ร้าน J’AIME By Jean-Michel Lorain เป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นที่ผูกพันธ์กับธุรกิจอาหารมาตั้งแต่รุ่นทวดจนถึงรุ่นหลาน ร้านนี้มีคุณ Marine Lorain (ลูกสาวของ Jean-Michel Lorain) เป็นผู้จัดการร้าน คอยดูแลและควบคุมการผลิตให้ได้มาตรฐานตามที่คุณพ่อ (Jean-Michel Lorain) ได้สร้างไว้
ร้าน J’AIME เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่มี concept การตกแต่งร้านแบบ Upside down จะเห็นได้จากเสา กระจกหน้าต่าง เปียโนห้อยอยู่บนเพดาน เตาผิง Chandelier ที่วางหงายอยู่บนพื้น ขวดเหล้าบนบาร์ ล้วนจะเป็นการกลับหัวจากบนลงล่างทั้งสิ้น และที่แปลกอีกอย่างคือ ที่ร้านจะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิค
แต่จะมีรูปแบบการนำเสนอให้เป็นแบบทางตะวันออกมากขึ้น โดยการนำเอาวัฒนธรรมการแชร์อาหารกันมาใช้ บนโต๊ะจะมีการเอาแท่นหมุนอย่างโต๊ะจีนมาใช้ และมีการเอาตะเกียบมาเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้รับประทานอาหารอีกด้วย
เริ่มจาก Amuse-Bouche ที่ทางเชฟ Amerigo จัดมาเซอร์ไพรส์ครับ ทำมาเป็นคำเล็กๆ พอดีคำ มี 2 อย่างคือ ขนมปังกรอบที่ผิวนอก ด้านในนุ่ม ตัดเป็นแผ่นสามเหลี่ยมทาด้วยครีมเห็ดทรัฟเฟิล หอม มันเลยทีเดียว แล้วทอปด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสด อย่างที่สองเป็นขนมปังอบกรอบ แผ่นบางๆเสิร์ฟพร้อม Parma Ham รสเค็มนิดๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว
ก่อนที่จะเริ่มอาหารจานแรก จะมีพนักงานมาเสิร์ฟขนมปังอบร้อนๆ มีให้เลือกมากมายเช่น Baguette, Potato Croissant, Sourdough และ Brioche เสิร์ฟทานคู่กับเนย ที่นี่พนักงานบริการดีมาก เมื่อเราทานขนมปังหมด จะรีบมาถามว่ารับเพิ่มอีกมั้ย แล้วขนมปังยังอบมาร้อนๆตลอด เหมือนพึ่งออกมาจากเตาอบเลยทีเดียว
จานแรกนี้ไม่อยู่ในเซ็ต 6-COURSE TASTING MENU เป็นเมนูใหม่ของทางร้านที่เชฟทำมาให้ลองชิมดูครับ เป็นซุปครีม เหลว นุ่ม ละมุนลิ้น รสกลมกล่อม ในซุปจะประกอบด้วยขากบ ตับห่าน เห็ดหอม และดอกกุยช่ายให้กลิ่นอายความเป็นตะวันออกหน่อย ขากบถ้าไม่บอกก่อนว่าเป็นขากบจะนึกว่าเนื้อไก่เลยทีเดียว ทำได้นุ่ม ไม่เหนียวและไม่มีกลิ่นเลย
เริ่มจากจานแรกที่เป็น Appetizer คือ Special Gillardeau oyster with leek Vichyssoise and seaweed butter toast หอยนางรมไซส์ยักษ์ ทานคู่กับซอสครีม Vichyssoise มันๆ เสิร์ฟให้ทานแบบเย็น เพื่อให้ลิ้มรสความสด และหวานของหอยนางรม ทานกับแผ่นขนมปังสาหร่ายอบกรอบ
Appetizer อีกตัวคือ Foie gras royal served with Gac fruit declination and almonds ตับห่านเนื้อเนียน ละเอียดคล้าย กับมูส มัน แต่ไม่เลี่ยน ผิวด้านนอกสีส้มทำจากฟักข้าว
Appetizer จะเสิร์ฟคู่กับไวน์ Lightband, Gewürztraminer, 2011, New Zealand เป็นไวน์จากนิวซีแลนด์ กลิ่นหอมดั้งเดิมของผลลิ้นจี่, มะม่วง และเครื่องเทศทางตะวันออก หวานหอม ให้ความกระปรี้กระเปร่า
จานต่อมาเป็น Pan-seared scallops served with truffle and “cul noir” pork ravioli, mâche purée and apple foam นำหอยเชลล์ไปจี่บนกระทะให้พอเกรียมด้านนอก แต่ด้านในยังคงความหวานจากเนื้อหอยอยู่ ทานคู่กับซอสสูตรพิเศษของเชฟ พร้อมโฟมแอปเปิลให้กลิ่นอ่อนๆ จะได้ลิ้มรสถึงความนุ่มละมุนของหอยเชลล์ จานนี้ทานคู่กับไวน์ Saint-Ve’ran Le Clos 2014, Maison Verget, Burgundy, France เป็นไวน์จากแคว้นเบอร์กันดี ประเทศฝรั่งเศส เป็นองุ่นพันธุ์ Chardonnay กลิ่นออกผลไม้หวานๆ และกลิ่นโอ๊คหอม
จานต่อมา Ginger-scented heart of veal sweetbreads with pearl onions, rhubarb and young radishes ตับอ่อนลูกวัว หนา นุ่ม เสิร์ฟคู่กับหอม แรดิชกับรูบาร์บ ออกรสเปรี้ยวแก้เลี่ยน
ต่อมาเป็น Pan-seared Kamui beef fillet with confit potato garnished with beef cheek and bone marrow, eryngii mushrooms and parsley emulsion สเต๊กเนื้อความสุกระดับ Medium Rare สีแดง ฉ่ำ หวาน นุ่ม เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่ง แก้มวัวและเห็ดออรินจิ ตกแต่งมาได้สวยงามน่ารับประทาน ทานคู่กับไวน์ Château La Garelle Saint-Émilion Grand Cru 2009, Bordeaux, France ไวน์ชั้นกรองครูว์จากเขตแซงเตมิยอง กลิ่นองุ่นแมร์โลโดดเด่นชัดเจน กลิ่นทิ้งไว้ยิ่งนาน ยิ่งหวาน Medium Body and acid สมดุลดี ไม่ฝาดมาก
สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อวัว ทางร้านจะเสิร์ฟเป็น Crispy pork belly with onion declination หมูสามชั้น หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หนังกรอบมาก รสชาติเค็มนิดนึง แต่อร่อยดีครับ ชั้นมันหนา นุ่ม ละลายในปาก ทานคู่กับหอมทอดกรอบ เข้ากันมาก
อีกจานสำหรับคนไม่ทานเนื้อวัว จะเป็น Slow-cooked chicken with green asparagus medley and frothy crustacean sauce ใช้ได้เนื้ออกปรุงโดยใช้ความร้อนอย่างช้าๆ ค่อยๆ จนสุกทั่วทั้งชิ้น เนื้อไก่จึงนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไม่แข็งกระด้าง ด้านในสอดไส้ตับห่าน นุ่ม มัน เข้ากันดี เสิร์ฟกับซอสครีมเป็นฟองนุ่ม ละมุน ทานกับหน่อยไม้ฝรั่งสับเป็นชิ้นเล็กๆ สด กรอบ
ทานคู่กับไวน์ Bourgogne Pinot Noir, Parfums de vigne, 2012, France ไวน์แดง องุ่นพันธุ์ Pinot Noir สีออกทับทิมเข้ม ให้ความรู้สึกและกลิ่นหอมนุ่มนวล ดื่มง่าย
สุดท้ายเป็นของหวาน เสิร์ฟมา 3 อย่าง คือ Mille-feuille “napoleon” / Peanut and milk chocolate parfait / Blackcurrant soufflé ตัวซ้ายมือสุดเป็นขนมหวานดั้งเดิมของฝรั่งเศส ที่ร้านเป็นสูตรที่ถ่ายทอดมา 40 ปี เป็นแป้งพัพฟ์สามชั้น คั่นกลางด้วยครีมข้น เย็นๆ หวานน้อย ไม่เลี่ยน ทอปปิ้งด้วยผลไม้รสเปรี้ยวนิดๆ เคพกูสเบอร์รี่ ชิ้นกลางเป็นช็อกโกแลตทรงกลม ผิวมันวาว ด้านในเป็นมูสครีม มันๆ รสออกหวานหน่อย ด้านบนเป็นแผ่นถั่วลิสงกรอบ ชิ้นขวามือเป็นเค้กขนมหวานของฝรั่งเศส เนื้อเนียน นุ่ม ละเอียด คล้ายกับมูส ทำจากผลไม้แบล็คเคอเรนท์ รสเปรี้ยวนิดๆ ปิดท้ายแก้เลี่ยนได้ดีทีเดียว
สำหรับไวน์ที่ทานคู่กับขนมหวานทางร้านเสิร์ฟ Muscat de Beaumes de Venise Domaine, Des Bernardins, 2013 France กลิ่นหอม หวานขององุ่นที่สุกเต็มที่ เหมาะกับการดื่มสำหรับจบมื้ออาหาร
ราคาสำหรับ 6-COURSE TASTING MENU จะอยู่ที่ 3199 บาท Net (ไม่รวมเครื่องดื่ม) และถ้ามี Wine Pairing เพิ่มอีก 1850 บาท
ห้องอาหาร J’AIME by Jean Michel Lorain, โรงแรม U Sathorn Bangkok ที่อยู่ในซอยงามดูพลี การเดินทางสามารถเข้ามาทางโรงแรมได้จากถนนพระราม 4 และถนนสาทรซอยสาทร 1 Tel. 02 – 1194899, 02 – 1194800 เปิดบริการทุกวัน 12:00 – 14:30 น. และ 18:00 – 22:30 น.
เรื่อง / ภาพ : Chetrat M.