ดูเหมือนว่าหลายๆประเทศจะมี crème caramel ในแบบฉบับของตัวเอง ตั้งแต่แถบอเมริกาใต้ถึงอินเดียและฟิลิปปินส์ เจ้าคาราเมลคัสตาร์ดก็มีอยู่ทุกหนแห่ง ฝรั่งเศสได้นำครีมคาราเมลเข้าสู่เวียดนามและต่อมาก็ถูกเรียกว่า Banh caramel ส่วนในญี่ปุ่นเองก็มี “Purin” หรือพุดดิ้งที่แสนจะโด่งดัง คนฝรั่งเศสเรียกคัสตาร์ดนี้ว่า “crème au caramel” เรามีสูตรทำง่ายๆ ของ Ricardo มาให้ท่านลองทำดู ส่วนผสม ซอสคาราเมล น้ำตาล 1/2 ถ้วย (125 ml) น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ (30 ml) เนื้อขนม น้ำตาล 1/4 ถ้วย (60 ml) วานิลลาสกัด 2 ช้อนชา (10 ml) นมร้อน 2 ถ้วย (500 ml) ไข่ 3 ฟอง การเตรียม อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 °C (350 °F) ซอสคาราเมล ผสมน้ำตาลกับน้ำเข้าด้วยกันในกระทะท้องแบน อุ่นร้อนจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองเข้ม (สีมะฮอกกานี) จากนั้นแบ่งใส่ถ้วยเซรามิคเล็กขนาด 125 ml (1/2 cup) จำนวน 6 ถ้วย ทิ้งไว้จนเย็นดี เนื้อขนม ผสมน้ำตาลและวานิลลาลงในนมอุ่นร้อน คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย ตอกไข่ลงถ้วย คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วเทลงในถ้วยเซรามิคที่มีคาราเมลอยู่ วางถ้วยเซรามิคทั้งหมดลงในถาดถ้วยอบขนาดใหญ่ เทน้ำร้อนที่ยังไม่เดือดลงไปให้สูงถึงครึ่งถาด นำเข้าเตาอบประมาณ 40 นาที ระวังอย่าให้น้ำเดือด นำถ้วยเซรามิคแต่ละใบออกจากเตาอบและถาด ปล่อยทิ้งให้เย็นลงแล้วนำไปแช่เย็นต่อ ใช้ปลายมีดเซาะขอบถ้วยเซรามิค คว่ำถ้วยลงใส่จาน แล้วเสิร์ฟได้เลย ——————————————————————————————————————————————– AA…
Author: yoyo
อาหารไทยเป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมสูงและเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก นอกจากรสชาติที่ เข็มข้น และอาจมีความเผ็ดร้อน ตามสภาพอากาศ อาหารไทยยังถูกมองว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพในหายเมนู จากส่วนผสมที่เต็มไปด้วยสมุนไพร และส่วนประกอบต่างๆที่เป็นประโยน์ต่อร่างกาย นอกจากรสชาติ และคุณค่าทางสารอาหาร ความงามกซึ่งเป็นอาหารตาก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้อาหารไทยไม่เหมือนใคร และสำหรับอาหารไทยที่โอชา จะทำให้ทุกท่านตื่นตากับหน้าตาและความสร้างสรรค์ หากท่านได้เข้ามาในร้านอาหารแห่งนี้ ท่านจะสะดุดตาแปลกใจตั้งแต่แรกเข้า การนำศิลปและองค์ประกอบงานปฎิมากรรม วิจิตรศิลป์แบบไทยมาประยุกต์เข้ากับการออกแบบภายในที่นำสมัย ในพื้นที่และรูปทรงที่ชวนตื่นตา พื้นที่นั่งถูกจัดแต่งออกมาในหลายรูปแบบและมีความเป็นส่วนตัว สวยงม น่านั่ง และมีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละส่วน *************************************************************************** ดอกไม้กรอบโอชา เชฟนำกลีบดอกไม้นานาพรรณสีสันสวยงามไปทอดกับแป้งกรอบเป็นแผ่นใหญ่ หักเป็นชิ้นใหญ่พอดีๆ เสิร์ฟพร้อมกับซอสใบหม่อนสีน้ำตาลสองแบบ มีทั้งซอสแบบร้อนและแบบเย็น โรยหน้าซอสด้วยโคโคนัทคาร์เวียร์เม็ดเล็กสีขาว นับว่าเป็นเมนูที่ใช้การเล่นสีบนจานอาหารได้ลงตัวทีเดียว โทนร้อนเย็น และสัมผัสร้อนเย็นของซอสใบหม่อน เวลาทานตักซอสใบหม่อนทั้งสองแบบมาวางบนแป้งกรอบที่มีกลีบดอกไม้ ทานพร้อมๆกันให้รสชาติเค็มกลมกล่อม เรียกน้ำย่อยก่อนเมนูถัดไปได้ดีเลย ปลาหมึกผัดไข่เค็มไชยา เป็นอีกเมนูเด็ดของร้านนี้ ใช้ปลาหมึกสดมาผัดกับไข่เค็มไชยาซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดีของเมืองสุราษฎร์ธานี ไข่เค็มไชยาขึ้นชื่อในเรื่องสีไข่แดงที่เข้มและรสชาติที่กลมกล่อมกว่าไข่เค็มทั่วไป เมนูปลาหมึกผัดไข่เค็มไชยาของร้านโอชาจึงนับว่ารสชาติออกมาถูกปากคนได้ลองชิมจริงๆ มีความมันเค็มของตัวไข่พร้อมกับความสดกรอบของปลาหมึก นอกจากนี้การนำเสนอจัดวางก็แปลกจากที่อื่น โดยใช้กะลาขัดมันเป็นภาชนะรองปิดทับด้วยแผ่นใส ด้านล่างมีไอสีขาวๆลอยอยู่ ทำให้เพลิดเพลินไปกับการทานเมนูนี้จริงๆ กุ้งแช่น้ำปลา จานนี้ทางร้านก็ภูมิใจนำเสนอ ทางร้านคัดกุ้งสดขนาดพอดีคำ นำมาเสิร์ฟเรียงบนจาน ประดับด้วยแตงกวาหั่นบางๆล้อมรอบ แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นคือซอสสีเขียวที่เสิร์ฟไว้ข้างบน ลักษณะคล้ายๆกับ sorbet แต่มีความเผ็ดของพริก ต้องทานคู่กับกุ้งพร้อมๆกัน จะได้รสชาติเผ็ดเค็มและความหนึบสดของกุ้ง แต่เมนูนี้ก็จะออกเผ็ดหน่อยๆ สำหรับคนไม่กินเผ็ดก็อาจต้องบอกทางร้านครับ ข้าวตังไรซ์เบอร์รีและบัวลอยน้ำกะทิ ต้องยอมรับว่าร้านทำของหวานไทยได้ดีทั้งรส กลิ่น และการจัดวาง เมนูนี้ทางร้านนำข้าวไรซ์เบอร์รีไปทำเป็นข้าวตัง และอีกส่วนนำไปทำคล้ายบัวลอยในน้ำกะทิ เสิร์ฟมาพร้อมๆกันในฝาแก้วปิดครอบอบควันหอม ด้านล่างวางบัวลอยข้าวไรซ์เบอร์รีในน้ำกะทิ ส่วนด้านบนเป็นข้าวตัง เวลาทานเปิดฝาแก้วออกจะได้กลิ่นหอมลอยฟุ้งบนโต๊ะ จากนั้นนำข้าวตังเทลงในน้ำกะทิรสมันเค็ม หอม กลมกล่อม ตักแบ่งทานได้ 2 ท่าน รสชาติของข้าวตังแช่น้ำกะทิจะออกมันๆ หวานๆ กรอบๆ ตัดกันกับ รสมันเค็มของกะทิได้อย่าง งดงาม ลงตัว เป็นรสอันดีเยี่ยใและละมุนในปาก ทานพร้อมกับบัวลอย แป้วนุ่มหนึบ ก็จะได้อรรถรสไปอีกแบบ ผลไม้แกะสลัก เมนูผลไม้ แต่นำเสนอด้วยเอกลักษณ์แบบไทย ก็คือการแกะสลักผลไม้ ทางร้านเสิร์ฟผลไม้แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงแบบไทย มีทั้งชมพู่ ฝรั่ง และมะม่วง พร้อมด้วยเครื่องจิ้มที่เป็นน้ำปลาหวานซึ่งทางร้านบอกว่าได้จดลิขสิทธิ์ไว้ด้วย ผลไม้รวมและไอศกรีมซอร์เบต์ ร้านได้นำเสนอไอศกรีมซอร์เบต์รสชาติพิเศษ…
วันนี้ กินแหลกแจกดาว KinlakeStars.com จะพาทุกท่านมาเปิดประสบการณ์กับเมนูอาหารสเปนที่ครีเอทโดยเชฟที่ทำงานและเป็นเจ้าของในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์สามดาว ร้านอาหารสเปนน้องใหม่บนถนนวิทยุ เป็นร้านแนวสแปนิชโมเดิร์นที่ชื่อว่า “อิสเลโร่ (Islero)” เป็นภาษาสเปนตั้งชื่อตามวัวกระทิงที่สามารถโค่นมาทาดอร์ชื่อดังได้ในปี ค.ศ.1947 ดังนั้นทางร้านจะใช้โลโก้เป็นรูปวัวกระทิง จะเห็นได้จากผ้าเช็ดปาก/ผ้ากันเปื้อนก็จะมีรูปวัวกระทิงเช่นกัน บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น หรู ไม่ซ้ำใคร โดยใช้เขียงไม้โทนสีน้ำตาลเข้มสลับอ่อนหลากหลายขนาดมาประดับส่วนต่างๆของร้าน โต๊ะและเก้าอี้ทำจากไม้และหนังสีดำซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่น ภายในร้านจะแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซน Dining Area สำหรับรับประทานอาหาร และโซน Tapas Bar ที่เรียกว่า CAVA by Islero สำหรับดื่ม ผ่อนคลายหลังเลิกงานซึ่งใช้โต๊ะและเก้าอี้ไม้ทรงสูงใช้โทนสีธีมเดียวกันกับโซน Dining Area เมนูอาหารของ อิสเลโร่ (Islero) จะคงรสชาติอาหารสเปนสไตล์โมเดิร์นที่เน้นรสชาติแบบดั้งเดิม แต่มอบประสบการณ์ใหม่แก่นักชิมด้วยเทคนิคการทำอาหารแบบโมเดิร์น และการจัดวางองค์ประกอบบนจานอย่างมีศิลปะ รังสรรค์โดย หัวหน้าเชฟเปโดร (Head Chef Pedro) และเชฟชื่อดังระดับโลกเชฟเอ็ดดวร์ด (Chef Eduard Bosch) ทั้งสองมีประสบการณ์ทำงานในร้านมิชลินสตาร์มาแล้วหลายแห่งแม้กระทั่งร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์สามดาว เริ่มด้วยเมนูทาปาสที่เป็นเอกลักษณ์ของสเปนก่อน Mixed Iberico Cold Cuts ที่รวมแฮมชั้นเลิศจากสเปนไว้ด้วยกัน อาทิเช่น Jamon Iberico, Jamon Serrano, Chorizo, Prosciutto แต่ละอย่างจะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สาวกที่หลงใหลแฮมจึงไม่ควรพลาดครับ Spanish Pure Iberico on Bread with Tomato Catalan Style ใช้แฮมที่ทำจากหมูขาดำ ซึ่งถือว่าเป็นแฮมคุณภาพที่ดีที่สุดวางบนขนมปังที่หั่นเป็นแผ่นกรอบนอกแต่นุ่มในราดด้วยซอสมะเขือเทศสไตล์สเปน ทานแล้วเพลินดี Bomba from Barcelona (120++ บาท) ครอกเก้ต์มันฝรั่งบด ปั้นเป็นก้อนกลมๆชุบแป้งทอด ได้เหลืองผิวนอกกรอบ ไม่อมน้ำมัน ไส้ข้างในเป็นหมูสับราดด้วยซอสมะเขือเทศและกระเทียมแบบสเปน ไส้นั้น ยัง ร้อน ระอุนิดๆ อร่อย หอม และผ่าออกมายังคงความร้ รสชาติจัดจ้านถูกปาก ไม่เลี่ยนเลยครับ Idiazabal…
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) เป็นทะเลที่กั้นระหว่างทวีปยุโรป แอฟริกา และเอเชีย มีภูมิอากาศอบอุ่น, มีฝนตกระหว่างฤดูหนาว, แห้งระหว่างหน้าร้อน จึงเป็นแหล่งปลูกมะกอกที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ดินแดนที่อยู่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน กรีซ ตุรกี ฯลฯ เมื่อกล่าวถึงอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละเขตประเทศ แต่ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกันบางอย่างที่จัดเป็น อาหารเมดิเตอร์เรเนียน นั่นได้แก่ – มีส่วนประกอบพวกผัก ผลไม้ ขนมปัง ซีเรียลต่างๆ มัน ถั่ว เมล็ดธัญพืชต่างๆ ในปริมาณสูง – ใช้น้ำมันมะกอกเป็นไขมันหลัก – ทานนม เนย ปลา สัตว์ปีก ในปริมาณน้อยถึงปานกลาง – ทานเนื้อวัวปริมาณน้อยมาก – ทานไข่สัปดาห์ละไม่เกิน 4 ฟอง (บางสัปดาห์อาจไม่ทานเลย) – ดื่มไวน์ในปริมาณน้อยถึงปานกลาง จะเห็นได้ว่าปริมาณของผัก ผลไม้ ธัญพืชที่สูงในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ร่างกายมีปริมาณกากใยหรือที่เรียกว่า ไฟเบอร์ ในปริมาณสูงไปด้วย เมื่อไฟเบอร์เหล่านี้ลงไปถึงลำไส้ แบคทีเรียที่มีอยู่ในลำไส้ของเราก็เกิดปฏิกิริยาเคมีการหมักขึ้น ผลลัพธ์สุดท้ายจะได้กรดไขมันที่ดีชนิด “short-chain fatty acid” ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายเรา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ และลดการอักเสบในร่างกายเราได้ด้วย นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่ทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนประจำมีปริมาณสาร trimethylamine oxide (TMAO) น้อยกว่าผู้ที่ทานอาหารทั่วไป ซึ่งสาร TMAO มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ สำหรับน้ำมันมะกอกที่ใช้ประกอบอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนนั้น ก็มีลักษณะทางเคมีต่างจากน้ำมันอื่นๆ เนื่องจากว่าโครงสร้างทางเคมีของน้ำมันมะกอกเป็นแบบไขมันไม่อิ่มตัว (monounsaturated fat) ดังนั้นจึงไม่เพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดเหมือนกับพวกไขมันอิ่มตัวอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากน้ำมันมะกอกเป็นอาหารพวกไขมัน หากบริโภคมากๆก็มีโอกาสเป็นโรคอ้วนได้เช่นกัน สุดท้ายแล้วการทานอาหารก็คงต้องอยู่ในความสมดุล ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป เพื่อให้ร่างกายเราคงความแข็งแรง ลดโอกาสเกิดโรค และได้สารอาหารครบถ้วนมากที่สุด แหล่งข้อมูล http://www.heart.org/HEARTORG/GettingHealthy/NutritionCenter/Mediterranean-Diet_UCM_306004_Article.jsp http://news.health.com/2015/09/29/more-evidence-high-fiber-mediterranean-diet-is-good-for-you Kin Healthy KinlakeStars.com ——————————————————————————————————————————————– AA BB AA BB…
ข้าวโพด ถือว่าเป็นพืชทางเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งเป็นพืชที่มีประโยชน์อย่างหนึ่ง ที่ให้คุณค่าต่างๆ มากมาย ทั้งการบริโภค แปรรูป และใช้สร้างรายได้ต่างๆ มากมาย เพราะข้าวโพดเป็นพืชทั่วไปที่ปลูกได้ง่าย และหากินได้ไม่ยาก วันนี้เราจะพูดถึงประโยชน์ของข้าวโพดกัน ข้าวโพดถือว่าเป็นผลผลิตจากพืชไร่ ในคุณค่าทางอาหารของข้าวโพดนั้น จะมีคาร์โบไฮเดรตประมาณร้อยละ 