Author: satid chu

ปัจจุบันคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักขนมอย่างมาการง มาการงนั้นเป็นที่นิยมที่ไทยถึงขีดสุดในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ซึ่งสำหรับขนมชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส ถึงผู้คนส่วนใหญ่จะพูดกันว่า มาการงเป็นขนมสัญชาติฝรั่งเศส ก็ยังมีข้อถกเถียงกันมากมาย สารานุกรมอาหารการกินชื่อลารุสกัสทรอนอมิก (Larousse Gastronomique) ระบุว่า มาการงนั้นมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 791 ในคอนแวนต์แห่งหนึ่งใกล้กับเมืองกอร์เมอรี จังหวัดแอ็งเดรลัวร์ บ้างก็สืบค้นประวัติศาสตร์ชาติฝรั่งเศสย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1533 สมัยที่กาเตรีนา เด เมดีชี อภิเษกสมรสกับพระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส นางได้นำเชฟทำขนมชาวอิตาลีกลับมาด้วย  ในปี ค.ศ. 1792 ช่วงการปฏิวัติชาติฝรั่งเศส มีแม่ชีนิกายคาทอลิกสองท่านซึ่งหลบภัยไปอยู่ที่เมืองน็องซี ได้อบขนมคุกกี้มาการงขายเพื่อจะนำเงินมาจ่ายค่าบ้าน ทำให้มาการงเป็นที่รู้จักโดยทั่ว มีคนตั้งชื่อให้ท่านทั้งสองว่า “ซิสเตอร์มาการง” ซึ่งในช่วงแรกนั้น มาการงจะเป็นขนมเปล่า ๆ ไม่มีรสหรือไส้อะไรที่พิเศษ จนกระทั่งในคริสต์ทศวรรษ 1830 เริ่มมีการเสิร์ฟมาการงเป็นคู่ ๆ พร้อมกับแยม เหล้า และเครื่องเทศต่าง ๆ แต่มาการงในทุกวันนี้ประกอบไปด้วยเมอแร็งก์แอลมอนด์สองชิ้นประกบกันสอดไส้ตรงกลาง ไส้ที่ว่านี้อาจจะเป็นครีมเนยที่ใช้แต่งหน้าเค้ก (บัตเตอร์ครีม) แยม หรือกานัช ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า “แฌร์แบ” หรือ “มาการงปารีส” มีการกล่าวอ้างว่า เมื่อต้นยุคศตวรรษที่ 20 เชฟปีแยร์ เดฟงแตนแห่งร้านขนมฝรั่งเศสลาดูว์เร (Ladurée) เป็นผู้คิดค้นสูตรนี้ขึ้นมา แต่นักทำขนมอีกคนหนึ่งคือ โกลด แฌร์แบ ก็อ้างว่าสูตรนี้เป็นผลงานของเขาเช่นกัน เมื่อหลายปีที่ผ่านมา มาการงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทยทุกวันนี้แทบทุกร้านขนมหวานท่านสามารถหาซื้อมาการงได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าการจะหามาการงที่ดีมีคุณภาพสร้างสรรค์และรสชาติอร่อยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะว่ามาการงเองเป็นขนมที่ไม่ได้ทำง่ายสักเท่าไหร่ แถมความสร้างสรรค์และความใส่ใจในการทำนั้นก็ส่งผลเป็นอย่างมากยิ่งคุณภาพของวัตถุดิบในการสรรค์สร้างหากเป็นของดี แน่นอนว่ารสชาติและสัมผัสเมื่อครั้งอยู่ในปากย่อมสร้างความประทับใจแตกต่างจากมาการงตลาดทั่วไป ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทาง Mandarin Oriental Bangkok เพิ่งได้ Executive Pastry Chef, คนใหม่มา นั้นก็คือ Christophe Sappy และในตอนนี้เขาก็พร้อมจะอวดโฉมเมนูของหวานใหม่รวมถึงมาการงรสใหม่ด้วย สำหรับมาการงที่ขึ้นชื่อเมื่อพูดถึงแล้ว แน่นอนว่ามาการงจากโรงแรมแมนดารินโอเรียลเต็ลเป็นหนึ่งในมาการงที่ขึ้นชื่อมากเป็นอันดับต้นต้นที่หลายคนต้องนึกถึง และในวันนี้ทาง กินแหลกแจกดาว จะขอแนะนำมาการงรสใหม่ใหม่ที่ทางโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok ได้ทำการรังสรรค์ขึ้นมาทั้งสร้างสรรค์ทั้งอร่อยและแปลกปาก จะมีอะไรพิเศษเป็นอย่างไรบ้างไปลองดูกันเลยครับ 1 Raspberry & Red Capsicum มาการงรสที่มากสารพัดผลไม้ชนิด Raspberry สีแดงสดสวยสะดุดตา…

