Chef : Tom J. Kawa : 09 2023
Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A
maison mizuki
บาร์ลับร่ำรวยกิมมิกของมาดาม Mizuki
ปลาดิบดีสดอร่อย เครื่องดื่มสวยสร้างสรรค์ ร้านบรรยากาศดีไปกับ“เมซง มิซูกิ” บาร์แห่งใหม่มี่พร้อมจะเปิดโลกของวิสกี้ ค็อกเทล และซูชิ ให้ทุกคนได้เข้ามาดื่มด่ำไปกับรสชาติ เรื่องราว และวัฒนธรรมที่ผสมผสานความเป็นเอเชียและฝรั่งเศสไว้อย่างลงตัว โดย “เมซง มิซูกิ” ตั้งอยู่ที่ชั้นล็อบบี้ ของโรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท
ซึ่งตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในบาร์แห่งนี้คุณจะได้สัมผัสถึงตัวตนและการเดินทางของมิซูกิที่ถือเป็นแรงบันดาลใจของ “เมซง มิซูกิ” เพราะการตกแต่งนั้นเต็มไปด้วยลวดลายดั้งเดิมของญี่ปุ่น บาร์สำหรับเสิร์ฟซูชิ กระจกและผนังที่ใส่ความเป็นฝรั่งเศสเข้าไป และยิ่งไปกว่านั้นคือโซนของบาร์ที่ตกแต่งไว้ด้วยขวดของวิสกี้นานาชนิด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บอกตัวตนของมิซูกิไว้ได้อย่างครบถ้วน
- ประตูดำบานใหญ่ที่จะรอการเข้ามาของผู้มาเยือน กดออดแล้วบอกรหัสลับ เพื่อให้มาดามมิซูกิออกมาต้อนรับ
- ร้านตกแต่งแนว luxury retro เน้นสีดำ ทอง ผสมกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วย texture มีส่วนที่เป็น omakase bar และนั่งดื่ม Welcome drink Sake Hakutsuru สาเกกระเรียนขาวจาก โรงบ่มชื่อดังใน จังหวัดโกเบประเทศญี่ปุ่น สร้างตำนานตั้งแต่ปี คศ 1743 ปัจจุบันมีขายทั่วโลก เสิร์ฟแบบพิเศษ ในกล่องไม้ masu ซึ้งจะเทสาเกจนล้นแก้ว ออกมาในกล่องไม้ เรียกว่า Sosogi-Koboshi ซึ่งมาจากคำญี่ปุ่นสองคำคือ Sosogu (แปลว่า ริน) และ Kobosu (แปลว่า ล้น) วิธีการเสิร์ฟแบบนี้นิยมแพร่หลายในญี่ปุ่นช่วงสมัยสงครามโลก จะเป็นตัวแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของเจ้าของร้านสำหรับแขกคนพิเศษ
- เมนูของร้านจะเน้นเป็น ปลาดิบ และ โรลซึ่งดีเหลือเชื่อ
นอกจากการตกแต่ง ชื่อของ “เมซง มิซูกิ” ก็เป็นการผสมผสานสองวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน โดยคำว่า “เมซง” แปลว่า “บ้าน” ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการสื่อว่าฝรั่งเศสคือบ้านหลังที่สองของเธอ และมิซูกิอยากให้บาร์แห่งนี้เป็นบาร์ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นเปรียบเสมือนบ้านของใครหลาย ๆ คน ที่จะได้มานั่งจิบวิสกี้แก้วโปรด ฟังเรื่องราวและที่มาของค็อกเทลแต่ละแก้ว และทานอาหารญี่ปุ่นแบบเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน
เรื่องราวของร้านแห่งนี้
มิซูกิได้เติบโต ซึมซับ และร่วมเดินทางไปกับคุณลุงเพื่อออกตามหาวิสกี้ที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้ “เมซง มิซูกิ” มีวิสกี้ให้เลือกดื่มกว่า 100 ชนิด และนอกจากนี้ยังมี “วิสกี้ ไบเบิล” ที่จะช่วยให้คุณรู้จักที่มาและรสชาติของวิสกี้แต่ละชนิดได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากความหลงใหลในวิสกี้ มิซูกิก็รักในการคิดค้นค็อกเทลเช่นเดียวกัน โดยเธอได้รังสรรค์ซิกเนเจอร์ ค็อกเทลทั้ง 6 แก้ว จากความรัก ประสบการณ์การเดินทาง วัฒนธรรม และเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต ทำให้ผู้ที่ได้ชิมค็อกเทลของเธอได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราว รสชาติและส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์
นอกจากเครื่องดื่มอย่างวิสกี้ และค็อกเทลแล้ว “เมซง มิซูกิ” ก็พร้อมเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นอันขึ้นชื่อนานาชนิด โดยมิซูกิตั้งใจให้ทุก ๆ เมนูนั้นเต็มไปด้วยความสด สะอาด และอร่อย โดยเมนูแนะนำคือ แซลมอน ลาวา โรล อูซูสึกุริ (Usuzukuri) หรือ ปลามะไดพร้อมซอสพอนสึ และอีกหลายเมนูอย่างซาชิมิ นิกิริ และซูชิให้คุณได้ลิ้มลอง
โดยมิซูกิตั้งใจให้ที่นี่เป็นมากกว่าบาร์ที่ผู้คนจะมาดื่มและทานอาหาร แต่เธอตั้งใจให้ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านที่มีบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ มีชีวิตชีวา และผู้คนสามารถเชื่อมโยงกันผ่านความรักที่มีต่อวิสกี้ ค็อกเทล และอาหารญี่ปุ่น ทำให้ “เมซง มิซูกิ” เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือทุกงานเลี้ยงสังสรรค์ เพราะบาร์แห่งนี้ก็ได้สร้างขึ้นมาจากความรัก ประสบการณ์การเดินทางของมิซูกิ ที่เธอหวังว่า “เมซง มิซูกิ” จะเป็นบ้านหลังที่สองของใครหลาย ๆ คนเช่นเดียวกัน
เมนูแรกเป็น Sashimi Moriawase (ซาชิมิรวม 7 ชนิด 1800 – 2450)
สามารถเลือกได้ตามความพรีเมียม กุ้งหวานโบตัน, แซลมอน, chuutoro, akami, scallop, หอยปีกนก และ มาได อร่อยสดทุกคำ คัดมาดีมาก ราคาดีงาม เหมือนกินร้านอาหารญี่ปุ่น ไม่ชาร์ตแพงเหมือนอาหารตามบาร์โรงแรมห้าดาว
กุ้งหวานโบตัน: กุ้งหวานโบตันมีรสชาติหวานอ่อนและเนื้อนุ่มมาก การเติมรสด้วยโชยุและวาซาบิสดมาพร้อมกับกุ้งทำให้รสชาติของมันสมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยกุ้งหวานโบตัน (Sweet Shrimp) หรือชื่อญี่ปุ่นว่า “Amaebi” (甘えび) เป็นอีกหนึ่งอาหารทะเลสดที่นิยมในอาหารญี่ปุ่น มันเป็นกุ้งขนาดเล็กที่มีรสชาติหวานอ่อนและนุ่ม มักถูกนำมาทำเป็น Sashimi หรือ Nigiri Sushi โดยใช้กุ้งโบตันสดๆผ่าหัวออกเหลือส่วนหางให้สวยๆ และรับประทานร่วมกับโชยุและซอสวาซาบิ
แซลมอน: แซลมอนสดและนุ่มมาก มีสีส้มสดและรสชาติหวานอ่อนที่น่าติดใจ การเลือกใช้แซลมอนที่ติดมันแต่ไม่มันไปนวลนุ่มละมุนในปาก
chuutoro และ akami: การรวม chuutoro และ akami ให้ความหลากหลายในรสชาติของเนื้อทูน่า ชูโทโร่มีความนุ่มและรสชาติหวานโคตรอร่อย ในขณะที่ akami มีรสชาติเข้มข้นและเนื้อกรอบที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติทูน่าแท้
Scallop : จุดเด่นของหอยสแกลลอป ที่ทำให้มันได้รับความนิยมจากผู้คนจำนวนมากก็คือ รสสัมผัสที่ให้ความหวานละมุนลิ้น มีความนุ่มเด้ง กลิ่นสะอาดไม่ค่อยมีความคาวเท่าหอยชนิดอื่น แถมยังเป็นหนึ่งในเนื้อหอยที่มีคุณภาพมากที่สุดในโลก จนกลายเป็นเมนูฮิตให้เราได้ทานกันหลายอย่าง แต่ครั้งนี้กินสดๆแบบซาซิมิยิ่งดีมากหวานด้วยรสของเนื้อหอยเอง อร่อยแบบไม่ต้องปรุงใดๆเพิ่ม
หอยปีกนก เนื้อแน่นสีแดงขาวสวยงาม สดใหม่ รสชาติหวาน เคี๊ยวหนึบหนับ คุณประโยชน์ทางอาหารมากมายเพื่อสุขภาพที่ดี เพราะมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมากมายทั้งวิตามินบีรวม ช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น โลหิตจาง โรคเหน็บชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า ร่างกายไม่เกิดอาการอ่อนเพลีย ควบคุมสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็ก แคลเซียม สังกะสีและไอโอดีน แคลอรี่ต่ำ ช่วยระบบการเผาผลาญอาหารเหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
มาได: ปลามาไดที่นี่สดใหม่และมีรสชาติที่หลากหลายในคำเดียว มีการเติมรสด้วยซอสวาซาบิชิหรือโชนุก็จะช่วยเพิ่มรสที่เข้มข้นและกลมกล่อม ปลามาได (Madai) マダイ หรือ ปลากระพงแดงญี่ปุ่น เป็นปลาเนื้อขาวที่เป็นที่นิยมในการประกอบอาหารญี่ปุ่น เพราะมีรสชาติอร่อย เนื้อสัมผัสนุ่ม และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ชื่อ “มาได” แปลว่า “ไท” ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งหมายถึงปลากะพงระดับพรีเมียม ในประเทศญี่ปุ่นปลามาไดถือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ปลามงคล และมักเสิร์ฟในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานแต่งงานและงานฉลองปีใหม่ ปลามาไดสามารถพบได้ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ตั้งแต่ญี่ปุ่นไปจนถึงออสเตรเลีย และมักจะจับได้ในบริเวณน้ำลึก มาทำความรู้จักปลามาได หรือ ปลากระพงแดงญี่ปุ่นกัน
Sashimi Moriawase ซาชิมิ พรีเมียมรวม 7 ชนิดที่นี่มีรสชาติที่หลากหลายและสดชื่นมาก ถ้าคุณคือคนรักอาหารญี่ปุ่นและต้องการลิ้นชาติที่คุ้มค่า ผมขอแนะนำให้คุณลองเมนูนี้คุณจะประทับใจอย่างแน่นอน!
เมนูต่อไปเป็นโรลพิเศษประจำวัน maki dou chox (มากิประจำวัน ภาษาฝรั่งเศส)
วันนีัเชฟทอมจัดให้เราเป็น salmon engaewa roll เป็นโรล์หรือข้าวปั้นแบบมากิที่ใช้เนื้อแซลมอนสดๆมาห่อรอบๆ ด้านในหรือไส้ตรงกลางเป็นไข่่ม้วนและสาหร่าย ทอปด้วยเอนกาวะ อิคุระ และ ซอสลับสูตรพิเศษ ความสดกรุบกรอบของเนื้อ เอนกาวะ ช่วยให้โรลชิ้นนี้อร่อยไปอีกขั้น
สำหรับชาชิมิพิเศษ เชฟก็สามารถจัดให้ได้ (Chef’s tom special)
วันนี้เชฟนำมาไดสดๆ แร่เป็นชิ้นยาวๆไม่หนาไม่บางจนเกินไป ซึ่งตัวเนื้อปลามาได มีรสชาติหวานเล็กน้อย สะอาดและละเอียดอ่อน ทำให้เข้ากันได้ดีกับเครื่องปรุงรสและซอสต่างๆ ที่ไม่แรงจนเกินไป เหมาะกับการขับเอารสของวัตถุดิบอื่นๆให้ออกรสได้ชัดขึ้น มาทอปด้วยอูนิมุราซากิ หอยเม่นมุราซากินั้นฤดูกาลจะอยู่ช่วงหลังเมษามาจนถึงตุลา ช่วงนี้จะมีหอยเม่นมุราซากิมาก ความโดดเด่นของมุราซากิคือ มีมิติของรสชาติมากครับ ตามปกติหอยเม่นมุราซากิจะมีความชื้นในตัวไข่เยอะกว่า และมีรสเป็นครีม สีสันเหลืองอ่อนไปจนถึงเขียวจนถึงน้ำตาล กลิ่นและรสชาติของหอยเม่นตัวนี้จะผันไปตามแหล่งน้ำแหล่งอาหารที่มันกินเข้าไปครับ ดังนั้นเชฟชื่อดังหลายต่อหลายคนชอบใช้มุราซากิเพื่อแสดงถึงกึ๋นในการคัดสินค้าของตัวเอง เนื้ออูนิมุราซากินี้สีเข้มนี้หวานหอมมากจนเราเกือยเข้าใจผิดว่าเป็นบาฟุน และท๊อปด้วยอิกุระรสมเค็มมันกรุปกรึบ
สำหรับโรลในเมนูประจำ จะมี salmon lava roll (390 บาท)
ข้าวปั้นที่ห่อม้วนข้าวด้วยเนื้อปลาแซลมอนสดๆ เป็นมากิที่หน้าตาไม่เหมือนมากิทั่วๆไป ปลาแซลมอนสดที่ห่อข้าว เชฟใช้ปืนไฟมาประกอบการปรุงอาหารด้วยวิธีอาบุริ หรือการเผานั้นเอง จากนั้นเชฟจะใช้ซอสมาโยออกทอป เหมือนลาว่าไลเยิ่มๆ แล้วออกนทอปด้วยอิกุระ หรือไข่ปลาแซลมอนที่ปรุงกับเกลือและโชยุ ตัวเนื้อซอสลาวาจะมีความหวานปนเผ็ดเล็กน้อย เมื่อเบิร์นไฟจะไหลลงมาเหมือนลาวา
avocardo salmon roll cheese (430)
ข้าวปั้นสไตล์มากิ หรือ โรลที่ไม่ได้ห่อม้วนด้วยสาหร่ายแต่เชฟสร้างสรรค์ใช้อโวคาโดมาแร่บางๆและห่อตัวข้าวเอาไว้ ชั้นด้านในของมากิประกอบไปด้วยข้าว สาหร่าย แซลมอนสดและชีส ซึ่งจะใช้เป็น philadelphia cheese และออนท๊อปด้วยอิกุระหรือไข่ปลาแซลมอนนั้นเอง
สำหรับเครื่องดื่ม บาร์นี้มีความโดดเด่นในเรื่องความเป็นวิสกี้บาร์ แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหาเมนูดื่มยาก เพราะ cocktail ของ maison mizuki ก็มีความสวย อร่อยโดดเด่น เช่นเดียวกัน โดยในวันนี้เรานำเสนอเป็น signature cocktail ของ maison mizuki ซึ่งแต่ละตัวจะชูความเป็นลูกผสมของญี่ปุ่นและฝรั่งเศส
Cocktail
MIZUKI SOUR
หวาน & เปรี่ยว, THB 520
ชินจูวิสกี้, น้ำเลม่อน, น้ำเชื่อมยูซุ, แองกอสตูร่า บิตเทอร์, ไข่ขาว
มิซูกิผู้เชี่ยวชาญด้านวิสกี้ เธอได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองในการนำเอาวิสกี้ที่เธอรัก และเป็นสิ่งที่เธอเข้าใจมาตลอดว่ามีเส่นห์ในตัวเองโดยไม่ต้องไปพึ่งพารสชาติ หรือการผสมผสานอื่นๆ โดยเธอได้ทดลองนำเอาวิสกี้ น้ำเชื่อมยูสุ น้ำมะนาว และกลิ่นแองโกสตูราบิตเตอร์มาผสมเข้าด้วยกัน จึงออกมาเป็น “MIZUKI SOUR” ค็อกเทลที่น่าหลงใหล และเต็มไปด้วยรสชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว สำหรับเธอ “MIZUKI SOUR” ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความตั้งใจที่จะสำรวจ ทดลอง และค้นหารสชาติที่ซ่อนไว้ของทุกๆ วัตถุดิบได้อย่างคาดไม่ถึง
MURAZAKI BLISS
ดอกไม้, ขม & สดชื่น, THB 500
จินอินฟิวส์กับดอกอัญชัน, เหล้าบ๊วย, น้ำผึ้ง, โทนิก วอเตอร์, เลม่อน บิทเทอร์
“MURAZAKI BLISS” เป็นค็อกเทลสุดพิเศษที่รวมรวบการผจญภัยทั่วโลกของมิซูกิ ซึ่งผสมผสานส่วนผสมอันเป็นเอกลักษณ์ผนวกเข้ากับประสบการณ์แต่ละช่วงเวลาที่ยากจะลืมเลือนด้วยเหล้าบ๊วย น้ำผึ้ง น้ำโทนิค และเลม่อนบิตเตอร์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรม ความสุข ความมีชีวิตชีวา และการสานสัมพันธ์ “MURAZAKI BLISS” เชิญชวนให้คุณสัมผัสกับความงดงามของสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตประจำวันและค้นพบความธรรมดาที่แสนพิเศษจากประสบการณ์การเดินทางอันล้ำค่าของมิซูกิ
SAYURI
นุ่ม, ครีมมี่ & หวาน , THB 480
สาเกนิโกริ ซายูริ, น้ำเชื่อมมะพร้าว, น้ำเลม่อน
หลังจากที่มิซูกิได้ลิ้มรสของน้ำมะพร้าวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก เธอก็รู้ได้เลยว่าเครื่องดื่มนี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในแก้วโปรดของเธอ โดย “SAYURI” ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักที่เธอมีต่อประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย เธอได้รังสรรค์ค็อกเทลแก้วนี้ด้วยการผสมสาเก “Sayuri Nigori” เข้ากับรสชาติของมะพร้าวที่หอม สดชื่น ซึ่งเครื่องดื่มแก้วนี้ได้ผสมผสานเอกลักษณ์ของทั้งสองประเทศเอาไว้อย่างลงตัว โดยทุกครั้งที่มิซูกิได้ลิ้มรส “SAYURI” จะทำให้เธอรู้สึกถึงความคึกคักและมีชีวิตชีวาของญี่ปุ่น และความเงียบสงบเคล้าคลอเสียงคลื่นริมชายฝั่งของไทย ซึ่งไม่ว่าเธอจะเดินทางไปที่ไหน เธอจะเลือกดื่ม “SAYURI” เมื่อเธอคิดถึงบ้านและความทรงจำอันล้ำค่าของทั้งสองประเทศที่เธอรัก
MISO NORI
เค็ม & หวาน , THB 480
เหล้าบ๊วย, น้ำเชื่อมมิโซะ, น้ำเลม่อน, โซดา, เกรนาดีน, ผงชิโซะโนริ
ในตอนที่มิซูกิเปิดบาร์ในปารีส เธอได้สร้าง “MISO NORI” ขึ้นมา โดยต้องการใส่จิตวิญญาณความเป็นญี่ปุ่นลงไป จึงเลือกผสมผสาน 3 วัตถุดิบอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นทั้งเหล้าบ๊วย มิโซะ และผงชิโซะโนริ ทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้เต็มไปด้วยความหวานที่ละเอียดอ่อนของเหล้าบ๊วย รสชาติที่เข้มข้นของมิโซะ และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของผงชิโสะโนริ ถือเป็นรสชาติที่แปลกใหม่และน่าจดจำ มิซูกิถือว่าเธอได้แบ่งปันความหลงใหลในรสชาติและขนบธรรมเนียมของญี่ปุ่นกับแขกของเธอผ่าน “MISO NORI” ในการจิบแต่ละครั้งเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ทำให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและกลิ่นอายบ้านเกิดของมิซูกิได้เป็นอย่างดี
Espresso sake tini
เข้มข้น, ครีมมี่ & ขม , THB 550
Café’XO Tequilla, สาเก, คาลัว, เอสเปรสโซ
“ESPRESSO SAKE-TINI” เกิดขึ้นจากการที่มิซูกิได้ผสมผสานวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวฝรั่งเศส และเครื่องดื่มอันขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอย่างสาเกเข้าไว้ด้วยกัน ในทุกๆ จิบคุณจะได้ลิ้มรสความเข้มข้นของกาแฟและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสาเกญี่ปุ่น ทำให้ค็อกเทลแก้วนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานที่ลงตัวของสองวัฒนธรรม ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านทั้งสองแห่งของมิซูกินั่นเอง
ROUGE ET SALÉ
ผลไม้ & สโมคกี้, THB 500
คิโนบิ, ไวน์แดง, ราสเบอร์รี่บด, น้ำเลม่อน, เบค่อนกรอบ
หลังจากที่คุณลุงของมิซูกิจากไป เธอก็ได้สร้างค็อกเทลที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากความรักของคุณลุงที่มีต่อเบคอน เธอจึงได้เนรมิตเครื่องดื่มที่ผสมไวน์แดง คิโนบิ ราสเบอร์รี่บด น้ำมะนาว และเบคอนกรอบ ที่ถือเป็นไฮไลท์ของเครื่องดื่มแก้วนี้ “ROUGE ET SALÉ” นั้นเต็มไปด้วยรสชาติและกลิ่นของควันที่อบอวล ความขมและความหวานที่เข้ากันได้อย่างลงตัว มิซูกิได้ยกให้เครื่องดื่มแก้วนี้เป็นเครื่องดื่มที่แสดงถึงความรักที่เธอมีต่อคุณลุง และความรักที่คุณลุงนั้นมีต่อเบคอนซึ่งคือเป็นความรักที่บริสุทธิ์
ความรักของมิซูกิที่มีต่อวิสกี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอได้ถูกเลี้ยงดูโดยคุณลุงซึ่งเป็นผู้นำเข้าและเชี่ยวชาญเรื่องวิสกี้ ที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ของญี่ปุ่น ในช่วงที่เธอยังเด็กเธอมักใช้เวลาในช่วงกลางวันไปกับการดูคุณลุงค่อย ๆ รินของเหลวสีอำพันใส่แก้วอย่างระมัดระวัง พร้อมซึมซับความหอม และฟังเรื่องราวของวิสกี้ที่เขาได้ถ่ายทอดให้เธอไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ ความแตกต่าง แหล่งที่มาและกระบวนการกลั่นที่ซับซ้อนครั้งแล้วครั้งเล่า จึงทำให้ความหลงใหลของคุณลุงที่มีต่อวิสกี้ได้ถูกส่งต่อมาให้เธอโดยไม่รู้ตัว
เขาถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการออกเดินทางเพื่อค้นพบรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่ถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังวิสกี้ในแต่ละขวด พวกเขาเดินทางไปยังสก็อตแลนด์ ไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วมุมโลก ทำให้พวกเขาได้ชิมรสชาติวิสกี้ที่หายากและมีราคาสูงที่สุด มิซูกิรู้สึกทึ่งในความสามารถของคุณลุงในการบอกถึงความต่างเพียงเล็กน้อยของรสชาติเครื่องดื่มแต่ละชนิดที่ได้ชิม และในขณะเดียวกันเขาก็ได้สอนให้เธอเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการทำวิสกี้และการให้คุณค่าของวิสกี้แต่ละขวดที่มากกว่าแค่การลิ้มรส
ครั้งหนึ่งในการเดินทางไปกรุงปารีสของพวกเขา คุณลุงของเธอได้ตกหลุมรักกับสาวท้องถิ่น และตัดสินใจที่จะสร้างครอบครัวและตั้งรกรากอยู่ที่นั่น โดยมิซูกิก็ได้รับการต้อนรับจากคนรักของคุณลุงและชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างดี เธอได้เรียนรู้และซึมซับภาษา วัฒนธรรม ศิลปะ และแฟชั่น จนทำให้ปารีสกลายเป็นบ้านหลังที่สองของเธอ ที่เธอได้ใช้เวลาหลายปีไปกับการเรียนรู้และดื่มด่ำความสวยงามของเมือง เมื่อเวลาผ่านไป ความหลงใหลของมิซูกิที่มีต่อวิสกี้ก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น เธอยังคงไม่หยุดเดินทางเพื่อศึกษาเรื่องราวของวิสกี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอต้องการที่จะแบ่งปันความรักของเธอที่มีต่อวิสกี้ให้กับคนอื่น ๆ โดยเธอใฝ่ฝันที่จะสร้างพื้นที่สำหรับให้คนที่รักวิสกี้ได้มาพบปะ แบ่งปันเรื่องราว และได้ลิ้มรสวิสกี้ชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก
หลายปีผ่านไปเธอตัดสินใจเปิดบาร์ชื่อ “Maison Mizuki” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากคุณลุงของเธอและช่วงเวลาที่ทั้งสองได้ใช้ร่วมกัน คำว่า “Maison” มาจากคำว่า “บ้าน” ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึงบ้านหลังที่สองของเธอในปารีส เป็นสัญลักษณ์ของความอบอุ่นและบรรยากาศของการต้อนรับที่ผู้คนสามารถมารวมกันเพื่อเพลิดเพลินไปกับวิสกี้ โดยบาร์แห่งนี้ได้เสิร์ฟซูชิแบบดั้งเดิม และค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะของชาวปารีส ผสมผสานไปกับวัฒนธรรมเอเชีย ทำให้บาร์แห่งนี้มีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ มีชีวิตชีวา และกลายเป็นบาร์ยอดนิยมสำหรับเหล่าคนรักวิสกี้จากทั่วโลก มิซูกิภูมิใจที่ได้สร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถเชื่อมโยงกันผ่านการแบ่งปันความรักที่มีต่อวิสกี้
เมื่อเธอมองไปรอบ ๆ บาร์ที่เต็มไปด้วยลูกค้าที่มีความสุข มิซูกิรู้สึกปลาบปลื้มสำหรับประสบการณ์ต่าง ๆ ที่พาเธอมาถึง ณ จุดนี้ เธอได้ตระหนักว่าการเดินทางของเธอสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แล้ว จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในญี่ปุ่น ไปจนถึงบ้านหลังที่สองในปารีส และ ณ ตอนนี้ที่ได้สร้าง “Maison Mizuki” ด้วยมือของเธอเอง
เธอภูมิใจที่บาร์แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่นำผู้คนมารวมตัวกันเพื่อใช้เวลาแห่งความสุขอันแสนจะเรียบง่ายในชีวิตและได้ร่วมกันยกแก้วดื่มด่ำไปกับการเดินทางที่นำพาพวกเขามาพบกัน มิซูกิรู้ว่าลุงของเธอเองก็ภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาสร้างมาด้วยกันเช่นเดียวกัน และแม้ว่าเธอจะเดินทางไปทั่วโลกและอาศัยอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ มากมาย แต่เธอรู้เสมอว่า “Maison Mizuki” จะเป็นบ้านที่แท้จริงของเธอตลอดไป
เวลา & ที่ตั้ง
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00 – 01.00 น.
ณ ชั้น ล็อบบี้
ของโรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท
Kin Review
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์