อาหารท้องถิ้น เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่หากเป็นนักชิม ความลิ้มลองเมื่อไปยังสถานที่นั้นๆ และเมื่อพูดถึงภูเก็ต อาหารท้องถิ่นของภูเก็ตนั้นก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ และควรต้องลิ้มลองเมื่อมาภูเก็ต ซึ่งมีอยู่ที่ โอชา ภูเก็ต ร้านอาหารที่นำเสนออาหารสไตล์ เปอรานากัน แท้ๆ
แล้วอาหาร เปอรานากัน คืออะไร?
เปอรานากัน ( Peranakan) หรือ บาบ๋า-ย่าหยา คือกลุ่มลูกครึ่งมลายู-จีนที่มีวัฒนธรรมผสมผสาน และสร้างวัฒนธรรมแบบใหม่ขึ้นมาโดยเป็นการนำเอาส่วนดีระหว่างจีนกับมลายูมารวมกัน โดยชื่อ “เปอรานากัน” มีความหมายว่า “เกิดที่นี่” และจีนที่ว่านั้นคือ ชาวจีนกลุ่มฮกเกี้ยน จึงไม่แปลกที่อาหารส่วนใหญ่จะมีกลิ่นอายและการปรุงรูปแบบคล้ายของอาหารฮงเกี้ยนด้วย
สำหรับร้านโอชาภูเก็ต ตั้งอยู่ในโรงแรมแห่งแรกของภูเก็ต ตั้งอยู่ในตัวเมือง ตกแต่งอย่างสวยงามทั้งภายนอกและภายใน
เครื่องดื่ม
โอชายานะ
สำหรับเครื่องดื่มตัวนี้เป็นค๊อกเทลตัวเด็ดของ โอชา ภูเก็ตเลยทีเดียว โดยเสิร์ฟมาใน สับปะรดทั้งลูก ซึ่งสอดคล้องกับชื่อ เพราะคำว่า “ยานะ” เป็นคำเรียกสับปะรด ในภาษาของชาวภูเก็ต โดยเครื่องดื่มตัวนี้เหมาะกับอากาศที่ร้อนชื้นของภูเก็ต เพราะเมื่อดื่มแล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่น ประกอบไปด้วย แม่โขง คอนโทร น้ำสับปะรด และ เสาวรส
อาหาร
เริ่มต่นมื้ออาหารกันด้วย Amuse-bouche ซึ่งจะมีการเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ
ซึ่งในนี้เป็นยำกุ้ง ซึ่งประกอบไปด้วยกุ้งลวก หอม มะเขือเทศ ผักชีใบเลื่อย ถั่ว ให้รสเค็มและรสสดชื่น
ของกินเล่นและเรียกน้ำย่อย
ปอเปี้ยภูเก็ต (180)
ผักกาดหอมกับ มันแกวผัด หมูแดง กุ้ง ปู หอมเจียว แคปหมู และหมี่กรอบ ห่อด้วยแป้งปอเปี้ย รสเบา หากตั้งใจกินอาจรู้สึกถึงแคปหมูที่ทำให้แตกต่างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างจากปอเปี้ยสดทั่วๆไปนั้นคือน้ำจิ้ม ซึ่งมีรสเผ็ดรสน้อยจากตี่เจียว
เกี้ยน กับ เต้ากั้วทอด (180)
สำหรับเกี๋ยนนั้นทำจาก หมูสับ กุ้ง ปู เผือก และมันแกว นำมาบดจนละเอียด ปรุงด้วย กระเทียม พริกไท หอมซอย และไข่ จากนั้นห่อด้วยฟองเต้าหู้ แล้วชุบแป้งทอด ซึ่งหากดป็นสูตรดั้งเดิม จะใช้มันหมูห่อ
ส่วนเต้ากั้วทอดนั้นเป็นการออกเสียงแบบท้องถิ่น ซึ่งอันที่จริงก็คือเต้าหู้ทอด ซึ่งใช้เต้าหู้แข็ง
สำหรับน้ำจิ้มขิงจานนี้ไม่ใช้น้ำจิ้มหวานธรรมดา แต่เป็นซอสจากน้ำมะขาม ผสมกับตี่เจียว ซึ่งคล้ายๆกับฮอยซินซอส น้ำตาล เกลือ ซีอิ้วขาว พริกแห้ง และพริกชี้ฟ้า
ส่วนการนำเสนอนั้นก็ค่อนข้าว แปลก สร้างสรรค์ด้วยการอบมาด้วยควันมะพร้าวในฝาครอบแก้วที่ทำให้ดูมีความเก๋ไก็มากยิ่งขึ้น
อาหารจานหลัก
กุ้งผัดซอสซัมเบา (650)
กุ้งผัดซอสซัมเบา หากเป็นชาวปีนังนั้น จะเรียกว่าซิมบำ ตัวซอสนั้นทำจาก กะปิเผา พริกชี้ฟ้าแดง หอม และ กระเทียม นำไปปั่นให้ละเอียด และผัดให้เข้ากัน จากนั้นเติมมะนาว ก็จะได้เป็นซอสซัมเบา จากนั้นนำไปผัดต่อกับผักบุ้งจีน กระเจี้ยบเขียว ราดไปกับกุ้งแชบ้วยทอด และท๊อปหน้าด้วยโฟมมะกรูด ซึ่งใช้น้ำมะกรูดตีจนตั้งยอด เพื่อดับกลิ่น
หมูฮอง (350)
หมูฮองนั้รเป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของภูเก็ต ทว่าหมูฮองของที่นี้นั้นแตกต่างไปจากที่อื่นๆ เหตุเพราะได้สูตรดั้งเดิมแท้ๆจาก อาม่าชาวฮงเกี้ยน ต่างจากหลายที่ตรงที่มีการใช้หอยนางรมณ์แห้งเข้าไปในส่วนผสมด้วยนั่นเอง
น้ำพริกกุ้งเสียบ (170)
สำหรับน้ำพริกกุ้งเสียบนั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งของขึ้นชื่ ซึ่งถือกำเนิดมาจากการถนอมอาหารของชาวประมง ซึ่งหากท่านผู้อ่านเคยไปตามหมู่บ้านชาวประมง ก็น่าจะเคยเห็นภาพที่ชาวประมงเอากุ้งไปต้ม ลวก และเสียบไม้ รมควันจนแห้ง ซึ่งคล้ายๆน้ำพริกกะปิ ใส่กะปิ หอมแดง และกุ้งเสียบ ตำรวมกันและปรุงด้วย น้ำปลา มะนาว และน้ำตาล น้ำกุ้งไปคั่วให้มัน กรอบ กินคู่กับผักสดที่หาได้ตามท้องถิ่น นานาชนิด
ผักเหนียง/ผักเหลียง ผัดไข่ ใส่กุ่งเสียบ
เป็นอีกนึ่งของขึ้นชื่อที่มาภูเก็ตแล้วควรกิน ผัดผักเหลียงจานนี้ความอร่อยที่นอกจากผักที่สดยังมาจาก รสชาติที่มันเค็มและเทคเจอร์ของตัวกุ้งเสียบ
ที่ขาดไม่ได้กับการกินอาหารไทยก็ข้าวนี้หละครับ
ข้าวที่หุงด้วยน้ำมะพร้าว อบในลูกมะพร้าวอ่อนเผา หอมมากๆ เป็นอีกหนึ่งเอกลัษณ์ของโอชา
ของหวาน
เผือกต้มมันต้ม (100)
ของหวานตบท้ายมื้อ ซึ่งนำเสนอออกมาดูสร้างสรรค์สมเป็นโอชา ด้วยการแยกเครื่อง และ กะทิ ออกจากกัน โดยเครื่องจะประกอบไปด้วยเผือกต้ม มันเหลือง มันม่วงญี่ปุ่น ฟักทอง ถั่วแดง และ แป้งแก้ว ซึ่งทำจากแป้งมัน คล้ายๆครองแครง เมื่อยกตัวเครื่องขึ้นมาจะได้กลิ่นหอมมะพร้อว เพราะมีการอัดควนมะพร้าวไว้ในแก้วที่บรรจุตัวน้ำกะทิ
Osha phuket / โอชา ภูเก็ต
เรื่อง / ภาพ : Pol.lt. Kittin A.
KinlakeStars.com