Read More

หากจะหาร้านขนมปังคุณภาพสูง พรีเมียม สไตล์ฝรั่งเศสแท้ทั้งรสชาติ สัมผัส กลิ่น รูปร่าง ของตัวขนมปัง การใช้วัตถุดิบจากฝรั่งเศส และการตกแต่งร้านรวมถึงบรรยากาศสไตล์ฝรั่งเศสใน เชียงใหม่ Chez Nous เป็นร้านที่คุณต้องไป การออกแบบตกแต่งภายนอกให้กลิ่นอายฝรั่งเศสดูเรียบง่าย อบอุ่น น่ารักเชื้อเชิญให้เข้าไป ชื่อร้านนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าบ้าน ซึ่ง ทางเชฟเจ้าของร้านมีแนวคิดต้องการทำร้านขนมสไตล์ฝรั่งเศสให้มีคุณภาพและพิถีพิถัน ให้ความรู้สึกเหมือนทำให้คนในครอบครัวรับประทาน และให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน โดยทางร้านจะเน้นการทำขนมปัง และขนมอบ ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดล้วนมีคุณภาพสูง ส่งตรงจากฝรั่งเศสทั้งสิ้น และผ่านกระบวนการผลิตแบบพิถีพิถันและเอาใจใส่รายละเอียดทุกขั้นตอน นอกจากนี้ยังมีอาหารเป็น all day breakfast, มีเค้กบางส่วน และมีกาแฟไว้ให้บริการด้วย เชฟเจมส์เจ้าของร้านและผู้รังสรรค์เมนู ขนมฝรั่งเศสต่างๆของทางร้านรังสรรค์โดยเชฟเจมส์ ซึ่งเป็นอดีตเชฟเดอปาร์ตี (Chef De Partie) และ Practical Chef จากสถาบันสอนทำอาหารชื่อดังของฝรั่งเศสอย่าง Le Cordon Bleu, ขนมอบฝรั่งเศส และอาหารฝรั่งเศสเป็นเวลากว่า 8 ปี บรรยากาศของร้านตกแต่งสวยงามสไตล์ country ของฝรั่งเศส และมีเพลงฝรั่งเศสเบาๆคอยขับกล่อมให้ลูกค้าได้เพลิดเพลิน ในร้านมีน้ำบริการฟรี ลูกค้าสามารถบริการตนเองได้เลย การตกแต่งข้าวของให้ความรู้สึกสบายๆเหมือนอยู่บ้าน มาอีกโซนหนึ่ง ตรงนี้เป็นโซนที่แสงสว่างเข้ามาอย่างชัดเจน เหมาะมากที่จะนั่งชิมขนมปังคุณภาพสูง เครื่องดื่ม และอ่านหนังสือไปด้วย ทีนี้เรามาลองชมขนมปังและไอเทมแนะนำต่างๆจากทางร้านกันเลยดีกว่าครับ ทั้งสวยงามอร่อย น่ากินขนาดไหน สำหรับในตะกร้าไม้นี่ก็จะมีขนมปังและขนมอบเด็ดๆที่ต้องชิมต้องลอง ได้แก่ – คานาเล่ย์ 50 บาท สำหรับคานาเล่ย์ของที่นี่นับว่าเด็ดมาก กรอบนอก นุ่มใน หอม หวานกำลังดีอร่อย เพราะทำกันสดๆใหม่ๆ – โดนัท (Cinnamon Donut) 45 บาท แป้งนุ่ม หนึบ หวานกำลังดี หอมมันลงตัว – ครัวซอง (Croissant) 45 บาท เป็นเมนูsignatureของทางร้าน เป็นครัวซองสูตรฝรั่งเศส หอมเนย กรอบนอกนุ่มใน สมกับเป็นเมนูเด็ดของทางร้านเพราะว่าเด็ดจริง กรอบนอก นุ่มใน ลงตัว หอมละมุนมันจากเนยฝรั่งเศส…

Read More

Beyond Boundaries ชื่อนี้จำกัดความได้ดีที่สุดสำหรับมื้อนี้จริงๆครับ !!!!! ไข่หอยเม่น(อูนิ) ฟัวกราส์ คาร์เวียร์ กุ้งแม่น้ำมันเยิ้มไซส์ใหญ่บึ้ม! Lobster อบชีสเยิ้มๆ วากิว สารพัดเมนูพรีเมี่ยมในราคาเริ่มต้นเพียงสองพันกว่าต่อท่านพร้อมโปรมา 3 จ่าย 2 ใครให้มากกว่านี้ ??? สำหรับปีที่ 49 ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังคงมีกิจกรรมและโปรโมชั่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณได้มาสัมผัสประสบการณ์อันแสนประทับใจกันต่อไป เริ่มด้วยการเปิดตัว “Beyond Boundaries” บรั้นช์บุฟเฟ่ต์ เสาร์-อาทิตย์ ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ เอาใจคนที่อยากใช้เวลาไม่เร่งรีบตลอดบ่าย เพื่อทานบุฟเฟ่ต์ มื้อกลางวันพร้อมดื่มแบบสบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยวิวสวนสวยและเสียงน้ำตก ให้คุณได้ดื่มด่ำในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบไร้ข้อจำกัดของเวลา ณ เบญจรงค์ และเทอร์เรส ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มาร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับบรั้นช์บุฟเฟ่ต์ ที่เริ่มเสิร์ฟตั้งแต่เวลา 11:30 น. ยาวไปจนถึงแดดร่มลมตก 17:00 น. แล้วเสิร์ฟต่อด้วยเครื่องดื่ม 1 ดริ้งค์ (ในเมนูที่กำหนด) พร้อมคานาเป้ให้ได้เพลิดเพลินกันไปจนถึงเวลา 19.00 น. เริ่มต้นความอร่อยของมื้อบรั้นช์นี้ด้วย อาหารทานเล่นแบบพอดีคำหรือที่เรียกว่า “Amuse Bouche” ที่เชฟนำมาเสนอด้วยตัวเองเพื่อต้อนรับท่านที่โต๊ะ เป็นเมนูแซลมอนซาชิมิที่ปรุงสุกบนหินร้อน อมูชบูชที่บรรจงทำอย่างพิถีพิถันทีละท่านทุกขั้นตอน เริ่มต้นด้วยการที่พนักงานจะนำกระทะร้อนพร้อมหินร้อนและโรสแมรี่สดมาวางต่อหน้า จากนั้นพนักงานจะคิบเนื้อปลาแซลมอนสดมาวางบนหินร้อน และราดน้ำสมุนไพรลงไป ให้ความร้อนและกลิ่นที่หอม จากนั้นพนักงานจะนำฝาแก้วมาปิดครอบอุณหภูมิภายในฝาครอบจะค่อยๆเพิ่มขึ้น แซลมอนจะค่อยๆสุกขึ้นไปพร้อมกับการอบอวลด้วยกลิ่นสมุนไพรสุดแสนหอมหวล เมื่อได้ระดับความสุกตามต้องการสามารถนำฝาแก้วครอบออกได้ และพร้อมชิมลิ้มรส Oyster 5 ประเทศ USA, Japan, France, Canada and Irish พร้อมเครื่องเคียง มี หอมเจียว, น้ำพริกเผา, ยอดกระถิน, เลม่อน และ Mignonette sauce (น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์แดงผสมกับหอมแดง) ซูชิและซาชิมิระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาฮามาจิ ปลาซาโยริ ปลาชิมะ-อาจิ หอยสังข์ ปลาหมึกยักษ์ ตลอดจนเนื้อวากิว และหอยเม่นทะเลจากฝรั่งเศส Sashimi ไข่หอยเม่น, หอยสังข์,…

Read More

ตลอดเดือนเมษายนนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และห้างเซ็นทรัลชิดลม เอาใจคนชอบกิน ด้วยหลากหลายเมนูเย็นฉ่ำชื่นใจจากร้านดัง มาเสิร์ฟให้ได้อร่อยกันเฉพาะเดือนเมษายน! เริ่มที่ Eathai (อีทไทย) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่สุดแห่งอาณาจักรอาหารไทย…ใหญ่สุด…มากสุด…ครบสุด ชวนคลายร้อนแบบไทยๆ กับเมนูดับร้อนชื่นใจ ในเทศกาล “เย็นฉ่ำชื่นใจ อาหารไทยคาวหวาน” พร้อมด้วยกิจกรรมสุดพิเศษเฉพาะช่วงวันที่ 4 – 16 เมษายน 61 นี้   อากาศร้อนๆ แบบนี้ขอเริ่มด้วยเมนูดับร้อนไทยสุดคลาสสิก กับเมนู ข้าวแช่ (295฿) ไฮไลท์พิเศษของเมนูนี้อยู่ที่ส่วนผสม และเครื่องเคียงต่างๆ ที่ล้วนหารับประทานได้ไม่ง่าย ทั้งยังช่วยดับร้อนได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ หอมแดงสอดไส้ ปลายี่สนผัดหวาน หัวไชโป๊วผัดหวาน หมูปรุงรสปั้นก้อนทอด เสิร์ฟมาให้รับประทานแกล้มกับมะม่วงเปรี้ยว กระชายสลักใบสวยงาม พร้อมด้วยดอกจำปาต้นหอมริ้ว พริกชี้ฟ้าแกะดอก ส่วนสุดยอดความอร่อยต้องยกให้ ข้าวขัด ขัดให้ขาวซึ่งนำไปนึ่งให้สุกกำลังดีไม่แข็งจนเป็นไต และไม่สุกเกินจนเนื้อข้าวนิ่มไป แล้วนำมารับประทานคู่กับน้ำลอยดอกมะลิที่ปรุงความหอมด้วยดอกไม้ไทยอีกนานาพรรณ อร่อยและกลมกล่อม   สำหรับเคล็ดลับเพิ่มความอร่อยในการรับประทาน ‘ข้าวแช่’ แนะนำให้รับประทานลูกกะปิทอดแนมกับมะม่วงเปรี้ยวอมหวานจะเข้ากันดี ส่วนกระชายอ่อนแกะสลักดอกจำปีควรรับประทานคู่กับพริกหยวกสอดไส้ จะช่วยเพิ่มกลิ่นรสและความหอมให้กับเครื่องเคียงได้เป็นอย่างดี และปีนี้เพิ่มความพิเศษกับชุดข้าวแช่เสิร์ฟพร้อมลูกตาลลอยแก้ว ที่ปีนี้ Eathai จัดมาเสิร์ฟคลายร้อนกันตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน โดยสามารถสั่งจองเมนูข้าวแช่ล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ที่ โทร 0 2160 5995 หรือ Line: @eathaibycentral   คลายร้อนกันต่อกับเมนูของหวานเย็นๆ ชื่นใจ กับเมนู แตงโมปลาแห้ง มะปรางริ้วลอยแก้ว (55฿) ที่นอกจากความพิถีพิถันในการทำริ้วที่ตัวมะปรางแล้ว รสชาติยังมีความหวานอมเปรี้ยวช่วยให้ชื่นใจคลายร้อนได้ดี หรือจะเลือกอร่อยกับเมนูมีอีกหลากหลายเมนูแนะนำ ลูกตาลลอยแก้ว (55฿) และที่ขาดไม่ได้สำหรับหน้าร้อนก็ต้องเมนู ข้าวเหนียวมะม่วง สดชื่นคลายร้อนกับเครื่องดื่มที่เข้ากันดีกับฤดูร้อนอย่าง น้ำอัญชัญ (120฿) น้ำเก็กฮวย (45฿) ขณะที่ โซนมุมอร่อย ที่ผลัดเปลี่ยนอาหารจากร้านเด็ดๆ มาแวะเวียนให้รับประทานที่อีทไทยกันทุกๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งครั้งนี้ยกความอร่อยแบบชาววังกับร้าน ครัวชาววัง หม่อมหลวงเนื่องนิลรัตน์…

Read More

Kinlakestars.com ขอเชิญทุกท่านร่วมลิ้มรส “ข้าวแช่” อาหารไทยคลายร้อนประจำฤดูกาล พร้อมเครื่องเคียงนานาชนิด ระหว่างบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน ในวันที่ 9-20 เมษายนนี้ ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เดิมทีนั้นจากเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา กษัตริย์มอญผู้ซึ่งยังไม่มีบุตรเพื่อสืบบัลลังก์เสียที จนกระทั่งได้ทำการบนบานกับศาลเทวดาแห่งหนึ่งอันศักดิ์สิทธิ์จนสมหวัง จึงได้ทำเครื่องเซ่นไหว้มาถวาย เครื่องเซ่นเหล่านั้นก็ได้แก่ หมูเส้น ลูกกะปิ หอมยัดไส้ และไชโป๊วหวาน อันเป็นของที่เก็บได้นาน ทำแล้วเก็บใส่ไหดินเผาไว้ ทำให้เก็บได้นานไม่บูดเน่าเสีย ต่อมา ชาวมอญถือเอาข้าวแช่เป็นอาหารสำคัญในประเพณีวันสงกรานต์ ทำให้ข้าวแช่เป็นอาหารที่ชาวมอญ นิยมทำสังเวยเทวดาในตรุษสงกรานต์ และค่อยๆเผยแพร่เข้ามาในไทย ซึ่งก็เข้ามานานอยู่นานพอควร จะเห็นได้จากกลอนของกวีอย่าง สุนทรภู่ที่กล่าวถึงข้าวแช่ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ว่า ฤดูร้อน ก่อนเก่า ทำข้าวแช่           น่าชมแต่ เครื่องกับ สำรับฉัน ช่างทำเป็น ดอกจอก และดอกจันทร์         งามจนชั้น กระชายทำ เหมือนจำปา มะม่วงดิบ หยิบดู จึ่งรู้จัก              ช่างน่ารัก ทำเป็น เช่นมัจฉา (ความจาก “รำพันพิลาป” ของสุนทรภู่ รัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์) ต่อมา ชาววังรับไปปรับปรุงเรียกว่า “ข้าวแช่เสวย” หรือ “ข้าวแช่ชาววัง” เมื่อสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี 2453 แล้ว ข้าวแช่ได้รับการเผยแพร่ไปนอกวังและเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ฤดูร้อนของเดือนเมษายนกำลังจะมาถึง ขอคลายร้อนทุกท่านด้วย “ข้าวแช่” ข้าวสวยแช่ในน้ำเย็น ลอยด้วยดอกมะลิหอมสดชื่น ทานคู่กับสำรับเครื่องเคียงรสเลิศ ไม่ว่าจะเป็น พริกหยวกสอดไส้ ลูกกะปิทอด หอมแดงสอดไส้ หมูฝอยหวาน หัวไชโป๊ผัดหวาน พร้อมด้วยผักสด เพื่อให้ท่านได้คลายร้อนกันในช่วงนี้ ในราคาท่านละ 1,250 บาท++ (บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน จันทร์-ศุกร์) ณ ห้องอาหาร เดอะ พาวิลเลี่ยน 2,900 บาท++ (บรั้นช์บุฟเฟ่ต์ เสาร์-อาทิตย์) ณ ห้องอาหารเบญจรงค์ และ เทอร์เรส KinlakeStars.com ข้าวแช่, รีวิว,…

