Author: nutthawat jaruwat

เปิดประตูต้อนรับเหล่านักชิมและผู้ชื่นชอบอาหารสไตล์เทปปันยากิสู่รสชาติความอร่อยใหม่ที่รอให้คุณมาค้นพบ ณ ห้องอาหาร “ชิซานะ นามิ” โดยห้องอาหารได้รับการส่งมอบประสบการณ์ต่อจากห้องอาหารนามิ เทปปันยากิ สเต๊กเฮาส์ โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ ให้มาขยายความอร่อยพร้อมคุณภาพที่คัดสรรแล้วที่ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก ใกล้กับบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ชื่อของห้องอาหาร “ชิซานะ นามิ” แปลว่า “คลื่นลูกเล็ก” ในภาษาญี่ปุ่น ได้รับแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อจากภาพที่นำเสนอท่วงทำนองอันสอดประสานกันระหว่างไฟและคลื่น โดยห้องอาหารใช้แนวคิดนี้มานำเสนอประสบการณ์เทปปันยากิผ่านการใช้เปลวไฟมาแต่งแต้มสีสันอันน่าลิ้มลองลงบนวัตถุดิบที่คัดสรรอย่างดี อาทิ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ และผักนานาชนิด ห้องอาหารตกแต่งตามแบบศิลปะเซน เน้นความพริ้วไหวและการออกแบบร่วมสมัยผสานไปกับบรรยากาศอันเรียบง่ายน่าอภิรมย์ ส่วนการตกแต่งภายในใช้ชุดสีเข้มโทนเดียวกัน พร้อมจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้เข้าคู่กับเก้าอี้หนัง รองรับไปกับเคาน์เตอร์หินอ่อนสีดำ ทำให้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งมีพลัง ห้องอาหารชิซานะ นามิ เหมาะแก่การมาสังสรรค์ในหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อค่ำสุดโรแมนติกหรือเฉลิมฉลองมื้อพิเศษกับกลุ่มเพื่อน ภายในห้องอาหารแบ่งสัดส่วนที่นั่งออกเป็นหลายส่วน ทั้งสาเกบาร์และบริเวณที่นั่งรวม 3 บริเวณ แต่ละบริเวณสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุด 16 ท่าน นอกจากบริเวณที่นั่งรวม ยังมีห้องส่วนตัวอีก 2 ห้อง แต่ละห้องสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุด 10 ท่าน เหมาะสำหรับการนัดเจรจาธุรกิจหรือมารับประทานอาหารกันแบบส่วนตัว สองเชฟมือฉมัง ผู้อยู่เบื้องหลังการมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารเทปปันยากิให้ทุกท่านได้ดื่มด่ำความอร่อยอย่างเต็มรูปแบบ คือ เชฟภาณุมาศ ไชยสาลี และ เชฟวัชระ วัฒนศิริ โดยเชฟภาณุมาศ ถือเป็นเชฟผู้เชี่ยวชาญในการประกอบอาหารสไตล์เทปปันยากิ เชฟเริ่มต้นเส้นทางในสายอาชีพนี้ที่ห้องอาหารนามิ เทปปันยากิ สเต๊กเฮาส์ โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ และออกเดินทางไปฝึกฝีมือทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารในเมืองลอนดอน ลิเวอร์พูล โฮจิมินห์ หรือเขาหลัก ความเชี่ยวชาญในอาหารเทปปันยากิของเชฟกลายเป็นที่ประจักษ์และรับรู้กันเป็นวงกว้าง ในฐานะผู้ชนะการแข่งขันในรายการเชฟกระทะเหล็ก ที่ประเทศเวียดนาม ประจำปี พ.ศ. 2555 ในขณะที่เชฟวัชระ เริ่มต้นอาชีพในฐานะเชฟเทปปันยากิที่ห้องอาหารเบนิฮานา กรุงเทพฯ ก่อนจะย้ายไปทำงานที่ร้านอาหารเทปปันยากิในเมืองลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ชวนทุกท่านมาลิ้มลองเมนูซิกเนเจอร์ อาทิ เนื้อโอกุมะสันนอก เกรด เอ3 เสิร์ฟพร้อมซอสสาเก และหอยเชลล์ฮอกไกโดผัดเนยมิโซะ หรือเมนูเบาสบายท้องอย่างปลาฮามาจิ เสิร์ฟพร้อมพริกจาลาปิโน่ ผักกาดแก้ว และน้ำสลัดยูซุ และเมนูชิซานะ นามิ มากิ สอดไส้กุ้งเทมปุระราดซอสสไปซี่มายองเนส ปิดท้ายด้วยของหวานที่ไม่เหมือนใครอย่างไอศกรีมมิโซะ และกล้วยผัดเนย เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวนิลา…

Read More

สวัสดีท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารอีกครั้งครับ วันนี้ ทางทีมงาน Kinandleisure มีร้านอาหารสุดน่าประทับมาแนะนำอีกเช่นเคย ก่อนอื่นต้องกล่าวก่อนว่า อาหารอิตาเลียนเป็นหนึ่งในประเภทอาหารแนวตะวันตกที่คนไทยชื่นชอบมาอย่างช้านาน รวมทั้งเมืองไทยก็เป็นจุดหมายสำคัญของเหล่าเชฟผู้มากฝีมือทั้งหลายในการมาสั่งสมประสบการณ์หรือร่วมเปิดร้านอาหารเพื่อมาแบ่งปันประสบการณ์ทางอาหารนานาชาติ ให้พวกเราได้ลองลิ้มชิมรสกัน โดยสำหรับห้องอาหารที่จะมานำเสนอในคราวนี้ คือ ห้องอาหาร Bella Sera แห่งโรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท โรงแรมดังใจกลางเมือง ที่พร้อมสำหรับการนำเสนอห้องอาหารและประสบการณ์ทางอาหารหลากหลายประเภทอย่างน่าประทับใจ โดยสำหรับห้องอาหาร Bella Sera เป็นห้องอาหารยามเย็นที่เปิดให้บริการอย่างอบอุ่น พร้อมต้อนรับด้วยอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมดจากฝีมือเชฟฟาบิโอและทีมงานคุณภาพ โดยมีคอนเซปอาหาร คือ “Cucina Di Mamma Mia” (ครัวของคุณแม่) ที่เป็นการบอกเล่าประสบการณ์ทางอาหารอย่างน่าประทับใจ ผ่านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมดจากเมืองอูดิเน (Udine) ที่มีความเรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยรสชาติ ความใส่ใจ และความพิถีพิถันในอาหารแต่ละจานก่อนนำมาเสิร์ฟสู่โต๊ะอาหาร บรรยากาศภายในร้านจัดองค์ประกอบได้อย่างอบอุ่นและบ่งบอกถึงความเป็นร้านอิตาเลียน มีจุดเด่นคือ เตาอบพิซซ่าแบบดั้งเดิมที่เมื่อเห็นก็สามารถเดาได้เลยว่า พิซซ่าที่นี่จะเป็นพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแท้ ๆ ที่มีทั้งความกรอบและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์จากการใช้ไฟอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ทางห้องอาหารมีห้องไวน์สำหรับโชว์และสำหรับลูกค้าสำหรับการเลือกลิ้มลอง ซึ่งมีไวน์หลากหลายชนิดเตรียมบริการ นอกจากนี้ การจัดที่นั่งและแสงไฟ ให้ความรู้สึกสบาย ๆ เป็นกันเอง เพราะสำหรับมื้ออาหารเย็นง่าย ๆ แบบครอบครัว ในยามเย็นหรือค่ำคืนหลังเลิกงาน โดยห้องอาหาร Bella Sera แห่งนี้ก็พร้อมสำหรับการเป็นจุดพักใจสำหรับผู้ที่เข้ามารับประทานอยู่เสมอ ด้วยการบริการที่มีคุณภาพและเป็นกันเอง ตลอดจนอาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์ Appetizer เริ่มต้นมื้อเย็นอันน่าประทับใจจากเชฟฟาบิโอ ด้วยขนมปังหลายชนิดทั้งหนุมหนึบและกรุบกรอบ อาทิ ขนมปังขาไก่ Breadsticks เชียบัตตา Ciabatta Bread เสิร์ฟพร้อมน้ำมันมะกอก และวินิก้าคุณภาพสูง รวมถึงตัว canape ที่มีมะเขือเทศเป็นองค์ประกอบหลักทอปด้วยสวีทเบซิลในกระทง ซึ่งสื่อถึงการใช้วัตถุดิบหลักขึ้นชื่อของอิตาเลียน คือ มะเขือเทศ ได้อย่างมีเอกลักษณ์ Food La Mia Insalata Versione Cesare เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยจานสลัด ซึ่งจานนี้เป็นซีซาร์สลัดแบบฉบับของเชฟฟาบิโอ มีจุดเด่นคือการใช้ไก่อบ แองโชวี่ และมี Dressing เป็นการ์ลิคมาโย พร้อมโรยด้วยขนมปังกรอบกรูตอง เป็นการเริ่มต้นอันน่าสดชื่น ด้วยตัวซอสและแองโชวี่ที่ช่วยเรียกน้ำย่อยและสร้างความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ตัวไก่และขนมปังก็เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างสีสันให้จานสลัดนี้เป็นจานที่ทานสนุกได้อย่างน่าประทับใจ Melanzane al Forno…

Read More

Chef : Gerard Villaret Horcajo Date : 4 2024 Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A สวัสดีทุกท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารอีกครั้งครับ วันนี้ ทาง Kinandleisure ขอโอกาสมานำเสนอสัมผัสอันนุ่มนวลแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่ทางห้องอาหารระดับดาวมิชลิน Elements, inspired by Ciel Bleu ภูมิใจนำเสนองานศิลปะแห่งอาหารอันเลิศรสชุดนี้ กับ “Spring Guestronomic Journey” ที่เปิดให้ทุกท่านได้ยลโฉมและลิ้มลองงานศิลป์ในมื้ออาหารเพิ่มต้อนรับฤดูใบไม้ผลิอันสดชื่นและอุดมสมบูรณ์ ด้วยการรังสรรค์เมนูอาหารสุดพิถีพิถันด้วยฝีมือเชฟ Gerard Villaret Horcajo ที่ย้ายมาจากห้องอาหาร Ciel Bleu ซึ่งเป็นห้องอาหารระดับมิชลินสองดาวที่โรงแรม Okura Amsterdam โดยสำหรับช่วง Spring Guestronomic Journey นี้ ทุกเมนูได้ผ่านการสร้างสรรค์อย่างใส่ใจและพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ในเรื่องการรังสรรค์วัตถุดิบที่ใช้ แหล่งที่มาของวัตถุดิบ จนไปถึงการประกอบอาหารและการจัดเรียงคอร์สพร้อม Pairing Drink ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ทางอาหารอันน่าตื่นตาท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิที่พร้อมเสิร์ฟถึงโต๊ะอาหารของคุณ เส้นทางสู่ห้องอาหาร Elements, inspired by Ciel Bleu ห้องอาหาร Elements, inspired by Ciel Bleu ตั้งอยู่ที่ชั้น 25 บนโรงแรม Okura Prestige Bangkok ที่ถนนวิทยุ ซึ่งสามารถเดินทางมาได้โดยสะดวกด้วยรถยนต์ มีให้บริการที่จอดรถอย่างเหลือเฟือ รวมถึงตัวโรงแรมมีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต ทำให้สามารถเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้าได้อย่างสะดวกเช่นกัน ร่วมสัมผัส  Spring Guestronomic Journey ภายใต้การเดินทางท่ามกลางฤดูในไม้ผลิ ทางห้องอาหาร พร้อมนำเสนอคอร์สอาหารที่พร้อมเติมเต็มทุกจินตนาการแห่งฤดูใบไม้ผลิของท่าน ด้วย 3 คอร์สใหญ่ 3 ราคา จำแนกตามจำนวนคอร์สให้เลือกสรร ได้แก่Ku-Ki Chikyu และ Mizu โดยวันนี้ทาง Kinandleisure…

Read More

Chef : Chi Ki Wong x Simon Kin Date : 3 2024 Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A สวัสดีผู้มีรสนิยมในการทานอาหารทุกท่านอีกครั้งครับ วันนี้ ทาง Kinandleisure จะขอมาบอกเล่าประสบการณ์ทางอาหารสุดน่าประทับใจอีกครั้ง โดยในคราวนี้ ห้องอาหารไบยุน (Bai Yun) แห่งโรงแรมบันยัน ทรี กรุงเทพ ได้จัดกิจกรรมสุด Exclusive โดยได้เชิญเชฟ ชิ คิ หว่อง (Chi Ki Wong) แห่งห้องอาหาร Above & Beyond โรงแรมไอคอน ฮ่องกง Icon hotel Hongkong มาโคจรพบกับเชฟไซม่อน จากห้องอาหารไบยุนแห่งบันยันทรี โดยเชฟทั้งสองได้ผ่านการฝึกปรือฝีมือจนชำนาญจากอาจารย์ท่านเดียวกัน ก่อนที่จะแยกย้ายเพื่อสร้างตำนานของตนเอง ซึ่งบัดตำนานดังกล่าวได้มาบรรจบพบกัน ณ ที่แห่งนี้อีกครั้ง โดยคอร์สอาหารที่จะมาบอก เล่าประสบการณ์ในวันนี้ เป็นคอร์ส 4-Hand Symphony of Cantonese Flavor ที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายอาหารกวางตุ้ง หนึ่งในตระกูลอาหารจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทั้งการนำเสนอที่น่าตระการตา สีสันที่สวยสดงดงาม ศิลปะการใช้ไฟและไอกระทะที่ทำให้ได้กลิ่นหอมละมุนและดึงศักยภาพของวัตถุดิบมาได้อย่างคุ้มค่า และที่สำคัญที่สุด คือรสชาติที่มีเอกลักษณ์เป็นแบบฉบับของตนเอง ทำให้อาหารกวางตุ้งเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมที่ครองใจคนทั่วโลกมานับตั้งแต่อดีตกาล Interior & Decoration เมื่อเดินเข้ามาถึงท่านจะพบกับความรู้สึกที่สวยหรูและผ่อนคลายด้วยการตกแต่งในโทรสีเข้ม แท่งน้ำทรงกระบอกที่วางตัวเรียงรายมีฟองน้ำลอยขึ้นมาพร้อมกับแสงสีฟ้า โต๊ะที่ปูด้วยผ้าสีฟ้าอมน้ำเงินกับเก้าอี้ทรงโค้งสไตล์หมิงเรียงรายตามผืนกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดให้เฆ้นทัศนียภาพของกรุงเทพฯอันงดงาม ตรงกลางห้องอาหารมีงานประติมากรรมเป็นทรงก้อนเมฆสีขาวเรียงรายเป็นกำแพงตามชื่อห้องอาหารที่แปลว่าเมฆสีขาวนั้นเอง ห้องอาหารไบยุน ได้สร้างบรรยากาศที่ทำให้มื้ออาหารที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นประสบการณ์อาหารที่น่าประทับใจ ไม่ว่าท่านจะมารับประทานอาหารในช่วงกลางวัน เย็น หรือยามค่ำคืน ห้องอาหารไบยุนก็ได้สร้างเสริมเอกลักษณ์ให้มีความน่าจดจำต่อท่านผู้ใช้บริการอยู่เสมอ ด้วยการตกแต่งแบบจีนที่ผสมผสานกับความโมเดิร์น ทำให้ได้ทั้งความเรียบหรูและความสง่างามที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะบรรยากาศในยามค่ำคืนที่มีแสงสีคอยปรุงแต่ง ทุกองค์ประกอบล้วนสร้างสรรค์ให้สามารถดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนในตึกสูงระฟ้ากลางมหานครได้อย่างน่าจดจำ ทางห้องอาหารได้จัดการแสดงเปลี่ยนหน้ากาก ประกอบด้วยทริคต่างๆ จากนักแสดงมากความสามารถ โดยพร้อมเล่นให้ดูถึงหน้าโต๊ะอาหารเลยทีเดียว Appetizer อาหารเรียกน้ำย่อยของคอร์ส 4 Hands ในครั้งนี้…

Read More

Chef : Slawomir Kowalik Date : 2 2024 Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A สวัสดีผู้มีรสนิยมในการทานอาหารทุกท่าน วันนี้ Kinandleisure เรามีห้องอาหารน่าสนใจมานำเสนออีกเช่นเคย ในคราวนี้เรามาพร้อมกับห้องอาหาร Bistrot De La Mer แห่งโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ที่จะสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจ ด้วยวิวสุดสวย และอาหารเปี่ยมคุณภาพ ทั้งหมดนี้ในราคาที่เมื่อเห็นรอบแรกแล้วต้องขยี้ตา ว่าราคานี้จริงรึ ? เหมือนคืนกำไรให้ลูกค้า ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร มาชมไปพร้อมๆ กัน Location & Decoration ห้องอาหาร Bistrot De La Mer ตั้งอยู่ ณ ชั้น 19 ของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โดยสามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกด้วยรถยนต์ มีที่จอดรถแบบเหลือเฟือพร้อมให้บริการ บรรยากาศสบายตาสบายใจเหมาะแก่การพักผ่อนจากคืนวันอันยุ่งเหยิงจากการทำงานได้ดียิ่ง ตามชื่อของห้องอาหาร ร้าน Bistrot De La Mer นำเสนอประสบการณ์ทางอาหารในสไตล์ฝรั่งเศสตอนใต้ สไตล์ French Mediterranean ที่พร้อมจะสร้างความน่าตระการตา ทั้งสีสันของอาหารที่สวยงามตามประสาอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียน คุณค่าทางโภชนาการที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ และการตกแต่งสถานที่ซึ่งออกมาเป็นแนวห้องอาหารครอบครัว ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง บรรยากาศสบายๆ โต๊ะจัดแบบไม่แน่นมาก มีงานศิลปะและการจัดองค์ประกอบอย่างเรียบง่ายแต่พิถีพิถันอยู่ล้อมรอบ พนักงานพร้อมให้บริการอย่างใส่ใจและเป็นมิตร บรรยากาศโดยรวมให้ความรู้สึกแจ่มใส สบาย ๆ ไม่เกร็ง เหมาะแก่การพาคนในครอบครัวมาร่วมทานอาหารในวันสบาย ๆ ที่อบอุ่นอย่างยิ่ง ในขณะที่การจัดแสงไฟ ในช่วงกลางวันถึงเย็นที่ตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า แสงจากด้านนอกประกอบกับไฟด้านใน ผสมผสานกันให้เกิดความสบายตา รู้สึกสงบ อบอุ่น เรียบง่ายแต่สวยงาม ในขณะที่มื้อค่ำจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ด้วยแสงไฟที่มีบรรยากาศออกสลัว ๆ โรแมนติก ทำให้เป็นร้านอาหารที่เหมาะกับการทั้งการรับประทานอาหารสบายๆ หรือการทานข้าวร่วมกับคนรู้ใจในทุกโอกาสพิเศษ …

Read More

สวัสดีท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารทุกท่าน วันนี้ทาง Kinandleisure มีชุดน้ำชายามบ่ายที่น่าสนใจมานำเสนออีกเช่นเคย โดยในครั้งนี้เป็นชุดน้ำชายามบ่าย “คิรินาทู อาฟเตอร์นูนที” นำเสนอโดย โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ที่ได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ “คิรินาทู” แบรนด์น้ำหอมไทยสัญชาติฝรั่งเศส ร่วมกันรังสรรค์ชุดน้ำชายามบ่ายที่เรียบหรูและมีเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร Location โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวสุดพรีเมียมที่ตั้งอยู่ย่านใจกลางกรุงเทพ สามารถเดินทางมาได้โดยสะดวกในหลายช่องทาง ทั้งรถไฟฟ้าและรถยนต์ ตั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและแลนด์มาร์กที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย เมื่อเดินทางเข้ามาในตัวโรงแรม จะพบกับ 1897 เลาจน์ ที่บริเวณชั้นล็อบบี้ของโรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ความมหัศจรรย์จากชุดน้ำชายามบ่าย “คิรินาทู อาฟเตอร์นูนที” จะได้รับการนำเสนอให้เชยชม KIRINATU’s Scented Serenity Afternoon Teatime ชุดน้ำชายามบ่าย “คิรินาทู อาฟเตอร์นูนที” เป็นชุดน้ำชาที่ออกแบบโดยเชฟแฟรงส์ อิสเทล ร่วมกับแบรนด์น้ำหอม คิรินาทู โดยมีคอนเซ็ปคือการรับความเพลินเพลินผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ รูปลักษณ์จากทั้งสถานที่และรูปลักษณ์ของขนมต่าง ๆ ตลอดจนผิวและรสสัมผัส เสียงจากดนตรีบรรเลงเพื่อสร้างบรรยากาศ และจุดสำคัญคือกลิ่นหอมจากน้ำหอมแบรนด์คิรินาทู ที่ได้ออกแบบให้กับโรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เป็นกลิ่นเฉพาะอันมีเอกลักษณ์ โดยน้ำหอมแบรนด์คิรินาทูที่ทำให้กับโรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เป็นกลิ่นเฉพาะ ชื่อ “โลตัส เบลอ” (Lotus Bleu) หรือกลิ่น “ดอกบัวสีน้ำเงิน” ตามชนิดของดอกบัวที่หาได้ยาก มีกลิ่นหอมสบายเป็นเอกลักษณ์ และสามารถสื่อถึงความเป็นโรงแรมเคมปินสกี้ ได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งผู้ที่มารับประทานชุดน้ำชายามบ่าย จะได้รับน้ำหอมดังกล่าวเป็นของสมนาคุณด้วย ผู้ใช้บริการจะได้เริ่มสัมผัสตั้งแต่แรกเริ่มเดินทางมาถึง 1897 เลาจน์ ที่มีบรรยากาศสวยงามสบายตา สัมผัสกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของทางโรงแรม ประกอบกับการบรรเลงเพลงพิณสุดไพเราะจากมาดามหวังที่สร้างบรรยากาศอันน่าประทับใจ โดยมาดามหวังจะมาบรรเลงเพลงขับกล่อมต้อนรับการมาเยือนของทุกท่านเป็นพิเศษตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์           ในส่วนของตัวขนมในชุดน้ำชายามบ่ายเซ็ตนี้ ได้รับการคัดสรรตัวชาและการออกแบบขนมมาอย่างประณีต ตั้งแต่การคัดเลือกชาจาก แบรนด์รอนเนอเฟลด์ (Ronnefeldt) แบรนด์ชาสัญชาติเยอรมันที่มีอายุเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ปี 1823 โดยมีคติหลักของแบรนด์ชารอนเนอเฟลด์คือจะคัดสรรเฉพาะใบชาที่คุณภาพสูงสุด จากไร่ชาที่ดีที่สุด ในแหล่งปลูกชาที่ดีสุด ซึ่งสำหรับเซ็ตน้ำชายามบ่ายนี้ พันธ์ชาจะได้รับการคัดสรรอย่างดีอีกต่อหนึ่งจากมือของคุณกิ่ง นิภาพร…

Read More

Chef : Ama : 2 2024 Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A สวัสดีท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารทุกท่าน วันนี้ Kinandleisure ขอมานำเสนอประสบการณ์ทางอาหารอันน่าตระการตา พร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนอันน่าประทับใจอีกครั้ง ที่ Zuma Bangkok ที่มีการปรับปรุงห้อง Private ใหม่สุดส่วนตัว เพื่อเตรียมให้บริการผู้มาใช้บริการทุกท่าน โดยที่ไม่มี minimum spend แต่อย่างใด สำหรับอาหารและบรรยากาศจะเป็นอย่างไร เราไปรับชมพร้อม ๆ กันเลยครับ Location & Decoration Zuma Bangkok เป็นห้องอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในระดับโลก มีการเปิดให้บริการในหลายสาขาในหลายประเทศทั่วโลก มีจุดเด่นคืออาหารที่คุณภาพและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพพร้อมบริการอันน่าประทับใจ สำหรับห้องอาหาร Zuma Bangkok ตั้งอยู่ในโรงแรม The St. Regis Bangkok ย่านถนนราชดำริ สามารถเดินทางมาได้โดยสะดวกโดยรถไฟฟ้ามหานคร หรือจะเดินทางมาด้วยรถยนต์ก็สะดวกเช่นกัน ซึ่งทางโรงแรมมีการให้บริการพื้นที่ที่ของรถไว้อย่างเหลือเฟือ สำหรับการตกแต่งภายในร้าน ด้วยการจัดแสงไฟทำให้มีบรรยากาศสอดรับกับความมืดแห่งยามค่ำคืน มีทั้งบริเวณด้านใน ห้องส่วนตัว หรือบริเวณด้านนอกที่มีการจัดแต่งแสงไฟสุดโรแมนติก ทำให้ภายในห้องอาหารแห่งนี้สามารถเก็บรายละเอียดทางอารมณ์ได้อย่างหลากหลายและเหมาะสมกับทุกช่วงวัย ที่ทั้งบริเวณที่เป็นบาร์ โซนพื้นที่เปิด และโซน Private สำหรับท่านที่ต้องการใช้เวลาอย่างเป็นส่วนตัวกับมิตรสหายและญาติมิตร รวมถึงสถานที่มีการจัดร้านอย่างคำนึงรายละเอียดต่าง ๆ อย่างพิถีพิถัน ทั้งแสงไฟ และการจัดวางเครื่องเสียง เพื่อการสร้างบรรยากาศที่ดีและเหมาะสมที่สุด สำหรับเมนูอาหาร ทางห้องอาหาร Zuma Bangkok มีการจัดเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นและอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นเพื่อการให้บริการ ควบคู่กับเครื่องดื่มหลากหลายชนิดเพื่อหนุนเสริมอรรถรสและประสบการณ์ทางอาหารอันน่าประทับใจ โดยมื้ออาหารที่ทางทีมงาน Kinandleisure ได้ไปสัมผัสมา มีเมนูอาหารดังนี้ Steamed (or roasted) edamame with sea salt เริ่มต้นด้วยอาหารออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อย เป็นถั่วแระญี่ปุ่น จัดเสิร์ฟทั้งแบบโรยเกลือปกติและแบบย่างในระดับที่พอเหมาะเพื่อเอากลิ่น ถั่วแระเม็ดใหญ่ รับประทานได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน avocado salad…

Read More

สวัสดีผู้อ่านที่มีรสนิยมในการกินทุกท่าน ครั้งนี้ Kinandleisure มีโอกาสได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจ ทั้งอาหารที่มีคุณภาพจากผลิตภัณฑ์ออแกนิคที่มีต้นกำเนิดมาจากผลิตภัณฑ์ของไทยเอง และห้องอาหารที่มีพร้อมกับแนวคิด sustainable eating ในขณะที่มีอาหารอันเป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่น่าตราตรึงใจ ด้วยเหตุนี้ทาง Kinandleisure จึงขอให้โอกาสนี้ในการบอกเล่าประสบการณ์ครับ แนวคิด Sustainable Eating ทางโรงแรมในเครืออมารี รวมถึง Onyx Group ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจอย่างควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสามารถพิสูจน์ให้เห็นด้วยการให้บริการของโรงแรมที่ยังคงคุณภาพระดับสูงไว้ ในขณะที่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจและกระบวนการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้นได้ สำหรับแนวคิดที่ทาง Onyx กรุ๊ป และทางโรงแรมในเครืออมารี ได้นำเสนอและปฏิบัติตาม คือการให้บริการร้านอาหารด้วยแนวคิด Sustainable Eating คือการทานอาหารอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ที่มาของวัตถุดิบ กระบวนการปรุงอาหาร ตลอดจนวัตถุ อุปกรณ์ และสิ่งของสำหรับให้บริการภายในร้าน จะดำเนินการโดยพยายามไม่ให้เกิด Food waste , waste หรือหากเกิดขึ้น จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างน้อยที่สุด โดยตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของเรื่องนี้ คือห้องอาหารชมสินธุ์ ที่เตรียมการเปิดให้บริหารโดยรับแนวคิดนี้มาอย่างเต็มเปี่ยม โดยแม้แต่ผักบางชนิด ทางห้องอาหารก็ใช้ผักสวนครัวจากที่ปลูกในโรงแรมเองด้วย การเดินทาง ห้องอาหารชมสินธุ์ ตั้งอยู่ที่โรงแรมอมารี กรุงเทพ (เดิมคือ อมารี ประตูน้ำ) สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกด้วยรถยนต์ โดยทางโรงแรมมีบริการที่จอดรถเตรียมไว้อย่างเหลือเฟือ โดยผู้ที่มาใช้บริการห้องอาหารหรือมาพักผ่อนที่โรงแรม สามารถแสกนบัตรจอดรถได้ การตกแต่งห้องอาหาร ห้องอาหารตกแต่งด้วยสไตล์ที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน มีการใช้วัสดุโทนสีน้ำตาล และไม้มาเป็นส่วนประกอบ มีการประดับด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่สร้างความคิดถึงไปถึงสมัยเด็กๆ และย้อนความหลังได้เป็นอย่างดี เป็นห้องอาหารขนาดกลางที่เหมาะสำคัญการพาครอบครัวมาร่วมทานข้าวด้วยเป็นอย่างยิ่ง Standing Cocktail เริ่มต้นความประทับใจด้วยของว่างรองท้อง กับแตงโมโรยด้วยผงปลากรอบ กับเครื่องดื่มที่สามารถเลือกได้ ระหว่าง Cocktail ที่ชงจากเหล้าแม่โขงและเสาวรส หรือท่านที่ไม่ทานแอกอฮอลล์ก็สามารถเลือกเป็นน้ำลำไยได้ Dinner  ในมื้ออาหาร ทางเชฟปวิน ของทางห้องอาหารชมสินธุ์ พร้อมด้วยทีมงานคุณภาพ พร้อมใจนำเสนออาหาร ที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การลิ้มชิมรส หากแต่อยากให้สัมผัสกับประสบการณ์ ที่มา และเรื่องราวของวัตถุดิบเหล่านั้นด้วย ซึ่งมื้ออาหารอันน่าประทับใจสไตล์ไทยแท้นี้ ประกอบด้วยอาหารจานต่าง ๆ ดังนี้ อาหารขบเคี้ยวเรียกน้ำย่อย (Mixed Thai Appetiser) ช่อม่วงใส่ปู / ยำส้มโอกระทงทอง / ม้าฮ้อ…

Read More

การประสานของรสชาติแห่งอาหารไทย ทั้งดั้งเดิมและสมัยนิยม ชมสินธุ์ เป็นชื่อเรือยอชท์ของครอบครัวที่สมาชิกทุกคนมีความผูกพันกับท้องทะเล และคุ้นเคยกับการรับประทานอาหารจากสินทรัพย์แห่งสายน้ำมาแต่วัยเยาว์ ชมสินธุ์ แปลว่าการมองดูสายน้ำ ซึ่งได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของห้องอาหารไทยแห่งใหม่ที่ต้องการชูคุณค่าวัตถุดิบแห่งน่านน้ำไทย พร้อมนำเสนอสูตรอาหารไทยต้นตำรับให้ผู้ที่รักอาหารไทยได้รับประทานอย่างหลากหลาย แสดงออกถึงมรดกทางวัฒนธรรม ความรุ่มรวยของอาหารทะเล และปลาแม่น้ำในฤดูกาลต่าง ๆ รวมทั้งยังแสดงให้เห็นถึงการสอดประสานของความร่วมสมัยที่จะส่งต่อคุณค่านี้จากรุ่นสู่รุ่น บรรยากาศ ห้องอาหาร ชมสินธุ์ เลือกใช้โทนสีที่สร้างความอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ ได้แก่ สีคราม สีเขียวเทอร์ควอยซ์ และสีน้ำตาล สามารถรองรับแขกได้มากถึง 48 ท่าน และมีมุมไพรเวทแยกสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ห้องอาหารยังได้รับการตกแต่งแบบร่วมสมัย เน้นใช้วัสดุจากไม้และดินเผา บ่งบอกถึงความสนุกสนาน ทันสมัยแต่หากยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุคก่อน ในขณะที่ผู้ออกแบบยังคงใช้ลวดลายไทยที่เราคุ้นตามาสร้างความรู้สึกให้นึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวภายในบ้าน มอบบรรยากาศการรับประทานอาหารแบบไทยที่มักมีสมาชิกในบ้านทุกรุ่นมาร่วมโต๊ะพร้อมหน้าพร้อมตากัน เชฟ ประวีณ ดีลี เชฟรุ่นใหม่ไฟแรงผู้มารับหน้าที่เป็นผู้นำในครัว ไม่ใช่แค่ความหลงใหลในอาหารไทย แต่เขายังมีทักษะและความรู้ที่สั่งสมมาตลอดเส้นทางอาชีพเชฟของเขา โดยเฉพาะในเรื่องสมุนไพร เครื่องเทศ และความเผ็ดร้อนในอาหารไทยที่มีมิติและตัวแปรอันแตกต่างกันออกไป เชฟประวีณเข้าใจวัตถุดิบทุกชนิดเป็นอย่างดี และรังสรรค์ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ โดยเฉพาะเครื่องแกงแบบโฮมเมดซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของอาหารไทย เขายังไม่ลืมที่จะอุดหนุนผลิตภัณฑ์จากชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบนิเวศทางอาหารอย่างยั่งยืน อาหาร ชมสินธุ์ นำเสนอเมนูอาหารไทยที่หารับประทานได้ยากในทุกวันนี้ และกำลังเลือนหายไปจากความทรงจำ โดยนำสูตรต้นตำรับมาปรับให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น สำหรับวัตถุดิบหลักที่เป็นตัวชูโรงคืออาหารทะเล และของสดจากแม่น้ำ อาทิ ล็อบสเตอร์จากภูเก็ต ปูจาก สุราษฎร์ธานี และกุ้งแม่น้ำจากอยุธยา เป็นต้น ชมสินธุ์ ยังเลือกใช้วัตถุดิบทั้งหมดจากผู้ผลิตโดยตรงทั่วประเทศไทย และใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกให้มากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นสร้างการบริโภคอย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับกระบวนการในห้องครัวซึ่งเชฟประวีณจะใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบอย่างรู้คุณค่า เช่น ใช้ก้างปลามาทำน้ำสต็อก หรือทำผงปรุงรสจากเปลือกกุ้ง ตรงกับหลักการ Zero Waste หรือแนวคิดลดขยะให้เป็นศูนย์ สำหรับเมนูไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ เริ่มตั้งแต่ ยำมะเขือยาวปลาสลิด อาหารเรียกน้ำย่อยที่จะสร้างความอร่อยจากสัมผัสอันแตกต่าง ระหว่างความกรุบกรอบของปลาสลิดทอด และเนื้อนุ่มละมุนของมะเขือยาว พร้อมน้ำยำรสชาติจัดจ้าน อาหารเรียกน้ำย่อยอีกจานที่น่าสนใจคือ แสร้งว่ากุ้ง เมนูโบราณที่จะได้สัมผัสความแน่นของเนื้อกุ้งที่จับตามธรรมชาติ และสมุนไพรนานาชนิดที่ใช้เป็นส่วนประกอบของเมนูนี้ ส่วนเมนูหลักที่ต้องลองเลยก็คือ พระรามลงสรงกับล็อบสเตอร์ภูเก็ต ซึ่งเชฟประวีณจะเพิ่มความจัดจ้านในน้ำซอสด้วยพริกเผา และเลือกใช้ผักบุ้งจีนออร์แกนิกซึ่งให้รสหวานธรรมชาติ ส่วน นารีกรรแสง ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูโบราณที่ควรได้ลิ้มลอง ใช้กุ้งทะเลเป็นส่วนประกอบหลัก เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยสามเกลอ พริกแห้ง ใบกะเพรา กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ซึ่งห้องอาหาร ชมสินธุ์ เลือกใช้ข้าวหอมมะลิจากจังหวัดสุรินทร์ ปิดท้ายมื้ออร่อยด้วย…

Read More

เป็นประสบการณ์หน้าหนึ่งในชีวิตจริง ๆ ที่ได้มีโอกาสมาร่วมสัมผัสกับรสชาติแห่ง “Nostagia” หรือ “ความทรงจำอันแสนหวาน” ของเชฟฮวน อามาดอร์ ดีกรีเชฟมิชลินสตาร์ 3 ดาว ที่สั่งสมประสบการณ์การทำอาหารมานับ 30 ปี รวมถึงฝีมือการรังสรรค์อาหารอันน่าตระการตา ของเชฟบุญ-กีรติ เชฟรุ่นน้อง ซึ่งเป็นเชฟไทยฝีมือดี ตำแหน่ง Chef de Cusine ของ The Water Library ผู้เปี่ยมประสบการณ์การทำอาหารทั้งอาหารคาวและหวายกว่า 10 ปี กับโรงแรมและห้องอาหารชั้นนำต่าง ๆ มากมาย เพื่อมาร้อยเรียงเป็นศิลปะชั้นเลิศผ่านอาหารที่ทรงคุณค่า และร่วมเติมเต็มรสชาติที่จะทำให้หน้าความทรงจำเต็มเปี่ยมไปด้วยความประทับใจที่จะจำได้ไม่ลืมเลือน รู้จักกับ Chef Juan Amador สำหรับเชฟฮวน อามาดอร์ เป็นเชฟระดับมิชลินสตาร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ด้วยดีกรีมิชลินสตาร์ 3 ดาว เป็นเครื่องการันตี โดยเชฟฮวนได้มิชลินสตาร์ดวงแรกมาตั้งแต่วัยเพียง 25 ปี ก่อนที่จะเปิดร้านอาหารของตัวเอง ในชื่อ Restaurant Amador และได้รับเกียรติยศและชื่อเสียงมาอย่างรวดเร็ว ด้วยการได้รับการประดับมิชลินสตาร์ 2 และ 3 ดาวในเวลาต่อมา รวมถึง Restaurant Amador มีตำแหน่งอันดับที่ 6 ของร้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรปจากการจัดอันดับของ Opinionated About Dinning : OAD โดยปัจจุบัน Restaurant Amador ตั้งอยู่ในเมืองเวียนนา ประเทศออสเตรเลีย โดนการันตีคุณภาพด้วย 3 ดาวมิชลิน ตั้งแต่ปี 2019 – 2023 Menu Bread & Puff ขนมปังของที่นี่ก็ไม่ธรรมดา ด้วยการใช้เนยที่ได้รับ aop certified ( “Appellation d’Origine Protégée”) ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีเนยสัญชาติฝรั่งเศสที่ผลิตจากแหล่งผลิตเฉพาะ และที่ได้รับการยอมรับว่าใช้การผลิตด้วยวิธีการเฉพาะของพื้นที่ ส่งผลให้ได้เป็นเนยที่มีคุณภาพสูง มีลักษณะและเอกลักษณ์ที่มีความเด่นเฉพาะของแต่ละพื้นที่ รวมถึงตัวพัฟ ก็ได้มีการใช้เนย Rosemarry…

Read More