น้ำมันมะกอกดีๆ ทำให้รส กลิ่นของอาหารแตกต่างอย่างชัดเจน ช็อกโกแลตเองก็เป็นของที่กินเพื่อสุขภาพและสร้างสรรค์จาก สมุนไพร และ พืชพันธุ์ธรรมชาติได้เช่นกัน
เซ็ตดินเนอร์ 5 คอร์สเมนู สร้างสรรค์อย่างละเมียดละไมโดยเชฟ ฟิลลิป เทรช ซึ่งทุกจานจะปรุงด้วยน้ำมันมะกอกที่มีคุณภาพพรีเมี่ยม (Grand Cru Olive Oil) ในระดับเทสติ้งโน้ต (Tasting notes) 87-97 ซึ่งจะชูให้รสชาติของอาหารแต่ละจานโดดเด่นอย่างเหลือเชื่อ
นับได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ความละเมียดละไมในมื้ออาหารที่แตกต่างจากที่หลายๆท่านเคยสัมผัสจากเชฟระดับเวิลด์คลาสอื่นๆ และปิดท้ายรายการมื้อค่ำเซ็ตนี้ด้วย โฮมเมดช็อกโกแลต ฝีมือเชฟ ฟิโอน่า โดยนำเสนอ สูตรใหม่ “Botanical Choco Olio Atelier” ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ อาทิ
การผสมผสานใบเจเรเนียมเข้าไปในช็อกโกแลตทรัฟเฟิล ให้กลิ่นหอมสดชื่นแปลกใหม่ พิเศษไม่เหมือนใคร
วันนี้ทาง Kinlakestars พาทุกท่านไปพรีวิวงาน Exclusive Dinner and Choco Atelier with Chef Philipp Tresch and Fiona Sciolti โดยเชฟรับเชิญ ฟิลลิป เทรช (Philipp Tresch) เจ้าของรางวัล Olive Oil Culinary Award จากฝรั่งเศส และ เชฟช็อกโกแลต ฟิโอน่า โชล์ตตี้ (Fiona Sciolti) จากประเทศอังกฤษ ผู้มีฝีมือระดับรังสรรค์ช็อกโกแลตทรัฟเฟิลให้แก่พระราชวังบักกิ้งแฮม
งานนี้เชฟจะให้ประสบการณ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับน้ำมันมะกอกว่าน้ำมันมะกอกนั้นสำคัญอย่างไร และได้มีโอกาสชิม ดม เทสน้ำมันมะกอก 5 ชนิดที่มีกลิ่น สี และรสที่แตกต่างกัน ซึ่งลักษณะการ taste นั้นเหมือนกับไวน์ไม่มีผิด ซึ่งการนำน้ำมันมะกอกที่ต่างชนิดกันมาปรุงอาหารจานเดียวกัน จะทำให้รสชาติของอาหารจานนั้นเปลี่ยนไปได้ด้วย
น้ำมันมะกอกที่ดี น้ำมันมะกอกที่สด เมื่อเข้าปากแล้วจะรู้สึกได้ถึงความสด ความบาง เบา รสที่เผ็ดนิดๆ กลิ่นเขียวสดๆ ซึ่งต่างกันกับน้ำมันมะกอกพรีเมียมธรรมดา ที่กลิ่นจะเบาๆ ไม่มีกลิ่นเขียวสด ความหนักและหนืดของน้ำมันมะกอก จะต่างกันอย่างชัดเจนมาก หากลองดมและดื่มสลับคู่กัน ไม่ว่าใครก็สามารถแยกออกได้
ต้น Olive Oil มาจากสวิตเซอร์แลนด์
มาลองชิมอาหาร 2 เมนูจาก 5 เมนูจากเซ็ตมื้อค่ำสุดหรูกัน
เริ่มจากจานแรก
Olive wrapped in Caramelized Anchovy Clear Gazpacho with Marinated Hokkaido Scallop and olive Oil Pearls
จานนี้เป็นหอยเชลล์ฮอกไกโดหมัก รสเปรี้ยวนิดๆ มาพร้อมกับเม็ดน้ำมันมะกอกซึ่งจะกล้ายกับไข่ปลาแซลมอน แต่เป็นสีเหลืองเขียว เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุปใสเย็นๆมาในกาน้ำชา เวลาทานเชฟจะเทน้ำซุปลงในจานก่อน
หลังจากนั้นเชฟจะนำเอาน้ำมันมะกอก Gaea Kalamata, Koroneiki Olives, Kalamata เทอีกรอบ ขวดนี้เป็นน้ำมันมะกอกของกรีซ ให้กลิ่นแบบ Pepper และ Almonds จานนี้ทานพร้อมกันทั้งหมดแล้วจะพิเศษตรงเม็ดน้ำมันมะกอก เพราะแตกในปากมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวกระจายไปทั่ว รสกลมกล่อมทีเดียว
จานที่สองเป็น Gratinated Candele Pasta Tubes with Maine Lobster
พิเศษตรงที่เส้นพาสต้าจะเป็นหลอด ท่อยาวๆ มีความเหนียว หนึบ
ข้างในสอดไส้กุ้งล็อบสเตอร์ พร้อมเนื้อกุ้งล็อบสเตอร์ชิ้นโต เนื้อสด กรอบ เด้ง จานนี้เชฟจะเทน้ำมันมะกอก Franci Villa Magra, Frantoio / Moraiolo / Leccino Olives ของแคว้น Tuscany ประเทศอิตาลี
น้ำมันมะกอกตัวนี้ค่อนข้างเข้มข้น ให้กลิ่นออกผลไม้ ปรุงคู่กันกับเมนูนี้แล้วช่วยเพิ่มรสชาติให้หอม ละมุนให้กับเนื้อกุ้ง และพาสต้ายิ่งขึ้น
จบจากของคาว มาชิมของหวานที่เป็นช็อกโกแลต โดยเชฟฟิโอน่า โชล์ตตี้ (Fiona Sciolti) กันบ้าง มีช็อกโกแลตทั้งหมด 4 ตัว ซึ่งเชฟ Fiona จะนำน้ำมันมะกอก 4 ชนิดที่แตกต่างกันมาเป็นส่วนผสมของช็อกโกแลตด้วย
ตัวที่หนึ่งเป็น Thai Chai – Sea Salt Caramel, Chai Spice & Bee Pollen ส่วนผสมที่น่าสนใจของช็อกโกแลตชิ้นนี้จะเป็น Bee Pollen เป็นเกสรผึ้ง อุดมด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆซึ่งเป็นแหล่งคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย
ช็อกโกแลตตัวแรกนี้เป็น Milk Chocolate throughout, burnt caramel syrup, dairy cream, hand blended chai spice พร้อมส่วนผสมของน้ำมันมะกอก Oro Bailen, Spain
Flavour profile: caramel, nutty, Jersey cream, perfect match with the dark caramel tones, milk chocolate and Asian spice blend
ตัวที่สองเป็น La Dolce Vita – Peach Tea & Blue Cheese Ganache หลายคนที่เห็นส่วนผสมของ Blue Cheese คงจะตกใจแล้วคิดว่ารสชาติจะออกมาเป็นอย่างไรนะ แต่หลังจากที่ได้ชิมแล้วพบว่า เชฟทำออกมาได้ดีมาก ไม่มีกลิ่นฉุนของ Blue Cheese เลยแต่กลับทำให้ช็อกโกแลตรสชาติหอม มัน นุ่มนวลยิ่งขึ้น ช็อกโกแลตตัวนี้เป็น 2 layers, dark peach tea ganache, while Gorgonzola ganache, enrobed in dark chocolate โดยใส่น้ำมันมะกอก Franchi, France
Flavour profile: Strong, metallic, nail varnish, tingle on the tongue; perfect with the sharpness of the blue cheese and sweetness from peach
ตัวที่สามเป็น Moroccan Delight – Lemon Geranium Ganache, Pistachio Praline & Turkish Delight
ส่วนผสมที่เป็นไฮไลท์คือ Lemon Geranium โดยเชฟนำพืชสมุนไพรที่เชฟ Fiona ปลูกเองในสวนของเขา เป็นต้น Lemon Geranium นำมาให้ดม และสัมผัสดู กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์มาก คล้ายกับกลิ่นของผลไม้ฝรั่ง กลิ่นจะออกเขียวๆหน่อย สดชื่น ช็อกโกแลตตัวนี้เป็น Dark chocolate ganache infused with lemon geranium from Fiona’s garden, layer of crunchy ตัวนี้ปรุงกับน้ำมันมะกอก Ca’Rainene, Italy
Flavour profile: artichoke, green, wet grass, floral, violet; perfect with geranium herbal and floral notes
ตัวสุดท้ายเป็น Tropical Passion – Coconut Ice with Passion Fruit, White Chocolate & White Rum
ช็อกโกแลตตัวนี้มีลักษณะ Moist, tropical coconut ice, enriched with creamy white chocolate, passion fruit & white rum ปรุงคู่กับน้ำมันมะกอก Fonte do Foiano, Italy เป็น white chocolate รสหวาน แต่ไม่มาก ที่มีกลิ่นหอมของมะพร้าวผสมกับกลิ่นและรสของเสาวรส พร้อมกับ White Rum เป็นการผสมผสานที่ลงตัวทีเดียว
Flavour profile: Fresh morning, citrusy, greenhouse, perfect pairing with the sharpness of passion
จัดตั้งแต่วันที่ 6-9 ตุลาคม 2559 เวลา 19.00 – 22.00 น. ที่ เดอะ คอนเซอวาทอรี ราคา 5,990 บาท (ราคาสุทธิ) สำหรับอาหาร 5 คอร์ส จับคู่กับไวน์ และ ราคา 3,990 บาท (ราคาสุทธิ) สำหรับเฉพาะอาหาร 5 คอร์ส
โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ
โทร. 02-253-0123 ต่อ 7169
เรื่อง /ภาพ : Chetrat M.