บางทีคนชานเมืองอย่างเรา จะหาร้านอาหารฝรั่งดีๆซักที ก็ต้องวิ่งเข้าเมือง แต่ตอนนี้ไม่ต้องถ่อเข้าเมือง ไปไกลๆแล้ว เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำร้านอาหารฝรั่งดีๆ หรูๆ เด็ดๆ อย่าง ‘Eat at same same’ ร้านตั้งอยู่ในซอยสุขาภิบาลบางระมาด พุทธมณฑล สาย2 คือ เป็นซอยที่สามารถเข้าได้ทั้งฝั่งถนนกาญจนาภิเษก และ ฝั่งพุทธมณฑล สาย2 นั่นเองครับ กลัวหลงเลยขอเข้าจากถนนกาญจนาภิเษกแล้วกันครับ สังเกตซอยง่ายๆ คือ ซอยที่อยู่ข้างๆ สมาคมชาวปักษ์ใต้ นี่เอง พอวิ่งเข้ามาร้านจะอยู่ทางขวามือ จะพบบ้านหลังนี้นี่เอง แต่จริงๆแล้ว ถ้าเข้าจากทางพุทธมณฑลจะค่อนข้างใกล้กว่า ยังไงเพื่อความชัวร์ สามารถหาตำแหน่งใน Google Map ได้เลยครับ ใช้คำค้นว่า “Same same socialeatery” ได้เลยคับผม
ร้านเปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์นะครับ โดยให้บริการทั้งมื้อกลางวัน และ มื้อเย็น ครับ
มีโซนด้านนอกให้นั่งชิวๆ ด้วย
เข้ามาดูบรรยากาศในร้านดีกว่า เข้ามาก็จะมีโซฟายาว กับ หน้าต่างกระจก แบบมองเห็นวิวด้านหน้าโดยรอบ
เข้ามาในส่วนของห้องอาหาร ร้านตกแต่งสบายๆ สวยแบบเรียบหรู
นอกจากนี้ก็มีห้องส่วนตัวไว้ให้บริการด้วยนะครับ
Chef Sebastian schäfer เชฟเจ้าของร้าน ชาวเยอรมัน มากประสบการณ์ เคยเป็น Chef de cuisine ให้กับร้านอาหารชื่อดังแนว Fine dining ในไทย อย่าง The Capital มาแล้ว นอกจากนี้ เชฟยังเคยได้ร่วมงานกับเชฟระดับมิชลิน 3 ดาว อีกด้วย
พร้อมแล้ว!! เรามาเริ่มกันเลยครับ
ก่อนอาหารจะมา เขาก็มีการเสิร์ฟผ้าเย็นก่อนด้วย มีกลิ่นหอมสมุนไพรอ่อนๆ ให้ความสดชื่น
เริ่มด้วย Amuse bouche ทั้งหมด 3 อย่าง โดยอย่างแรกจะเป็น คานาเป้ปลากะพง เป็นคานาเป้ในรูปแบบโคนอันจิ๋ว เสิร์ฟด้วยปลากะพงดิบ ที่คลุกเคล้ากับเครื่องของเขา
สำหรับจานนี้ รสชาติจะค่อนข้างอ่อน จะได้รับรสของเนื้อปลากะพงสดๆ อย่างแท้จริง มีกลิ่นหอมของสมุนไพรอ่อนๆ มีความหวานของตัวโคนนิดๆ ครับ ส่วนตัวจานนี้ไม่ได้รู้สึกถึงความโดดเด่นอะไรเท่าไรครับ
ต่อมาเป็น ข้าวเกรียบสาหร่าย ตัวข้าวเกรียบเองมีความกรอบ ฟู เบา มีรสชาติหวานๆเค็มๆ เล็กน้อย และ มีความหอมของสาหร่ายทะเล
ขนมปังซาวโดว์ทรงกลม เสิร์ฟมากับ เนยปาปริก้า คือ เห็นขนมปัง ยังไม่ได้ชิม รู้สึกได้เลยว่า ต้องกรอบนอกนุ่มในแน่ๆ พอได้ทานก็รู้สึกฟินเล็กๆ คือ ข้างนอกกรอบ ข้างใน เหนียวนุ่ม หอมกลิ่นหมักอ่อนๆ
พอทานกับเนยปาปริก้ามันก็จะทำให้มีรสชาติเพิ่มไปอีก คือ มีความมันๆ และ มีรสเผ็ดปลายๆ มีกลิ่นหอมของปาปริก้าอ่อนๆด้วย
Creamy Corn Soup (250+ บาท) ไม่ต้องสงสัยว่าซุปอะไรทำไมแห้งแบบนี้ ที่ร้านเค้าจะเสิร์ฟมาแบบแยกเครื่อง แยกซุปครับ แล้วเค้าก็จะเทตอนเสิร์ฟให้ครับ ข้างล่างจะเป็นข้าวโพดบด ทำจากโพเลนต้า กับ ต้นกระเทียม และ โปะด้วยริเวอร์ล็อบสเตอร์ย่าง หรือ กั้งกระดานย่าง นั่นเอง แล้วบีบเจลมะนาวไว้ข้างบนปิดท้าย
ซุปสีเหลือง ข้นๆหน่อยๆ รสชาติอ่อนๆ กำลังดี เค็มนิดๆ หวานหน่อยๆ มีกลิ่นหอมของข้าวโพดดี
ตอนตัก ก็พยายามจะตักให้ได้ครบทุกอย่าง ความรู้สึกคือข้าวโพดบด และ ซุปข้าวโพด มันละลาย ผสมกลมกลืนกันไปเลย ได้สัมผัสนุ่มๆ เด้งๆ ของกั้งกระดาน และ มีความเปรี้ยวโดดของเจลมะนาว ส่วนตัว คิดว่า ความดีของจานนี้คือ ตัวกั้งกระดาน มีความสด และปรุงมาได้อย่างดี การผสมผสานระหว่างซุปที่ไม่ข้นจนเกินไป และเนื้อสัมผัสของข้าวโพดบดที่เนียนนุ่ม เนื้อสัมผัสทั้งสองอย่างผสมเข้ากันได้อย่างลงตัว
Seared Foie Gras (590+ บาท) โดยทั่วไปฟัวกราส์ก็มักจะต้องทานคู่กับผลไม้เปรี้ยวๆ ซึ่งปกติเท่าที่เห็นก็มักจะเสิร์ฟกับพวกเบอรี่รสเปรี้ยวต่างๆ หรือ บางทีอาจจะเป็นผักที่มีกลิ่นค่อนข้างฉุนอย่างผักร๊อคเกต แต่สำหรับที่นี่ เชฟนำฟัวกราส์มาจับคู่กับ แอปเปิ้ลเขียว และ ดอกเอลเดอร์ เลยทำให้จานฟัวกราส์จานนี้ดูมีความแปลกใหม่ น่าลิ้มลองไม่น้อย
ส่วนประกอบจานนี้ ก็แน่นอนว่า พระเอกของจานนี้ ก็คือ ฟัวกราส์ชิ้นหนากำลังดี โปะด้วยโฟมเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ มีแอปเปิ้ลเต๋าเบิร์น เจลแอปเปิ้ลเขียว เจลดอกเอลเดอร์ และ เพิร์ลดอกเอลเดอร์
ตัวฟัวกราส์ เขาจี่มาได้กำลังดีเลยครับ คือ ตรงขอบโดยรอบ มันจะมีความรู้สึกว่ามีเหมือนส่วนเนื้อให้เคี้ยว ข้างในมีความนุ่มละลายในปาก กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์อ่อนๆ ส่วนน้ำซอสที่ราดมา ก็รสชาติเข้มข้นดี จะออกเค็มๆ หวานตามนิดๆ ชูรสชาติของฟัวกราส์ได้เป็นอย่างดีทีเดียว โฟมข้างบนก็มีกลิ่นจางๆ ของดอกเอลเดอร์
แอปเปิ้ล หั่นมาแบบเป๊ะมาก ยังคงมีความกรอบของเนื้อสัมผัสแอปเปิ้ลบ้าง รสเปรี้ยวๆอมหวานเล็กๆ
เจลตัวสีเขียวมันจะรสออกเปรี้ยวๆ ส่วนสีเหลืองจะหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นของเอลเดอร์ฟลาวเวอร์อ่อนๆด้วย พอทานทุกอย่างพร้อมๆกัน พูดถึงรสชาติก่อน มันครบรสมากๆ เค็ม หวาน เปรี้ยว แต่พอพูดถึงเนื้อสัมผัสนี่มันมีสัมผัสที่หลากหลายซับซ้อนดีมากๆ ผมพอจะบอกสัมผัสของส่วนประกอบต่างๆที่อยู่ในจานนี้ ลืมไปอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ เพิร์ล มันมีสัมผัสเหมือนไข่ปลาแซลมอนเลย แบบเป็นถุงน้ำ ข้างในรสจะออกเปรี้ยวๆหวานๆ แต่สัมผัสตอนทาน มันจะแบบเป๊าะแป๊ะๆ ในปาก จานนี้บอกเลยว่าดี และ เด็ด ต้องลอง!!
Sepia Risotto (440+ บาท) ริซอตโต้หมึกดำ กับ ของทะเลต่างๆ
ข้าวริซอตโต้ถูกเกลี่ยลงบนจานเป็นรูปวงกลม วางของทะเลต่างๆ อย่างหอยฮามากุริ และ เนื้อกั้งกระดาน โรยด้วยเฟนเนลสไลด์ และ ไข่ปลาแซลมอน มีแปะทองคำเปลวซะด้วย
กั้งมีความสด เนื้อเด้ง แน่น ปรุงมาได้กำลังดี ส่วนหอยก็มีกลิ่นเฉพาะตัว หนึบๆ นอกจากนี้เวลาทานรวมๆ เราจะได้สัมผัสเป๊าะแป๊ะ และ รสเค็มๆ ของไข่ปลาด้วย
ข้าวจานนี้ปรุงมาได้รสค่อนข้างจัดกว่าจานที่ผ่านๆมา รสจะออกไปทางเค็มๆ และส่วนตัวคิดว่าข้าวอาจจะสุกเกินไปเล็กน้อย คือ มันออกไปทางนุ่มมากกว่ากรึบเล็กน้อยครับ แต่โดยรวมก็ยังได้อยู่ครับ สำหรับคนชอบอาหารทะเล
Tagliarini Clam (360+ บาท) ความพิเศษของจานนี้ คือ เชฟเป็นคนทำเส้นนี้เองสดๆ เส้นเป็นแบบแบนๆ ไม่ใหญ่มาก คลุกเคล้ากับซอสเวอลูเต้ หอยที่ใช้ เป็น หอยฮามากุริ จากญี่ปุ่น เลยครับ
เส้นมีความนุ่ม เนื้อสัมผัสของเส้นจะค่อนข้างแตกต่างจากพวกพาสต้าทั่วๆไปครับ ซอสจะรสออกเปรี้ยวๆ เค็มๆ และ ได้กลิ่นคล้ายๆ เซอลารี่ นิดๆ เวลาทานมันมีความรู้สึกเป็นเมือกๆ นิดหน่อย น่าจะมาจากตัวหอย
Seared Red Snapper (ุ690+ บาท) ปลากะพงแดงนำไปจี่บนกระทะจนกรอบด้านหนึ่ง วางลงจานที่มีซอสโฟม ที่ทำจากล๊อบสเตอร์ และเครื่องเทศพิเศษ ข้างใต้ซอสมีผักโขมด้วย ส่วนข้างบนปลา เขาก็วางแผ่นข้าวเกรียบไว้บนปลา เคอแนลล์ไอศกรีมกะทิไว้ข้างบนอีกที และสุดท้าย ตักไข่ปลาคาเวียร์ไว้บนสุด จัดจานออกมาได้ดูดีทีเดียว
เนื้อปลา สด เนื้อแน่น สุกกำลังดี และ ส่วนที่ดีคือ จี่มาจนฝั่งหนึ่งกรอบ หอมกลิ่นที่เกรียมนิดๆ
ซุปมีความกลมกล่อม เค็มๆ ช่วยเพิ่มรสชาติให้เนื้อปลาได้เป็นอย่างดี และมีผักโขมข้างล่าง ให้ทานคู่กับปลาอีกด้วย
เชฟจะใส่กะทิมาในจานนี้ ในรูปแบบของไอศกรีมด้วย ช่วยเพิ่มความมัน เพิ่มความเข้มข้น ให้กับจานนี้
Grilled Lamb Rack (650+ บาท) ซี่โครงแกะย่าง มะเขือยาว มะกรูด
ก่อนราดซอส เสิร์ฟมากับ มะเขือย่าง พิวเร่มะเขือ เกล็ดขนมปัง น้ำมันมะกรูด
ราดซอสแล้วยิ่งดูน่าทานมากๆเลยครับ
คือ เนื้อแกะ มีมันแทรกเล็กน้อย เนื้อไม่ค่อยเหนียว กลิ่นไม่แรงมาก ทานง่าย ราดซอสรสออกเค็มๆ กำลังดี
พอทานรวมๆแล้ว ตัวเนื้อไม่นุ่ม หรือ เหนียว จนเกินไป มีสัมผัสต่างๆ มาช่วยเสริมกัน ทั้งความกรอบๆ ของเกล็ดขนมปัง ความนุ่มเนียนจากมะเขือบด และ ความเหนียวนุ่มของมะเขือย่าง นอกจากนี้กลิ่นก็ยังผสมผสานกันออกมาอย่างลงตัว
Australian Flank Steak (790+ บาท) ส่วนตัวไม่ได้ทานเนื้อวัว เลยให้พี่ที่ไปด้วยช่วยชิม อันนี้เขาใช้เนื้อในส่วนสีข้าง
เนื้อมีความนุ่มกำลังดี ซอสจะออกเค็มๆหวานๆ แต่ติดหวานไปนิดหนึ่ง ดีที่มีมันบดที่รสออกเค็มๆ ช่วยเพิ่มรสเค็ม ตัวมันบดหนักเนยดี นุ่มเนียน เสิร์ฟมากับผักกวางตุ้ง ให้ความรู้สึกถึงอาหารจีนนิดๆ
มาต่อขนมกันเลยครับ Sweet Rice (150+ บาท) หรือ ชื่อตรงตัวว่า ‘ข้าวหวาน’ เลยครับ สำหรับจานนี้รีบมาก เพราะความที่กลัวว่าไอศกรีมจะละลาย เลยไม่ทันถ่ายให้ดูด้านใน ข้างล่าง ลักษณะจะคล้ายๆ โจ๊กหวานอ่อนๆ โรยด้วยงาคั่วบด และ ตักไอศกรีมน้ำขิงไว้ด้านบน คือ ตอนที่เอามาเสิร์ฟ สิ่งแรกที่มาสัมผัส คือ กลิ่นหอมของงาคั่วบด หอมมาก พอได้ทาน มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ ข้าวหวานอุ่นๆ เจอกับไอศกรีมน้ำขิงเย็นๆ ขนมจานนี้ มันทำให้เรานึกถึงขนมของจีนอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ บัวลอยน้ำขิง แต่นำมาแยกส่วน และ เปลี่ยนรูปแบบการเสิร์ฟ จิงๆเมนูนี้เป็นเมนูใหม่ของทางร้านด้วย และ เป็นเมนูที่น่าลองซักครั้งดูครับ
Meringue (290+ บาท) เป็นจานหวานที่นำเสนอ สตรอเบอรี่ และ โยเกิร์ต
เมอแรงก์ของเขา ดูมีลักษณะเฉพาะตัว คือ อาจจะผสมแป้ง หรือ ถั่วบด ลงไป นอกเหนือจากไข่ขาว และ น้ำตาล คือ มันมีความแน่นกว่าเล็กน้อย และ ดูมีเนื้อมีหนัง อร่อยไปอีกแบบ
ตรงกลางเป็นไอศกรีมโยเกิร์ต รสชาติหวานอมเปรี้ยว หอมกลิ่นโยเกิร์ต หุ้มด้วยครีมไวท์ช๊อคโกแลต ด้านล่างก็รายล้อมด้วยเนื้อสตรอเบอรี่สด และ ข้างล่างสุดเป็นผงไวท์ช๊อคโกแลต นอกจากนี้ก็มีเจลสตรอเบอรี่ด้วยครับ
จานนี้ พอทานแล้ว รู้สึกสดชื่นดีครับ เลือกเป็นจานปิดท้ายก็ไม่เลวนะครับ อร่อยๆ
และจานหวานจานสุดท้าย Warm Chocolate cake (270+ บาท) ช๊อคโกแลตลาวา เสิร์ฟคู่กับ ไอศกรีมชาไทย
ตัวเค้ก ทำได้ดีมากๆครับ เนื้อรอบนอกเป็นเค้กนุ่มๆ ข้างในไหลออกมาเป็นลาวาข้นๆ มากับ ซอสชาไทย เนยถั่ว ผงช๊อคโกแลต และ ทวีลคาราเมล ส่วนตัวคิดว่า ชาไทยมันอาจจะยังไม่ค่อยเข้ากับจานนี้เท่าไร
ดูความเยิ้มของลาวา การันตีความดีงามของช๊อคโกแลตลาวา
ปิดท้ายด้วยขนมที่ทางร้านจะมอบให้เป็นพิเศษ นั่นก็คือ ข้าวเกรียบเสาวรส และ ทรัฟเฟิลช๊อคโกแลตหุ้มด้วยแป้งวาฟเฟิล ข้าวเกรียบเสาวรส มีความหวานๆ จากผงไวท์ช๊อคโกแลต และ มีความเปรี้ยวๆหอมๆกรุบๆ ของเสาวรส โดยทุกอย่างอยู่บนแผ่นกรอบๆของข้าวเกรียบ อร่อยดีนะ
ทรัฟเฟิลช๊อคโกแลต กานาชข้างในมีความเนียนดี เข้มข้น แป้งข้างนอกก็จะนิ่มๆหน่อยๆ
นอกจากนี้ ยังมี ไอศกรีมคาราเมลให้อีกด้วย คือ ขอบอกว่า ดีมากๆๆ ไอศกรีมถูกทำจากคาราเมลจริงๆ มีความเค็มอ่อนๆ ให้รสมันนัว มีความหอมเฉพาะตัวของน้ำตาลไหม้ ดีงาม
ใครสนใจอยากลิ้มลอง ก็แวะมากันได้เลยนะครับ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ สำรองที่นั่งได้ที่ (095) 254 2632 หรือ ติดต่อทางไลน์ eatatsamesame ได้เลยครับ
** ราคาที่ลงไว้เป็นราคาที่ยังไม่ได้รวม VAT 7% ส่วนที่ไม่ได้ลงราคาเป็นจานที่ทางร้านมอบให้ลูกค้าเป็นพิเศษครับ
#eatatsamesame #samesamesocialeatery
เรื่อง /ภาพ : Kreingkrai T.
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว