เที่ยวกรุงเทพ เสพความชิค พักผ่อนแบบมีระดับ เก๋ไก๋ แบบลงตัว ที่ Hotel Indigo @ Wireless Road
Lobby
เริ่มต้นการเช็คอินด้วย welcome drink เป็นชาไทยตรามือ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่จัดการด้านเอกสาร
ณ ใจกลางเมืองที่ หนาแน่น คับคั่ง บนถนนวิทยุ ปลายเส้นทางท่องเที่ยวที่คนอาจจะเบื่อความจำเจ ที่หรูหรา เรียบๆ มาสัมผัสความมีระดับ แบบเท่ เก๋ไก๋ สไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ที่ Hotel Indigo ตาม Concept โรงแรมที่ไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่ไหนบนโลก การตกแต่งบรรยากาศและข้าวของที่นำมาใช้ในการบริการ
ก็จะเน้นการนำเอกลักษณ์ของท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ตั้ง มาใช้ จึงทำให้เราสัมผัสความเป็นกรุงเทพฯร่วมสมัยได้ตั้งแต่ย่างเท้าก้าวแรกเข้ามาที่ล็อบบี้ของโรงแรม
อย่างในส่วนของ Lobby มีความสร้างสรรค์ที่นอกจากจะมีการแต่งโดยใช้ของสุดฮิปแนววินเทจต่างๆจากวิทยุเก่า เครื่องฉายหนัง ชั้นหนังสือ ก็ยังมีการใช้เส้นสายผ่านการติดไฟตรงผนัง Lobby ที่แสดงถึงถนนและสัญญาณวิทยุ เป็นหนึ่งในการออกแบบจากแนวคิดสะท้อนอัตตาลักษณ์พื้นที่
หลังจากดื่มด่ำกับความกิ๊บเก๋ของการตกแต่งที่แสนฮิปและเข้ากัน เราก็มาเดินถ่ายรูปเล่นเก็บภาพตามจุดต่างๆที่ไม่ว่าจะหันกล้องไปมุมใด ก็ได้ภาพสวยๆทั้งนั้น
ด้วยการตกแต่งที่ดูเก๋ไม่เหมือนใคร ยังคงความหรูอย่างมีระดับ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆก็มีความร่วมสมัย ทั้ง โซฟา แบบต่างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ การตกแต่งด้วยรถสามล้อถีบ ทีวีที่นำมาจัดทำเป็นโมบายแบบไม่เหมือนใคร กำแพงลายเส้นที่ประดับด้วยไฟแอลอีดีเป็นเส้นวิ่งสื่อถึงความหมายของคลื่นสัญญาณวิทยุ
แต่ละมุมถ่ายรูปออกมาได้สวยดูดี มีเอกลักษณ์จริงๆครับ
ด้วย Concept ของความเป็นถนนวิทยุ ที่เป็นถนนเส้นแรกที่ตัดผ่านสถานีวิทยุแห่งแรกของประเทศไทย เป็นแรงบันดาลใจสู่การตกแต่งที่นำเอาความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นไทยและเรื่องราวนี้ เริ่มจาก Welcome Drink ก็เป็นชาดำเย็นโดยใช้ชาตรามือมาชงเพื่อให้ได้รสชาติหวานสดชื่นหอมละมุน
เมื่อเดินทางมาถึงทางขึ้นลิฟท์จะเจอกับ Radio Wall กำแพงที่ออกแบบตกแต่งด้วยบรรดาเครื่องวิทยุจากยุคสมัยต่างๆ ให้ความเรียบเก๋ไก๋และไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ก่อนที่จะขึ้นไปยังห้องพัก ภายในลิฟท์ตกแต่งให้ดูแบบวินเทจ ด้วยหนังบุและไม้
ในลิฟท์ที่ตกแต่งสไตล์ วินเทจ เหมาะกับการถ่ายรูปเช่นกัน นอกจากจะสวยงามทางสายตาด้วยลวดลายแผ่นหนังยิงหมุดดุมแล้ว เข้ามาเรายังได้กลิ่นหนังแท้ อันเป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์
โคมไฟบนเพดานในลิฟท์ก็กิ๊บเก๊วินเทจสุดไปเลย
Twenty Two step bar
บาร์เครื่องดื่มชั้นถัดมาจาก Lobby เพียงเดินขึ้นผ่านบันได 22 ขั้นขึ้นมาก็จะเห็นมานี้ตั้งอยู่ในมุมที่มีความเป็นส่วนตัว
ตกแต่งด้วยบรรยากาศผนังเหมือนกำแพงห้องสมุดแต่งด้วยโคมไฟระย้าขนาดใหญ่สวยงามมีบาร์เครื่องดื่มบริการมากมาย และยังมีช่องเปิดเพื่อให้เห็นบรรยากาศของเราที่เป็นแบบอบอุ่นไม่รู้สึกเงียบเหงา
Metro
ร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ถัดขึ้นมาจาก 22 steps เป็นร้านบริการอาหารตลอดวัน ซึ่งมีเมนูที่น่าสนใจคิดขึ้นเฉพาะบริการที่นี่ และยังเป็นที่สำหรับจัดบริการอาหารเช้าสำหรับลูกค้าของโรงแรมที่มาเข้าพัก บรรยากาศที่เพดานสูงโปร่งและสัมผัสกับสีเขียวจากใบไม้ธรรมชาติผ่านระดับสายตาออกไปถึงสถานทูต
ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในสวน และการตกแต่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน จึงทำให้รู้สึกเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น สามารถมาเพลิดเพลินกับความผ่อนคลาย อ่านรีวิวเต็มห้องอาหารเมโทร>>>
Unique Decoration in public space
การตกแต่งภายในทั้งหมดของอาคารมาดูกันที่โซนที่พักในแต่ละชั้น วัสดุส่วนใหญ่จะเน้นการใช้ไม้มาเป็นองค์ประกอบตั้งแต่ผนัง ฝ้า เพดาน Open Air
ซึ่งให้บรรยากาศของความผ่อนคลายสัมผัสถึงธรรมชาติ ทุก 4 ชั้นจะจัดให้เป็นโถงกลางโปร่งทะลุเชื่อมกันระหว่างชั้นประดับด้วย โคมทำออกเป็นสไตล์ Loft ด้วยท่อเหล็ก
โดยในรูปแบบแต่ละช่วงชั้น ก็จะแตกต่างกันออกไป มีประดับด้วยรถตุ๊กตุ๊ก ไปจนถึงสิ่งของต่างๆที่น่าสนใจมาก
King Room
ห้องพักวันนี้เราเข้ามาพักที่ชั้น 21 ห้องแบบ King Room ห้องขนาดกว่า 50 ตารางเมตรถูกจัดสัดส่วนอย่างลงตัว
โซนเตียงนอนมีโซฟานั่งเล่นและโซนเก็บเสื้อผ้าแต่งตัว ห้องน้ำแยกระหว่างห้องอาบน้ำและห้องสุขา
ภายในยังเน้นการตกแต่งแบบร่วมสมัยใช้ไม้เป็นวัสดุพื้นฐานทั้งพื้นและข้าวของเครื่องใช้รวมถึงบานประตูทำให้ได้ความรู้สึกแบบธรรมชาติผสมผสานกับการตกแต่งที่ทันสมัย
นอกจากนี้ยังมีระเบียงที่สามารถออกไปชมทัศนียภาพกรุงเทพฯอันแสนงดงามได้อย่างเพลิดเพลินใจ
บรรยากาศของวิวนั้นเรียกว่าโปร่งโล่งตาด้วยสวนของสถานทูต ไล่แนวผ่านถนนวิทยุไปจนถึงแยกเพลินจิตเห็นตึกสวยงามตระการตาต่างๆไม่ว่าจะเป็นธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือ Central Embassy ก็ตาม ยังสามารถขยับออกมาชมวิวที่ระเบียงด้านนอกด้านข้างโซฟานั่งเล่นได้อีกด้วย
การตกแต่งโดยรวมนั้นเป็นศิลปะที่สื่อถึงวิถีชีวิตของความเป็นคนกรุงเทพตั้งแต่สมัยก่อน ได้กลิ่นไอของความเป็นเมืองย่านการค้าของชาวจีน ผสานกับความทันสมัยจากวัสดุต่างๆ
ภายในห้องอาบน้ำนั้นมีทั้งโซนอาบน้ำแบบชาวเวอร์และ Bath tub ที่สามารถชมวิวจากภายนอกได้อย่างฟินๆ โดยส่วนตัวที่ชอบที่สุดคือ การเลือกใช้วัสดุจากหินอ่อนสีขาว ตัดกับการเลือกใช้โลหะสีทองมาใช้ทั้งก๊อกน้ำและท่อต่างๆรวมถึงอ่างล้างหน้าทำให้ได้บรรยากาศที่ดูหรูหราและแปลกตาไม่เหมือนใคร
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายในห้องน้ำจะสร้างสรรค์ขึ้นโดยทางแบรนด์สปาชั้นนำอย่าง Panpuri โดยกลิ่นที่สร้างให้กับทางโรงแรมเข้ากันกับภาพลักษณ์โรงแรมมาก นั้นคือกลิ่น ตะไคร้และส้มแมนดาริน ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สดใส ร่าเริง นั้นเอง
Royal Ratchapruek Suite
ห้องสวีทสุดหรูบนชั้นเกือบสูงสุดของโรงแรมถูกตกแต่งไว้อย่างเป็นพิเศษ และมีเพียงห้องเดียวเท่านั้นสำหรับในโรงแรมนี้
เป็นเอกสิทธิ์พิเศษที่เรียกว่าครั้งหนึ่งต้องมาสัมผัส การตกแต่งคุมโทนด้วยสีโทนเข้มดูลึกลับและมีเสน่ห์ การเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เน้นศิลปะแบบสีสันดูฉูดฉาด แนว Pop Art และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละชิ้น
ไม่ว่าจะเป็นชั้นวาง ตู้สีม่วง น้องหมาเปเปอร์มาเช่ ชุดนั่งเล่นบริเวณระเบียงสีแดง อ่างล้างหน้าสีเหลือง เพดานส่วนพื้นที่รับแขกที่ทำจากกระจกเงา
ห้องนี้นอกจากจะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างใหญ่แล้ว อุปกรณ์ เก้าอี้ โต๊ะ ต่างๆยังเอื้อสำหรับการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ส่วนตัวอีกด้วย
Sky View pool
ไฮไลท์เด็ดอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ชั้น 24 สระว่ายน้ำที่เปิดมุมมองใหม่ให้กับใจกลางเมืองกรุงเทพฯ แบบ Open View 180 องศาสัมผัสสวนธรรมชาติจากสถานทูตอเมริกา View ของตึกตระการตารูปแบบต่างๆ ที่โอบล้อมสวนสีเขียวนี้ไว้ ให้บรรยากาศแบบสบายตาในช่วงกลางวัน และสวยงามน่าหลงใหลในยามค่ำคืน
ขนาดความยาวประมาณ 30 เมตรที่เพียงพอที่จะออกกำลังกายได้เล็กน้อยและวิวที่แสนสวยงามนี้ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้มาเก็บภาพบรรยากาศที่สวยงามนี้ได้อย่างเพลิดเพลินไม่รู้จบ
ซึ่งสระนี้ยังมีบริการให้เช่าพร๊อบต่างๆสำหรับถ่ายรูปงามๆเก็บไว้อีกด้วยทั้งห่วงยางน้องม้าบินเพกาซัส หรือฟลามิงโกยักษ์สีชมพูที่พวกเรานำมาถ่ายรูปเล่นกันครับ
หรือถ้าไม่ชอบว่ายน้ำจริงๆ แค่มานอนชมวิวริมสระก็ได้อยู่ บริเวณริมสระมีชุดนั่งเล่นอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเตียงริมสระแบบทั่วไป หรือ โซฟาแบบเลิฟซีท
จะมาถ่ายรูป ว่ายน้ำ ยามเย็นแสงก็สวย หรือจะมาตอนเช้าๆเที่ยงๆฟ้าใสก็จะได้ภาพไปอีกแบบ แม้แต่ยามค่ำคืนก็ยังเห็นทัศนียภาพกรุงเทพฯยามแสงสีเจิดจรัส
Sky Fitness
พื้นที่ตัดมาจากสระว่ายน้ำยังมีฟิตเนสไว้บริการ สำหรับลูกค้าที่ชอบออกกำลังกายคุณก็ไม่ต้องเสียเวลาหรือพลาดโอกาสในการดูแลสุขภาพ
ในโอกาสที่มาเข้าพักที่นี่แถมยังผ่อนคลายกับการได้ชมวิวเมืองกรุงเทพในขณะบริหารร่างกายด้วย เรียกว่าเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่น่ามาเพลิดเพลิน
Locker room
ใช้สำหรับอาบน้ำ เก็บของ แต่งตัว แต่ก็กิ๊บเก๋ต่างไปจากที่อื่นๆ ด้วยการออกแบบที่ตกแต่งด้วยเคาเตอร์ไม้ซุงผ่าซีก และโคมไฟสุดฮิป
Function Room
ใช้จัดประชุมงานต่างๆได้สำหรับกรุ๊ปที่ไม่ใหญ่มากนัก มีโต๊ะ เก้าอี้ โปรเจคเตอร์ไว้พร้อมใช้งาน
Char Restaurant & Bar
ภัตตาคาร Fine Dining ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก กับการบริการที่เอาใจใส่ พร้อมดูแลคุณอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบชั้นเลิศ ผ่านการปรุงแต่งอย่างประณีต บรรจงแต่งจานสวยงามเหนือจินตนาการ จนกระทั่งมาเสิร์ฟอย่างเอาใจใส่ ใกล้ชิดถึงโต๊ะอาหาร
พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศ วิวเมืองกรุงเทพ จากชั้น 25 และยังสามารถเพลิดเพลินต่อ กับ บรรยากาศ Rooftop Chill out แบบสบายๆ โปร่ง โล่งสายตาที่ Char Bar ชั้น 26 อ่านต่อได้ที่>>>
ดูครบถ้วนแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศ อย่าลืมมาสัมผัสความรู้สึกพิเศษ พักผ่อน เคล้าความประทับใจ ในสไตล์ โก้เก๋ เท่แบบ อินดิโก้ ไม่เหมือนใครรับรองว่า คุณจะมาแบบไม่เบื่ออย่างแน่นอนครับ สนใจสอบถามและสำรองที่พักได้ที่
www.hotelindigo.com หรือโทร 02 207 4999
kinlakestars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว