หากคุณเป็นคอไวน์ ดื่มเยอะชิมเยอะ 880-++ เท่านั้น คุณจะได้ดื่มกินไม่อั้น ณ ห้อง Decanter Wine Bar โรงแรม The St. Regis Bangkok ได้จัด Italian Wine Buffet at Decanter เรียนเชิญคอไวน์ทุกท่าน จิบไวน์ขาว ไวน์แดง เลิศรสจากอิตาลี ควบคู่กับอาหารว่าง Cold Cuts และชีสคุณภาพเยี่ยม อีกทั้งเสิร์ฟไวน์ไม่จำกัด ตั้งแต่เวลา 6.00pm – 8.00pm ให้บริการทุกวัน ราคา 800++ บาท ต่อท่าน ไวน์จากอิตาลีมีทั้งหมด 4 ขวด (ไวน์ขาว 2 ขวดและไวน์แดง 2 ขวด) Free Flow Wines Selection White Pinot Grigio, Terra Di Mare’, IGT, Provincia Di Pavia ไวน์ขาว พันธุ์องุ่น Pinot Grigio ให้กลิ่นหอมของแอ๊ปเปิ้ลเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว ให้ความซ่าอ่อนๆ Chardonnay, Terra Di Mare’, Vino Blanco D’ Italia ไวน์ขาว พันธุ์องุ่น Chardonnay ให้กลิ่นหอมของผลไม้รสเปรี้ยว สับปะรด มะละกอ กลิ่นถังไม้โอ๊คใหม่ วนิลาและควันไฟ Red Pinot Nero, Terra…
Author: warn
หากคุณเป็นนักชิม อย่าพลาด กับมิชลินสตาร์ มาไทยในเดือน พฤษภาคม กินแหลกแจกดาว Kinlakestars.com ขอนำเสนอสุดยอดประสบการณ์สำหรับนักชิมที่จะทำให้ทุกท่านได้เต็มอิ่มไปกับอาหารปาก อาหารตา อาหารจมูก และอาหารใจ กับการมาเยือนของเชฟ ผู้ได้รับรางวัล มิชลินสตาร์ มีที่ไหนบ้างไปดูกันเลยค่ะ § § § ลา สกาล่า ขอเชิญท่านลิ้มรสความอร่อยระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาว กับเชฟ เอ็มมานูเอล เรอโน จากประเทศฝรั่งเศส § § § ห้องอาหาร ลา สกาล่า (La Scala) โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ (The Sukhothai Bangkok) ขอเชิญท่านมาลิ้มรสความอร่อยของเมนูอาหารชุดมื้อกลางวันและมื้อค่ำสุดพิเศษที่รังสรรค์โดยเชฟ มิชลินสตาร์ระดับ 3 ดาว เชฟ เอ็มมานูเอล เรอโน (Chef Emmanuel Renaut) ให้บริการระหว่างวันที่ 23-28 พฤษภาคม 2559 เชฟ เอ็มมานูเอล เรอโน เป็นเชฟชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่งในทวีปยุโรป ต่อมาจึงเปิดร้านอาหารโฟลกง เดอ แชล (Flocons de Sel) ของตนเองและได้รับดาวเกียรติยศมิชลินสตาร์ครั้งแรกในปี 2546 ดวงที่ 2 ในปี 2549 และครั้งล่าสุดดวงที่ 3 ในปี 2012 ซึ่งถือเป็นการการันตีรสชาติฝีมืออันยอดเยี่ยม อีกทั้งยังครองตำแหน่ง “Cooking Chef of The Year” 2550 และเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเชฟที่เก่งที่สุดของประเทศฝรั่งเศส อ่านต่อที่ >>>> § § § ลอร์ดจิมส์มีความยินดีที่จะต้อนรับเชฟ José Avillez เชฟระดับมิชลิน 2 ดาว § § § José Avillez เชฟอันเต็มไปด้วยพลังและจิตวิญญาณแห่งการปรุงของเขา เฉลิมฉลองกับอาหารโปรตุเกสของเขาที่มีความซับซ้อน Avillez จะทำงานร่วมกันกับทีมการทำอาหารห้องอาหาร ลอร์ดจิมส์ เพื่อสร้างชุดอาหารและประสบการณ์การรับประทานอาหารอันแสนพิเศษจากเชฟมิชลินสองดาว Belcanto โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 จนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม 2016 และในวันที่ 27 พฤษภาคม ผู้ผลิตไวน์จากเจ้าของ E.Guigal โรงกลั่นเหล้าองุ่น Mr. Guigal จะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำสำหรับไวน์เจ็ดแน่นอน การจับคู่ไวน์ที่มีชื่อเสียงของเขากับอาหารพิเศษเชฟโฮเซ่…
ในวันนี้ KinlakeStars.com – กินแหลกแจกดาว จะพาทุกท่านไปพบกับรีวิวมื้อเที่ยง ณ สุดยอดห้องอาหารฝรั่งเศสริมน้ำ ที่ขึ้นชื่อทั้งในด้าน รสชาติ ความสวยงาม และวัตถุดิบชั้นเลิศของอาหาร บริการที่หาที่ใดเทียบยาก และบรรยากาศที่สวยงามทั้งภายในห้องอาหารและทัศนียภาพแม่น้ำเจ้าพระยาภายนอก อีกทั้งความคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ซึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมา นับว่าคุ้มค่ามาก ร้าน เลอ นอร์มังดี (Le Normandie) หลังจากที่ปิดปรับปรุงร้านใหม่เป็นเวลาหลายเดือน จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศภายในร้านใหม่ จากเดิมจะเป็นโทนสีทอง ปัจจุบันจะเน้นเป็นโทนสีขาวสว่าง แม้ฝ้าผ้าไหมสีทองอัดจีบจะหายไป แต่ยังคงความหรูหรา คลาสสิค ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูปลอดโปร่ง สะอาดตาและอบอุ่นยิ่งขึ้น บางส่วนยังอนุรักษ์โทนสีเดิมอยู่บ้างเช่นเก้าอี้และเบาะ ขนาดของร้านไม่ใหญ่มาก ซึ่งเป็นสัดส่วนและขนาดของร้าน Fine Dining ที่จะไม่จุแขกจำนวนมากเกินไป เพื่อความเป็นส่วนตัวและการบริการที่ทั่วถึง ในร้านจะมีโซนที่ติดกระจกซึ่งสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ แต่ถ้านั่งทานตอนกลางวันทางด้านติดแม่น้ำเจ้าพระยาอาจจะแสบตา เพราะแดดจะสะท้อนจากแม่น้ำเข้าตาเล็กน้อย แขกบางท่านอาจเลือกใส่แว่นกันแดด แต่ละโต๊ะจะมีแจกันดอกไม้สดวางอยู่ซึ่งดอกไม้แต่ละโต๊ะนั้นแตกต่างกัน เพื่อเพิ่มสีสัน ความหลายหลาย ไม่จำเจ บริเวณกลางร้านจะมีรถเข็นขนมหวาน Trolley วางอยู่ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ไปยังโต๊ะต่างๆให้ลูกค้าเลือกขนมหวานทานได้ตามต้องการ สำหรับอาหารฝรั่งเศส Fine Dining สิ่งสำคัญที่สุดคือวัตถุดิบ ทั้งคุณภาพ ความสด และแหล่งที่มา ที่นี้ใช้วัตถุดิบที่มาจากแหล่งที่มาดั้งเดิมทั้งหมด ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจากฝรั่งเศส สเปน นอร์เวย์ อิตาลี หรือแม้แต่ผักทั่วไปก็ใช้ผักจากโครงการหลวง เชฟจะมีอาหารเรียกน้ำย่อย (Amuse-Bouche) เซอร์ไพรส์ก่อนเริ่มทาน Set Lunch เสิร์ฟเป็นคำเล็กๆน่ารักๆบนเขียงไม้สวยงาม เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงหลังการปรับปรุงใหญ่ การนำเสนอที่สร้างสรรค์ แปลกตา และน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น ประกอบด้วย มาชเมลโล่ พาเมซานชีส เสียบด้วยไม้จิ้ม นิ่มๆ หนึบๆ รสจืดๆ แต่ก็หอมมัน อร่อย ต่อมาเป็นแครอท เฮเซลนัทครีม หวานมันบนแผ่นข้าวเกรียบ ผิวกรอบ รสหอม มัน และสุดท้ายเป็นแครกเกอร์ซึ่งทำจากควินัวและแป้งถั่วทานกับครีมสีดำด้านบนทำจากมะเขือยาวสีม่วง รสกลมกล่อม อีกอย่างที่เสิร์ฟมาคู่กันจะเป็นแป้งกรอบด้านในสอดไส้ Goat Cheese ซึ่งมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้านบนท๊อปด้วยไข่ปลาแซลมอน ทานคู่กันแล้วเข้ากันมาก…
สุดยอดดินเนอร์การกุศลแห่งปี BANGKOK CHEFS CHARITY 2016 โดย บ. กูร์เมท์ วันฯ ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์อาหาร พรีเมี่ยมแนวหน้าของเมืองไทย เตรียมจัดงานใหญ่คืนกำไรสู่สังคมอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 กับการสร้างสรรค์เมนูเด็ด โดย 21 เชฟชั้นนำ จากโรงแรมห้าดาวชั้นนำ และครัวการบินไทย ในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม นี้ ณ ห้องรอยัลบอลรูม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ไฮไลต์เด็ดปีนี้เตรียมขนวัตถุดิบนำเข้าระดับพรีเมี่ยมจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์อาหารจานพิเศษ ผสมผสานไปกับผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดชาจาก “ภัทรพัฒน์” และผักปลอดสารพิษ “จันกะผัก” ผลิตผลจากการพัฒนาสินค้าคุณภาพจากชุมชน ภายใต้มูลนิธิชัยพัฒนา มาร่วมแจมเป็นครั้งแรก ในคอนเซ็ปต์ TASTE OF SUSTAINABILITY … สร้างสรรค์ สู่ความยั่งยืน ในค่ำคืนพิเศษ ระดมทุนหารายได้เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก้าวสู่ปีที่ 8 สำหรับการจัดงานดินเนอร์การกุศล BANGKOK CHEFS CHARITY ปีนี้ทางผู้จัดงาน บริษัท กูร์เมท์ วัน ฟู้ดส์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด โดย นางสาวนันทิยา และนางสาวพัชรินทร์ เหมอังกูร กล่าวว่า เป็นอีกปีที่ท้าทายของ กูร์เมท์วันฯ กับการหาไอเดียสร้างรูปแบบงานให้มีความต่างไปจากงานประมูลและการขายบัตรเพื่อเข้าร่วมงานเหมือนปีทีผ่านมา ปีนี้ไฮไลต์สำคัญไม่เพียงแค่การสร้างสรรค์เมนูของเหล่าบรรดาเชฟ ทั้ง 21 คน กับอาหารจำนวน 10 คอร์สเท่านั้น แต่เชฟต้อง ครีเอทเมนู ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ คือ นำเอาผลิตภัณฑ์ น้ำมันเมล็ดชา จากตราสินค้า “ภัทรพัฒน์” และ ผักปลอดสารพิษสดจากแปลงจาก “ร้านจันกะผัก” ผลผลิตทางการเกษตรภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนาตามพระราชดำริ ในศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย มาร่วมสร้างสรรค์เมนูจานพิเศษ ไปพร้อมกับวัตถุดิบนำเข้าคุณภาพระดับพรีเมี่ยม อาทิ ตับห่าน เนื้อวากิว ล็อปสเตอร์ เนื้อลูกแกะ…
การจิบชายามบ่ายเริ่มเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยมากขึ้น โรงแรม Hua Chang Heritage Bangkok เป็นโรงแรมบูติก เล็กๆ น่ารักๆ บรรยากาศเป็นกันเอง ด้านใน มี สระว่ายน้ำ และสวนจัดได้สวยงาม ร่มรื่นเหมาะกับการพักผ่อน คุยงาน หรือนั่งชิลกับเพื่อนๆได้ The Ivory Lounge มีบริการชุดน้ำชายามบ่าย สไตล์ไทยๆ ที่มีชื่อว่า “ศรีตอง” (Sri-Tong) หมายถึง การจัดสำรับด้วยภาชนะใบตองวิจิตรสวยงาม เพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญ และเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ได้ชิมลิ้มรสขนมไทยและชาชั้นดี เสิร์ฟพร้อมชาร้อนจากอังกฤษ “วิททาร์ต” (Whittard) ราคา 600++ บาท สำหรับ 2 ท่าน ให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.30 – 17.00 น. “ศรีตอง รองร้อยรัก จักประจักษ์ รักรสหวาน หอมหวน อวลกลิ่นตาล หวานแดดิ้น กลิ่นสุคนธ์” ภายในเซตจะประกอบไปด้วยขนมไทยล้วนๆ ปัจจุบันบางอย่างหาทานได้ยากมาก ทั้งของคาวและของหวาน ทั้งหมด 11 ชนิด พร้อมทั้งมีชาพรีเมี่ยมจากอังกฤษให้เลือกมากมาย ผมเลือกดื่มชา ‘Very Very Berry’ Whittard Tea ลักษณะกลิ่นและสีเหมือนน้ำกระเจี๊ยบบ้านเรา ให้รสออกเปรี้ยวนิดๆ เหมาะกับขนมไทยหลากหลายชนิด ทานคู่กันแล้วเข้ากันดีมากครับ ลูกชุบ – LOOK CHUB (Thai sweet soybean covered with special jelly & shape to tropical fruit) ทำเป็นรูปผลไม้ สีสันสวยงาม น่ารับประทาน เคี้ยวแล้ว หนึบ นุ่ม หวาน มัน หม้อแกงถั่ว – MOH GAENG TUA (Baked…
สวัสดีครับ วันนี้กินแหลกแจกดาว – KinlakeStars.com ขอนำเสนอชุดชายามบ่าย Afternoon Tea Set ที่มาในสไตล์แบบไทยๆ ช่อม่วง กุ้งห่มสไบ ลูกชิ้นหมู ข้าวเหนียวมะม่วงฯ กับชาสมุนไพรแบบไทยๆที่ทางห้องอาหารต้มเอง ในทำเลใจกลางเมือง ณ Erawan Tea room, Grand Hyatt Erawan ร้าน Erawan Tea Room เป็นที่นิยมชมชอบทั้งบรรดาคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมาย ชาวต่างชาติมักจะมาไหว้สักการะพระพรหมเอราวัณ จึงหาร้านอาหารหรือร้านน้ำชาดื่ม กิน นั่งชิว พักผ่อน จิบกาแฟยามบ่าย บางท่านก็หาร้านคุยงาน คุยธุรกิจ แถมทำเลที่ตั้งใจกลางเมืองแถวสยามที่เป็นแหล่งชอปปิ้ง เดินทางสะดวก สามารถมาทางรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีชิดลม ออกประตู 2 เดินต่อไปเล็กน้อยมีทางเชื่อมเข้าตึกเอราวัณบูติคมอลล์ ส่วนร้าน Erawan Tea Room จะอยู่ที่ชั้น 2 หรือจะมาด้วยรถโดยสารส่วนตัวก็มีที่จอดรถบริการครับ เริ่มจากชุดเซ็ตน้ำชายามบ่าย Afternoon Tea ยอดนิยมของทางร้าน จะให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 14.30 – 18.00 น. ด้วยราคา 600 บาท Net ต่อท่าน ซึ่งหากมาสองท่านสามารถสั่งให้จัดออกมาเป็นเ Set ใหญ่ได้ ทางร้านจะปรับเปลี่ยนชุดเซ็ตน้ำชา ทุกๆ 2 เดือนเพื่อความหลากหลาย ไม่จำเจ และวัตถุดิบบางตัวที่นำมาทำเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล (ในรูปจะเป็นเซ็ตน้ำชายามบ่ายสำหรับเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน) แต่มีขนมบางชนิดที่เป็นที่นิยมคงอยู่ทุกครั้ง เช่น สโคน ขนมครก ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นต้น ของคาวและของหวานต่างๆในเซตจะเป็นอาหารไทยแบบชาววัง ซึ่งบางอย่างหาทานได้ยากในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ใช่แบบไทยซะทีเดียวเพราะทางร้านได้ผสมผสานความเป็นไทยกับตะวันตกเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว เริ่มจากของคาว (Savories) ชั้นล่างสุดก่อนละกัน กุ้งห่มสไบ (Deep-fried Prawn Wrapped…
สวัสดีหน้าร้อนค่ะ วันนี้ KinlakeStars.com – กินแหลกแจกดาวมีข้อเสนอใหม่ ที่จะพาทุกท่านไปเพลิดเพลินกับ Afternoon tea ในร่ม นั่งแอร์เย็นๆ ขนมอร่อยๆ กลางใจเมืองกันค่ะ วันนี้เราจะไปกันที่ โรงเเรมสยามเคมปินสกี้ ใกล้ห้าง สยามพารากอนนั่นเอง โรงเเรมแห่งนี้ ทราบกันอยู่แล้วว่าโอ่อ่า สวย งามสง่า ขนาดไหน สำหรับคนที่ไม่ค่อยอยากออกไปตากแดดให้ผิวเสีย เราก็มาเพลิดเพลินกันที่ afternoon tea ซึ่งเน้นเป็นขนมคาวหวานของไทยๆผสมความเป็นยุโรปสมชื่อสยามเคมปินสกี้ ราคาต่อเซต 800++ ที่มาพร้อมอาหารคาวหวาน ทั้งแบบไทยและยุโรป ซึ่งรังสรรค์ขึ้นมาใหม่โดยเชฟคนใหม่ ที่สร้างความลงตัวของรสชาติได้อย่างดีเลิศ พร้อมชาชั้นดีจาก Ronnefeldt 1กา ซึ่งมีให้เลือกรสชากว่า 60 ชนิดในราคาเดียวกันหมดในเซตนี้ขนมคาวที่เป็นตัว ชูโรงคือ พายแพนงไก่ ซึ่งรสชาตินั้นน่าทึ่งมาก ดูเผินๆอาจไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่เมื่อกัดคำแรกเข้าไป แป้งพายกรอบนอกนุ่มใน ไส้แกงไก่ภายในระอุ ควันหอมฉุย ส่งกลิ่นมาตั้งแต่คำแรก เป็นกลิ่นเครื่องแกงไทยแท้ๆ รสชาติกลมกล่อมออกเค็มเล็กน้อย เป็นการผสมผสานอาหารไทยเข้าไปในเบเกอรี่ได้อย่างลงตัว แนะนำว่าควรรีบทานตอนกำลังอุ่นๆ เนื่องจากความนุ่ม กรอบของแป้งพายนั้น ทำให้รสชาติอร่อยขึ้นอย่างน่าประทับใจ ส่วนถัดมาข้างๆกัน ม้าฮ้อ เป็นหมูสับผสมถั่ว ปั้นเป็นก้อนกลมเสิร์ฟมากับสับปะรด มีรสเปรี้ยวตัด ให้ความรุ้สึกคล้ายกับสาคูไส้หมู อีกตัวที่น่าประทับใจในชั้นอาหารคาวนี้ ก็คือ แซนด์วิชน้ำจิ้มเเจ่วเมโย ตัว ขนมปังนุ่ม ที่น่าอร่อยคือไส้ ด้านในที่เป็นชื่อเมนู รสชาติ ของซอสนั้นแซ่บอย่าบอกใคร เเหวกแนวจาก ขนมที่ทานในชุดชาทั่วไป เนื่องจากมีรสชาติเผ็ดๆ เปรี้ยวนำ คล้ายทานลาบ ช่วยให้เซตนี้ไม่เลี่ยนจนเกินไปนัก ขนมชิ้นสุดท้ายเป็นสโคนตะไคร้ เสิร์ฟมากับ ซอสถั่วที่รสชาติคล้าย น้ำจิ้มสะเต๊ะ แต่ต่างตรงที่ซอสถั่วที่นี่ จะมีความเหนียวมากกว่า แห้งกว่า มีรสชาติถั่วเด่นทานกับสโคนตะไคร้นุ่มๆ เข้ากันอย่างมากค่ะ ถึงตอนนี้เราขอคั่นรายการด้วยการแนะนำชา 2 กาเเรกที่เลือกมาวันนี้ ตัดความเลี่ยนก่อน นั่นคือชา lemon -mint และ oolong -mango ชาตัวแรกทั้งที่ดิฉันไม่ชอบทานมิ้นต์ แต่ต้องยอมรับว่า ชานี้ ทานกับขนมอร่อยจริงๆ เนื่องจากทำให้สดชื่น หอมมิ้นต์ ตัดความเลี่ยนได้ดี มีรสชาติ และความเย็นซ่าของมิ้นต์ติดที่ปลายลิ้นหลังจากจิบไปแล้วอยู่สักพักด้วยค่ะ ส่วนเพื่อนชอบชาอู่หลงกลิ่นมะม่วงเป็นพิเศษ กลิ่นหอมมะม่วงเด่นชัด หอมละมุน…
Chan & Yupa Tearoom (ฉันท์-ยุพา ทีรูม) “ความโรแมนติกจากอดีต ที่ส่งผ่านมาถึงปัจจุบัน” บรรยากาศแสนอบอุ่น ที่ไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา ห้องอาหารหรือร้านน้ำชาโรแมนติก สงบ ร่มรื่น ใจกลางเมืองที่ซ่อนตัวจากความวุ่นวายของสังคม ที่มีชื่อว่า ‘ฉันท์-ยุพา ทีรูม’ โดยตั้งชื่อร้านเพื่อให้เกียรติแก่คุณตาฉันท์และคุณยายยุพา เป็นร้านที่นำเอาบ้านไม้สักมาปรับปรุงให้เป็นร้านน้ำชาที่ดูสะอาดสดใส น่ารัก อบอุ่น ทำให้ผู้ที่มาเยือนรู้สึกดีและประทับใจ ถึงแม้ชื่อร้านจะเป็น ทีรูม แต่ที่นี่ก็มีทั้งอาหารคาวและอาหารหวานให้คุณได้ลิ้มลองมากมาย บ้านหลังนี้อายุกว่า 60 ปี เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นสีขาว ดูสะอาดตา ชั้นแรกของบ้านออกแบบเป็นกระจกใสทำให้มองเห็นสวนที่ประดับต้นไม้รวมถึงน้ำพุด้านนอก ส่วนด้านในตกแต่งน่ารักให้ความรู้เป็นกันเองเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ชุดน้ำชา Afternoon tea- สำหรับ 1 ท่าน ราคา 420 บาท- สำหรับ 2 ท่าน ราคา 790 บาท – สำหรับ 3 ท่าน ราคา 1,150 บาท (ในรูปจะเป็นชุดนำ้ชา Afternoon tea สำหรับ 2 ท่าน) ชุดน้ำชา 3 ชั้นที่ภาชนะทำด้วยไม้เสิร์ฟพร้อมกับชา มีชาให้เลือกมากมายแล้วแต่ชอบเลยครับ ที่นี่จะมีชา Gryphon เป็นชาพรีเมี่ยมที่นำเข้าจากสิงคโปร์ด้วย เริ่มจากชั้นล่างสุดก่อนละกัน เป็นของคาวที่ประกอบด้วย แคลิฟอร์เนียมากิ ไส้ผักรวมห่อด้วยข้าวและไข่กุ้งที่มีรสเค็มกำลังดี ถัดมาเป็นแป้งทรงกลมชุบเกล็ดขนมปังทอดไส้ด้านในเป็นปลาทูน่า แป้งทอดได้กรอบ ไม่มัน ทานคู่กับน้ำสลัด Thousand island และผักสดแล้วไม่เลี่ยนครับ ถัดมาเป็นพัฟไส้ผักขม แป้งกรอบ ไส้เยอะ และสุดท้ายคือปลาแซลมอนเสียบไม้ทานคู่กับผลไม้ กีวีหรือเมลอนพร้อมด้านล่างในถ้วยเป็นมะม่วง มะเขือเทศ หอมแดงหั่นเต๋า เข้ากันดีครับ ชั้นกลางเริ่มด้วยสโคนซึ่งจะขาดไปไม่ได้ของชุดน้ำชา Afternoon tea เสิร์ฟพร้อมเนยและแยมสตรอเบอร์รี่ใส่ในถ้วยและช้อนตักที่ทำจากไม้ให้ความรู้สึกไทยๆดี สโคนที่นี่อบจนแข็งและกรอบเกินไปทำให้เนื้อแป้งแห้ง แตกเปรียบเสมือนดินที่ขาดน้ำ ไม่นุ่มเท่าที่ควร เนื้อแป้งสโคนมีรสชาติหวานนิดๆของตัวมันเอง ถัดมาเป็น เค้กช็อคโกแล็ตเสิร์ฟในถ้วยเล็กๆ ใสๆ น่ารัก…
รีวิว เมนูพิเศษเติมความหวานในวันวาเลนไทน์ที่ 1823 Tea Lounge by Ronnefeldt สวัสดีเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ เดือนนี้ คนมีคู่จะสดชื่นกันเป็นพิเศษเลยเนาะ ส่วนคนโสด ต้อง ‘สตรอง’ วันนี้คนโสด ขอนำเทรน พาทุกคนมาทานร้านชาชื่อดัง แห่งหนึ่งในกรุงเทพ ชื่อว่า 1823 tea lounge by Ronnefeldt ตั้งอยู่ที่ห้างเกสร พลาซ่า ชั้น1 ที่เชื่อมกับรถไฟฟ้า เดิน ทางสะดวก คนน้อย ไม่พลุกพล่าน แต่อาหาร และชา อร่อยล้ำ บรรยากาศดีค่ะ มาถึงที่ร้านพนักงานจะนำ welcome drink มาให้ ซึ่งเปลี่ยนไปในทุกๆวัน วันนี้เป็นชา jasmine pearl ซึ่งก็คือ มะลิ ผสม ลิ้นจี่ รสชาติเปรี้ยวนำ หวานตาม หอมกลิ่นมะลิ เป็น welcome drink ที่ดี เนื่องจากทำให้สดชื่น จากอากาศร้อนๆภายนอก ตอนนี้ ที่ร้านมีโปรโมชั่น ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก โดยมี ชุดอาหาร Sharing is love ราคา 1888++ เป็นเซตเมนูสำหรับสองท่าน แบ่งกันทาน เริ่มจาก จานเเรก first love เป็นบีทรูทฝานบาง เสริ์ฟมาพร้อมกับกุ้งย่าง สลัดผักและชีสบอล ธีมเป็นสีแดงเด่นชัด ได้ความสดชื่นหวานๆจากบีทรูทสไลด์เป็นแผ่นบางๆ ดูตอนแรกเหมือนคาปาร์ชิโอ้เนื้อเลยค่ะ และ ชีสบอลรสมันนำเค็มตามครีมๆหน่อยๆ ตัดด้วยรสเค็มและสดชื่นของเยลลี่เเครอท ส่วนกุ้งย่างมีหลายตัว ย่างมาสุกกำลังดี ตามมาด้วยJ’adore อาหารจานหลักซึ่งเป็น Papardelle duck confit ragout เนื้อเป็ดฉีกเป็นเส้นฝอยๆ เนื้อนุ่ม ไม่เหม็นสาบกับเส้น ลาซานญ่านิ่มๆ ที่หั่นมาในขนาดต่างๆกัน ผัดมากับซอส ragout รสชาติกลมกล่อมเค็มเล็กน้อย ใครที่ชื่นชอบอาหารฝรั่ง จะถูกใจมากเป็นพิเศษ ในจานมีแครอทหั่นฝอยและ เม็ดพริกไทยดำด้วยเวลาเคี้ยว โดนเม็ดพริกไทย จะได้รสสัมผัสที่แตกต่าง ช่วยทำให้ไม่เลี่ยน มากแถมได้กลิ่นหอมๆ ของพริกไทย…