82 ข้าวโพดหนัก 100 กรัม ให้พลังงาน 365 แคลอรี่ มีไขมันอยู่ร้อยละ 11 มีฤทธิ์ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล ช่วยลดความดันโลหิตสูง รวมทั้งยังให้วิตามินบี1 และวิตามินบี 2 รวมไปถึงเกลือแร่ แต่ในส่วนของโปรตีนในข้าวโพดนั้นยังไม่สมบูรณ์ เพราะขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายคือไลซีนและทริบโตฟาน ควรรับประทานข้าวโพดร่วมกับถั่วเมล็ดต่างๆ คุณค่าทางอาหารของข้าวโพดนั้น ทำให้เมื่อได้กินข้าวโพดจะช่วยให้เราได้รับประโยชน์อะไรบ้าง อย่างแรก ข้าวโพด ช่วยบำรุงสายตา เพราะในตัวข้าวโพดจะมีสารเบต้าแคโรทีน (beta-carotene) หรือที่เรารู้กันว่าเป็น โปรวิตามินเอ ร่างกายเราจะนำไปใช้สร้างสารโรดอปซินนะครับ ช่วยให้ลดอัตราเสื่อมของลูกตาและป้องกันการเป็นโรคต้อกระจกตาด้วย อีกทั้งยังมีโฟเลตซึ่งจะช่วย สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอในการเสื่อมสภาพของร่างกาย และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงหัวใจ เพราะว่าข้าวโพดจะมีเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ผูกกับใยที่ละลายกับน้ำดีจากคอเลสเตอรอลในตับของเรา ซึ่งจะช่วยให้คอเลสเตอรอลในร่างกาย สลายไปได้ดีอีกด้วย แถมยังอุดมไปด้วยโฟเลต, วิตามินบีที่ช่วยในการลดระดับของ homocysteine, กรดอะมิโนที่ตามผลิตภัณฑ์ในกระบวนการเมตาบอลิสำคัญระดับสูงของ homocysteine สามารถทำลายเส้นเลือดที่นำไปสู่หัวใจวายโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดความดันในร่างกาย รวมไปถึงระบบย่อยอาหาร พวกริดสีดวงทวาร จากโรคทางเดินอาหาร หรืออาหารท้องผูก จะทุเลาลง และช่วยระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น นอกจากใครที่รักสวยรักงาม สารต่อต้านอนุมูลอิสระในข้าวโพด ทำให้ผิวพรรณของเราไม่เหี่ยวย่น เปล่งปลั่งดูสดชื่นมีชีวิตชีวาเสมอนั่นเอง ซึ่งข้าวโพดนั้นถือว่ามีประโยชน์มากมาย ข้าวโพดนั้นให้คุณค่าสารอาหารกับเรา แต่ว่าก็มีข้อควรระวังสำหรับในการกินข้าวโพดไว้ ซึ่งไม่ควรกินข้าวโพดต่อวันเกินครึ่งฝักหรือ 1 ฝักเท่านั้น เพราะข้าวโพดนั้นให้พลังงานถึง 150 กิโลแคลอรี่ อาจจะทำให้เรากินเกินน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตามควรควบคุมในการกินอาหารดีๆ Kin Healthy KinlakeStars.com ——————————————————————————————————————————————– AA BB AA BB AA BB AA BB AA BB AA BB AA BB AA BB…
ห้องอาหารริเวอร์ไซด์ กริลล์ ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่กิจกรรมสุดพิเศษประจำเดือน “Say Wine and Say Cheese!” ในคืนวันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2559 ระหว่างเวลา 18.30 – 20.30 น. ดื่มด่ำไวน์ชั้นเลิศแบบไม่อั้นกับคนรู้ใจและครอบครัวในบรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเพลิดเพลินชีสมากมายจากทั่วโลก และหลากหลายเมนูทาปาส ในราคาเพียง 599++ บาทต่อท่าน หรือเลือกเพิ่มความหลากหลายและอัพเกรดไวน์ระดับพรีเมียมเพียง 999++บาทต่อท่าน บริการเรือรับส่งจากสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินถึงโรงแรมฟรีทุกครึ่งชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร 0 2266 9214 KIn Promo&Event KinlakeStars.com —————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A A B A B A B A B A B A B A…
แคมเปญ “Big Yummy” ได้อุบัติขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยไฮไลท์เด็ดในปีนี้ทางศูนย์การค้าได้นำเอาอาหารจานใหญ่ไซส์บิ๊กสุดพิเศษ จากร้านอาหารชื่อดัง 9 ร้าน 9 เมนู ซึ่งมีเฉพาะที่ สาขาเซ็นทรัลพลาซา เวสเก็ต ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. – 17 เม.ย. นี้เท่านั้น: โดยทาง กินแหลกแจกดาว KinlakeStars.com ได้ทำการรีวิวมาให้ทุกท่านได้ลองอ่านและไปลิ้มลองกันดู หากคุณชอบซอฟครีม หากคุณชอบมะพร้าวน้ำหอม นี้หละคือสิ่งที่ตอบโจทย์คุณ ในช่วงอากาศร้อนๆเช่นนี้จะมีอะไรดีไปกว่าซอฟครีมเย็นๆหอมละมุนมะพร้าวเช่นนี้ อร่อย สดชื่น เต็มอิ่มไปกับซอฟครีมที่สูงถึง 14 ซึ่ง Soft Icecream นี้ทำจากน้ำมะพร้าวน้ำหอมแท้ 100% และสำหรับหนุ่มสาวรักสุขภาพห่วงสวยหล่อแล้วหละก็ไม่ต้องกลัวเพราะถ้วยนี้ ไม่มีโคเลสเตอรอล ไม่ผสมนม และไม่ผสมกะทิตัวการทำอ้วนอวบอีกซะด้วย เนื้อเนียนละเอียด ผสมกับชาโคลวให้ได้สีดำตัดกับสีขาวนวล สำหรับราคาสุทธิของถ้วยนี้อยู่ที่ 288 บาท นอกจากนี้ร้าน all coco ยังมีไอศครีมให้เลือกกินอีกมากมายหลายรสสไตล์โฮมเมดอีกด้วย เรื่อง/ภาพ : Satid C. ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A…
แคมเปญ “Big Yummy” ได้อุบัติขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยไฮไลท์เด็ดในปีนี้ทางศูนย์การค้าได้นำเอาอาหารจานใหญ่ไซส์บิ๊กสุดพิเศษ จากร้านอาหารชื่อดัง 9 ร้าน 9 เมนู ซึ่งมีเฉพาะที่ สาขาเซ็นทรัลพลาซา เวสเก็ต ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. – 17 เม.ย. นี้เท่านั้น: โดยทาง กินแหลกแจกดาว KinlakeStars.com ได้ทำการรีวิวมาให้ทุกท่านได้ลองอ่านและไปลิ้มลองกันดู โดยเริ่มกันที่ร้าน Santa fe’ ซานตาเฟ่เป็นร้านสเต๊คที่ถือว่าราคาไม่สูง สามารถเข้าถึงได้กับคนในทุกกลุ่ม ด้วยราคาที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับคุณภาพและปริมาณ ทำให้ ซานตาเฟ่เป็นร้านสเต๊คที่ติดตลาดร้านหนึ่งเลยทีเดียว โดยในเมนูที่ได้เข้าร่วม แคมเปญ “Big Yummy” นั้นคือ เนสทีชามะนาว รสลิ้นจี่ สำหรับราคานั้นก็นับว่าคุ้มสุดๆเพราะลดจากราคา 285 เหลืิอเพียง 149 ซึ่งแน่นอนว่าปริมาณนั้น เยอะมาก เสิรฟมาในหลอดทาวเวอร์ทรงสูง ปริมาณการเสิร์ฟ 3 ลิตร(เท่ากบั 1 ทาวร์เวอร์) เหมาะสำหหรับมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ไม่ว่าเพื่อนฝูง ครอบครัว ก็ดื่มดำ่ได้ไปกับ เนสทีชามะนาว รสลิ้นจี่ผสมผสานความเปร้ียวหวานและหอมอร่อยของลิ้นจี่อยา่งลงตัว เย็นหวานหอมสดชื่น เหมาะกับอากาศร้อนๆในช่วงนี้ครับ ซึ่งนอกจากชามะนาวรสลิ้นจี้ในทาวเวอร์สูงปรี้ดราคาสุดคุ้มแล้วนั้น ทางร้านตอนนี้ก็ยังมีโปรโมชั่นบัดดี้ ที่ทำให้ทุกท่านสามารถเต็มอิ่มไปกับเนื้อสเต๊คคุณภาพสมราคาและสปาเก็ตตี้ได้ในราคาแสนคุ้ม หรือ ฮีโร่เซ็ทที่จะมาพร้อมสเต็คหมูและไก่ในจานเดียว เพียง 159- สเต๊กหมู จัดว่าคุณภาพสมราคาเลยทีเดียวในราคาระดับนี้กับเนื้อหมูเนื้อนุ่มที่หมักได้ลงตัว รสชาติเข้าเนื้อแทบไม่ต้องปรุงหรือจิ้มน้ำจิ้มใดๆเพิ่มเติมเลยทีเดียว ทั้งความมันและความเกรียมตรงผิว รวมไปถึงเนื้อตรงกลางก็ไม่สุกแข็งจนเกินไป จึงนับว่าเป็นเมดูพื้นฐานชูโรงของร้านเลยทีเดียว สเต๊กไก่ รสชาติเข้าเนื้อ แต่ตรงกลางอาจจะรสเบาไปนิดถ้าจิ้มน้ำจิ้มเพิ่มก็จะกำลังดี ไก่นุ่มแต่อาจจะทำสุกไปนิด ผิวนอกเกรียมนิดๆกำลังดี มีความมันในตัวอย่างลงตัวพอเหมาะ และจานสุดท้าย สปาเก็ตตี้คัลโบนาร่า ที่มันกลมกล่อมไม่เลี่ยนจนเกินไปคุณภาพสมราคา สำหรับบรรยากาศภายในร้านก็คล้ายๆกับสาขาอื่นๆ แต่สำหรับสาขานี้เน้นโทนสีสว่าง ที่นั่งแบา่งแยกเป็นสัดส่วนตามคอนเซ็ปร้าน เรื่อง/ภาพ : Satid C. ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A…
ห้องอาหารริเวอร์ไซด์ กริลล์ ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน เอาใจคนรักอาหารจานปิ้งย่าง เมื่อสั่งอาหารจานหลัก 2 จาน รับทันทีอาหารจานพิเศษอีก 1 จาน ฟรี! อิ่มอร่อยอาหารจานหลักที่คุณไม่ควรพลาด อาทิอร่อยอย่างไทยด้วยเมี่ยงปลากระพงเลาะก้างทั้งตัวเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม 3 ชนิด (600++ บาท) หรือจะเป็นไก่ย่างสมุนไพรที่เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวและผักสด (400++ บาท) คนรักเสต็กต้องลองเนื้อริบอายชิ้นโตนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย(ขนาด 300 กรัม)ย่างสุกกำลังดี (1,500++ บาท) หรือซี่โครงแกะอบเมนูเด่น(900++ บาท) เสิร์ฟพร้อมกับซอสและเครื่องเคียงอีก 2 ชนิดตามใจคุณ และอีกมากมาย รับฟรีสลัดร๊อคเก็ต ปลาหมึกทอดคาลามารี และบลูเชสต้า คอมบิเนชั่น อิ่มเอมกับคนรู้ใจและครอบครัวในบรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 17.00 – 22.30 น. ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2559 (ราคานี้ยังไม่รวมค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่ม ) พิเศษ! เคลิบเคลิ้มดนตรีแจ๊สบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีนักเป่าแซ๊กโซโฟนชื่อดังของเมืองไทยอย่าง คุณอัจฉ์ กัลยาณคุปต์ หรือ เคนนี จี ของประเทศไทย ผู้ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศรายการ Thailand’s Got Talent เมื่อปี 2554 มาบรรเลงเพลงแจ๊สตั้งแต่เวลา 18.30 – 20.30 น. ทุกวันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2559 จากนั้นรับฟังเพลงจากดีเจที่จะมาเชื่อมต่อความบันเทิงแบบไม่มีสะดุดจนถึงเที่ยงคืน สำหรับบัตรสมาชิกสตาร์วู้ด พรีเฟอร์ เกสต์ (Starwood Preferred Guest®) รับสิทธิพิเศษ ส่วนลด 15% (เฉพาะค่าอาหาร) พร้อมรับคะแนนสะสมเป็นสองเท่ากับแคมเปญ SPG Twice as Nice ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 15 มิถุนายน 2559 บริการเรือรับส่งจากสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินถึงโรงแรมฟรีทุกครึ่งชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร 0 2266 9214 หรือ อีเมลล์: [email protected] KIn Promo&Event…
ปัจจุบันวิถีชีวิตของเราที่ต้องเร่งรีบแข่งขันตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน การหาอาหารทานก็นับเป็นเรื่องสำคัญ ปฏิเสธไม่ได้ว่าร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดก็ยังนับเป็นที่พึ่งพิงฝากท้องได้ยามที่เราเร่งรีบ แต่หากจะเข้าร้านฟาสต์ฟู้ดทั้งทีจะสั่งอย่างไรให้เสียสุขภาพน้อยที่สุด เรามีเคล็ดลับ 6 ข้อมาบอกครับ 1. ขนาดไซส์สำคัญเสมอ แน่นอนว่ายิ่งสั่งไซส์ใหญ่เราก็ได้ปริมาณแคลอรีเยอะตามไปด้วย ดังนั้นจงหลีกเลี่ยงพวกคำว่า “double”, “triple”, “extra-long” หรือ “whole” พยายามหาอะไรที่มัน “small” เข้าไว้ 2. เลือกเครื่องดื่มให้ถูก เครื่องดื่มในร้านฟาสต์ฟู้ดเต็มไปด้วยน้ำตาลมากมาย ยิ่งเราสั่งไซส์บิ๊กมาทานกับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตอีกก็เลิกนับแคลอรีไปเลยเถอะ ทางที่ฉลาดที่สุดในการจำกัดปริมาณแคลอรีคือสั่ง “น้ำเปล่า” มาดื่มคู่กับอาหารเราจะดีกว่า 3. ส่วนประกอบที่ “ดีที่สุด” ไม่เท่ากับแคลอรี่น้อยที่สุด บ่อยครั้งที่เราเข้าร้านฟาสต์ฟุ้ดแล้วเจอคำว่า “best ingredient” หรือพวก “premium” ต่างๆนานา คำเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายและให้รู้สึกแพงขึ้น ในความเป็นจริงอาหารเหล่านี้บางอย่างก็ยังเป็นพวกแคลอรี่สูง ดังนั้นก่อนสั่งตั้งสติให้ดี อย่าหลงเชื่อกลไกการขายของพนักงานโดยง่ายดาย 4. สลัดในร้านฟาสต์ฟู้ดอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสุดของคนรักสุขภาพ ถ้าเราคิดว่าผักเป็นอาหารที่ทำให้สุขภาพดี คุณคิดไม่ผิดครับ แต่ในร้านฟาสต์ฟู้ดนั้นตั้องคิดดีๆ เพราะเมนูผักๆเหล่านี้อาจมีการเพิ่มนู่นนิดนั่นหน่อยจนสุดท้ายกลายเป็นเมนูที่แคลอรีสูงกระฉูดไปเลย 5. ปรับแต่งให้ดี หากเลือกได้ ควรลดหรือกำจัดสิ่งที่คิดว่าเป็นส่วนเกินทิ้ง เช่น เบคอน ชีส น้ำสลัดที่แคลอรีสูง เป็นต้น 6. อย่าลืมดูเรื่องวิธีปรุงอาหารนั้น โดยทั่วไปถ้าเทียบระหว่างอาหารย่างก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอาหารทอดนะครับ