๆข้างนอกที่ทานได้เพราะทำมาจากแป้งข้าวโพดจากที่เราน่าจะเคยรู้จักกันดี มากับข้าวพองรสต้มข่าที่ยังคงเอกลักษณ์แบบไทยได้อย่างลงตัว MERLIN with Wasabi Sauce เมอแรงหวานนุ่ม ประดับด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กับซอสครีมชีสกลิ่นวาซาบิอมเปรี้ยวเล็กๆ ที่เรียกน้ำย่อยได้สมกับเป็นคำเรียกความอยากอาหารได้อย่างน่าสนใจและไม่ซ้ำใคร ไก่สะเต๊ะ มีสไตล์ หอม ลงตัว แบบไม่เหมือนใคร พลอยปทุมอาหารคำสวยงามที่เสิร์ฟมาอย่างน่ารับประทาน รสชาติหอมกลมกล่อมกับเครื่องเทศและไส้ที่เคล้ากับแป้งสีอมชมพูนวลให้ความรู้สึกคล้ายๆกับการทานพั๊ฟ หอมๆกรุ่น อร่อยเต็มคำ ไส้อั่วจิ๋ว กลิ่นหอมทรงดี การนำเสนอน่าสนใจตั้งแต่การเปิดฝาที่รมควันหอมไว้ ความสวยงามและการนำเสนอน่าสนใจให้บรรยากาศเหมือนเราทานไส้อั่วอยู่ หอมกรุ่นบางคนอาจจะคุ้นกับการทานจากข้างทางเลยทีเดียว พนักงานจะเปิดที่ครอบแก้วออกมา ควันจะพวยพุ่งออกมา เมี่ยงคำ Signature ใบชะพลูห่อด้วยเครื่องต้นตำรับแบบไทย แต่ความเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือ การใส่เสาวรส และสับปะรดเข้าไปในอาหาร รสชาติเมี่องคำที่คุณเคยทานก็กลับมีมิติขึ้นมาแถมยังคลุกด้วยกลิ่นเคล้าของเสาวรส ตลอดจนยังทำให้ทานกันสดๆ มาคลุกเครื่องแบบต่อหน้า ไม่เก็บทิ้งไว้เลยครับ ดอกบัวในสระบัว ทูน่า พล่ากะทิ ที่รสชาติกลมกล่อมอร่อย เพลินลิ้น ถูกใส่ไว้บนดอกบัวที่มีสีสันสะอาดตา น่ารับประทาน เป็นคำมีรสชาติ ละมุนหอมกลิ่นเครื่องพล่าที่ไม่ฉุน ดุลกับกลิ่นหอมอวลของเนื้อกะทิได้เป็นอย่างดี Soup ต้มยำกุ้ง ที่รับประกันได้ 100% ว่าไม่เหมือนที่ไหนแน่นอนครับ ตั้งแต่การนำเสนอ ซุปต้มยำกุ้งที่ปกติอาจจะมาแบบเป็นหม้อหรือเป็นกาอุ่นร้อน ที่นี่นำเสนอผ่านการทำให้อุ่นผ่านเครื่องไซฟอน ตัวเนื้อกุ้งเสิร์ฟผ่านลักษณะคล้ายขนมปังหน้ากุ้งแต่มาเลือกแบบการปั้นเป็นก้อนกลมขนาดพอดีคำ…