จากที่คราวก่อนผมได้ลองกิน Omakase ที่ร้าน Sushi Ichizu (Review) กันไปแล้ว วันนี้เราจะมารีวิวอีกชุดหนึ่ง จากห้องอาหารญี่ปุ่น Shintaro ในโรงแรม Anantara Siam กันบ้าง
ซึ่งบางท่านอาจจะคุ้นเคย เนื่องจากเป็นห้องอาหารขึ้นชื่อที่มีมานานแล้ว โดยการเดินทางสามารถขับรถมาหรือนั่งรถไฟฟ้าลงสถานีราชดำริได้เลยครับ
โดยความพิเศษคือ ตอนนี้เชฟ “ซาโตชิ ซาวาดะ” หัวหน้าห้องอาหารญี่ปุ่นที่นี่ ได้เริ่มจัด omakase set ขึ้นมา โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพดี และเมนูหลักของที่นี่จะเป็น long period โดยไม่ได้เปลี่ยนไปแต่ละวันเหมือน omakase ของที่อื่น ยกเว้นส่วนของ Nigiri ดังนั้นเมนูที่เราจะรีวิววันนี้ จะอยู่ให้ได้ลิ้มลองไปอีกจนกระทั่งเปลี่ยน season เลยครับ
สถานที่ของห้องอาหาร shintaro มีความกว้างขวางตกแต่งด้วยบรรยากาศญี่ปุ่นดั้งเดิม มีทั้งโต๊ะ private area และ counter bar ซึ่งการรับประทาน omakase ของที่นี่สามารถสั่ง รับประทานเป็น set ที่โต๊ะได้เลย หรือหากต้องการ request นั่งที่บาร์ก็สามารถทำได้ครับ
ระดับของ omakase จะมี 2 set คือ Hanamizuki ราคา 2800 บาท และ Fuji ราคา 3900 บาท ซึ่งวันนี้เราจะมาลอง set นี้กันครับ โดยในสอง set นี้เมนูหลักๆจะมีความคล้ายกัน แต่จะต่างที่ Fuji จะมีเมนูเสริมที่พรีเมี่ยมมากกว่า เช่น appetizer จะเป็น oyster แทนไข่หวาน หรือมีเมนู Toro Tartar เพิ่มขึ้นมา
เริ่มต้น ทางร้านจะเสิร์ฟออเดอร์ appetizer ให้ก่อน ซึ่งตรงนี้หากสั่งชุด omakase จะได้ตรงนี้ฟรี โดยแต่ละวันเมนู appetizer อาจจะไม่เหมือนกันขึ้นกับเชฟครับ โดยวันนี้ appetizer ที่ได้มาคือ ปลาคัมปาจิ และหัวไชเท้านึ่งซีอิ้ว ซึ่งสามารถเรียกนํ้าย่อยก่อนอาหารชุดใหญ่ที่ จะตามมาได้เป็นอย่างดี
เมนูแรกของ omakase เซ็ทนี้จะเป็น Fresh Oyster with Ikura
ซึ่งเป็นเมนูเรียกนํ้าย่อยที่มีความสดชื่นจากความเด้งของตัวเนื้อหอยนางรมเย็นๆและไข่ปลา โดยซอสที่ราดมาจะมีความเค็มช่วยเพิ่มความอยากอาหารในเมนูเริ่มต้นได้ดีครับ
เมนูถัดมาจะเป็น Ankimo หรือตับปลาหมัก
ซึ่งหากเคยอ่านรีวิว ครั้งที่แล้วอาจจะคุ้นเคยกันดี โดยเมนูนี้จะเสิร์ฟเย็นมาพร้อมกับ หัวไชเท้าบด แตงกวา ฝานบาง และสาหร่าย wakame ซึ่งในชุด Fuji จะเพิ่มความ premium ด้วยการประดับด้วยใบทองคำด้านบน
โดยรสสัมผัสของเมนูนี้จะมีความแน่นของเนื้อตับได้เต็มๆคำ แต่ก็ยังคงความนุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ของ ankimo ไว้ได้ แต่อาจจะไม่ถึงกับละลายในปาก อาจจะเป็นเพราะเสิร์ฟเย็น เมื่อกินคู่กับเครื่องเคียง จะทำให้มีรสสัมผัสของความกรอบจาก แตงกวา และความหยุ่นของสาหร่ายและไชเท้าบดครับ
Toro tartar ท็อปด้วย Caviar มาพร้อมกับ truffle miso sauce
ประดับมาด้วยดอกกระเจี๊ยบญี่ปุ่น ซึ่งสามารถรับประทานได้ เป็นเมนูที่มีเฉพาะใน Fuji set เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเมนูชูโรง ที่ทำให้ควรมาลอง set Fuji ได้เลย ด้วยความแปลกใหม่ของ รสชาติที่นำความญี่ปุ่นจากทูน่าสด มาผสานเข้ากับความโมเดิร์นของ caviar และ ซอสทรัฟเฟิล ทำให้ได้รสชาติแปลกใหม่ ที่ดีอย่างน่าแปลกใจเลยครับ
รสชาติของเมนูนี้จะมาจากความสดของทูน่าที่กินเปล่าๆก็จะมี ความหวานเล็กๆในตัว เมื่อทานคู่กับซอสทรัฟเฟิลและไข่คาเวียร์ จะเพิ่มความหอมมัน และรสชาติที่มีความนัวมากขึ้น เป็นเมนูที่รสชาติผสมระหว่างสองอารยธรรมแต่ลงตัวมากๆ ซึ่งแฟนทรัฟเฟิลน่าจะถูกใจเมนูนี้แน่นอน เพราะทรัฟเฟิลกินกับอะไรก็อร่อยใช่ไหมครับ 🙂
Seafood dobin soup หรือเรียกง่ายๆว่าซุปกา
ซึ่งซุปอุ่นๆ บีบมะนาวพอเป็นพิธี สามารถซดได้คล่องคอ เป็นเมนูกลาง course ซึ่งช่วยให้ตัดรสชาติก่อนเปลี่ยนเมนูได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะระหว่าง Nigiri ทั้ง 9 ในเมนูถัดไป ซึ่งนอกจากนั้นภายในกาจะประกอบด้วยเนื้อ hamaji กุ้งสด หอยเชลล์และเห็ด ซึ่งสามารถตักรับประทานได้ครับ หากเป็นเซ็ต Hanamizuki จะเปลี่ยนเมนูนี้เป็นซุปถั่ว หากเป็นเซ็ต Hanamizuki จะเปลี่ยนเมนูนี้เป็นซุปถั่ว แดงหอยตลับ ครับผม
Nigiri 9 คำ ประกอบด้วยเนื้อปลาสดใหม่ที่ได้ในแต่ละวัน ซึ่งเมนูนี้แต่ละวันจะได้ไม่เหมือนกันครับ และหากเป็นเซ็ต Hanamizuki จะมีเพียง 7 คำ Nigiri วันนี้ประกอบด้วย
- Otoro
- Chutoro
- Salmon
- Hotate
- Hamachi
- Amaebi
- Unagi
- Uni
- Ikura
- และมาพร้อม กับ toro maki 3 คำครับ
หากจะสาธยายทั้งหมดทั้งเก้าคำ เกรงว่าอาจจะยาวเกินไป เพราะทุกคำมีความสดอร่อยของวัตถุดิบเป็นตัวชูโรงอยู่แล้ว ข้าวทุกคำปั้นมาขนาดกำลังพอดีและแน่นมาก คีบแล้ว ไม่มีแตกเลย ซึ่งหมดชุดนี้พูดเลยว่าอิ่มครับ เรามาดูคำที่ประทับใจในนี้กันดีกว่าครับ
Otoro เนื้อนุ่ม ละลายในปากอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยความหอม ชุ่มของชั้นไขมันที่แทรกในตัวเนื้อ เช่นเดียวกับ Chutoro ที่มีความแน่นของเนื้อมากขึ้นตามชั้นไขมันที่น้อยลง แต่ยังคงสดเด้งเช่นกัน
Hotate เนื้อเด้งมาก เนื้อหวานในตัวเอง โดยจะมีวาซาบิและซอสภายในแล้วกินได้เลยไม่ต้องจุ่มวาซาบิก็ได้ครับ
Amaebi กุ้งสดๆไม่คาว หวานฉ่ำด้วยความสดของกุ้งที่ยังมีความสดใหม่ เด้งลิ้นเลยทีเดียวครับ
Uni ไม่คาวเลยครับ เนื้อละมุนนุ่ม ละลายตั้งแต่สัมผัสกับลิ้นและเพดานปาก ห่อมาในสาหร่ายกรอบๆ เมนูนี้เลยผ่านครับ
Toromaki หากยังไม่อิ่มกันจาก nigiri 9 คำ ยังมี maki ท้องทูน่า สามชิ้นช่วยเติมเต็มส่วนที่เหลือ ซึ่งดูเล็กแต่สัมผัสได้ถึงความหวานของเนื้อทูน่าเต็มๆครับ
*กระซิบนิดนึง ปลาที่นี่จะเข้ามาทุกวันอังคารกับศุกร์ครับ เผื่อใครสะดวกจะได้มาตรงกับวันที่ปลาเข้าพอดีครับ
Yuzu and melon ในส่วนของเมนูสุดท้าย ของชุด omakase เป็นเมนูของหวานซึ่งประกอบด้วย เมล่อนญี่ปุ่น กับ ไอศกรีม ยูสุ ซึ่งเมนูนี้ดูเป็นเมนูสุขภาพมาก
เพราะไอศกรีมยุสุคือทำจากยูสุสดๆ ไม่ประกอบด้วยนมทำให้ เนื้อสัมผัส และเมื่อชิมจะสัมผัสได้ถึงรสชาติความหวานเปรี้ยว อมขมปลายๆของส้มยูสุแท้ ช่วยล้างรสชาติของอาหารคาวที่ เหลือในปากได้อย่างหมดจด
ในส่วนของเมล่อนญี่ปุ่น มีความหวานฉ่ำมาก เนื้อของเมล่อน นุ่มละมุน ตรงขอบมีความกรอบเล็กน้อยเป็นการจบการรับประทานที่รู้สึกสะอาดสดชื่นมากครับ
และในส่วนของที่นี่ยังเปิดขายเมนู a la carte มานานแล้ว วันนี้เราจึงจะสั่งเมนูที่แนะนำของทางร้านมาลองกันครับ ได้แก่
Uminosachi Salad เป็นสลัดซีฟู้ด ที่มีเนื้อปลาสดหลากหลายชนิด และรวมไปถึงเนื้อปลาหมึก ปูและกุ้ง ด้านบนท็อปด้วยสาหร่ายวากาเมะและไข่กุ้ง ผักมีความกรอบสด และราดมาด้วย dressing สูตรพิเศษของทางร้าน ที่มีความเปรี้ยวเล็กน้อยกำลังกลมกล่อม จานนี้กินอร่อยไม่เลี่ยนแน่นอนครับ
Red Dragon roll เป็นเมนู signature ของเชฟซาวาดะเลยครับ roll นี้จะประกอบด้วย ปลาไหล กุ้ง อาโวคาโดตรงกลาง ด้านบนท็อปด้วย spicy tuna ราดด้วยซอส spicy อีกทีและโรยด้วยหอมเจียวซึ่งช่วยเพิ่มกลิ่นหอม เป็นเมนูที่มีรสชาติจัดจ้านเข้มข้นถูกปากคนไทย แต่ไม่ถึงกับเผ็ดมากครับ กินเพลิน แถมอิ่มอยู่ท้องด้วยครับ
Aoyama เมนูยอดนิยมของฝั่ง a la carte ซึ่งประกอบด้วย ซาชิมิสด หลายชนิด ได้แก่
- Otoro
- Chutoro
- Shake
- Hamachi
- Shimaaji
- Akaebi
- Akagai
- Taraba
ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดนำเข้าสดใหม่มาจาก ญี่ปุ่นโดยตรง ยกเว้น salmon ที่นำเข้ามาจาก Norway และ Akaebi จาก Argentina
ซึ่งความสดของจานนี้อยู่ในระดับดีเยี่ยม ทุกชนิด และปริมาณที่ ให้มาก็เหมาะสมสำหรับกินกันหลายคน โดยทางผู้เขียนกินกัน 4 คนกำลังพอดีครับ
Gindara Karamiyaki เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาหิมะ ด้านนอกมีความกรอบเล็กน้อย ด้านในเนื้อปลายังคงนุ่มลิ้น ตามแบบฉบับของตระกูลปลาหิมะ
ซอสที่ราดด้านบนประกอบด้วยซอส 2 ชนิด มีรสชาติหวานเค็ม ปนเผ็ดแบบซอส spicy เล็กน้อย ซึ่งเข้ากับเนื้อปลาอย่างลงตัว ทำให้รสชาติมีความเข้มข้น ด้านใต้ชิ้นปลาคือเห็ดที่ย่างมากำลังดี กินคู่กันได้อย่างลงตัวครับ
ถือว่าเป็น Omakase ที่ไม่ต้องนั่งรอกินด้านหน้า Counter Bar อย่างเดียวสามารถนั่งกินกันอย่างสนุกสนานที่โต๊ะได้ และจะมาเสิร์ฟเป็นคอร์สๆครับ โดยที่คุณภาพของไลน์อาหารก็ไม่มีความด้อยไปจากร้าน Omakase แบบดั้งเดิมแต่อย่างใด
โดยรวมที่นี่อาหารจะมีความ Fusion ผสมอยู่ทำให้เมนูนั้นไม่ได้จืดชืด แต่มีความแปลกใหม่และตื่นตามากขึ้นอย่างไร ลองมาพิสูจน์กันได้ที่ ร้าน Shintaro โรงแรมอนันตรา สยามนะครับ
Story : Porchara S.
Photo : Pol.Cap. Kittin A.
omakase, japanese cuisine, fine dining, anantara siam, review
kinlakestars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว