อาหารญี่ปุ่น จัดเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย เราสามารถพบอาหารญี่ปุ่น ได้แทบทุกพื้นที่ของในเมือง วันนี้KinlakeStars จะมารีวิว อาหารญี่ปุ่นแบบ ไคเซกิ 懐石料理 ที่เรียกได้ว่าเป็น อาหารที่หรูหรา ครบเครื่อง จัดเต็ม และเป็นอาหารชั้นสูง ของญี่ปุ่นครับ
ไคเซกิ Kaiseki เป็นอาหารแบบคอร์ส ที่จะประกอบด้วยอาหารหลายๆอย่าง ค่อยๆเสิร์ฟทีละจาน มักใช้ในการเสิร์ฟแขกคนสำคัญของชาวญี่ปุ่น ที่เราอาจเคยเห็นในรายการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ในแต่ละคอร์สจะเริ่มด้วยของว่าง หรือ อมูสบุช แบบอาหารฝรั่งเศส ตามด้วยจานต้มที่เป็นซุป หรือ หม้อไฟ จากนั้นเป็น ซาชิมิอย่างดี ต่อด้วยของทอด เทมปุระ และก็ อาหารจานหลัก พร้อมข้าว และซุปร้อนๆ ปิดท้ายด้วย ขนมหวาน ซึ่งในแต่ละที่ก็จะมี การเลือกใช้วัตถุดิบอย่างดี ตามฤดูกาล ของดีประจำท้องถิ่น เพื่อให้แขก หรือลูกค้าได้ความประทับใจอย่างสูงสุด ตามแบบฉบับการบริการของญี่ปุ่น ซึ่งในวันนี้ ผมได้มีโอกาสได้ลองทาน ไคเซกิเซ็ต ของ Kisso ที่ Westin Grand Sukhumvit
ห้องอาหาร Kisso (แปลว่า โชคดี หรือ มีแต่สิ่งดีๆ) เป็นห้องอาหารญี่ปุ่นที่ถือว่าเก่าแก่ และได้รับรางวัลการันตีมากมาย เมื่อขึ้นมาถึงร้านที่บริเวณชั้น 8 ก็จะเห็นทางเข้าร้านที่ดู ทันสมัย เก๋ แต่ก็ถูกแทรกด้วยการตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ให้ความรู้สบายๆ เรียบง่าย แต่ก็มีความทันสมัยในที่เดียวกัน การตกแต่งแบบนี้ เรียกว่า Wabi-Sabi หมายถึง ความงามอันเป็นธรรมชาติหรือมีอายุขัย คือมีความร่วมสมัยและเป็นธรรมชาติตามหลักของญี่ปุ่นในที่เดียวกัน
สำหรับอาหารไคเซกิ เซ็ตแรกที่จะแนะนำ คือ เซ็ต 3,500 baht++ ในเซ็ตจะเริ่มด้วย
Appetizer: Kobe wine wagyu shabu shabu salad Soup: Tsubugai dobin mushi
Sashimi: Chutoro, hamachi and hirame Fried dish: Ama ebi, ika mentaiko and vegetable tempura
Main dish: Charcoal grilled Kobe wine wagyu on hot stone
Rice dish: Garlic rice, akadashi soup and pickles Dessert: Assorted fruit and green tiramisu
จานแรกของ set Kobe wine wagyu shabu shabu salad
ก็ถูกใจแล้วครับ ตัวผักมีความสด กับเนื้อโกเบอย่างดี แล่บางๆ ลวกพอสุกสไตล์ชาบู กับน้ำสลัดแบบญี่ปุ่นรสชาติกลมกล่อม เมื่อเคี้ยวเนื้อนุ่มๆ หอมมัน กับผักสลัด อร่อยมากครับ เรียกน้ำย่อยได้ดีสุดๆครับ
ถัดมาเป็น Soup: Tsubugai dobin mushi
ซุปกาสวยงาม ให้เราบีบมะนิดหน่อยลงไปในน้ำซุป ให้กลิ่นหอมสดชื่น รสชาติกลมกล่อม ในกามีกุ้งปลาและไก่ สามารถทานได้ ซุปอร่อยและหอมมากครับ
ที่ขาดไม่ได้คือ Sashimi: Chutoro, hamachi and hirame
ทุกชิ้นมีความสด อร่อยนุ่มมาก แต่ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ Hirame เป็นปลาดิบที่เนื้อมีความใส เมื่อกัดเข้าไปจะมีความกรอบเด้งของเนื้อข้างนอก แต่ด้านในมีความนุ่ม อร่อยมาก
จานทอด Fried dish: Ama ebi, ika mentaiko and vegetable tempura
เป็น กุ้งลายเสือตัวใหญ่ ก้ามปู เทมปุระ กับ รากบัว วัตถุดิบทุกอย่างสดดี ทอดได้ดี ไม่อมน้ำมันเกินไป ทานกับน้ำจิ้มเทมปุระ อร่อยครับ
สำหรับ จานหลัก Main dish: Charcoal grilled Kobe wine wagyu on hot stone
แค่เห็นก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วครับ เป็น หินภูเขาไฟร้อนๆ กับเนื้อโกเบไวน์ ที่มาจากการเลี้ยงวัวด้วยไวน์ และหญ้าในสภาพแวดล้อมที่ดีจนเป็นเนื้อระดับ A4-5 ที่ถือเป็นระดับสูงมากของการจัดคุณภาพเนื้อ แร่มาชิ้นหนาแบบสเต๊ก เมื่อนำมาวางบนหินได้ยินเสียงฉ่า กับกลิ่นเนื้อย่างที่ออกมา แล้วราดซอสที่มีให้เลือก 2 แบบ คือซอสปอนสุ และ ซอสสเต็ก กับอีก 1 ซอสที่ไว้สำหรับทาตอนย่าง สามารถเลือกรสชาติได้ตามใจ แต่สำหรับผม แค่ตัวเนื้อเปล่ารสชาติก็สุดยอด หอมมัน กัดแล้วนุ่มมาก รสสัมผัสกับกลิ่น ทานกับข้าวกระเทียม เข้ากันสุดๆ อร่อยมากครับ
จานข้าว Rice dish: Garlic rice, akadashi soup and pickles เสิร์ฟพร้อมจากหลัก ข้าวกระเทียมที่นี่ ตัวเม็ดข้าวจะนุ่มเหนียว อร่อยดีครับ เมื่อทานกับเนื้อย่าง เสริมรสชาติกันได้ดีมากครับ
ขนมหวาน Dessert: Assorted fruit and green tiramisu
ขนมหวานที่นี่ อร่อยเกินคาดมากครับ ตัวทิรามิสุ หวานเบาๆหอมด้วยกลิ่นมัทฉะและ มัสคาโปนชีสที่นุ่มสด ตัดด้วยผลไม้ ปิดท้ายมื้อได้ดีมากครับ
สำหรับ เซ็ตที่สอง (2500++) จะประกอบด้วย
Kobacho: appetizer Soup: chef’s selection soup
Sashimi: chef’s selection sliced raw fish Yaki hassun: Grilled signature dish with small delights tempura
Takiawase: Simmer dish Agemono: Fried dish
Oshokuzi: Rice or noodle course Dessert: Signature desert
จานแรก Appetizer: Avocado Hokate scallop salad
เป็นสลัดอโวกาโด กับ หอยเชลส์หั่นชิ้นลูกเต๋า มีความหวานสดของหอยเชลส์ เข้ากับกับสลัดอโวกาโด รสชาติดีครับ
Soup:
จะเป็นซุปที่มีลูกชิ้นกุ้งทำสด ตัวซุปมีความกลมกล่อม และตัวลูกชิ้นจะมีความหยาบๆหน่อยต่างจากลูกชิ้นกุ้งของไทย เป็นการวอร์มท้อง ได้ดีครับ
Sashimi:
ที่นี่ให้ปลาดิบที่มีคุณภาพดี และหลากหลาย ประกอบไปด้วย โทโร ฮามาจิ แซลมอนในปริมาณที่เรียกได้ว่าจุใจ ปลาสดอร่อย หวานธรรมชาติ อร่อยมากครับ
Yaki hassun:
เป็นปลาหิมะย่างหวาน กับปลาฮอกเกะย่างเกลือ ตัวปลาย่างหวานให้รสชาติที่ต่างจากที่เคยกินทั่วไป มีความหอมจากการหมัก ในส่วนปลาฮอกเกะ ก็ย่างได้กำลังดี แต่อาจต้องระวังก้างปลาบ้างครับสำหรับจานนี้
Takiawase: Simmer dish
เป็นจานต้ม ที่เป็น เนื้อปลาต้มในหม้อกระดาษ ตัวน้ำซุปมีความใสเบา แต่มีรสชาติเข้มข้นอมเปรี้ยวเล็กน้อย
Agemono: Fried dish
เป็นเทมปุระปลาฮาโมะ เนื้อปลามีความนุ่ม ทอดได้ดีครับ แต่มีจุดติที่บางชิ้นมีก้างปลาติดอยู่ครับ ทำให้ทานแล้วสะดุดในการกิน
Oshokuzi: Rice or noodle course
เป็นข้าวสวยร้อนๆ ซึ่งเม็ดข้าวมีความเหนียวนุ่มดีมากครับ มากับไข่ที่มีกุ้งผสม รสชาติเหมือนกุ้งระบำพัดเต้นไปมา
Dessert: Signature desert
เป็น วุ้นบ๊วยที่ชื่อฟังเหมือนธรรมดา แต่อร่อยมากครับ ตัววุ้นมีความนุ่มหยุ่น รสสัมผัสดีมาก หอมด้วยกลิ่นเหล้าบ๊วย อร่อยมากๆครับ ขนมหวานจานนี้
นอกจาก 2 เซ็ตไคเซกิที่ได้แนะนำไป ยังมีโอกาสได้ชิม ปลาไหลผัดกับฟัวการ์ส ฟังแค่ชื่ออาจแปลกใจว่าจะเข้ากันได้อย่างไร เป็นการนำวัตถุดิบ 2 อย่างที่ขึ้นชื่อว่า มีความเข้มข้นของรสชาติกับกลิ่นมารวมกัน แต่อร่อยเข้ากันดี ความมันของฟัวการ์สกับความนุ่มหวานมันนิดของเนื้อปลาไหล เข้ากันได้ดีเมื่อกินกับซีอิ๊วที่ผัดมาให้รสหวานเค็มหอม อร่อยลงตัวมากครับกับจานนี้
Salmon bento
ที่ประกอบด้วยการนำ แซลมอน มาปรุงแตกต่างกันถึง 9 แบบใน 1 กล่อง ทุกชิ้นมีความอร่อย แตกต่างกันครับ สำหรับจานนี้ผมให้คะแนนในความสร้างสรรค์ที่ ทำให้สามารถลองทานแซลมอนรสชาติ หลากหลายได้ใน 1 จาน
สลัดอโวกาโดกุ้ง
จานนี้จะรสชาติคล้ายกับสลัดอโวกาโดหอยเชลส์ รสชาติดี กุ้งสดและชิ้นโต อร่อยดีครับ
พาร์เฟ่ต์
ของหวานสุดฮิตของวัยรุ่นญี่ปุ่น มาในถ้วยโต ที่มีทั้ง ผลไม้ ถั่วแดง ไอศครีม โมจิ ช็อกโกแลต รสชาติอร่อยดีตามมาตรฐานคิสโสะครับ
และอีกเมนูดีเยี่ยม ชวนแนะนำ นั้นคือ อาบุริซู้ชเซ็ท
ในมื้อนี้ ผมขอชื่นชมให้กับ ไคเซกิ เซ็ต 3500 บาท ที่นำวัตถุดิบที่ดีมากๆ มาปรุงให้กิน ถ้าหากว่ามีโอกาสพิเศษ หรือต้องให้ความประทับใจ ผมว่า เซ็ตนี้เป็นตัวเลือกที่ดีมากๆครับ สำหรับอาหารมื้อสุดพิเศษครับ เพราะถ้าไปกินที่ญี่ปุ่นและต้องการคุณภาพเช่นนี้จริงราคาจะสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ
เรื่อง : Sorawich W.
ภาพ : Chetrath M.