Read More

ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ขอเชิญคุณลิ้มลองโปรโมชั่น “ข้าวแช่สูตรเด็ดตำรับห้องอาหารสวนบัว” ห้องอาหารไทยสวนบัว โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ เมนูคลายร้อนยอดนิยมที่ทุกท่านรอคอยในช่วงฤดูร้อน โดย เชฟปอ (สันติภาพ เพชรว่าว)หัวหน้าเชฟห้องอาหารไทยสวนบัว ได้คัดสรรวัตถุดิบและสมุนไพรชั้นเลิศ พิถีพิถันในการปรุงรสชาติความอร่อยด้วยความรักและความใส่ใจในทุกขั้นตอนออกมาเป็นเมนูข้าวแช่สูตรลับตำรับสวนบัว สัมผัสรสชาติความอร่อยฉ่ำเย็นของ ข้าวหอมลอยน้ำดอกมะลิและกุหลาบ(ออร์แกนิค)พร้อมอบควันเทียนเพื่อให้มีกลิ่นหอมชื่นใจ รับประทานคู่กับเครื่องเคียงรสชาติต้นตำรับ สำหรับข้าวที่นี่นั้น ใช้ข้าวหอมมะลิซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิเก่ามาทำการขัดและหุง ส่วนน้ำลอยนั้นอบด้วยควันเทียนกับดอก มะลิซึ่งเป็นมะลิออแกนิก ให้กลิ่นที่สดชื่น หมูฝอยผัดหวาน หรือ เนื้อฝอยผัดหวาน หมูเค็มหรือเนื้อเค็มย่างของที่นี่นั้นทำเองทุกขั้นตอนโดยการสั่งหมูหรือเนื้อมาทำการทุบไปย่างจากนั้นใช้มือฉี่ฉี่กันด้วยมือจากบรรดาพ่อครัวแม่ครัวในห้องอาหารนี่แหละครับพักกับหอมแดงน้ำปลาซึ่งให้รสหวานกำลังดี ไชโป๊ผัดหวาน ปลายี่สนผัดหวาน สำหรับปลายี่สนผัดหวานของที่นี่นั้น ใช้ปลายี่สนตามชื่อซึ่งเป็นปลาชนิดประเภทกระเบนน้ำจืด ปรุงด้วยหอมแดง และน้ำตาล ซึ่งน้ำตาลที่ใช้เป็นน้ำตาลโตนด ซึ่งเป็นน้ำตาลโตนดจากบ้านแพ้ว จึงให้รสหวานหอมและไม่หวานแหลมจากนั้นลุงเพิ่มเข้ากันด้วยกับสามเกลอ ได้แก่ รากผักชี กระเทียมพริกไทย เกลือ เพื่อไม่ให้รสหวานแหลมโดดจนเกินไป พริกหยวกสอดไส้กุ้งสูตรโบราณ สำหรับพริกหยวกสอดไส้กุ้งที่นี่นั้นตัวกุ้งบดนั้นปลงด้วยสามเกลอ ซึ่งประกอบไปด้วยรากผักชีกระเทียมพริกไทยเกลือสำหรับใครที่ใช้ห่อตัวพริกหยวกนั้นไม่ใช่ไข่ฟู แต่ใช้ตาข่ายซึ่งดัดแปลงมาจากแผ่นล่าเตียงซึ่งล่าเตียงนี้เป็นการนำไข่แดงมาทำเป็นตาข่ายนิ่มสำหรับที่ใช้ในการทำขนมไทยชนิดอื่นแทน ลูกกะปิ และ หอมแดงทอดสอดไส้ปลาแซลมอน ลูกกะปิที่นี่ใช้กะปิจากคลองโคลนผัดกับปลาดุกย่างผิวมะกรูดกระชายบดและค่าเขี้ยวกันจนงวด ปั้นเป็นลูกเล็กๆจากนั้นนำไปชุบแป้งทอดเล็กน้อยจึงทำให้ได้รสเค็มกลมกล่อมกลิ่นกะปิไม่แรงจนเกินไปเพราะมีกลิ่นกระชายและข่ามาช่วย ต่อมาในส่วนของหอมสอดไส้พร้อมส่วนไส้นี้ใส่ข้างในนั้นเป็นปลาสามรสซึ่งงวดนี้ได้นำไปนึ่งก่อน แต่ได้ทำการบีบไขมันออกทั้งหมดจึงเหลือแต่ในส่วนที่เป็นเนื้อจากนั้นปรุงด้วยสามเกลอซึ่งก็คือรากผักชีพริกไทยและเกลือ คลุกเข้ากับกระเทียมจึงได้รสแบบไทยๆด้วยวัตถุดิบต่างชาติ เครื่องเคียงสมุนไพรผักสด ได้แก่ ดอกกระชาย มะม่วง ต้นหอม แตงกวา พริกชี้ฟ้า เป็นอันครบเครื่องกับจานอร่อยรับฤดูร้อน ในราคาเซ็ทละ 650 บาท++ / สำหรับ 1 ท่าน *พิเศษฉลองรับสงกรานต์กับเมนูหาทานยาก ได้แก่ ปลาร้าหลนทรงเครื่องกุ้งสด ในราคา 390 บาท++ ยำผิวส้มซ่าสูตรโบราณ ในราคา 390 บาท++ พร้อมเสิร์ฟความอร่อย ตลอดเดือนเมษายน 2561 นี้เท่านั้น ติดต่อ  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร: 02 541 1234 ต่อ 4151 / Email: [email protected]   ห้องอาหารสวนบัว: ชั้น…

Read More

คลายร้อนไปกับ “ข้าวแช่” สูตรต้นตำรับแสนอร่อย ณ ห้องอาหาร สมูท เคอร์รี่ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล   ตั้งแต่เดือนมีนาคม – เดือนเมษายน พ.ศ. 2561 นี้ Kinlakestars.com  ขอเชิญทุกท่านมาลิ้มลองความอร่อยของ “ข้าวแช่” ณ ห้องอาหาร สมูท เคอร์รี่ โรงแรม ดิแอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล อาหารยอดนิยมเพื่อช่วยคลายร้อนในช่วงฤดูร้อนที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกันมานาน ห้องอาหาร สมูท เคอร์รี่ อาหารไทยตำรับดั้งเดิม นำโดยหัวหน้าพ่อครัวมากความสามารถและประสบการณ์ทำอาหารไทยมากกว่า 16 ปี ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เชฟพิถีพิถันกับทุกเมนูตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบจากทั่วทุกภาคของประเทศผสานกับเครื่องเทศของไทยปรุงด้วยสูตรตำรับดั้งเดิม ได้รับความนิยมจากผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ห้องอาหารถูกออกแบบในบรรยากาศสไตล์ไทยร่วมสมัย ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยไม้แกะสลักและภาพวาด คลอด้วยเสียงเพลงไทยพื้นบ้านเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหาร ห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารไทย ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์น พร้อมด้วยห้องส่วนตัว 1 ห้อง สามารถรองรับแขกได้ 12 คน จุดเด่นของที่นี่คือ เป็นอาหารไทยสูตรดั้งเดิม ไทยแท้ๆ ตำรับชาววัง (Authentic Thai) รับรองว่ารสชาติถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติแน่นอนครับ ความพิเศษของข้าวแช่ สูตรเชฟมนตรี คือความพิถีพิถันใส่ใจในวัตถุดิบทุกขึ้นตอน เริ่มจากการใช้ข้าวหอมมะลิออแกนิค 100% นึ่งสุก แช่ในน้ำเย็นลอยดอกมะลิและกระดังงา อบด้วยเทียนจนหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงครบตามแบบดั้งเดิม และปีนี้มาในหม้อดินเพื่อรักษาอุณหภูมิให้เย็นสดชื่นแบบต้นตำหรับ ดั้งเดิมแท้ๆ คุณจะได้อิ่มอร่อยไปกับ “ข้าวแช่” สูตรต้นตำรับแสนอร่อย ที่ เชฟมนตรี เชฟหนุ่มมากพรสวรรค์ประจำห้องอาหาร สมูท เคอร์รี่ ได้ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นพร้อมเผยเคล็ดลับความอร่อยของข้าวแช่รสชาติต้นตำรับชาววัง ที่ประกอบไปด้วย ข้าวหอมมะลิออร์แกนิคหุงสุกที่สั่งซื้อโดยตรงจากชาวนานำมาแช่กับน้ำเย็น ลอยด้วยดอกไม้กลิ่นหอม ข้าวในน้ำมะลิหอมอบควันเทียน น้ำลอยดอกมะลิที่นี่กลิ่นหอมมาก เพราะที่นี่จะนำดอกมะลิแช่ค้างคืนให้บานในน้ำ อบกับควันเทียนน้อยๆเพื่อไม่ให้กลิ่นของควันเทียนดับเสน่ห์กลิ่นของมะลิ ทานแล้วสดชื่นมาก มีทั้งข้าวขาวและสีฟ้าจากดอกอัญชัน โดยข้าวจะหุงให้สุกครึ่งนึง แล้วนำไปล้างขัดยางข้าวออก เสร็จแล้วนำไปนึ่งให้สุกอีกที เครื่องเคียงที่ทานคู่กับข้าวแช่มีหลากหลายถึง 8 อย่างด้วยกัน…

Read More

L’appart เป็นบาร์และห้องอาหารชั้นสูงสุด ตั้งอยู่ที่ชั้น 32 ของโรงแรม ออกแบบในสไตล์อพาร์ตเม้นต์ที่สะท้อนความเป็นฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมในบริเวณใจกลางกรุงเทพมหานคร ผมจึงจะขอเล่าประวัติความเป็นมาของห้องอาหารคร่าวๆให้ทุกท่านฟังครับ มีคุณลุงคนหนึ่ง มีฐานะพอสมควร ชอบเดินทางไปเที่ยวรอบโลก ซึ่งประกอบด้วย ห้องอาหาร L’Appart จึงแบ่งออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรก คือ บาร์ (Bar) จะมีเครื่องดื่มต่างๆโดยคุณลุงเป็นคนซื้อมาจากทั่วทุกมุมโลก บาร์จะมีทั้งโซน Indoor จะมี DJ เปิดแผ่นเสียงด้วย และ Outdoor จะมองเห็นวิวใจกลางเมืองกรุงเทพฯ สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างงดงาม แล้ววันหนึ่งแกได้มาเจอตึกๆนึง แล้วพอก็ขึ้นมาดูบนชั้นนี้ ก็รู้สึกถูกใจจึงได้ตัดสินใจซื้อชั้นนี้ไว้ แล้วก็ได้ตกแต่งชั้นนี้เป็นอพาร์ทเม้นท์ หลังจากนั้นคุณลุงก็ออกเดินทางท่องเที่ยวต่อ โดยคุณลุงจะฝากกุญแจของอพาร์ทเม้นท์ไว้กับหลาน ซึ่งหลานก็คือผู้จัดการร้านนั่นเอง หลานคนนี้เป็นคนที่มีเพื่อนฝูงเยอะ ชอบปาร์ตี้ ดังนั้นหลานจึงได้ดัดแปลงอพาร์ทเม้นท์ของคุณลุงให้กลายเป็นที่สำหรับให้เพื่อนฝูงมาพบปะสังสรรค์กัน โดยมีห้องอาหาร สามารถจัดปาร์ตี้ได้ library ส่วนที่สอง คือ ห้องสมุด (Library) ซึ่งหนังสือในห้องสมุดทั้งหมดเป็นหนังสือที่คุณลุงซื้อมาตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่ได้ไปเยือนมา living room ส่วนที่สาม คือ ห้องนั่งเล่น (Living Room) สามารถพักผ่อน ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ kitchen ส่วนที่สี่ คือ ห้องครัวเปิด (Open Kitchen) สามารถมองดูเชฟปรุงอาหารเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารได้ ส่วนสุดท้าย คือ ห้อง VIP เป็นห้องส่วนตัวสำหรับคุณลุงพาสาวๆมาที่บ้าน และ outdoor terrace แขกทุกท่านนั้นสามารถสั่งเครื่องดื่มมารับประทานได้ ในส่วน terrace เป็นโซน outdoor ให้ท่านสามารถออกมาชมวิวกรุงเทพยามค่ำคืนพร้อมรับลมเย็นๆได้อย่างจุใจ ในวันนี้ทางทีมงานกลับมาลองลิ้มชิมรสมารับประทานอาหาร L’appart  กันอีกครั้ง เพราะครั้งนี้เขาเปลี่ยนเชฟ เปลี่ยน comcept อาหารแล้ว จาก fine dining เป็น fun dining และเราก็มชิมกันที่ในส่วนของห้อง kitchen ซึ่งจะมีส่วนที่เป็นครัวเปิดด้วย ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับการชมเชฟปรุงอาหารแบบสดๆและเสิร์ฟอาหารให้ท่านได้รับประทานกันแบบทันที ความเก๋ของเมนูที่ต่างไปจากที่อื่นๆ สะท้อนความเป็น fun dining มื้อแห่งความสุขนั้นคือ…

Read More

มาลองลิ้มชิมรสข้าวแช่ในโรงแรมญี่ปุ่นกันดู แล้วคุณจะรู้ว่ารสดี สดชื่น คลายร้อน ครั้งนี้ Kinlakestars.com   ขอเชิญชวนทุกท่านมาคลายความร้อนกับเมนูข้าวแช่ เมนูดั้งเดิมที่นิยมรับประทานในช่วงฤดูร้อน ให้บริการช่วงวันที่ 1 – 30 เมษายน 2561 เท่านั้น ณ ห้องอาหาร อัพแอนด์อะบัฟ (Up & Above restaurant) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok)   เชฟ เจษฎณรงค์ ทักษาปกรณ์ ผู้ช่วยหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ประจำโรงแรมฯ เชิญชวนมาลิ้มลอง เมนูข้าวแช่ สูตรต้นตำรับ สำหรับข้าวในชุดและน้ำลอยนั้น ใช้ข้าวหอมมะลิหุงใหม่เรียงเม็ดสวยงาม นุ่มละมุนปากกินง่าย โดยเชฟดัดแปลงจากสูตรดั้งเดิมซึ่งปกติแล้วสูตรดั้งเดิมข้าวจะค่อนข้างแข็ง และแขกหลายท่านอาจไม่คุ้นชิน แช่ในน้ำอบหอมจากดอกมะลิและอบควันเทียน และในชุดข้าวแช่นั้นได้ให้บริการกับเครื่องเคียงรสชาติกลมกล่อมหลายรายการที่จัดเป็นสำรับอย่างพิถีพิถันตามรูปแบบชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิทอด ลูกกะปิทอดนี้ ใช้กะปิมาผัดให้งวดกับกระชายบดละเอียดและเนื้อปลา ทำให้หอมกะปิแต่ก็มีกลิ่นหอมของกระชายเย็นๆ รสชาติกลมดี และนำมาชุบแป้งและทอด ปลายี่สกผัดน้ำตาล ปลายี่สกผัดน้ำตาล นี้นำปลายี่สกซึ่งเป็นปลาตระกูลปลากระเบนมาย่าง ทุบ ฉีก และมาผัดให้งวดกับน้ำตาลมะพร้าว ไชโป๊วผัดหวานกับหอมเจียว ไชโป๊วผัดหวานกับหอมเจียว ไชโป๊วผัดจนใส กรุบ เด้ง หวานจากน้ำตาล เค็ม และมีความกรุบๆจากหอมเจียวนิดๆ เนื้อและหมูหวานฝอย เนื้อและหมูหวานฝอย ใช้เนื้อ และ หมูมาย่าง ทุบเป็นแผ่น และฉีกให้เป็นฝอย พริกหยวกไส้หมูสับ พริกหยวกไส้หมูสับของที่นี่ไส้ข้างในเป็นหมูปรุงรสด้วยสามเหลอ นั้นคือ รากผักชี เกลือ และพริกไทย และสารพัดผักเคียง อันได้แก่ กระชาย มะม่วง หอม และแตงกวา เมนูข้าวแช่คลายร้อนในช่วงฤดูร้อนนี้ มีให้บริการที่ห้องอาหาร อัพแอนด์อะบัฟ ระหว่างวันที่ 1 – 30 เมษายน 2561 เวลา 12.00 –…

Read More

วันนี้ทางทีมงาน Kinlakestars กินแหลกแจกดาว ขอเสนอ การกลับมาอีกครั้งของชุดน้ำชายามบ่ายใหม่ “Sakura Blossom Afternoon Tea” ที่ Up & Above Bar ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 24ของ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพมหานคร (The Okura Prestige Bangkok) ชุดน้ำชายามบ่ายซากุระเป็นชุดน้ำชาประจำฤดูใบไม้ผลิที่ถ่ายทอดความงดงามของดอกซากุระสีชมพูอ่อนหวาน ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ จัดวางในกล่องสีขาวดูเรียบหรู เป็นขนมคาวหวานหลายชนิด เริ่มต้นด้วยชา Mariage กลิ่นซากุระ ซึ่งเป็นชาระดับพรีเมี่ยมของฝรั่งเศส ทำจากชาเขียวชั้นเลิศ ให้รสผลไม้และมีกลิ่นอันหอมหวลของดอกซากุระญี่ปุ่น เข้ากันได้ดีกับสีและรสขนมเป็นอย่างยิ่งแท้ ขนม สำรับคาว – Grilled Sea Scallops and Mushroom Tartar with Balsamic เป็นหอยเชลล์ทะเลตัวโต grill จนสีสันสวยงาม on top ด้วย เห็ดทาร์ทาร์กับ balsamic รสเปรี้ยว – Sea Red Tuna Tataki with Black Pepper Corn and Wakame Salad เป็นชิ้นทูน่าที่เอาไปเซียร์รอบด้านโดยข้างในชุ่มฉ่ำคลุกด้วยพริกไทดำ ทานคู่กับยำสาหร่ายวากาเมะ – Duck Confit and Berry Tartlet เป็นเนื้อเป็ดตุ๋นในน้ำมันทานคู่กับซอสเบอรี่รสเปรี้ยว เข้ากันได้ดี – Kani and Avocado Salad on Rye Bread เป็นเนื้อปูเสิร์ฟพร้อมสลัดอโวคาโดบนขนมปังไรย์ ของหวาน – Pickled Sakura Scones and Clotted…

Read More