Thai Cuisine Date : Nov 2020
Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A.
ห้องอาหารฟร้อนท์ รูม (Front Room) โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) พร้อมเปิดให้บริการในวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน นี้ด้วยรูปแบบอาหารไทย โดยนำเสนอเสน่ห์ของอาหารไทย 8 รสชาติผ่านอาหารจานเด่นที่ได้รับการปรุงอย่างใส่ใจ ปราณีต และพิถีพิถัน แบบตำรับ “รสมือแม่” ในห้องอาหารที่ยังคงบรรยากาศสวยงาม สว่างไสวด้วยไฟสะท้อนในคอนเซปโคมยี่เป็ง พิเศษสมชื่อวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย
“พวกเรามีความเห็นร่วมกันว่า ฟร้อนท์รูม ในรูปแบบใหม่นี้เราตั้งใจให้เป็นที่รู้จักในเรื่องอาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติไทยแท้ อาหารหลายจานมีรากฐานมาจากความทรงจำวัยเด็กของเชฟจากอาหารที่บ้านของพวกเขา”
เชฟอเลสซานโดร ซานติ หัวหน้า
“พวกเราโชคดีที่ได้รู้จักกับ เชฟแอนและอาจารย์หนิง ทั้งสองท่านมีแนวคิดสอดคล้องกับ พวกเราที่ว่าอาหารไทยที่ดีที่สุดคืออาหารที่ได้รับการปรุงด้วยความใส่ใจอย่างปราณีต พิถีพิถัน โดย อาจารย์หนิงและเชฟแอนตกลงร่วมมือกับพวกเรานำประสบการณ์และความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับอาหารไทยมาร่วมเปิดห้องอาหารฟร้อนท์รูมในครั้งนี้”
เชฟใหญ่โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ กล่าว
ดร. นิพัทธ์ชนก นาจพินิจ หรืออาจารย์หนิงผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและวัฒนธรรมไทย ได้นำความรู้ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากมารดา ผู้ช่วยศาสตราจารย์กอบแก้ว นาจพินิจผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย และอาหารไทยชาววัง หนึ่งในบรมครูด้านอาหารไทยที่เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ
ประกอบกับการค้นคว้าวิจัยด้านอาหารไทยที่อาจารย์หนิงได้ศึกษามาอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งรูปแบบของเมนูของห้องอาหารฟร้อนท์รูม โดยมีเชฟที่ปรึกษา เชฟแอน ศุภณัฐ คณารักษ์และทีมเชฟของห้องอาหารนำโดยเชฟบัว สโรชา รัชตะนาวิน รองหัวหน้าเชฟ ร่วมออกแบบเมนู และสูตรอาหารนำเสนอเสน่ห์ของอาหารไทย 8 รสชาติได้แก่ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม มัน ปร่า (ฝาด)และจืด
amuse bouche: ข้าวเกรียบกุ้ยช่าย
จานแรก amuse bouche เป็นแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นข้าวเกรียบผสมกับใบกุ่ยช่าย ตากแห้งถึงสองวัน แล้วค่อยนำมาทอด หลังจากนั้นนำมาเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มกุ้ยช่ายทำจากซีอิ๊วชั้นดี รสเข้มข้น ได้รสชาติของขนมกุ้ยช่ายที่คุ้นเคย ในรูปแบบใหม่ที่น่าประทับใจ
ข้าว
ข้าวที่ใช้ในห้องอาหาร front room เพื่อกินกับอาหารนี้ใช้ข้าวคัดเมล็ดจากสี่จังหวัด รวบรวมมาจากสุรินทร์ ศรีสระเกษ และอุบลราชธานี ได้ข้าวเม็ดสั้นอ่อนนุ่มไม่แข็ง หอมหวาน เข้ากับอาหารได้ทุกจาน
กุ้งแพ
กุ้งแพ ทำจากกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่กำลังดี หวานกรอบสด เริ่มต้นด้วยการผสมแป้ง เกลือ พริกไทย น้ำตาล พริกแกง และน้ำสะอาดเข้าด้วยกัน คนๆบี้ๆ นำกุ้งมาพักให้สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันจนกระทั่งทุกอย่างเข้ากันดี จากนั้นหันไปตั้งกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำมันลงไปพอประมาณ พอน้ำมันร้อนก็ตักกุ้งฝอยที่เราผสมไว้ลงไปทอดเป็นแพๆ ทอดจนสุกเหลืองกรอบทั้งสองด้าน แล้วตักขึ้นพักไว้บนตะแกรงโปร่งๆ สะเด็ดน้ำมัน โรยด้วยใบมะกรูดทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสอาจาดรสหวานอมเปรี้ยว มีแตงกวาสับ
พล่าไหลบัวหอยเชลล์
พล่าไหลบัวหอยเชลล์ พล่านั้นคล้ายยำ แต่มักใช้เนื้อสัตว์ดิบ สุกๆ ดิบๆ หรือแค่พอสุกแล้วนำไปคลุกกับผัก และเครื่องปรุงแบบยำ แต่มักใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด น้ำพริกเผาด้วย จานนี้มีส่วนประกอบหลักคือ ไหลบัว ส้มโอ ผสมกันอย่างรสตัวหอยเชลล์รสหวาน ตัวใหญ่เนื้อนุ่ม สด อร่อยล้ำ
“ไหลบัว” ที่เราพูดถึงกันนี้ บางคนอาจเรียกว่า “หลดบัว”ซึ่งเป็นส่วนของหน่อบัว หรือส่วนที่งอกออกมาและจะเจริญไปเป็นลำต้นใหม่ต่อไป ลักษณะของไหลบัวจะเป็นก้านยาวๆ สีขาวนวล ลักษณะแข็ง กดไม่ยุบ แตกต่างจาก “สายบัว” ซึ่งเป็นก้านของดอกบัว เวลาจะกินต้องนำมาลอกเปลือกนอกออกก่อน สีของสายบัวจะออกสีน้ำตาล เมื่อลอกเปลือกออกแล้วจะออกเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ อมเขียวอ่อน ถ้าบีบที่สายบัวจะยุบลงไป หรือเมื่อนำไปผัดหรือต้มก็จะนิ่ม
พะแนงไก่ตอติญ่า
ไก่เนื้อนุ้มปรุงรสด้วยซอสแพนง ซึ่งพะแนงเองมีประัติและความเป็นมาอันแสนยาวนาน พะแนงเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย และอาจมีวัฒนธรรมการกินแบบเขมรผสมด้วยหรือไม่ ไม่อาจยืนยันได้แต่มีการใช้ภาษาเขมร ที่เดิมใช้สำหรับการอธิบายท่าเอาขาไขว้ หรือขัดกัน ที่เรียกว่านั่งขัดสมาธิ หรือขัดตะหมาด ที่คนไทยใช้ในภาษาพูดจริงๆ แล้ว พะแนง แปลว่าท่านั่งแบบขัดสมาธิ ใช้อธิบายคำในภาษาไทยตั้งแต่ต้น หรือก่อนอยุธยา โดยมีส่วนผสมหลักของเครื่องแกง คือ พริก ข่า ตะไคร้ รากผักชี เม็ดผักชี เม็ดยี่หร่า กระเทียม อบเชย และเกลือ
ผสานความมันจากหัวกะทิและหางกะทิ ห่อในตอติญ่าหอมนุ่ม ซึ่งตอร์ติยา คือแป้งแผ่นรูปวงกลมที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดหรือข้าวสาลี ต้นกำเนิดมาจากประเทศสเปน เดิมเรียกว่า “ตอร์ตา” แปลว่าเค้กรูปวงกลม แล้วนำมาเผยแพร่ให้กับอาณาจักรอัซเตกจึงถูกเรียกชื่อใหม่ว่า “ตอร์ติยา” ซึ่งปัจจุบันเป็นที่แพร่หลายกันในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา
ปลาเก๋านึ่งพริกลาบคั่ว
ปลาเก๋านึ่งพริกลาบคั่ว นำปลาที่เนื้อแน่น สด หวาน เนื้อขาวๆนึ่งให้สุกแต่เนื้อข้างในยังฉ่ำ ราดด้วยลาบคั่วรสหอมเข้มข้น
เนื้อปลาสดหวานเนื้อเด้ง กินแกล้มกับผักบอกฉ่อยที่นำไปผัดกับน้ำมันหอยมาที่เขียวสด หวานกรอบ มันเค็ม ครบรส ช่วยเคียงคู่กับเนื้อปลาเก๋านึ่งได้เป็นอย่างดี
ปลาทอดพริกกระเทียม
ปลาทอดพริกกระเทียม ใช้ปลา toothfish มาจากออสเตรเลีย เป็นปลาตระกูลเดียวกันกับกลุ่มปลาหิมะแต่ต่างกันที่จะมันน้อยกว่าและเนื้อเนียนละเอียดกว่า เนื้อเนียนแน่น กรอบนอกนุ่มใน ราดซอสหวานรสชาติกลมกล่อมได้ ซึ่งเชฟปรุงโดยได้แรงบันดาลใจ ผสมทั้งรสชาติของปลาทอดน้ำปลา และ ปลาทอดพริกเกลือ
หมูสามชั้นทอดกระเทียมดอง
หมูสามชั้นทอดกระเทียม หมูทอดกระเทียมเป็นอาหารไทยกึ่งสมัยใหม่ ที่นิยมรับประทานกันทั่วไป โดยเฉพาะเด็กๆ หมูทอดนับเป็นอาหารยอดนิยม ด้วยรสชาติอร่อยถูกปาก ปรุงง่าย เครื่องปรุงไม่ซับซ้อน สามารถหาเครื่องปรุงได้ทุกที่ หมูทอดกระเทียมสามารถนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ได้ทันที
แต่จานนี้เปลี่ยนจากกระเทียมธรรมดาเป็นกระเทียมดอง ซึ่งกระเทียมดองเองเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่เมื่อนำมาปรุงอาหารร่วมกับชนิดอื่นสามารถช่วยสร้างรสชาติและมิติได้แตกต่างและดีเยี่ยมด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยวเฉพาะตัวกับสัมผัสกรุบกรอบ จานนี้เชฟใช้หมูสามชั้นมาทอด ความพิเศษคือการทอดจนกรอบกำลังดี อีกทั้งซอสกระเทียมสีดำตรงจานกับกากหมูและกระเทียมทอดที่โรยอยู่ทั่วจาน
ต้มยำกุ้ง
ต้มยำกุ้งน้ำใส จานนี้เชฟอยากให้ทุกท่านได้ลิ้มรสของต้มยำกุ้งดั้งเดิมจริงๆโดยต้มยำกุ้งแต่เดืมไม่มีน้ำข้น ต้นตำหรับจริงในอดีตคือต้มยำน้ำใส ในต้มยำกุ้งถ้วยนี้ใช้กุ้งแม่ตัวเต็มตัว สดๆเนื้อแน่น เนื้อกรอบหวานกรุบ มาในน้ำต้มยำน้ำใสสูตรโบราณ และความพิเศษไม่เหมือนใครนั้นคือปรุงรสด้วยกระเพราแดง กะเพราแดงนั้นทั้งกลิ่นฉุนแรงและสรรพคุณทางยามากกว่ากะเพราขาวเป็นเท่าตัว ในตำรายาแผนโบราณจึงมักมีวงเล็บกำกับไว้ว่าให้เลือกใช้กะเพรา (แดง) ซึ่งมีฤทธิ์ร้อนนำไปปรุงเป็นตัวยา และใช้ได้ทั้งก้าน ใบ ดอก เพราะทุกส่วนของกะเพราล้วนมีน้ำมันหอมระเหยเจืออยู่ไม่มากก็น้อย
เสือร้องไห้วากิว
จานนี้ใช้เนื้อวากิวชั้นเลิศโดยเป็นเนื้อวัวส่วนที่อยู่ในอก มีกระดูกซี่โครงปิดบังอยู่ เป็นเนื้อส่วนเดียวในตัววัวที่เสือกินไม่ได้ เพราะเสือไม่สามารถแหวกซี่โครงออกได้ และหัวใหญ่เกินกว่าที่จะมุดเข้าไปกินเนื้อส่วนนี้ได้ ได้แต่ใช้ลิ้นลิ้มลองรสหวานของมันที่ติดกับเนื้อส่วนนี้ และจะต้องเหลือไว้กับซากวัวที่ถูกเสือกิน รอให้สัตว์อื่นมากิน พรานล่าเสือจึงเรียกเนื้อส่วนนี้ว่าเสือร้องไห้ เพราะหมดปัญญาจะได้กินเนื้อส่วนนี้ หรือบ้างก็มีเรื่องเล่าเชิงขบขันว่า เมื่อเสือได้กินเนื้อวัวตรงส่วนนี้แล้ว ซึ่งมีความเหนียวกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ ทำให้เศษเนื้อติดในซอกฟันเสือ แล้วเสือแคะไม่ออกหรือไม่สามารถแคะได้ จึงได้ชื่อที่มาว่า “เสือร้องไห้” เชฟย่างออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก นุ่มละมุนผิวเกรียมนิดๆกำลังดี ข้างในฉ่ำและคงรสเดิมของเนื้อไว้ได้ เชฟเพิ่มความพิเศษโดยการคลุกกับข้าวคั่ว เพิ่มสัมผัสการกินกรุบกรึบและรสอูมามิ จิ้มกินกับแจ่วรสเด็ดเป็นอีกจานที่ห้ามพลาดเลยครับ
สะตอผัดซอส XO. ทะเลรวม
ในจานนี้มีส่วนประกอบหลักๆคือ สะตอ กุ้ง ปลาหมึก และซอส XO. ได้สตอเต็มรส สะตอที่นำมาใช้เชฟเลือกสะตอในระยะที่อ่อนๆและสดไม่แก่ เมล็ดในระยะนี้รสมัน เนื้อมีรสหวาน นังนั้นสะตอในจานนี้จึง หอมมันผสม ผัดซอส xo สูตรพิเศษ ของ frontroom ที่ทำเองจากหอยเชลล์ รสชาติเข้มข้นมัน เค็ม อูมามิ โดยไม่ต้องใส่กะปิ ซึ่งต่างจากการผัดด้วยกะปิ เพราะซอส XO นี้รสจะมัน กลมกล่อม ช่วยรักษารสเดิมของสะตอได้ดีกว่าการใช้กะปิที่จะกลบความอร่อนของสะตออ่อน
ขนมหวานไทย
ขนมโคไส้ถั่วและฟักเชื่อม
ขนมโคที่นี่จะแปลกเพราะเป็นไส้เค็ม แป้งรอบๆนุ่มหนึบ ละมุน อร่อยมาก แต่ก็ยังใส่รสหวานตัด โดยใช้เป็นฟักเชื่อม ทำให้ได้รสสัมผัสที่อ่อนนุ่ม ละมุน น้ำกะทิมีความหวานมันดีมาก
ลอยแก้วผลไม้ประจำฤดูกาล
ลอยแก้วผลไม้จานนี้ให้ความสดชื่นเป็นอย่างดี มาพร้อมกับแซฟฟรอนกรานิตาเวลารับประทานจะให้ ผลไม้ผสมกับน้ำเชื่อมด้านล่างเมื่อตักพร้อมกรานิต้ารสหวานกำลังดีมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ saffron ครับ ในครั้งนี้โรยมาด้วยเม็ดทับทิมสีแดงกรุบกรอบ มาพร้อมกับใบส้มซ่าที่มีกลิ่นหอมสดชื่นเป็นเอกลักษณ์
มะพร้าวชีสเค้ก
มะพร้าวชีสเค้กสูตรเด็ด เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวน้ำหอม ที่ตัวเค้กเป็นแบบแน่นปานกลาง ทำให้ได้รสชาติกลมกล่อม ทอปด้วยครีมมะพร้าวรสหวานอ่อน นุ่มบางเบาแบบวิปครีม มีเนื้อมะพร้าว และ วุ้นมะพร้ามช่วยเสริม texture
เชียงใหม่ช็อคโกแลต
ชอคโกแลตรสเข้มข้น หวาน หอมกลิ่นฟรุตตี้เล็ก ๆ จากแหล่งปลูกชอคโกแลตทางภาคเหนือที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของไทย กรอบร่วนบริเวณผิวด้านนอก เข้ากันได้อย่างดีกับไอศกรีมกะทิ
ไอศกรีมรสชาติ แปลกใหม่
หนึ่งในสิ่งที่ห้ามพลาดของห้องอาหารนี้นั้นคือไอศกรีม ความแปลกใหม่สุดสร้างสรรค์จากทางเชฟคือการเอาขนมหวานและผลไม้ไทยเป็นแนวคิดหลักและส่วนประกอบหลักมาสร้างเป็นรสไอศกรีมต่าง ได้แก่
ไอศกรีมกล้วยปิ้ง
ไอศกรีมกล้วยปิ้งที่ให้ทั้งรสและกลิ่นกล้สวยปิ้งจริงๆ ด้วยกลิ่นกล้วยที่มีเอกลักษณ์กับกลิ่นไหม้ๆเหมือนถูกปิ้ง ตัวไอศกรีมทำจากกล้วยหอมเพราะเป็นกล้วยชนิดเดียวที่พอจะให้กลิ่นชัดเจนสุดกว่ากล้วยชนิดอื่น อีกทั้งเทคเจอร์กรอบๆของกล้วยฉาบที่ทอปปิ้งอยู่ด้านบนทำให้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนชอบกล้วยห้ามพลาด
ซอร์เบต์น้ำแตงโมข้าวแต๋น
สำหรับซอร์เบต์น้ำแตงโมข้าวแต๋นนั้นเป็นรสที่ให้ความสดชื่นที่สุด ความหวาน หอม และสดชื่นของแตงโมเป็นสิ่งที่หากินได้ยากมาก โดยถ้วยนี้ทำจากแตงโมสดๆ ประกอบเพิ่มเติมจากข้าวแต๋นกรุบกรอบ
ซอร์เบต์ส้มซ่า
สำหรับซอร์เบต์ส้มซ่าถ้วยนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกินขนมไทยที่ชื่อส้มฉุน มีการนำส้มซ่ามาทำเป็นตัวไอศกรีม กินคู่กับใบส้มซ่า ขิงซอย และหอมเจียว ถ้าหลับตากินเข้าไปโดยไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหนเา ไม่ว่าใครคงต้องพูดเหมือนกันว่านี่คือส้มฉุนนั้นเอง นับว่าเป็นอีกถ้วยที่สร้างสรรค์สุดๆปเลย
และรสชาติพื้นฐานอย่างไอศกรีมกะทิ
โดยถ้วยนี้เป็นไอศกรีมกะทิที่จะใส่กระยาสารทคั่ว ซึ่งได้กลิ่นและความหอมมันจากถั่วที่คั่วใหม่ๆได้เป็นอย่างดี ความกรุบกรอบที่เมื่อเข้าปากแล้วทำให้มีมิติกว่าถั่วลิสงโรยบนไอศกรีมกะทิทั่วๆไป มาช่วยเพิ่มรสชาติที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอบควันเทียนที่เป็นหนึ่งในกลิ่นที่พบบ่อยในขนมหวานไทย
Pitite four มันหวานราดกะทิ
มันหวานราดกะทิ ในรูปแบบใหม่ เป็นวุ้นกะทิสอดไส้ด้วยมันหวาน คล้ายขนมใส่ไส้ อ่อนนุ่มหอมมัน
อาจารย์หนิงกล่าวว่า “เชฟแอนและดิฉันมีความเชื่อเหมือนกัน ว่าความเรียบง่ายที่เปี่ยมด้วยคุณภาพจะทำ ให้เกิดความเปล่งประกายและนั่น คือจุดเริ่มต้น ที่เราให้ความสำคัญกับการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีที่สุด ตลอดจนเทคนิคการปรุงอาหารการนำเสนอเมนู และความสร้างความน่าสนใจต่อประสาทสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นรูป รส และกลิ่น ผู้คนมักพูดว่าอาหารแบบปรุงรับประทานที่บ้านคืออาหารที่ดีที่สุด เพราะความเอาใจใส่ของมารดาในการคิดวางแผนเมนูอาหารการตระเตรียมในทุกขั้นตอนและการปรุงอาหารแบบเอาใจใส่ ทำให้เกิดเป็นอาหารอร่อยถูกปากที่ประทับในความทรงจำได้เป็นอย่างดี โดยอาหารที่ปรุงรับประทานที่บ้าน
หลายรายการเป็นอาหารที่เรียบง่ายอร่อยโดยผู้รับประทานสามารถรู้สึกได้ถึงความรักและความใส่ใจผ่านอาหารแต่ละคำ
นี่คือสิ่งที่เชฟแอนและดิฉัน ต้องการนำ เสนอที่ห้องอาหาร ฟร้อนท์รูม เราต้งใจและใส่ใจในการสร้างสรรค์เมนูอาหาร และการฝึกทีมเชฟที่ชำนาญด้านการทำ อาหารอยู่แล้วให้รู้จักและเข้าใจอาหารไทยอย่างลึกซึ้ง พร้อมปรุงอาหารไทยแบบมืออาชีพ”
“ดิฉันสามารถพูดแทนเชฟแอนได้เลยว่า เราสองคนสนุกที่ได้ร่วมงานทีมเชฟของโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ เราได้แบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านอาหารไทยให้พวกเขา และในขณะเดียวกัน เรารู้สึกมีพลงัมากขึ้นที่ได้เห็นความหลงใหลด้านอาหาร ความเป็นมืออาชีพ และความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา โดยรูปแบบและการตกแต่งอาหารแต่ละจานในเมนูล้วนเป็นความคิดต่อยอดของพวกเขาโดยท้ังสิ้น”
อาจารย์หนิงสรุป
ข้อมูลสำคัญ
ห้องอาหารฟร้อนท์ รูม โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรียกรุงเทพ ตั้งอยู่ล็อบบี้ชั้นล่าง (Lower Lobby) เปิดให้บริการวันอังคารถึงวันเสาร์โดยพร้อมให้ บริการอาหารมื้อกลางวันระหว่างเวลา 11:30 น. – 14:00 น.และมื้อค่ำ ระหว่างเวลา 17:30 น. – 21:30 น.
อาหารชุดมื้อกลางวันราคา 900++ บาท และอาหารจานเดี่ยวราคาเริ่มต้นที่ 280 ++ บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ 02 846 8888 หรือ [email protected]
Kin Review
Kinlakestars.com
http://www.kinlakestars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว