Story : Nopmanee P. / Photo : Pol.Capt. Kittin A march 2021
วันนี้ Kinlakestars.com จะพาทุกท่านล่องเรือไปตามสายน้ำหลักที่หล่อเลี้ยงชาวไทยมาเนิ่นนาน แม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิวริมน้ำสองฝั่งจากกลางแม่น้ำ เห็นตึกรามบ้านช่องเก่าแก่และใหม่เอี่ยม สะท้อนถึงกาลเวลาที่ผ่านมาแล้วจนถึงปัจจุบันได้ดี ภายใต้แสงกลางวันนี้ทำให้เห็นวิวได้ดีกว่ากลางคืนยิ่งนัก แวะไหว้พระที่วัดดัง 3 แห่ง ปิดท้ายด้วยมื้ออาหารกลางวันอันขึ้นชื่อของห้องอาหาร Saffron ที่รังสรรค์โดยเชฟเรณู โดยที่ไม่ต้องขับรถไปไหนไกลเลย แค่มาขึ้นเรือที่ท่าเรือ 4 ของห้าง Iconsiam (ออกประตูห้างมาแล้วเลี้ยวไปทางซ้ายค่ะ) ตอน 10.30 น. ตรงเท่านั้นเอง เพราะเรือจะสามารถเทียบท่ารับคนได้แค่ 15 นาทีเท่านั้น
บนเรือนั้นมีมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิ เจลล้างมือให้บริการพร้อมสำหรับช่วงโควิดนี้
จากนั้นพนักงานจะนำท่านไปยังโต๊ะที่จองไว้ ซึ่งไม่ว่าจะได้นั่งโต๊ะใกล้กระจกหรือโต๊ะกลางเรือก็สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้ดีทั้งนั้น (ทดลองมาแล้วค่ะ ไม่ต่างกันจริงๆ) อีกทั้งนี่เป็นเรือแบบพิเศษ มีหลังคากระจกทรงโค้งที่ด้านข้างเรือทั้ง 2 ข้างแบบตามเรือล่องแม่น้ำในเมืองนอกเลยค่ะ ก็ทำให้เห็นวิวด้านนอกได้ดีขึ้นไปอีก และยังถ่ายรูปสวยอีกด้วย
บนโต๊ะมีจัดเตรียมผ้าเย็น ดอกไม้ธูปเทียนพร้อมสรรพ พลางจิบ Welcome drink เป็นน้ำอัญชันผสมใบเตยเย็นชื่นใจ ฟังไกด์เล่าประวัติของวัดที่เรากำลังเดินทางไปพลางๆ ว่าควรจะไปไหว้พระตรงจุดไหน ขอพรเรื่องอะไร เป็นต้น
อธิบายละเอียดดีนะคะ แต่ขอสารภาพเลยว่านี่มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับวิวที่ได้เห็นระหว่างทางเสียมากกว่า อาจจะด้วยความที่ชอบดูอาคารโบราณสวยๆอยู่เป็นทุนเดิมด้วยก็ได้
เราล่องเรือมาไม่นานเลย ก็ถึงจุดหมายแรก วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
แต่เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีภิกษุจีนพำนักอยู่ และเรียกกันต่อมาว่า “หมู่บ้านกุฎีจีน”
สร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2368 และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระราชทานนามว่า “วัดกัลยาณมิตร” และทรงสร้างพระวิหารหลวงและพระประธานพระราชทาน เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชื่อ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ด้วยมีพระประสงค์จะให้เหมือนกรุงเก่า คือมีพระโตอยู่นอกกำแพงเมือง อย่างเช่นวัดพนัญเชิง
หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูง โดยเฉพาะในหมู่ชาวจีน เรียกชื่อแบบจีนว่า ซำปอฮุดกง หรือ ซำปอกง เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 5 วา 3 ศอกคืบ สูง 7 วา 2 ศอกคืบ 10 นิ้ว
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างพระราชทานช่วยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ เสด็จก่อพระฤกษ์เมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2380อยู่ภายในพระวิหารขนาดใหญ่อยู่กลางวัด ตรงกลางระหว่างวิหารเล็กและพระอุโบสถ
พระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ (ป่าเลไลย์) ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างพระราชทาน เป็น 1 ใน 2 วัด ของกรุงเทพมหานครที่มีพระประธานของพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์
อีกแห่งคืออุโบสถวัดบางขุนเทียนใน ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงพุทธประวัติ
และแสดงชีวิตชาวบ้านในสมัยรัชกาลที่ 3 และยังมีหอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ เป็นที่เก็บพระไตรปิฎกสมัยรัชกาลที่ 4
หน้าวิหารหลวงเป็นหอระฆังที่เพิ่งสร้างใหม่ เก็บระฆังยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย
จุดหมายที่สอง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้งนั่นเอง เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา
ที่ชื่อวัดแจ้ง เพราะ พระเจ้าตากฯ ทำศึกเสร็จ แล้วยกทัพกลับมาเป็นเวลาเช้าพอดี ว่ากันว่าเดิมเรียกว่า วัดมะกอก และกลายเป็นวัดมะกอกนอกในเวลาต่อมา เพราะได้มีการสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกัน แต่อยู่ในคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านเรียกวัดที่สร้างใหม่ว่า วัดมะกอกใน (วัดนวลนรดิศ) แล้วจึงเรียกวัดมะกอกซึ่งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดมะกอกนอก ส่วนเหตุที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้งนั้น เชื่อกันว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตั้งราชธานีที่กรุงธนบุรีใน พ.ศ. 2310 ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง จึงพระราชทานชื่อใหม่ว่าวัดแจ้ง แต่ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเพลงยาวหม่อมภิมเสน วรรณกรรมสมัยอยุธยาที่บรรยายการเดินทางจากอยุธยาไปยังเพชรบุรี ได้ระบุชื่อวัดนี้ไว้ว่าชื่อวัดแจ้งตั้งแต่เวลานั้นแล้ว
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังที่ประทับนั้น ทรงเอาป้อมวิชัยประสิทธิ์ข้างฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งตัวพระราชวัง แล้วขยายเขตพระราชฐานจนวัดแจ้งเป็นวัดภายในพระราชวัง
เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์สมัยอยุธยา และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ใน พ.ศ. 2322 ก่อนที่จะย้ายมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในปี พ.ศ. 2327
ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ได้เสด็จมาประทับที่พระราชวังเดิม และได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่ทั้งวัด
แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็สิ้นรัชกาลที่ 1 สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อมา และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม”
ต่อมามีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน
จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้นและให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่จะเป็นพระประธานวัดนางนองมาติดต่อบนยอดนภศูล
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย
เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม”
ขอแอบแนะนำทริกเล็กๆ เมื่อเดินขึ้นเรือมาแล้วให้เดินขึ้นบันไดต่อไปที่ชั้นดาดฟ้าเรือ ไปทางท้ายเรือ จะสามารถถ่ายภาพคู่กับพระปรางค์วัดอรุณได้ในมุมที่เริ่ดเลยล่ะค่ะ แต่อาจจะร้อนซักหน่อยเพื่อภาพที่สวยงามค่ะ
จุดหมายที่สาม วัดระฆัง (วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร)
(ทุกวัดนั้นมีเวลาให้ไหว้พระ เดินถ่ายรูป จุดละ 20 นาที ก่อนจะมารอขึ้นเรือ)
ระหว่างที่เราลงไปไหว้พระกันที่วัดระฆังนี้ พนักงานก็จะเริ่มนำอาหารเรียกน้ำย่อยต่างๆมาเสิร์ฟไว้ให้บนโต๊ะ เพื่อที่เวลาที่เราขึ้นเรือมาแล้วจะสามารถเริ่มรับประทานได้ทันทีค่ะ หรือถ้าไม่ได้ลงไปไหว้พระวัดระฆัง ก็สามารถชมทัศนียภาพวัดระฆังอันแสนงดงามจากทั้งบริเวณห้องกินข้าวที่มีระบบปรับอากาศเย็นฉ่ำผ่านกระจกโค้งตั้งแต่ด้านบนแนวราบ บนศีรษะจรดลงมาแนวตั้งด้านกำแพงค่ะ
นอกจากนี้หากอยากสัมผัสใกล้เข้าไปอีกก็สามารถเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นดาดฟ้าโพสท้าถ่ายรูปพร้อมถือดอกไม้หันหน้าเข้าหลวงพ่อโตและเพ่งกระแสจิตถวายบุญกิริยาอธิฐานขอพร เมื่อเสร็จสิ้นทุกกระบวนท่าก็นั่งทานได้เลยในบรรยากาศที่เงียบสงบ เสมือนเรือทั้งลำเป็นของเราเลยล่ะค่ะ
แถมเรือลำนี้แล่นตัดน้ำได้ราบเรียบมากๆ จนแทบไม่รู้สึกว่าเรือกำลังแล่นอยู่เลย เรียกว่าน้ำในแก้วไม่ได้กระเพื่อมเลยล่ะค่ะ
มาเริ่มต้นกันด้วยข้าวเกรียบคุณภาพสูง กรอบ เบา อร่อยเลิศ น่าประทับใจมาก
ระหว่างที่เราเริ่ม จานเรียกน้ำย่อย นั้นเรือก็จะเริ่มแล่นจากวัดระฆังย้อนกลับไปยังทิศทางเดิมค่ะ
กุ้งย่างยำส้มโอกับดอกไม้
Grilled Prawn, Pomelo, Edible Flower Salad, Chili Lime Dressing
เกล็ดเนื้อส้มโอชิ้นใสกับเหล่าดอกไม้ทานได้หลากสี เช่น กลีบกุหลาบ อัญชัน และกุ้งย่าง ค่อยๆราดน้ำยำที่ช่วยแต่งแต้มรสชาติหอมหวานแอบเผ็ดนิดๆลงไปก็เป็นอันเริ่มรับประทานได้
พนักงานจะราดซอสให้ โดยยิ่งราดเยอะจะยิ่งเผ็ดนะคะ ดังนั้นกินเผ็ดไม่ได้ต้องราดน้อยๆนะคะ
จานหลัก
ปลากะพงทอดขมิ้นยำแตงอ่อน
Deep Fried Marinated Sea Bass Turmeric, Young Cucumber Salad
ตัวเนื้อปลานั้นถูกทอดมากำลังดี มีรสขมิ้นและสีเหลืองอ่อนๆฉาบอยู่ด้านล่างของชิ้น ทานคู่กับอาจาดที่วางอยู่ด้านข้าง
มัสมั่นเนื้อน่องลาย เสิร์ฟกับโรตี
Slowcooked Beef Shank in Massaman Curry, Peanut, Potato
Served with Roti
เนื้อน่องลายในแกงถ้วยนี้นั้นคือสุดยอด แค่เอาช้อนตัดเป็นคำอยู่ก็แทบละลายแล้ว รสน้ำแกงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงของที่นี่ถึงเครื่องอยู่แล้ว ในใจคือว่าพวกแกงมัสมั่นนี้เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของห้องอาหารนี้ทีเดียว มีโรตีถูกพับมาเป็นชิ้นสามเหลี่ยมที่เห็นแว่บแรกก็แอบให้อดนึกถึงฟองเต้าหู้ไม่ได้ เป็นโรตีพองฟูชั้นแป้งบางกรอบให้ทานเข้ากับแกงได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
ทั้งปลาและแกงมัสมั่นทานคู่กับข้าวแซฟฟร่อนสีเหลืองอร่าม ที่สามารถขอเติมข้าวได้ด้วย
ขอแนะนำให้ ตอนที่เรือแล่นไปถึง Asiatique และกำลังหมุนเรือกลับนั้น ให้เริ่ม ของหวาน ค่ะ ซึ่งทานเสร็จก็จะถึงท่าเรือ Iconsiam พอดิบพอดี
ปากริมสีทอง, แตงโมปลาแห้ง, ไอศกรีมมะม่วงพริกเกลือ
Pumpkin Dumpling in Light Coconut Milk,
Summer Watermelon, Dried Fish,
Crisps Shallot Spicy Mango Ice Cream
ขอเริ่มจากแตงโมปลาแห้งกันก่อนเลย แตงโมหวานชุ่มฉ่ำกับปลาแห้งนั้นเหมาะกับการทานในหน้าร้อนอย่างนี้จริงๆค่ะ ทานแล้วทำให้สดชื่นดีค่ะ
ปากริมสีทอง นั้นสีทองสวยสมชื่อทำจากเนื้อฟักทองและแป้ง หนึบๆหนืดๆดี รสชาติกลมกล่อมดีค่ะ
ขอตบท้ายด้วยไอศกรีมมะม่วงพริกเกลือ ไอศกรีมมะม่วงแท้ๆชุ่มฉ่ำชื่นใจ พริกเกลือนิดหน่อยให้พอตัดกัน ท๊อปด้วยเนื้อมะม่วงชิ้นเล็กๆ
ถ้าใครยังไม่อิ่มดี ขอแนะนำให้สั่งไอศกรีมเมี่ยงคำ ที่เพื่อนบอกว่าแปลกและดีมากมาลองค่ะ มีแค่บนเรือนี้เท่านั้นด้วยนะคะ
ทริกเล็กๆสำหรับสุภาพสตรี : ขอชวนแต่งชุดไทย นุ่งผ้าถุง ถือร่มลูกไม้ มาถ่ายรูปตามวัดสวยๆก็กำลังอินเทรนอยู่นะคะ
ตอนนี้มีแพคเกจ 2 แบบค่ะ
แบบที่ 1 : Looking Beyond The River ราคา 3399 บาท สำหรับ 2 ท่าน
- ไหว้พระ 3 วัด (วัดกัลยาณมิตร, วัดอรุณ, วัดระฆัง)
- เซ็ตอาหารกลางวันสำหรับ 2 ท่าน บนเรือ แซฟฟรอน ครูซ (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
- ห้องพักฮอไรซอน (ไม่รวมอาหารเช้า) 1 คืน สำหรับ 2 ท่าน
- มัคคุเทศก์นำชมตลอดเส้นทาง
- ดอกไม้ไหว้พระ
แบบที่ 2 : ราคาล่องเรือ + อาหารกลางวัน 1755 บาท ต่อท่าน
*** ทริปไหว้พระมี เฉพาะวันเสาร์ เริ่มเสาร์ที่ 20 มีค. – เสาร์ที่ 29 พค. 2564 เท่านั้น
โปรดสำรองที่นั่งล่วงหน้า ที่ Banyan Tree Bangkok
โทร 02 679 1200
รีวิวอื่นๆของ Saffron Cruise ในห้วงเวลาต่างกัน
Kin Review
Thai Cuisine, Fine dining, Review, Banyan tree, saffron cruise, รีวิว, ไหว้พระ, วัดแจ้ง, วัดระฆัง, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว