รีวิว Char Bangkok ความงามกรุงเทพฯ จากมุมสูงย่านวิทยุ และการตกแต่งที่เก๋ไก๋ กับอาหารที่หลากหลาย เครื่องดื่มที่มีสไตล์ ณ Hotel Indigo Bangkok
วันนี้ทาง Kinlakestars จะแนะนำร้านอาหารน้องใหม่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บนถนนวิทยุ เดินทางมาสะดวก ชื่อว่า “CHAR RESTAURANT & ROOFTOP BAR” อยู่บนชั้นที่ 25 และ 26 ของโรงแรม HOTEL INDIGO BANGKOK โดยชั้นที่ 25 จะเป็นห้องอาหาร Char และ ชั้นที่ 26 จะเป็น Rooftop Bar สามารถขึ้นมารับลม ชมวิวดาดฟ้าสวยๆ บรรยากาศใจกลางเมือง มองเห็นพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้
เหมาะสำหรับ แฮงค์เอาท์ ชิล หลังเลิกงาน นั่งดื่มเหล้ากับแก๊งค์เพื่อนๆ หรือจะชวนคนรู้ใจไปสวีตก็เหมาะ จริงๆแล้วสาขาแรกชื่อ CHAR bar and grill เป็นร้านอาหารและรูฟท็อปบาร์ชื่อดังจากเซี่ยงไฮ้ ร้านค่อนข้างจะ Formal กว่าที่สาขากรุงเทพ
เรามาชมบรรยากาศ Rooftop บนชั้น 26 ของโรงแรมกันก่อนเลยครับ บนชั้น 26 จะเป็น Char Rooftop Bar มีเครื่องดื่มเด่นๆ หลายตัวมาแนะนำกันด้วย เริ่มจาก
Wings of My Mind (320++ บาท) – Beefeater infused vanilla, Elderflower syrup, Lime, Pomegranate, Thyme, Violet liqueur
เครื่องดื่มค็อกเทลสีชมพู หวานแหวว เปรี้ยวนิดๆ ในแก้วมาร์ตินี่ สามารถเพิ่มส่วนผสมจากขวดเล็กๆสีม่วงที่เสิร์ฟมาด้วยกันให้เข้มข้นขึ้นได้
Kanagawa (300++ บาท) – Absolut infused sencha, Rose syrup, Lime, Brown sugar, Plum
ค็อกเทลแก้วนี้ให้กลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นตั้งแต่แก้วที่ใส่ ลายบนแก้ว รวมถึงรสชาติที่ใช้ส่วนผสมของบ๊วย รสออกเค็มหน่อยๆ
Pandora’s Box (360++ บาท) – Chivas extra, Angostura, Sugar, Bourbon smoke
กระบวนการทำ อลังการงานสร้างด้วย ควันลิควิดไนโตรเจน อยู่ในถ้วยครอบแก้วใส เสิร์ฟในแก้ว โอลด์แฟชั่น ในสไตล์ on the rock ใส่น้ำแข็งก้อนใหญ่หนึ่งก้อน กลิ่นและรสของวิสกี้ Chivas ค่อนข้างแรง
Memory (320++ บาท) – Absolut infused strawberry marshmallow, Lime, Lavender blue pea syrup, Vanilla liquor, Apple juice, Kaffir leaf, Angostura, Egg white, Peach bitter
ย้อนวันวานถึงวัยเด็ก สร้างสรรค์ให้มีความน่ารัก และ ระลึกถึงความสนุกสนาน มีสายไหม และ เป็ดน้อยลอยอยู่บนแก้ว สีค็อกเทลออกชมพูอ่อน รสหวาน ไม่เข้มนัก
หลังจากที่ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และ ค็อกเทลสุดชิคบน Rooftop ชั้น 26 แล้ว ถึงเวลาลงมารับประทานอาหารชั้นที่ 25 ที่ห้องอาหาร Char Restaurant กันครับ ห้องอาหารจะเป็นกระจกใสรอบ สามารถมองเห็นวิวกรุงเทพได้อย่างชัดเจน การตกแต่งร้านจะเน้นความเป็นธรรมชาติ เช่น ใช้ไม้สำหรับเก้าอี้ โต๊ะใช้หินอ่อน รวมถึงการใช้ภาชนะเช่น จานทำเป็นโทนสีครามยีนส์ (Indigo) และ เมนูทำด้วยผ้ายีนส์ มีห้องส่วนตัวสำหรับจัดงาน Private party ได้ด้วย 2 ห้อง มีประตูกั้น สามารถเปิดทะลุกันได้ สามารถนั่งได้ห้องละ 12 ท่าน
ห้องอาหารเป็นแนว Casual Dining การแต่งกายสบายๆ แต่ขอห้ามสำหรับกางเกงขาสั้น และ รองท้าแตะ ส่วนอาหารจะเป็นแนวผสมผสานระหว่างอาหารฝรั่งเศส และ อิตาเลี่ยน แต่มีเอกลักษณ์ มีเรื่องราว ซึ่งเชฟจะคัดสรรวัตถุดิบสด ใหม่ คุณภาพดีมาใช้ และดึงรสชาติ ความอร่อยออกมาโดยใช้ความสด ใหม่ของวัตถุดิบ Portion อาหารจะสามารถสั่งมาแชร์ด้วยกันได้ตามแบบสไตล์คนไทยเลยครับ มาเริ่มที่จานแรกกันเลย
เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยขนมปังชาร์ที่เสิร์ฟมาในกล่องไม้ ขนมปังเนื้อนุ่ม หอม
จานแรกเริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย Salmon gravlax & endive salad (390++ บาท)
เป็นสลัดผัก สด กรอบ พร้อมด้วย Salmon gravlax แซลมอนหมัก กลิ่นคล้ายแซลมอนรมควัน หอม เค็มนิดๆ ตัดรสเปรี้ยวอมหวานด้วยน้ำสลัดและส้ม
จานนี้เป็นอาหารทานเล่น Tuna tartar (200++ บาท)
เนื้อปลาทูน่าดิบ สับละเอียด สด หวาน ทานคู่กับขนมปังปิ้ง กรุบกรอบแผ่นบางๆ และ ผักดอง
Smoked beef tartar (200++ บาท)
จานนี้คล้ายกับ Tuna tartar แต่ใช้เป็นเนื้อสับ ใช้เนื้อวัวสายพันธุ์ชาร์โรเล่ส์ (Charolais) มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส เนื้อนุ่ม มีชั้นไขมันแทรกลายหินอ่อนมาก ทานคู่กับขนมปังปิ้ง และ ซอสมัสตาร์ดผลไม้ รสชาติหวานๆ
มาลองซุปของที่ร้านกันบ้างเป็น Lemongrass infused lobster bisque (350++ บาท)
ทางร้านจะเสิร์ฟมาแบบแยกน้ำซุป แล้วจะมาเทให้บนโต๊ะ ซุปกุ้ง lobster เข้มข้น ได้กลิ่นของมันกุ้งชัดเจน ต้องทานตอนร้อนๆ จะได้ไม่คาว พร้อมด้วยเนื้อกุ้ง และ หอยเชลล์ สด หวาน
ซุปอีกตัวที่แนะนำของทางร้านคือ French onion soup (280++ บาท)
ซุปตัวนี้เสิร์ฟมาในหม้อร้อน ใช้เวลาเคี่ยวถึง 4 วัน จนได้รสชาติที่เข้มข้น หอม หวาน มัน เค็มนิดๆ มีเนื้อของหอมใหญ่ที่เคี่ยวพร้อมกับเนย Gruyere และพาเมซานชีส ทานคู่กับขนมปังอบกรอบ เข้ากันดีครับ
มาลองอาหารทานเล่น จานนี้เป็น Charcoal grilled octopus (430++ บาท)
หนวดปลาหมึกยักษ์ย่าง เหนียวนิดหน่อย แต่เคี้ยวเพลินดี พร้อมด้วยมันฝรั่งทอด คลุกเคล้าด้วยซอสพริก กระเทียมดำ หอม เผ็ดนิดๆ
เมนูนี้เป็น Seared Hokkaido Scallops (560++ บาท)
หอยเชลล์ไซส์ใหญ่จากฮอกไกโด นำไป Sear ให้สุกเฉพาะผิวนอก แต่ด้านใน นุ่ม สด หวาน ทานคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ มะเขือเทศ ข้าวโพด ขนมปังกรอบ หั่นซอย และน้ำราด รสเปรี้ยวหน่อยๆ
จานนี้เป็น Chef’s foie gras ballotine (530++ บาท)
ตับห่านบดอัดเป็นชิ้น ทำแบบเย็น รสชาติเข้มข้น เนื้อเนียน นุ่ม ละมุนลิ้น ทานคู่กับซอสแอ๊ปเปิ้ลเขียว รสเปรี้ยวนำ เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังนุ่มๆ
มาดูเมนู Main course กันบ้างครับ เริ่มจาก North Pacific black cod steak (680++ บาท)
ปลา Black cod ชิ้นโตขนาด 200 กรัม เนื้อเนียน ขาว นุ่มละมุน สด หวาน ปรุงสุกกำลังดี ราดด้วยซอสมะขาม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เสิร์ฟมาพร้อมเลมอน และ มะเขือเทศ
จานนี้เป็น Duck confit (590++ บาท)
น่องเป็ดหมัก ตุ๋นจนหอมกลิ่นเครื่องเทศ กรอบนอก นุ่มใน เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง บีทรูท แครอท ผัก ซอสมะเขือเทศเชื่อม ทานคู่กันแก้เลี่ยน
จานนี้คือ Lobster ravioli (720++ บาท)
ราวีโอลีเหนียว นุ่ม ราดด้วยซอสอะราบริต้า เป็นซอสพริก กระเทียม น้ำมันมะกอก หอม มัน รสชาติจัดจ้าน ท๊อปด้วย Lobster ใบโหระพา และ ริคอตต้าชีส เนื้อขาว เนียนนุ่ม
เมนูนี้คือ Moules & frites (690++ บาท)
หอยแมลงภู่ไซส์ใหญ่ สด หวาน เสิร์ฟร้อนๆในหม้อ ราดด้วยซอสไวน์ขาว มาพร้อมกับเครื่องเคียงสลัดผัก และ เฟรนฟราย
จานนี้ห้ามพลาดสำหรับคอเนื้อเลยครับ Hanger steak (990++ บาท)
เป็นเนื้อวัวคุณภาพพันธุ์ Black Angus (100 Days’ Grain Fed) ขนาด 300 กรัม ปรุงสุกระดับ Medium rare เนื้อนุ่ม ฉ่ำ หอม มัน หวาน ราดด้วยซอสเข้มข้น เพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น เสิร์ฟพร้อม Side dish เป็นผักรวมย่าง ทานคู่กับไวน์แดงแล้วจะอร่อยยิ่งขึ้นครับ เป็น Brancott Estate Pinot Noir 2013, Marlborough, New Zealand ไวน์แดงพันธุ์องุ่น Pinot Noir ปี 2013 ไวน์สีออกแดงโกเมน ให้อโรมาฟรุ๊ตตี้ black cherry, red plum มีกลิ่นเครื่องเทศเล็กน้อย ดื่มง่าย
จบจากของคาวแล้ว มาเริ่มของหวานกันดีกว่า Banana cheese cake (310++ บาท)
ชีสเค้กกล้วยหอม เนื้อแน่นแต่นุ่ม มีความมัน ความหอมของกล้วย เสิร์ฟทานคู่กับซอสครีมมะนาว และ ซอสเบอร์รี่ รสออกเปรี้ยวนิดๆ
ของหวานถัดไปเป็น Hot chocolate fondant (260++ บาท)
เค้กช็อกโกแลต ผิวนอกกรอบนิดๆ เนื้อเค้กนุ่ม ด้านในเป็นช็อกโกแลตไส้ไหล อุ่นๆ รสเข้มข้น หวานน้อย เสิร์ฟพร้อมกับ ช็อกโกแลตกรุบกรอบ และ ซอสเสาวรสออกเปรี้ยว
Lemon tart (235++ บาท)
ทาร์ตครีมเลมอน หอมครีมมะนาวที่มีรสหวานอมเปรี้ยว เสิร์ฟคู่กับทาร์ตที่อบมากำลังดี กรอบนอกนิดๆ พร้อมด้วยเมอแรงค์ขดเป็นม้วนด้านบน หวานหน่อยๆ ทานคู่กับทาร์ตครีมเลมอนแล้วผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
Thai style panna cotta (265++ บาท)
จานนี้มาแนวผสมผสานระหว่างไทยและอิตาเลียน โดยมีพานาคอตต้า มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและนิ่ม คล้ายเต้าหู้ มีกลิ่นหอมของตะไคร้ รสชาติหวานมัน เสิร์ฟพร้อมกับซอสมะม่วง เสาวรส รสหวานอมเปรี้ยว และ ครัมเบิ้ลกรุบกรอบ
Tiramisu deconstructed (280++ บาท)
ของหวานที่เป็นที่นิยมของอิตาลี เนื้อครีมเหลว นุ่มลิ้น เวลาทานจะรวมกับรสกาแฟชั้นในได้ดีเยี่ยม กลิ่นกาแฟหอมเข้ม โดดเด่น คอกาแฟไม่ควรพลาดครับ ทานคู่กับครัมเบิ้ลช็อกโกแลตเข้มข้น
ตัวสุดท้ายเป็น CHAR sweet platter (280++ บาท)
จานนี้เป็นรวมของหวาน 5 อย่าง มีเลมอนทาร์ต มาการองปริ้นท์โลโก้ชื่อร้าน Char และอีกด้านนึงเป็น QR Code สอดไส้เบอร์รี่ เปรี้ยวอมหวาน ช็อกโกแลตคองคอร์ดเป็นเมอแรงค์ช็อกโกแลตสลับกับช็อกโกแลตมูส ชูครีมบางกรอบ และ ชีสเค้กหวาน มัน เป็นจานที่รวมขนมหวานเด่นๆ ชิ้นพอดีคำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชิมความหลากหลายของขนมหวาน
CHAR RESTAURANT & ROOFTOP BAR (25TH & 26TH FLOOR)
HOTEL INDIGO BANGKOK WIRELESS ROAD
81 WIRELESS ROAD
PATHUMWAN BANGKOK 10330
WEBSITE: WWW.CHARBANGKOK.COM
EMAIL: [email protected] TEL: 02-2074999 FAX: 02-2074998
เรื่อง : Chetrat M.
ภาพ : Satid C.
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีว และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว
A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A
A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A