KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปชิมอาหารอิตาเลี่ยนรสเลิศ กับสุดยอดเชฟแห่งห้องอาหาร Jojo ที่จะทำให้ดินเนอร์มื้อนี้ของคุณพิเศษและประทับใจกว่าที่เคย Italian Finedining ที่นำของดีจากทกแว่นแคว้นของอิตาลีมานำเสนอ
สไตล์การแต่งห้องอาหารเป็นแบบอิตาเลียนสมัยใหม่ เดินเข้าไปภายในจะเห็นครัวเปิดขนาดใหญ่ที่เราจะได้เห็นการทำอาหารจำพวกพิซซ่าและขนมปังกันสด ๆ ถัดไปยังมี Wine Cellar ซึ่งเป็นห้องที่ใช้เก็บไวน์จากทั่วทุกมุมโลกครับ ส่วนบรรยากาศภายในนั้นหรูหรา อบอุ่นและเป็นกันเองครับ
เมนูวันนี้ปรุงโดยหัวหน้าเชฟ Chef Stefano Merlo ผู้มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างสูงในการปรุงอาหารอิตาเลี่ยนและเป็นที่ยอมรับกันดีในความสามารถครับ ทำให้ดินเนอร์มื้อนี้มั่นใจได้เลยครับว่าจะได้ชิมอาหาร
ขนมปังอบร้อน ๆ ผ่าสี่ให้เห็นถึงเนื้อขนมปังนุ่ม ๆ ด้านใน กินพร้อมเนยโฮมเมดหอม ๆ ซึ่งเชฟจัดมาเป็น Amuse-Bouche ตัวแรกของมื้อนี้ครับ
Amuse-Bouche ตัวที่สองคือ ครีมถั่วลันเตาและโฟมมะม่วง
เรียกน้ำย่อยกันแล้วเราลองมาเริ่มดินเนอร์จานแรกกันดีกว่าครับ
Polipo con Patate e Olive
หนวดหมึกยักตุ๋นจนเนื้อแน่น นำไปคลุกแป้งทอดต่อจนผิวกรอบ วางบนชีสทาเลจิโอโฟมสีขาวนวล ส่วนครีมสีเขียวทำจากกรีนโอลีฟครีม ผสมกับแบล็คโอลีฟ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งต้มใส้พาสลี่ย์เคี้ยวเพลิน จานนี้รสชาติกลมกล่อมหมึกยักหอมกลิ่นเกรียมนิด ๆ เนื้อนุ่มหนึบเคี้ยวง่าย หนังกรอบ กินพร้อม ครีมชีสและมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบเปิดมื้ออาหารได้ดีมากครับ
Bisque de Astice e Gamberi
บิสเก้หรือซุปหัวกุ้งเข้มข้น เชฟใช้กุ้งอาเจนตินาและบอสตันล็อบสเตอร์ เคี่ยวจนมันกุ้งแตกตัว แล้วเอาไปเบล็นจนได้กลิ่นหอม ราดด้วยซุปที่เคี่ยวก่อนหน้านี้ผสมกับแครอท กระเทียมและหัวหอม โรยปิดท้ายด้วยผงซีฟู๊ดเพื่อความหอมปิดท้าย รสชาติโดยรวมทำออกมาได้ดีมาก ตัวซุปเข้มข้น กลมกล่อม และไม่เค็มเกินไป เป็นจานที่ประทับใจมากครับ
Cappelli alla Passata, Guazzeto di Pesce Picante
จานนี้เสิร์ฟมาคล้านเกี๊ยวแต่ในภาษาอิตาเลี่ยนจะเปรียบเทียบเมนูนี้คล้ายกับหมวกของสตรีทำมาจากแป้งพาสต้าหนึบ ๆ ไม่หนามากเกินไปจนเสียรสชาติใส้ด้านใน เป็นโทมาโทพาซาต้าหรือเนื้อมะเขือเทศบดแล้วนำมาทำเป็นมูส วางบนซอสสองสีคือ ซอสบลูราต้าชีสสีขาว และ ซีฟู๊ดซอสสีแดงส้มทำจากกุ้งอาเจนทิเนียน กุ้งซีวิเลียนและปลาบันซีโน หลังจากลองกัดเข้าไปได้ความรู้สึกเหมือนเกี๊ยวชิ้นใหญ่ด้านในรสชาติเปรี้ยวเค็มกลมกล่อม ตัดกับซอสบลูราต้าได้อย่างดี
Guancia di Vitello
จานที่สี่เอาใจคนรักเนื้อวัวโดยเชฟจะเลือกส่วนแก้มซึ่งเป็นส่วนที่มีความนุ่มละลายในปากนำมาตุ๋นกับเครื่องเทศ และเรดไวน์รีดักชั่น ซึ่งเป็นการนำซอสที่เหลือจากการตุ๋นมาผสมไวน์แดงและเคี่ยวจนข้นออกมาเป็นซอสรสชาติเปรี้ยวหวาน เสิร์ฟพร้อมซีรีแลคพูรีย์เนื้อเนียน และผักกาดเขียวหรือชิโครี่อบ จานนี้รสชาติถูกปากอีกแล้วครับ แก้มวัวนุ่มแทบละลายในปาก กินคู่กันซอสเปรี้ยวหวานลงตัวมาก ๆ ครับ
Filetto di Cervo
อีกเมนูเป็นจานที่เชฟภูมิใจเสนอมากครับ โดยเชฟนำเนื้อกวางชั้นดีจากแหล่งผลิตชั้นเยี่ยมมากริลไฟอ่อนๆ จนหอม แต่ยังเหลือความชุ่มฉ่ำให้เนื้อด้านในอยู่จนได้กลิ่นหอมเฉพาะ ซึ่งส่วนตัวผมว่าหอมกว่าและกลิ่นเบากว่าเนื้อแกะด้วยซ้ำไป เสิร์ฟพร้อมซาซิพีซอสเป็นพูเร่ต์เนื้อละเอียด และซาซิพีคริสปี้กรอบ ๆ เวลากินพร้อมกันจะได้สัมผัสสองแบบ ราดด้วยซอสทับทิมสีแดงเข้มรสชาติเปรี้ยวหวานไว้คับความคาว โดยปิดด้วยเมล็ดทับทิมอ่อนๆ เคี้ยวได้ โดยรวมประทับใจมากครับ ต้องลองจริง ๆ
Maialino da Latte
สำหรับคนที่ไม่กินเนื้อ เชฟยังมีเมนูจากหมูให้ได้ลองกันครับ โดยเมนูนี้เป็นหมูหันชิ้นใหญ่สไตล์อิตาเลี่ยนแท้ ๆ เชฟใช้เนื้อลูกหมูคัดพิเศษอายุ 9 เดือนซึ่งเป็นช่วงอายุที่เหมาะที่สุดในการทำหมูหันนำมา slow cook แช่น้ำเกลือ 1 วัน ตากลมอีก 1 วัน ตัดเป็นชิ้นพอดีจานหลังจากนั้นเอาไปสตรีมกับเครื่องเทศอีก 1 วัน ด้วยสมุนไพรจากอิตาลี จากนั้นนำหนังมาเซียให้กรอบ เสิร์ฟพร้อมเชสนัทพูรี่ย์ และซอสหมูรีดักชั่นโรยปิดท้ายด้วยผงกาแฟเพิ่มความหอม วางบนผักกาดเขียวตระกูลชิโครี่ รสชาติจานนี้เป็นจานที่กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์มาก ตัวหนังกรอบไม่เหนียวเนื้อหมูฉ่ำแต่แอบเหนียวไปนิด โดยรวมอยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจเลยครับ
Cannoli alla Siciliana
มาถึงจานของหวานกันบ้างครับ กับจานแรก เชฟนำแป้งแผ่นบาง ๆ มาม้วยเป็นโรลแล้วทอดจนกรอบ สอดไส้ครีมรีคอตต้าชีส รสชาติหวานมัน กินพร้อมไอศครีมอัลมอนโฮมเมด ราดปิดท้ายด้วยน้ำส้มเพิ่มความสดชื่น ทำให้ความหวานมันตัดกับความเปรี้ยวของน้ำส้มได้เป็นอย่างดี
Ravioli al Crème Brulee
ของหวานจานที่สองเป็นของหวานที่ใช้แป้งพาสต้าบาง ๆ มาม้วนห่อแล้วทอดกรอบ สอดไส้ด้วย ครีมบูเร่ต์รสชาติหวานมัน กลมกล่อม ฉาบน้ำตาลทับด้านบนแล้วเบิร์นไฟจนหอม จากนั้นราดด้วย Blood Orange ซอส รสชาติเปรี้ยวนำหวาน ถ้าไม่ติดว่าอิ่มมากแล้วจะสั่งเพิ่มอีกจากเลยครับ ดีงามมาก ๆ
Complimentaly
จานของหวานจานพิเศษ สุดท้ายของวันนี้เป็น Petit Fours ขนมหวานสี่ชนิดเสิร์ฟมาบนถาดกระเบื้อง ตรงกลางประดับด้วยสายไหมก้อนกลมโต เคี้ยวไปแล้วไม่เหมือนสายไหมที่ผมเคยกินที่จะละลายในปากไปเลย แต่ที่นี่จะยังมีสัมผัสกรอบ ๆ หนึบ ๆ ของน้ำตาลให้เคี้ยวเล่นเพิน ๆ ด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับดินเนอร์มื้อพิเศษแห่งห้องอาหาร Jojo โรงแรม The St.Regis ที่ผมและ KinlakeStars.com นำมาแนะนำทุกท่านในวันนี้ โดยส่วนตัวผมประทับในมาก ๆ ไม่มีจานไหนเลยที่ไม่ถูกใจ คงต้องมอบความดีนี้ให้เชฟ Stefano Merlo ที่เป็นผู้รังสรรค์เมนูสุดพิเศษนี้ออกมาจริง ๆ ครับ
หากใครอยากลองสัมผัสห้องอาหารอิตาเลี่ยนมื้อพิเศษสามารถมาได้ที่ห้องอาหาร Jojo ชั้น G โรงแรม The St.Regis Bangkok ให้บริการเวลา 18.00 – 23.00 น. โทร 02 207 7777 หรือเว็บไซต์ http://www.stregisbangkok.com/en/fb_jojo
เรื่อง / ภาพ : Khanenpan C.
st.regis jojo dinner review new menu
KinlakeStars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว