Chef : Ma : 02 2023
Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A


สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับ kinandleisure.com review ครับ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับร้านอาหาอิตาเลียนระดับ fine dining ในตำนานของประเทศไทย นั่นคือ Enoteca Bangkok ซึ่งเป็นร้านอาหารอิตาเลียน stand alone ร้านแรก ๆ ในไทยที่ทำให้พวกเราได้สัมผัสกับ อาหารอิตาเลียนระดับ fine dining ซึ่งถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมาเพียงใด ร้านนี้ก็ยังสามารถสร้างสรรค์เมนูเพื่อให้พวกเราได้เพลิดเพลินกันได้อย่างมีมาตลอดครับ
Enoteca

Enoteca Bangkok ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 27 ใจกลางกรุงเทพ ซึ่งเมื่อเข้ามาในบริเวณร้านก็จะพบกับสวนอันอบอุ่นคอยต้อนรับเป็นบรรยากาศแรก ภายในตัวร้านจะแต่งแต่งสไตล์บ้านชาวอิตาเลียนที่ ตกแต่งอย่างอบอุ่นพร้อมไวน์ และ ของใช้ในบ้าน พร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของขนมปัง เมื่อเดินเข้ามาก็จะให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกลับมาในร้านอาหารแถวบ้านที่เราคุ้นเคยมานาน แต่ก็ยังมีความโรแมนติกซ่อนอยู่ในรายละเอียดหลาย ๆ มุม

คำว่า “Enoteca” สามารถแปลตรงตัวว่า Wine Library ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ดั้งเดิมของร้านที่ตอนแรกจะทำเป็นเพียงร้านไวน์ แต่ด้วยความต้องการของลูกค้าที่ได้มาลิ้มลองอาหารพร้อม ๆ กับไวน์แล้วเกิดติดใจจึงต้องปรับร้านเป็นร้านอาหาร ซึ่งอาหารที่เสิร์ฟในร้านแห่งนี้จะเน้นอาหารอิตาเลียนที่มีความละเอียดอ่อนของทั้งรสชาติ มีลุคที่ทันสมัยไม่น่าเบื่อ และ วัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี
Enoteca Seven Sins Menu

ที่ Enoteca Bangkok แห่งนี้สามารถสั่งอาหารเป็น Ala Carte คู่กับไวน์ที่ท่านชื่นชอบได้ตามใจชอบ แต่สำหรับวันนี้เราได้เลือก tasting menu ในชื่อ Seven Sins เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสกับรสชาติของ Enoteca หลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะเป็นการผสมผสานความอร่อยอาหารอิตาเลียนที่จะนำเสนออย่างสวยงามแบบอาหารฝรั่งเศส และมีจุดเด่นที่วัตถุดิบชั้นเลิศซึ่งดูได้ตั้งแต่จากขนมปัง และ น้ำมันมะกอก

Bread
ขนมปังของ ร้านจะเสิร์ฟสามชนิดคือ focaccia ciabatta และ wheat โดยน้ำมันมะกอกจะมีให้เลือกสองแบบจากที่เป็นสุดยอดน้ำมันมะกอกจากทั้งตอนเหนือ และ ตอนใต้ของอิตาลี cilicia two different olive and region

น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (Extra virgin Olive Oil) หมายถึง น้ำมันธรรมชาติที่สกัดได้จากมะกอกโลีฟ มีลักษณะใสออกสีเขียวเหลือง และใส Extra Virgin (Cold Pressed) บริสุทธิ์พิเศษ มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิว เข้ากับผิวได้ดีเพราะมีโครงสร้างคล้ายน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว ป้องกันรังสียูวีบี ประกอบด้วยโปรตีน วิตามินอี วิตามินเฮ สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดไขมันไม่อิ่มตัว และใช้เป็นส่วนผสมของสครับขัดผิว และใช้ผสมโลชั่น และครีมทาผิว เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น ใช้หมักผมเพื่อปรับสภาพผม และผสมในโลชั่นทำความสะอาดเครื่องสำอางได้อีกด้วย
Extra virgin olive oil จัดเป็นน้ำมันมะกอกที่มีคุณภาพดีที่สุด ไม่มีการใช้กระบวนการเคมีหรือใช้สารเคมีมีการผลิตเลย เป็นการสกัดแยกน้ำมันออกมาจากผลมะกอกโดยตรงเป็นน้ำมันมะกอกสีค่อนข้างเขียวเหลือง ถูกคั้นออกมาด้วยเครื่องมือบด (MiII) ซึ่งเป็นกรรมวิธีแบบดั้งเดิม (Cold Pressedหรือ First Pressing) แต่ในปัจจุบันมักจะใช้เครื่องจักรในการบดมากกว่า ซึ่งรสชาติก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดนัก ส่วนประเทศที่ผลิตน้ำมันมะกอก แต่ละประเทศจะมี Character ของตัวเอง

มนุษย์ได้ปลูกต้นมะกอกรอบ ๆ บริเวณเมดิเตอร์เรเนียนตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ปัจจุบันสเปนเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมะกอกมากที่สุด ตามมาด้วยกรีซ แต่การบริโภคต่อคนมากที่สุดในกรีซ ตามมาด้วยสเปน อิตาลี และโมร็อกโก การบริโภคในเอเชียใต้ อเมริกาเหนือ และยุโรปเหนือน้อยกว่ามาก แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
องค์ประกอบน้ำมันจะขึ้นอยู่กับพันธุ์ปลูก เขตความสูง ช่วงเก็บเกี่ยว และกระบวนการสกัด โดยมากเป็นกรดโอเลอิก (มากถึง 83%) และมีกรดไขมันอื่น ๆ น้อยกว่ารวมทั้งกรดลิโนเลอิก (อาจถึง 21%) และกรดปาลมิติก (อาจถึง 20%) น้ำมันคุณภาพดีสุดจะได้จากการสกัด “รอบแรก” ที่ขึ้นป้ายว่า extra virgin (เอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน) ควรมีกรดไขมันอิสระไม่เกิน 0.8% และมีรสชาติดี
Appetizer & Amuse Bouche

สำหรับอาหารเรียกน้ำย่อย Enoteca Bangkok ได้จัด beetroot chip และ tapioca seaweed ไว้คอยต้อนรับให้รับประทานเพลิน ๆ ก่อน amuse bouche จะมา ซึ่งสามาเรียงตามลำดับการรับประทานจากซ้ายไปขวาคือ

- Shrimp roll โรลกุ้งม้วนกรอบนอก เนื้อหวาน รสชาติเข้มข้น

- liver pate macaron มาคอรองสอดไส้ liver pate มีความหวานมันนัวกำลังดี

- beetroot chip & Goronzola cheese ความหวานของ beet root chip และรสชาติของชีสพิเศษมาก ๆ ทิ้งความสดชื่น

- ไว้ให้เรารออาหารจานต่อไปเรียกได้ว่าเป็นตัวปิดท้าย amuse bouche ทีดี
Courses
Red mullet/ratatouille/zucchini/burrata cheese white sheet/spicy salami


จานแรกก็เริ่มต้นได้อย่างประทับใจด้วยพระเอกอย่างเนื้อปลา red mullet ที่หวานมัน ทอปด้วย ratatouille และ zucchini เมื่อรับประทานคู่กับ burrata cheese ที่เสิร์ฟมาเป็นแผ่นบาง พร้อมตัดรสเผ็ดปลายด้วย salami เป็นจานที่มีองค์ประกอบของความอร่อย และ รสชาติกลมกล่อมลงตัว


Langoustine/baby fennel


ต่อกันที่จานที่สองเป็นกุ้ง Langoustine รับประทานคู่กับ baby fennel ที่ผัดมาอย่างดี จานนี้จะได้กลิ่นหอมที่เป็นลักษณะเฉพาะของ fennel พร้อมกับ texture ที่ไปได้ดีกับ กับเนื้อกุ้ง langoustine ที่อัดแน่นด้วยความหวาน

Jerusalem artichoke/truffle/quail-meat


จานต่อมามีพระเอกคือ Jerusalem artichoke หรือ แก่นตะวันที่นำมาปรุงออกมาเป็น 3 แบบ คือ chip marshed และ roasted รับประทานกั truffle สด ๆ ชิ้นโต และ quail หรือเนื้อนกกระทาที่ปราศจากกลิ่นคาว และพร้อมจะละลายในปากไปพร้อมกับ truffle และ artichoke

Button ravioli/goat cheese/black truffle/spring onion oil





จานนนี้เป็นจานที่มีเอกลักษณ์มาก นั่นคือ เชฟใข้ home made ravioli ผิวเนื้อฟูนุ่ม เสิร์ฟใน onion consume ผสม spring onion oil และ truffle เมื่อกัด ravioli ก็จะได้ goat cheese เต็มคำ อาจจะคาวเล็กน้อย แต่ถ้าได้รับประทานคู่กับไวน์น่าจะเป็นอีกจานที่น่าสนใจ
Black truffle pasta



อีกจานที่แสดงความ simple แต่พิเศษของ Enoteca จานนี้จะเป็น pasta เส้นสดปรุงแบบ andante ปรุงแบบง่าย ๆด้วย cheese และไข่แดงเท่านั้นทำให้ได้รสชาจิความหวานของเส้นและ truffile สดๆเต็มที่ ซึ่งเชฟจะฝานสดๆท่โต๊ะจากหัวแบบไม่อ้่น หอมฟุ้งเสียจนน่าตื่นตะลึง ถึงแม้หลายร้านจะมีเมนูนี้ แต่ Enoteca ก็คือว่าทำได้แบบเด็ดขาด
Marinated Duck Breast


สำหรับ main course นั้นพิเศษสุด ๆ เพราะวัตถุดิบใข้เวลาเตรียมถึงสามวัน นั่นคืออกเป็ด หรือ duck breast ที่จะเริ่มหมักในมิโสะ โดยใช้เวลาถึงสามวัน ! ทำให้เนื้อมีความนุ่มและหอมมิโสะมาก ๆ นอกจากนั้นก่อนนำมาเสิร์ฟก็จะใช้วิธีการค่อย ๆ slow cooked โดยใช้เวลาถึง 6 ชม. รับประกับความละเอียดอ่อนนุ่มจะ ราดด้วย duck jus ที่เข้มข้นสุด ๆ เป็นจานที่หารับประทานที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว

Desserts


สำหรับของหวานก็จะมีการเสิร์ฟ pre-dessert เป็น panna cotta passion fruit ให้ล้างช่องเพดานปากก่อน หลังจากนั้นก็จะเสิร์ฟของหวานหลักนั่นคือ Tom-yum sorbet ที่ทำจาก lime กระชาย lemongrass honey โรยด้วย Sichuan pepper ถึงแม้ชื่อจะดูเผ็ดร้อน แต่รสชาติหวานหอมอร่อยสุด ๆ มีความเค็มแทรกเล็กน้อยเหมือนคาราเมล แต่มีเอกลักษณ์จากรสเปรี้ยวอ่อน ๆ และ กลิ่นตระไคร้ พร้อมกระชายจาง ๆ ให้ความสดชื่นที่หาได้ยาก เรียกได้ว่าเป็นของหวานปิดจบมื้ออาหารของ Enoteca Bangkok ได้อย่างประทับใจ

และเมื่อจบมื้อก็จะมี petite fours ที่ประกอบด้วย ricotta cheese roll, custard, caramel candy, pitaschio กับ lime macaron ซึ่งทุกชิ้นทำจากครัวของ enoteca ได้ เรียกได้ว่าได้ความประทับใจไปอีกแบบเต็ม ๆ
ข้อมูลติดต่อ
Address: 27 ซ. พร้อมมิตร Khlong Toei Nuea, Watthana, Bangkok 10110 Open : 5:30–11 PM Phone: 02 258 4386
Website: https://enotecabangkok.com/