Kinlakestars.com ขอชวนทุกท่านมาลิ้มลองอาหารจากเชฟรับเชิญพิเศษ เฉิน เจียง หมิง ที่จะมาแสดงฝีมือการปรุงอาหารเสฉวนรสชาติต้นตำรับในระหว่างวันที่ 19-28 มีนาคม 2561 ณ ห้องอาหารจีน แชงพาเลซ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ในช่วงเวลา 10 วันดังกล่าว แขกจะได้ลิ้มรสอาหารเสฉวนที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นในเรื่อง รสชาติอันเข้มข้นและเผ็ดร้อน สร้างสรรค์โดยเชฟเฉิน เจียง หมิง ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ รอบรู้และประสบการณ์ในการทำอาหารเสฉวนอย่างช่ำชอง ก่อนจะไปชมสารพัดเมนูเสฉวนที่ทางแชงพาเลซจัดมาให้แขกคนพิเศษได้ชิมกัน เรามาดูความเป็นมาของเสฉวนกันก่อนดีกว่าครับ มณฑลเสฉวน (四川 – ซื่อชวน) อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน อยู่ตอนบนของแม่น้ำแยงซี มีเมืองเอกคือเมืองเฉิงตู ของขึ้นชื่อของมณฑลเสฉวนนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างจิ่วจ้ายโกวแล้ว ก็ต้องเป็นอาหารเสฉวนที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติความอร่อยและความเผ็ดดุ ทั้งเผ็ดร้อนและชาลิ้น แม้ว่าจะเผ็ด แต่ถ้าได้มาที่เสฉวนแล้วไม่ลองไม่ได้เลย รสชาติเผ็ดร้อนสไตล์เสฉวนเกิดจากพริกและสมุนไพรหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นพริกแห้ง, พริกทอด, พริกบดผสมน้ำมัน, พริกป่น, พริกเผา, พริกผสมกระเทียมขิงและเต้าเจี้ยว อีกทั้งยังมีพริกฮวาเจียวที่ให้รสชาติเผ็ดชาลิ้น (หมาล่า) อีกด้วย โดยอาหารเสฉวนแต่ละอย่างก็ต่างเลือกใช้พริกที่แตกต่างกันไป เนื่องจากพริกแต่ละอย่างให้ความหอมที่ไม่เหมือนกัน นอกจากความเผ็ดแล้ว อาหารจะต้องมีกลิ่นหอมน่ากิน โดยอาหารเสฉวนจะถือคติที่ว่า รสชาลิ้น เผ็ด หอม และไม่เลี่ยน หนึ่งในอาหารจานเด่นที่แนะนำคือ ปลาต้มสไตล์เสฉวน ซึ่งให้รสสัมผัสของเนื้อปลาที่นุ่มชุ่มฉ่ำและหอมกลิ่นเครื่องเทศ ซึ่งครั้งนี้เชฟได้มาสาธิตให้ดูถึงการทำเสียด้วย Poached Fish Sichuan Style จานเด่นอื่นๆที่เชฟคัดสรรมา เสิร์ฟที่แชงพาเลซ ได้แก่ ไก่ต้มซอสเสฉวน Sichuan Poached Chicken ยำแตงกวาอ่อน Pickled Cucumber ลิ้นหมูและหัวใจหมูในซอสเสฉวน sliced Pig Tongue and Pig Heart Sichuan Style 180, ผักกาดกรอบซอสงา Crisp Lettuce with sesame Paste ไก่ตุ๋นสไตล์เสฉวน Soup Double Boiled Chicken Soup with Mushrooms 320 ซี่โครงตุ๋นกับข้าวโพดหวานและแครอท…
Author: satid chu
Kinlakestars.com ขอเชิญทุกท่านพบกับการมาเยือนของเชฟระดับมิชลินสตาร์ แพททริค เจฟฟรอย สุดยอดเชฟอาหารฝรั่งเศสจาก “L’Hôtel de Carantec Restaurant Patrick Jeffroy” ห้องอาหารหรูระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว เปิดประสบการณ์ด้านอาหารผ่านนานาเมนูสุดพิเศษจากเชฟ ซึ่งการันตีความสำเร็จด้วยรางวัล Three Gault Millau ‘toques’ รวมถึงการเป็นสมาชิกของ Grand Table of the World และชนะรางวัล The best sea book ในปี 2011 ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมจากทั่วทุกมุมโลกมายาวนานกว่า 45 ปี เชฟแพททริคพร้อมรังสรรค์มื้ออาหารกลางวันและมื้อค่ำอันน่าจดจำ ภายใต้บรรยากาศที่หรูหรา ณ ห้องอาหารโจโจ เพียง 6 วันเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 19 ถึง 24 มีนาคม 2561 ด้วยความหลงใหลในการปรุงอาหารผนวกกับความรักและผูกพันในแคว้นบริตทานีอันเป็นบ้านเกิดของเขา อาหารทุกจานของเชฟแพททริคจึงสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของท้องถิ่นรวมถึงดินแดนต่างๆที่เชฟได้เดินทางไปเยือน กว่า 30 ปีมาแล้วที่เชฟแพททริคได้ค้นพบ และสั่งสมประสบการณ์ด้านการปรุงอาหารจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการผสมผสานวัตถุดิบจากพื้นแผ่นดินและท้องทะเลเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างยอดเยี่ยม เขาได้รังสรรค์เมนูอาหารที่คงไว้ซึ่งอารยธรรมอาหาร บริตทานีอันยาวนาน และสอดแทรกประสบการ์ใหม่แห่งรสสัมผัสเมนูอาหารมาเสิร์ฟในจานเดียวกัน เช่นไส้กรอกหมูชื่อดังของบริตานี่ก็คือ Andouille de Guémené และ ปลากระบอก (red mullet) เชฟแพททริค เจฟฟรอย ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ครั้งแรกในปี 2527 ในฐานะเชฟของห้องอาหาร L’Europe ในเมือง Morlaix และด้วยความสามารถในการปรุงอาหารอันเปี่ยมไปด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ ทำให้ต่อมาเขามีโอกาสเปิดร้านอาหารของตัวเองที่ชื่อ Carantec ในปี 2544 ซึ่งเป็นที่ที่สร้างชื่อเสียงของเขาให้โด่งดังและเป็นรู้จัก ทุกคนต่างยอมรับในฝีมือการปรุงอาหาร จนทำให้เชฟแพททริคคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ให้ตัวเองถึงสองปีติดต่อกัน เขาได้กล่าวถึงที่มาของการเป็นเชฟและทำในสิ่งที่เขารักนี้ว่า “ผมได้เก็บความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับแคว้นบริตทานีและการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในชนบทไว้อย่างมากมาย และนี่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมหลงใหลและเรียนรู้ศิลปะการปรุงอาหารด้วยการนำวัตถุดิบพื้นเมือง คุณภาพดี สดใหม่ มาปรุงอาหาร ซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับสิ่งที่ได้พบเห็นเมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆแล้ว นั่นถือเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญในการปรุงอาหารของผม” สไตล์การปรุงอาหารของเชฟแพทริคนั้นสั่งสมจากประสบการณ์อันยาวนานและการเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ โดดเด่นด้วยการใช้วัตถุดิบทางธรรมชาติอย่างชาญฉลาด เพื่อรังสรรค์อาหารในแบบเรียบง่ายพร้อมด้วยรสชาติอาหารที่เป็นธรรมชาติโดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของวัตถุดิบนั้นๆไว้ได้เป็นอย่างดี สำหรับการมาเยือนโรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ในครั้งนี้ แขกทุกท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับศิลปะการทำอาหาร พร้อมอิ่มเอมไปกับคุณภาพของวัตถุดิบและการตกแต่งที่สมบูรณ์แบบผ่านนานาเมนูสุดพิเศษ…
ต้องมาลิ้มลอง กับ Summer Menu ใหม่ล่าสุดสมศักดิ์ศรี Michelin Stars วันนี้ทางทีมงานกินแหลกแจกดาวจะพาท่านไปชมห้องอาหารสุดหรูในย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร นั่นคือ “ห้องอาหารสระบัว บาย กินกิน โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ” ซึ่งเป็นห้องอาหารไทยประยุกต์แบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะการปรุงอาหารแบบตะวันตก โดยใช้วัตถุดิบชั้นดี ปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยหัวหน้าพ่อครัว เชฟชยวีร์ สุจริตจันทร์ ซึ่งจบการศึกษาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts) จาก The Colin County Community College ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีประสบการณ์การทำอาหารกับโรงแรม 5 ดาวมากว่า 10 ปี ทำให้อาหารทุกจานนั้นมีความหรูหราเป็นเอกลักษณ์ ได้รสชาติของความเป็นไทยอันคุ้นเคยแต่มีความเป็นสากล โดยการจัดของ Michelin star ปีล่าสุดนั้น ทางร้านก็ได้รับ 1ดาว ซึ่งถือเป็นการการันตีคุณภาพของทางร้านที่ท่านควรจะมาลิ้มลอง ในการมาทำรีวิวครั้งนี้ ทางทีมงานกินแหลกแจกดาวยังได้รับโอกาสพิเศษ นั่นคือ มิชลินสตาร์เชฟ เฮนริค อูล แอนเดอร์เซน ได้เดินทางมายังห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้แห่งนี้ เพื่อมาวางรูปแบบ และรังสรรค์เมนูอาหารจานพิเศษเพื่อต้อนรับฤดูร้อนปีนี้ ให้พวกเราได้ชม และลองรับประทาน ซึ่งมิชลินสตาร์เชฟ เฮนริค อูล แอนเดอร์เซน นั้นเป็นเชฟผู้ก่อตั้งร้านอาหาร Kiin Kiin ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยแบบประยุกต์แห่งแรกของโลกที่ได้รับ Michelin Star และแล้วก็ขอพาทุกท่านไปพบกับ Summer Menu กันเลย เริ่มต้นกันด้วย Amuse bouche 1 ตัวแรกในโถแก้ว เป็นเมอแรงซึ่งต้องกินคู่กับครีมตัวที่สอง 2 ครีมตัวนี้เป็นวาซาบิมาโย กินคู่กับเมอแรงตัวแรก 3 ตัวนี้เป็นถั่วต้มยำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากของว่างบนเครื่องบินตอนเชฟบินมากรุงเทพฯจากโคเปนเฮเก้น ซองพลาสติกกินได้เพราะทำจากข้าวโพด 4 คอนเน็ตโต้เมี่ยงคำ เมี่ยงคำรสเด็ดเครื่องครบที่เสิร์ฟและนำเสนอมาในรูปแบบโคน 5 ไก่สะเต๊ะแบบโมเลกูล่า 6 ไส้อั่วย่าง 7…
ห้องอาหาร La Scala ของโรงแรมสุโขทัยที่ได้ทำการเปิดตัวใหม่อีกครั้ง กับการอาหารอิตาเลียนชั้นเลิศ ห้องอาหารนี้ที่ผ่านมานั้นเป็นจุดหมายปลายทางของบรรดาเชฟ Michelin stars ทั่วโลกมากมาย และในครั้งนี้ Kinlakestars.com ขอนำเสนอ อาหารอิตาเลียนเลิศรส โดยเชฟสัญชาติอิตาเลียน Michelin Stars หญิง การเดินทางครั้งแรกของเชฟ Michelin stars ตั้งแต่เปิดใหม่นี้เริ่มจาก Chef Cristina Bowerman จาก Glass Hostaria 1 ดาวที่ Michelin ในกรุงโรม Cristina เป็นเชฟที่เกิดในอิตาลีซึ่งถือครองดาวมิชลินที่ Glass Hostaria ในกรุงโรม เธอยังเป็นหนึ่งในไม่กี่เชฟหญิงชาวอิตาลีที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินและรางวัลอันทรงเกียรติอื่น ๆ ในปี 2010 เธอได้รับรางวัลดาวมิชลิน เธอเป็นเชฟหญิงคนเดียวที่ได้รับดาวปีนั้น ประสบการณ์ของเราในครั้งนี้ที่ได้รับเป็นอย่างไร? เทคนิคการทำอาหารของเธอนั้น แน่นอนเลยว่าจะปฏิเสธไม่ได้ แต่ละจานปรุงด้วยสูตรมีความเรียบง่าย แต่มีความซับซ้อน “Tubers and salt cod / พืชตระกูลหัวและปลาคอด เริ่มต้นด้วย จานแรก ปลาคอตหมักเกลือมาพร้อมผักหัวทั้งหลาย อันได้แก่ มันฝรั่ง เยรูซาเล็มอาติโชคดอง และบีทรูท หั่นทำมาเป็นลูกกลมๆ กับแผ่นสาหร่ายทะเลบางๆทอดกรอบให้สัมผัสที่สนุกสนานมากขึ้นตัวปลาเค็มนั้นไม่ได้เค็มเหมือนปลาเค็มบ้านเรา มีความละมุน นุ่มนวล เข้ากันได้ดีกับพวกผักหัวมันที่มีความนุ่ม รสเบาทั้งหลาย Risotto, saffron, braised lamb shoulder, black pepper, pecorino cheese and fried mint / รีซอสโต้แซฟรอน จานถัดมาเป็นริซอตโตซัฟฟรอนและเนื้อแกะ ในจานก็ประกอบไปด้วย พริกไทย ตัว Risotto สีเหลือง ไม่ครีมมี่จนเกินไป เม็ดข้าวกรุบๆกำลังดี หอมและมีสีเหลืองสวยจากแซฟรอน ข้างในมีเนื้อนุ่มๆรสดีนั้นก็คือ ไหล่แกะตุ๋น ใช้ชีส Pecorino Condensed milk, sanded almonds and espresso gelatine / ไอศครีมนมข้น และปิดท้ายด้วยเจลาโต้กาแฟกับนมข้นและอัลมอนด์…
วันนี้ทาง กินแหลกแจกดาวจะพาทุกท่านไปชมห้องอาหารอิตาลี สุดหรูใจกลางเมือง “Biscotti” ที่ตั้งอยู่ในโรงแรม Anantara Siam Bangkok ย่านราชดำริ ซึ่งนำเสนออาหารอิตาลีดั้งเดิมเลิศรสที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยเชฟและทีมงานมืออาชีพ โดยท่านจะได้ซึมซับบรรยากาศของร้านที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันน่าหลงใหลของประเทศอิตาลี และยังได้เพลิดเพลินกับการชมเชฟและทีมงานรังสรรค์อาหารอย่างปราณีตแบบสดๆ ภายในห้องครัวแบบเปิด เริ่มต้นด้วยขนมปังอบ เนื้อนุ่มหอมกรุ่น ทานคู่กับ baked galic รสหอมหวาน และ olive oil กับ balsamic ช่วยเรียกน้ำย่อยเป็นอย่างดี Slow Cooked Octopus, Chickpea Puree, Shellfish Mayonnaise, Lemon Zest / ปลาหมึกยักษ์ย่าง เสิร์ฟกับถั่วชิคพีบด และครีมซอสเชลล์ฟิช จานแรกเป็น slow cooked octopus เนื้อนุ่ม ทานคู่กับ เพียวเรถั่วลูกไก่รสมัน (chickpea ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในแถบเมดิเตอร์เรเนี่ยนและอินเดีย) และเปลือกเลม่อนเส้นบางให้รสเปรี้ยวกลิ่นเลม่อน ซึ่งเมื่อทานคู่กันแล้วทำให้อาหารดูมีมิติมากยิ่งขึ้น Pinot Bianco/ Sauvignon/ Chardonney Terlaner Alto Adige 2015 เป็น sparkling wine สีเหลืองสวยงาม รสชาติอ่อน ทานง่าย เข้ากันได้ดีกับ slow cooked octopus จานหลัก Risotto with Green Peas, Pancetta, Seared Foie Gras and Parmesan Cheese / ข้าวรีซอตโต้กับถั่วกรีนพี เบคอนอิตาเลียน ตับห่าน และชีสพาร์เมซาน จานที่สองเป็น Risotto กับ ถั่วเขียว ซึ่งตัว risottoนั้น เป็นข้าวพ้นธุ์จากอิตาลี นำมาปรุงสุกพอดี หอมมัน ข้างในยังมีความกรุบอยู่ ใส่ pancetta (เบคอนอิตาเลี่ยน) ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น และ on…
วันนี้ทางทีมงานกินแหลกแจกดาวจะพาทุกท่านไปชมร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ชื่อดังย่านปิ่นเกล้าที่รังสรรค์อาหารได้ในระดับพรีเมี่ยม คุณภาพไม่แพ้โรงแรมหรู ให้ท่านได้กินไม่อั้นในราคาที่ย่อมเยาว์ นั่นก็คือ ร้าน Copper international buffet ทางร้านได้คัดสรรเมนูอาหารระดับโลกโดยเฉพาะมาให้ท่านได้ลองมารับประทานอาทิเช่น Wagyu beef, Australian lamb, Oyster, Truffle soup และ Sushi ระดับ premium เป็นต้น โดยทุกจานที่เสิร์ฟนั้นได้ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถัน จากเชฟผู้มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 20ปี ทำให้ท่านได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศและได้เปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน นอกจากนี้ท่านยังได้สัมผัสที่สุดของบรรยากาศในการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ ในบรรยากาศการตกแต่งเรียบง่าย แต่อบอุ่นดูดีมีความเป็นกันเอง และ ได้รับการบริการที่ดี สำหรับอาหารในไลน์ buffet นั้นแบ่งออกเป็นทั้ง live cooking station ที่ทำตามสั่งของลูกค้า และ Station ต่างๆมากมายซึ่งประกอบไปด้วย seafood on ice, sushi bar, grill station, salad bar, pasta station, noodle station, มุมส้มตำ, ของทอด, ซุป, มุมอาหารร้อน(แกง/อาหารไทย), Cold cut & Cheese, มุมของหวาน และมุมเครื่องดื่ม Seafood on ice – ขอเริ่มจานแรกด้วย Oysterสดๆ ตัวใหญ่ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงและน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด อาหารทะเลสดๆอื่นๆก็มีเช่น กุ้งและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ Grill station – โซน grill เป็นอีกโซนที่เป็นจุดเด่นของร้าน เริ่มด้วยเนื้อวากิวเกรดพรีเมี่ยม หมักอย่างดี และgrill จนหอม โดยที่ด้านในยังชุ่มฉ่ำอยู่ จานที่สองเป็นปลาแซลมอนย่างสุกพอดี ทานคู่กับซอสเทริยากิ และเพียวเร และจานสุดท้ายเป็นซี่โครงหมูบางบีคิวเนื้อนุ่ม ตัวซอสรสชาติกำลังดี โดยที่ทุกจากได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถันราวกับงานศิลปะ Sushi bar โซน Sushi มีซูชิระดับพรีเมี่ยมหลายชนิด อาทิเช่น ซูชิหน้าเนื้อวากิวเกรดพรีเมียม,…
RELAX WITH ‘SUNDAY SESSIONS’ AT NEW ROOFTOP HOTSPOT AIRE BAR AIRE BAR ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศเปิดตัวโครงการ Hotspot ใหม่บนชั้น 28 ของ Hyatt Place Bangkok สุขุมวิทซอย 24 และรายสัปดาห์ ‘Sunday Sessions’ Kinlakestars.com และ AIRE BAR ขอเชิญแขกมาเพลิดเพลินไปกับอาทิตย์หรรษาทุกสัปดาห์ สนุกสนาน เพลิดเพลินมากยิ่งขึ้นด้วย ‘Sunday Sessions’ ใช้ความรื่นเริงในการร้องเพลงของ Sarocha Senarat ที่รู้จักกันดีในนามคุณสุนี The Voice Thailand และกลุ่มสตรีหน้าเก่า เต่าล้านปีของ The Watermelon Band ซึ่งการแสดงสดจะมีขึ้นตั้งแต่เวลา 15.00 – 18.00 น. การพบปะอย่างสนุกสนานในวันอาทิตย์นั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณสนุกสนานแบบม้วนเดียวจบ ตั้งแต่วันอาทิตย์บรันช์หรือม้วนออกมาจากช่วงดึก เมนูค๊อกเทลให้บริการเครื่องดื่มค็อกเทลที่มี เครื่องถ้วยพิซซ่าขนาดใหญ่ ชีส โคลคัทคุณภาพดีต่างๆ ผลไม้แห้ง แยม ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งปันกับเมนูอาหารว่างของ AIRE BAR ทำให้บาร์เลานจ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสังสรรค์ช่วงบ่ายกับเพื่อน ๆ ปลดปล่อยเซสชันวันอาทิตย์ของคุณที่ AIRE BAR ทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 15.00 น. จองห้องพักสำหรับเลานจ์และโต๊ะในร่มหรือกลางแจ้งขอแนะนำ สำหรับการจองหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาโทร. 0 2055 1234 ABOUT AIRE BAR The new hotspot is located high in the sky at hotel, Hyatt Place Bangkok Sukhumvit. Situated in the vibrant Phrom…
ครั้งแรกในไทยกับตู้กดแชมเปญ Moët ความเก๋ไก๋ที่มาพร้อมกับทัศนียภาพที่งดงามของกรุงเทพฯและแม่น้ำเจ้าพระยามุมสูง นอกจากนี้ ไม่เหมือนใครสุดพิเศษไปกับแชมเปญเรืองแสงต้อนรับปีมะหมา กับดีไซน์เก๋ไก๋ในรูปแบบลวดลายกราฟิคดีไซน์น้องหมาและอักษรจีนมงคล หากคุณกำลังมองหาสถานที่รับประทานอาหารสุดพิเศษ หรือ hang out กับเพื่อน พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามของโค้งน้ำเจ้าพระยา และวิวเมืองแบบ panorama ในบรรยากาศหรูหรา ทางเราขอนำเสนอ ห้องอาหาร Attitude roof top bar บนชั้น 26 ของโรงแรม Avani riverside กรุงเทพฯ โดยห้องอาหาร จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนร้านอาหาร Indoor และส่วนบาร์กลางแจ้ง ในส่วนของร้านอาหารIndoorนั้น ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี บรรยากาศหรูหรา ผนังห้องเป็นกระจกใสจากพื้นจรดเพดาน ให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันสวยงามได้อย่างเต็มที่ และมีดีเจชื่อดังคอยแวะเวียนมาเปิดเพลงให้ฟังกันอย่างสนุกสนานตั้งแต่เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป ในส่วนของบาร์กลางแจ้งนั้น เป็นบาร์เปิดโล่ง สามารถชมวิวแม่นำ้เจ้าพระยาอันสวยงาม วิวเมือง และวิวท้องฟ้ากว้างไปพร้อมๆกัน พร้อมจิบเครื่องดื่มเบาๆ ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย ทันสมัยและคลาสสิก นอกจากนี้ยังมี mixologist ส่งตรงจากฝรั่งเศสอยู่ประจำร้าน เพื่อรังสรรค์เครื่องดื่มหลากหลายชนิดให้ท่านได้เพลิดเพลินตลอดทั้งคืน ครั้งนี้ทางทีมงานกินแหลกแจกดาวจะพาทุกท่านไปชม เมนูสุดพิเศษที่เชฟ เดอ คูซีน จากประเทศออสเตรเลียได้ตั้งใจรังสรรค์อาหารแบบสมัยใหม่ขึ้น โดยนำกลิ่นอายของอาหารตะวันออกผสมผสานในเมนูอาหารตะวันตกอย่างลงตัวและไวน์ชั้นเลิศหลากหลายชนิด ในช่วงวาเลนไทน์ปีนี้ ทาง Attitude roof top bar restaurant ได้จัดเตรียมเครื่องหยอดเหรียญของ Moet & Chandon ให้คอแชมเปญและคู่รักได้สนุกและเพลิดเพลินกับการหยอดเหรียญสั่งเครื่องดื่ม เป็นครั้งแรกที่เดียวเท่านั้น ระหว่างวันที่ 12-28 กุมภาพันธ์ 2561 ในราคา 999++ต่อขวด (200ml) ไวน์ตัวนี้มีสีชมพูอ่อนสวยงาม รสชาติออกแนว fruity ทานง่าย สามารถนำมาจิบพร้อมชมวิวท้องน้ำเจ้าพระยา และวิวเมืองอันสวยงามก็เพลิดเพลินดี หรือจะนำมาทานคู่กับอาหารทะเล, เนื้อไก่, ของหวาน หรือผลไม้ ก็เข้ากันได้ดี โดยหลังจากกดออกมาจากตู้แล้ว พนักงานจะนำกรวยสีชมพูมาเสียบที่ปากขวดให้ทันที ทำให้สามารถยกถือดื่มได้เลยโดยไม่ต้องใช้แก้ว พิเศษสุดในช่วงตรุษจีนปีนี้ ทางห้องอาหาร Attitude roof…
กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวห้องอาหาร The reflexions โรงแรม The athenee Bangkok ซึ่งนำเสนออาหารฝรั่งเศสสไตล์โมเดิร์นเลิศรสที่ปรุงอาหารอย่างมีอาชีพ ในบรรยากาศหรูหรา ทันสมัย เจือด้วยความโรมนติก การให้แสงที่ดูลึกลับน่าค้นหา พร้อมเพลิดเพลินกับบทเพลงอันไพเราะโดย Jean-Francois Yves Lienard นักเปียโนชาวฝรั่งเศสผู้ซึ่งขับเคลื่อนจังหวะและท่วงทำนองแสนไพเราะออกมาจากหัวใจ ทุกคีย์เปียโนที่เขากดลงไป พริ้วไหวดั่งการขยับของปีกผีเสื้อ ครั้งนี้ทางทีมงานกินแหลกแจกดาวจะพาทุกท่านไปชม เมนูสุดพิเศษที่เชฟร็อกแซน แรงจ์และทีมงานได้ตั้งใจรังสรรค์ขึ้น เพื่อให้คู่รักได้ใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกัน ในค่ำคืนวาเลนไทน์อันสุดแสนโรแมนติก ใน 8 คอร์ส Valentine’s Day Set Dinner เริ่มต้นด้วย ขนมปังอบจนด้านนอกกรอบ ทานคู่กับเนย 2ชนิด ซึ่งที่นี่มีเนยชนิดพิเศษผสม citrus ให้ความรู้สึกสดชื่นและเบาๆ และรสที่เปรี้ยวนิดๆ ทำให้กระตุ้นความอยากอาหาร เริ่มต้นเข้าสู่เซ็ทเมนูวาเลนไททน์ Amuse bouche คอร์สแรกเป็น Amuse bouche ซึ่งประกอบด้วย 3 จาน Amuse bouche จานแรก เป็นอโวคาโดมูสเสิร์ฟคู่กับป็อปคอร์นรสต้มยำ ให้รสชาติหวานมันของอโวคาโดและเปรี้ยวอมเผ็ดเล็กน้อยจากป็อปคอร์นรสต้มยำ ราชาติเข้ากันอย่างลงตัว Amuse bouche จานที่สอง เป็นปลาทูน่า โดยจะมาในสภาพสดๆหั่นเต๋า มีความสดหวานจากตัวเนื้อปลาด้วยไม่ต้องปรุงเพิ่มและไก่ ทานคู่กับซอสวาซาบิซึ่งไม่เผ็ด มีแค่กลิ่นฉุนเบาๆ ไม่ได้แย่งความเด่นจากปลา เป็นการจับคู่ที่เข้ากันได้ดิอยู่แล้วของวาซาบิและปลาสด และ โรยด้วยสาหร่าย ซึ่งให้รสอูมามิกลมกล่อม รสชาติเบาๆเตรียมพร้อมสำหรับจานหลักต่อไป Amuse bouche จานที่สาม เป็นเป็ดรมควัน เสิร์ฟบนแครกเกอร์ เพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวานด้วยซอสส้มและตบท้ายด้วยครีมชีส เสิร์ฟในภาชนะกล่อมไม้ดูหรูหราแปลกตา เมื่อเปิดภาชนะ มีควันลอยออกมา กลิ่นหอมติดจมูก ซึ่งเป็นเทคนิดการอัดควันเข้าไปในภาชนะ เพื่อเพิ่มกลิ่นและความตื่นตา เป็นควันชาเขียว ทั้งหมดนี้ดื่มคู่กับ Autreau de Champillon Rose Brut Champagne, Freance อร่อยมาก รสชาติชัดเจน ฟองอากาศดี ให้รสผลไม้จำพวก แบล็กเคอร์แรนท์, ผลไม้ชนิดหนึ่ง, สตรอเบอร์รี่ กลิ่นออกไปทางแตงโมและส้มโอ รสและสัมผัสเพดานปากเต็มไปด้วยฟองเป็นสิ่งที่น่าพิศวงและฟองวิ่งยาวนานไม่หมดเร็ว Alaska King Crab/ Watermelon/…
หลายคู่รักมักประสบปัญหาน้ำหนักขึ้นจากการ “พากันกิน” ซึ่งก็เป็นกิจกรรมยอดนิยมของคู่รักในปัจจุบัน ทว่าจะโทษว่าน้ำหนักขึ้นจากการพากันกินอย่างเดียวก็คงไม่ใช่เพราะ จากงานวิจัยหลายฉบับได้บ่งชี้ว่าแค่คุณมีแฟนน่ารัก น้ำหนักคุณก็ขึ้นได้ การมีความสุขกับความรักมากๆทำให้น้ำหนักขึ้น (Meltzer AL, 2013) ซึ่งได้รับการเผยแพร่โดย National center for Biotechnolog โดยในการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่เป็นคู่รัก 169 คู่ ที่ร่วมเก็บข้อมูลเป็นเวลาถึง 4 ปี โดยมีการชั่งน้ำหนัก 2 ครั้งต่อปี และเก็บข้อมูลเชิงลึกว่าพวกเขามีความสุขกับชีวิตรักขนาดไหน ในมิติใดๆบ้าง ผลการสำรวจมีระดับค่าตามนัยสำคัญทางสถิติว่า การมีความสุขกับคู่รักมากๆ พวกเขาจะน้ำหนักขึ้น ทั้งจากการพูดจาดีๆต่อกัน การถามไถ่ดูแลกัน แต่ในขณะเดียวกันกับคู่รักที่หมางเมินน้ำหนักกลับเท่าเดิมและลดลงด้วยซ้ำซึ่งตัวแปรด้านการงานนั้นมิได้เกี่ยวข้องมากจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างที่มีตัวแปรใกล้เคียงกันมากที่สุด นองจากนี้ในอีกงานวิจัยยังพบว่าคนที่รู้สึกมั่นคงกับความรัก มีความสุขกับความสัมพันธ์ รู้สึกว่าได้เจอเนื้อคู่ที่ตามหามานาน คอยถามไถ่ดูแล และให้ความสำคัญกันจะมีความเจริญหาอาหาร อีกทั้งส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนของต่อมใต้สมองอีกด้วย (Karney BR., 2014) ทั้งนี้นอกจากงานวิจัยก็ยังมีคำแนะนำจากทาางฝั่งนักจิตวิทยา Andrea L. Melzer ว่า คู่รักทั้งหลายว่าความสำคัญกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น ต้องมีการใส่ใจและดูแล หากมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเปลี่ยนไป เพราะอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นจากความสุขเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่นการไม่ออกกำลังกายหรือการกินของหวานที่มากเกินไป ซึ่งสามารถนำไปสู่โรคเบาหวานโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆที่ทำให้ความสุขและความรักมีโอกาสที่ทำให้อ้วนขึ้นกว่าเดิม ได้แก่การที่บรรดาหนุ่มๆทั้งหลายมักถูกแฟนสาวลากไปกินของหวานหรือของที่พวกเธอชอบ เพราะถ้าหากไม่ไปเธอๆอาจงอน หรือคู่รักที่มีความสุขมักใช้เวลาท่องเที่ยวและพักผ่อนด้วยการท่องเที่ยวแบบ leisure มากกว่า adventure ทั้งนี้ข้อสรุปของงานวิจัยหลายฉบับจึงได้สรุปว่าคู่รักทั้งหลายมีความสุขแล้วก็ต้องเบาๆเรื่องกินกันบ้าง และพากันไปวิ่งออกกำลังกายในฐานะผู้ชายต้องลุกขึ้นมาพาสาวๆให้มีกิจกรรมเผาผลาญพลังงานบ้างรวมถึงควบคุมอาหารที่กิน ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก US National Library of MedicineNational Institutes of Health อ้วน, น้ำหนัก, ความรัก, แฟน KinlakeStars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ…