มีหลายๆตำนานที่กล่าวถึงเรื่องราวที่มาของมายองเนส (mayonnaise) ซอสครีมสีเหลืองขาวนวลที่ทำจากน้ำมันมะกอก น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูกับไข่แดงอันโด่งดังนี้ หนึ่งในตำนานที่มีความเป็นไปได้สูงมาจากเรื่องราวประวัติศาสตร์การสู้รบทางทหารของอังกฤษและฝรั่งเศส ณ เมืองท่ามาฮอน (Mahón) เมืองหลวงของเกาะมินอร์กา (Menorca) แห่งหมู่เกาะแบลีแอริกในประเทศสเปน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ชาวอังกฤษอาจรู้สึกไม่ค่อยสวยงามนัก
ในประวัติศาสตร์ เกาะมินอร์กาเคยตกเป็นเมืองขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ครั้นในปี ค.ศ.1756 เกาะแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ขณะนั้นมีพลเรือเอกจอห์น บิง (Admiral John Byng, 1704-1757) เป็นผู้กำกับดูแลพร้อมกองเรืออังกฤษ 13 ลำ แต่เนื่องจากดำเนินกลยุทธ์ผิดพลาด กองเรือจึงถูกทำลายสิ้นโดยทหารฝรั่งเศส ภายใต้การนำของดยุคแห่งริเชอลิเยอ (Duke of Richelieu, 1696-1788) ท่านดยุคนำทหารฝรั่งเศสกว่า 15,000 นายขึ้นฝั่งที่เมืองมาฮอนได้สำเร็จ ทางอังกฤษที่เหลือกองทหารรักษาการณ์อยู่เพียง 3,000 นายจึงยอมยกเกาะให้ฝรั่งเศสในวันที่ 28 พฤษภาคม เมื่อนายพลบิงเดินทางกลับไปยังยิบรอลตาร์ก็ถูกนำตัวขึ้นไต่สวนโดยศาลทหารและถูกตัดสินด้วยข้อหาไร้ความสามารถ จึงถูกลงโทษประหารชีวิตโดยการยิงเป้า
วอลแตร์ (Voltaire) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสแสดงความเห็นเกี่ยวกับการไต่สวนครั้งนี้ไว้ในนวนิยายสั้นเชิงเสียดสีชื่อ Candide ตีพิมพ์ในปี 1759 ด้วยประโยคอันโด่งดังว่า “คนอังกฤษยิงนายพลบ่อยๆ เพื่อให้กำลังใจพวกที่เหลือ” สิ่งที่ทำให้อังกฤษยิ่งขายหน้ามากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าการบุกเมืองท่ามาฮอนครั้งนั้นของฝรั่งเศสในวันที่ 19 เมษายนประสบความสำเร็จมากที่ว่าทหารฝรั่งเศสไม่เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ดยุคแห่งริเชอลิเยอก็จัดงานเลี้ยงฉลองอย่างหรูเลิศอลังการ
ตำนานเล่าว่าเชฟของท่านดยุคเพิ่งรู้ตัวขณะเตรียมอาหารเฉลิมฉลองว่าไม่มีวัตถุดิบทำครีมสำหรับซอสข้นที่จำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความเข้าตาจน เขาจึงนำสูตรซอสท้องถิ่นที่ชื่อไอโอลี (aioli) ซึ่งเป็นที่นิยมในแถบเมดิเตอร์เรเนียนหลายแห่ง แต่ดัดแปลงใหม่โดยไม่ใส่กระเทียมเขัาไปตามสูตรเดิม เมื่อท่านดยุคได้ลิ้มลองซอสครีมใหม่ที่เชฟเตรียมนี้กลับพบว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ท่านดยุคจึงนำสูตรครีมใหม่นี้กลับฝรั่งเศสด้วยแล้วเรียกว่า “มาฮอนเนส” เพื่อระลึกถึงชัยชนะเหนืออังกฤษที่เมืองท่ามาฮอน
หลังจากนั้นการใช้มายองเนสเป็นน้ำสลัดและเป็นส่วนผสมของซอสอื่นเริ่มแพร่หลายไปอย่างรวดเร็วทั่วฝรั่งเศสหลังการกลับบ้านเกิดพร้อมชัยชนะของดยุคแห่งริเชอลิเยอ ชาวอังกฤษเลี่ยงมายองเนสอยู่เกือบ 100 ปี แต่แล้วก็ยอมใจอ่อนในที่สุด ตามข้อมูลใน Oxford English Dictionary อังกฤษรับซอสชนิดนี้มาใช้ปรุงอาหารในปี 1841 และก็ใช้กันมานับแต่นั้น