หากจะพูดถึงกระแสร้านอาหารตะวันตกสไตล์เมดิเตอเรเนี่ยนที่กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ผมคงต้องยกให้ HARVEST Restaurant มาเป็นอันดับต้นๆ เพราะสำหรับผมที่นี่คือร้านอาหารที่โดดเด่นทั้งการแต่งร้าน และคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาใช้ ซึ่งแน่นอนครับวันนี้ KinlakeStars จะพาทุกท่านมาชิมอาหารมื้อพิเศษจากทางร้านกัน…
HARVEST Restaurant ร้านอาหารตะวันตกที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในซอยสุขุมวิท 31 ที่ถูกตกแต่งสไตล์ Rustic กึ่งๆ Industrial โชว์ความดิบของปูนเปลือย ไม้ อิฐ เหล็ก และของตกแต่งร้านจากวัสดุแห้ง บรรยากาศเหมือนโรงนาในหนังตะวันตก เพิ่มความนุ่มนวลด้วยแสงจากโคมไฟสีเหลืองนวลที่ประดับประดาตามจุดต่างๆ ในร้าน ดูลึกลับและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ต้องพูดเลยครับว่าก้าวแรกที่ผมเข้ามาในนี้ ผมรู้สึกประทับใจมากราวกับหลุดมาอยู่ที่อีกโลกนึงเลย
ไม่ว่าเราจะไปกับคู่รักหรือพบปะเพื่อนฝูง HARVEST ก็มีโซนชั้นลอย พร้อมให้บริการท่านได้อย่างเต็มที่
สิ่งของต่างๆ ที่ทางร้านนำมา Decorate ล้วนดูดิบและช่วยส่งบรรยากาศในร้านให้ดูอบอุ่นเหมาะแก่การนั่งรับประทานอาหารกับคนพิเศษมากครับ ที่สำคัญถ่ายรูปออกมาแล้วบรรยากาศดีงามมาก
ดูบรรยากาศสุดจะบรรยายของร้านกันไปแล้วเรามาดูอาหารกันบ้างดีกว่าครับ ซึ่งทางร้านได้ให้คำจำกัดความถึงที่มาของคำว่า HARVEST นั้นมาจากการเก็บเกี่ยววัตถุดิบชั้นยอดจากทั่วทุกมุมโลกมาปรุงพร้อมกับส่วนผสมคุณภาพตามแต่ละฤดูกาล ออกมาเป็นอาหารจานพิเศษให้ลูกค้าทุกคนได้ลิ้มลองกัน
จานแรกตามแบบฉบับของอาหารตะวันตกเรามาเริ่มที่ Starter เรียกนำย่อยกันก่อนกับ Heirloom Tomato Salad (490.-) สลัดรวมมะเขือเทศหลากชนิด ทั้งสดและย่าง เพิ่มกลิ่นหอมด้วยน้ำมันมะกอกและพริกไท รับประทานคู่กับ Burrata Cheese รสชาติหอมมันตัดกับความเปรี้ยวหวานของมะเขือเทศได้เป็นอย่างดี
ลองใช้มีดผ่า Burrata Cheese ออกมาดู ละลายยิ้มออกมา คอชีสฟินมากครับ
จานที่สอง Char-Grilled Octopus (490.-) หนวดหมึกยักษ์ย่างเตาถ่านส่งกลิ่นหอมคลุ้งตั้งแต่พนักงานถือมาเสิร์ฟความสุกกำลังดี นุ่มมากไม่เหนียวเลยหอมถ่านที่กริลมาอย่างดี รับประทานคู่กับ Fennel นุ่มๆ และ Chorizo รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟมา 5 จานผมคนเดียวก็กินไหวครับบอกเลย
มาถึง Starter จานที่สามหลังจากรับประทานสลัดกับของย่างมา ลองชิมซุบฟักทองอร่อยๆ กับ HARVEST Pumpkin Soup (250.-) ออกตัวเลยครับว่าผมแนะนำและรักเมนูนี้มาก เพราะส่วนตัวชอบรับประทานฟักทองเป็นชีวิตจิตใจแต่หาคนทำถูกปากยากมาก ซุปฟักทองของที่นี่ถือเป็น Must try menu ฟักทองคว้านเนื้อนำไปอบนุ่มกำลังดี ตัวเนื้อนำไปทำซุปรสชาติหวานนุ่มกลมกล่อม Topping ด้วยเบคอนและเมล็ดฟักทองอบ ให้ตักเนื้อฟักทองไปพร้อมซุป รับประทานคู่กับขนมปังที่เสิร์ฟมาข้างจานสุดยอดมากครับ
ชิม Starter เรียกน้ำย่อยกันมาแล้วเรามาชิมจากหลักกันบ้างกับจานที่สี่ Tagliatelle Coq Au Vin Chicken Thigh เมนู Fettuccine ที่ขายดีมากของทางร้าน เพราะนอกจากเส้นที่เหนียวนุ่มและเนื้อไก่ที่ถูกอบกับไวน์แดงมาอย่างดีแล้ว เห็ด Truffle ที่สไลด์ top ไว้ด้านบนก็ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนซะเหลือเกิน เวลารับประทานก็ mix ส่วนผสมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Parmesan Cheese Watercress และ Sautéed shitake เข้าด้วยกันทานเพลินมากครับ
จานที่ห้า Beef Tenderloin with Truffle (980.-) จานหลักสำหรับคนรัก Tenderloid เนื้อออสเตรเลี่ยนชั้นดีที่ผ่านการเลี้ยงด้วยธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์อายุ 150 วัน ความสุกกำลังดี เนื้อนุ่มไม่มีเหนียวเลยแม้แต่น้อย เสิร์ฟพร้อมเบบี้แครอท ร็อคเก็ท มันฝรั่ง กระเทียม ทั้งหมดถูกย่างจนหอม ราดด้วยน้ำมันมะกอก และเห็ด Truffle สไลด์ Topping ปิดท้ายสมบูรณ์แบบครับ
เดินทางมาถึงเมนูพระเอกของงานนี้ครับ Ocean Goodness (3,500) เมนูที่รวบรวมเอาสุดยอดของอาหารทะเลจากทั่วทุกมุมโลกมาเสิร์ฟให้ท่านตรงหน้าไม่ว่าจะเป็น Lobster ตัวใหญ่มาก! หอยนางรม หอยแมลงภู่ หอยกาบ และ Scallop ตัวโตหวานกรอบ ทั้งหมดเสิร์ฟมาแบบอลังการบนถาดไม้ยักษ์ ส่วนเรื่องรสชาติก็สุดยอดเลยครับทุกอย่างสด ชิ้นใหญ่ เนื้อแน่นกรอบ มาแล้วควรค่าแก่การลองมากที่สุดแล้วครับ
Scallop ใหญ่ หวาน กรอบ มากครับ !
มาพร้อม Lemon กริลหอมๆ รับประทานคู่กัน
โรยเกลือทะเลและโรสแมรี่ให้ทั่วตอกย้ำความเป็นเมดิเตอร์เรเนี่ยน
มาถึงในส่วนของเครื่องดื่มกันบ้างครับ ซึ่งทางร้านก็มีเครื่องดื่มหลากหลายไว้บริการลูกค้าไม่ว่าจะเป็นแบบ Alcohol หรือ Non-Alcohol โดยวันนี้เรามีเครื่องดื่มมาแนะนำกันทั้งสองแบบ ใครชอบถ่ายรูปเครื่องดื่มที่มี Presentation สวยๆ รับรองไม่ผิดหวัง
แก้วแรก Passion of Steel (365.-) Cocktail ที่มีพื้นฐานมาจากค็อกเทลลาสสิคอย่าง Cobber Cocktail โดยบาร์เทนเดอร์จะนำส่วนผสมอย่าง น้ำแตงโมเข้มข้นมา mix กับ Vanilla Vodka และ Aperol ทำให้มีรสชาติหอมหวานจากแตงโมและวนิลลา ตัดกับความเปรี้ยวดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟมาในแก้วอลูมิเนียมท็อปด้วบใบยี่หร่าสวยงาม
แก้วที่สอง Good Pear Hunting (365.-) Cocktail ที่มีส่วนผสมสุดเซ็กซี่อย่าง Poire William และ Cointreau ที่ให้รสชาติเข้มข้นร้อนแรง เสิร์ฟมาในแก้ว Absinthe rinsed ที่บรรจุน้ำแข็งแกะสลักก้อนกลมสวยงาม ว่ากันว่าเป็นทรงน้ำแข็งที่ละลายช้าที่สุด ทำให้ท่านสามารถบรรจงค่อยๆ จิบ Cocktail แก้วนี้ได้เรื่อยๆ โดยไม่เสียรสชาติอีกด้วย
แก้วที่สาม Irish Garden (440.-) ใครชื่นชอบการถ่ายรูปสวยๆ Cocktail แก้วนี้ถือว่าตอบโจทย์มากครับ โดยได้ถูกคิดค้นด้วยศิลปินท่านหนึ่ง แน่นอนว่า Cocktail แก้วนี้จึงมีความลงตัวทั้งรสชาติและ Presentation ความหอมจาก Ginger liqueur ผสมกับทับทิมที่ให้รสเปรี้ยวหวาน เสริฟมาในขวดแก้วทรงสูงวางในถังน้ำแข็ง ประดับประดาด้วยลูกโอ๊คพันธุ์ต่างๆ เหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ ครับ
แก้วที่สี่ Triple Sense (220.-) Mocktail สำหรับผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ ด้วยส่วนผสมของน้ำลิ้นจี่ แอปเปิล จึงมอบความหวานและหอมเป็นเอกลักษณ์จากผลไม้ทั้งสองชนิด Topping ด้วยโฟมไข่ขาว และสตรอว์เบอร์รี่ ดื่มคู่กับมื้ออาหารถือว่าใช้ได้เลยครับ
ปิดท้ายด้วยของหวานสักหนึ่งจานกับ Chocolate Semifreddo (240.-) ของหวานที่มีส่วนผสมของ Dark Chocolate 85% จาก Valrhona เนื้อแน่น สัมผัสนุ่มทางร้านนำมาแช่เย็นให้แข็งตัว ให้ความรู้สึกเหมือนกินไอศกรีม เสิร์ฟคู่กับมาร์ชเมลโล่วเบิร์นไฟอ่อนๆ ให้เกรียม โรยด้วยอัลมอนด์บด รสชาติหวานอ่อนๆ ไม่เลี่ยนปิดท้ายมื้อพิเศษนี้ได้อย่างลงตัว
HARVEST Restaurant คือร้านอาหารตะวันตกที่ถือว่าดีเยี่ยมทั้งในส่วนของคุณภาพอาหาร ความสด รสชาติ การแต่งร้าน หรือแม้กระทั่งบริการ ซึ่งอย่างหลังผมชอบมากครับเนื่องจากพนักงานและเจ้าของร้านจะคอยเดินเข้ามาสอบถามถึงรสชาติ และความพึงพอใจของเราตลอดเวลา บางครั้งเราก็ยังพูดคุย แนะนำถึงส่วนผสมและวัตถุดิบต่างๆ ที่ทางร้านพยายามหามาให้ลูกค้าได้รับประทานกัน ผมรู้สึกถึงความเป็นกันเองและความใส่ใจตลอดการรับทานอาหารมื้อนี้มากๆ ครับ
ใครสนใจหรืออยากรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์ริเนี่ยนที่อร่อยแถมยังมีคุณภาพ ผมและ KinlakeStars เชิญทุกท่านให้มาลองที่ HARVEST Restaurant โครงการ Chapter 31, ซอยสุขุมวิท 31 ให้บริการตั้งแต่ 17:30 – 24:00 ทุกวันจันทร์ – อาทิตย์
เว็บไซต์ https://www.facebook.com/HARVESTrestaurantBKK
หรือโทร 02-262-0762 , 097-235-8286 ครับ
เรื่อง / ภาพ : Khanenpan C.