วันนี้ทางทีม Kinlakestars ได้รับเชิญมาร่วมลิ้มรสอาหารอิตาเลียนจากเชฟระดับมิชลินสตาร์ ที่บินตรงมาจากมาเก๊าเลยทีเดียว นั่นก็คือ Chef Antimo Merone จากร้าน 8 1/2 Otto e Mezzo – Bombana ซึ่งปีนี้ ทางร้านได้ติดเป็น 1 ใน 7 ของร้านอาหารในฮ่องกงและมาเก๊า ที่ได้รับดาวมิชลินถึงสามดาวเลยครับ ซึ่งแน่นอนว่าฝีมือต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
Welcome Drink จะเป็น Zardetto Prosecco Brut
โดยอาหารวันนี้จะถูกรังสรรค์ร่วมกัน ระหว่าง Chef Antimo Merone และ Chef David Tamburini เชฟประจำห้องอาหารลา สกาล่า แห่งโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ นั่นเอง โดยเชฟจะผลัดกันเสิร์ฟจานต่อจานครับ
มาเริ่มที่ Amuse Bouche หรือ เรียกได้ว่าเป็นอาหารจานแรกที่เชฟคนหนึ่งใช้แสดงตัวตนของเขาออกมา นั่นก็คือ Ostrica (A)
เชฟใช้วัตถุดิบหลักเป็นหอยนางรมสด ซึ่งทั่วไปเขาก็จะนิยมทานคู่กับเลมอน แต่เชฟแอนติโม่ไม่ชอบรสที่เปรี้ยวจัดของเลมอน จึงใช้ส้มยุซุ และ ส้มแมนดาริน แทน โดย วางเจลลี่ส้มยุซุบนตัวหอย มีครีมเต้าหู้ด้านบน ตกแต่งด้วยผักชีลาว (dill) และ มีเนื้อส้มแมนดารินฉ่ำๆ อยู่รอบๆตัวหอยข้างล่างจะเป็นน้ำมันผักชีลาวครับ สำหรับจานนี้เริ่มต้นค่อนข้างดีทีเดียว คือ พอทานแล้วทำให้รู้สึกสดชื่น มีความนุ่มละมุนดี รสชาติของหอย ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่กลางทะเล ผสมผสานกับกลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวของผักชีลาวมาเคล้า นอกจากนี้มีความเปรี้ยวอมหวานของส้มทั้งสองชนิด ให้ความสดชื่น และ เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว
มาต่อด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยกัน เริ่มจาก Merluzzo (A)
ของเชฟแอนติโม่ก่อนเลย จานนี้จะเป็นจานปลา เชฟใช้เป็นปลาค็อด นำไปหมักด้วยเกลือ แล้วนำไปซูวีด จนเนื้อสุกพอดี จากการซูวีด้วยอุณหภูมิ และเวลาที่เหมาะสม ทำให้เนื้อที่ได้นุ่มลิ้นสุดๆ วางลงบนเเห็ดชองเทอเรลล์ที่เคี่ยวจนน้ำซอสซึมเข้าเนื้อเต็มที่ รสชาติออกเค็มๆ กรึบๆ เสิร์ฟคู่กับซอสเห็ดที่เป็นโฟมๆ รสชาติกลมกล่อม หอมมากๆ และมีเห็ดทรัฟเฟิลสไลด์วางอยู่บนซอสอีกที
ส่วนด้านบนตกแต่งมาด้วยตุอิลมันฝรั่ง รูปทรงอิสระ มีความบางกรอบ หอมมันฝรั่งมากๆ เคี้ยวเพลิน ช่วยสร้างมิติให้จานนี้ได้เป็นอย่างดี พอทานรวมกันได้ความนุ่มชุ่มฉ่ำจากปลาค็อด ความกรอบจากมันฝรั่ง มีความกรึบเล็กๆจากเห็ดตุ๋น ผสานรสชาติด้วยซอสที่ปรุงมาอย่างลงตัว คือ จานนี้ชอบมากๆ
ต่อมาเป็น appetizer ในฝั่งของเชฟเดวิดกันบ้าง นั่นก็คือ Anatra da “serbo” (D)
จานนี้จะเป็นการผสมผสานระหว่าง เป็ดและฟักทอง โดยที่ฟักทองจะเสิร์ฟมาสองแบบด้วยกัน นั่นก็คือ ในส่วนของฟักทองที่ปรุงสุกมา จะมาในรูปแบบของฟักทองบด และ ฟักทองดิบ ที่ถูกสไลด์ให้บางเฉียบ แล้วนำมาปรุงรสชาติเล็กน้อย ส่วนเป็ดจะใช้อกเป็ดหมักสูตรเฉพาะของทางร้าน โดยหลังจากหมักเสร็จ จะนำไปตากแห้ง แล้วจึงนำมาสไลด์เป็นแผ่นบางๆ คล้ายๆปาร์มาแฮม
ตรงกลางจะเป็นฟักทองบดนุ่มๆ เนื้อละเอียด รสหวานหน่อยๆ และ ฟักทองสไลด์ถูกจัดเรียงเป็นช่อรอบๆ แซมด้วยเนื้ออกเป็ดสไลด์ รสเค็มๆ นอกจากนี้ด้านในยังมี องุ่น และ ทับทิม ช่วยเพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ อีกด้วย เสริมกลิ่นด้วยผักใบเล็กๆแฉกๆ และ พริกไทยดำ สัมผัสได้ถึงกลิ่น แล้วความเป็นเกล็ดๆของพริกไทยดำด้วย
ในส่วนของฟักทองสไลด์จะยังมีความกรอบของผักอยู่บ้าง ทำให้เวลาทาน เราจะรับรู้ได้ถึงเนื้อสัมผัสของฟักทองที่แตกต่างกัน และจะได้รสเค็มจากเป็ด ช่วยตัดรสชาติของผักผลไม้ในจานอีกด้วย
ในส่วนของพาสต้า Eliche (A)
ของเชฟแอนติโม่ ใช้พาสต้าฟูซีลี หรือ พาสต้าแบบเกลียว สีของเส้นให้ความรู้สึกได้ถึงผักสีเขียวจริงๆ เนื้อสัมผัสของพาสต้าก็ Al dente ตามระเบียบ ทานคู่กับผักซาลิคอร์เนีย คือ ลักษณะมันจะคล้ายๆกับหน่อไม้ฝรั่งขนาดจิ๋วสีเขียว รสชาติออกเค็มๆ และวัตถุดิบลับของจานนี้ คือ เชฟใส่แพลงตอนลงไปผัดด้วย ในส่วนด้านบนของพาสต้า จะโรยด้วยเกล็ดขนมปัง และ ปิดท้ายด้วยทองคำเปลว
และ จานพาสต้าของเชฟเดวิด อย่าง Mollica tostata alla moda siciliana (D)
เชฟใช้พาสต้าสปาเกตตินี่ คือ มันจะมีความเรียวเล็กกว่าสปาเกตตี้นิดหน่อย สำหรับจานนี้ เนื้อสัมผัสของเส้นพาสต้า ทำให้เรานึกถึงเส้นโซบะของญี่ปุ่นเลย จานนี้รสชาติจะเบาๆ มีเนื้อปลาซาดีนหั่นเป็นเต๋าเล็กๆ มีเมล็ดสนแทรกอยู่ข้างในพาสต้าด้วย ให้พอได้เคี้ยวมันๆหอมๆ ตกแต่งด้วยผักชีลาว และ ดอกผักชีลาว แต่สิ่งที่งงนิดๆสำหรับจานนี้ คือ เขามีใส่ลูกเกดข้างในด้วยครับ
ต่อมากันครับ Rombo, cavolfiore affumicato, induja (D)
ของเชฟเดวิด จานนี้ส่วนประกอบหลักจะเป็นปลาเทอร์บอท ปรุงด้วยเกลือ และพริกไทย สุกกำลังดี วางบนดอกกะหล่ำบด เนื้อละมุน มีกลิ่นหอมรมควันอ่อนๆ และ ยอดผักเทอร์นิพผัด มันจะรสออกขมๆหน่อย ทานคู่กับมะกอกเขียวสอดไส้ด้วยซาลามี่รสเผ็ด ข้างบนตกแต่งหัวไชเท้าขูด
จานสุดท้ายสำหรับอาหารคาว นั่นก็คือ Vitello (A) เป็นจานเนื้อ
ใช้เนื้อลูกวัวส่วนสันในที่มีความนุ่มๆ หมักด้วยโรสแมรี่และกระเทียม พันด้วยผักโขม ราดด้วยซอสสองชนิด นั่นก็คือ ซอสที่เคี่ยวจากเนื้อ และซอสการ์ลิคแอนโชวี่ ทานคู่กับถั่วเฮเซลนัทกรุบกรอบ และ ตกแต่งด้านบนด้วยผักโขมผัด
และสุดท้าย ของหวานนั่นเอง Fichi e gelato all’ aceto (D)
คือ ต้องบอกว่าเป็นการปิดท้ายที่สมบูรณ์แบบ พอได้จานมา ก็ลองชิมคอมโพทฟิกซ์ข้างล่างก่อนเลย มันจะออกหวานเลย แต่มีความหอมของลูกฟิกซ์อยู่หน่อยๆ แต่ที่เซอไพรส์คือมันมีถั่ววอลนัทชิ้นเล็กๆสอดแทรกอยู่ด้วย มีทั้งความหอม และ ความกรุบกรอบ ส่วนตัวชอบนะ แต่อาจจะหวานไปหน่อย แต่พอได้ทานคู่กับไอศกรีมแอปเปิ้ลเวเนก้า ที่มีรสอมเปรี้ยวหน่อยๆ ทำให้ทุกอย่างลงตัวมากๆ นอกจากนี้ยังมีลูกฟิกซ์เชื่อม และเลมอนดอง โดยใช้เลมอนยักษ์จากอิตาลีตอนใต้อย่าง Amalfi Cedro ด้วยครับ
จบมื้ออาหารอย่างสวยงามครับ สำหรับคอร์สอาหาร The Italian Job Vol.2 คือ เขาได้เปิดแค่รอบเดียวเท่านั้น ซึ่งถูกจองเต็มเรียบร้อยแล้ว สำหรับครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ที่เชฟแอนติโม่ มาเยี่ยมเยียน ห้องอาหาร ลา สกาล่า แห่งนี้ ซึ่งต้องมีรอบที่สามอย่างแน่นอน ท่านใดที่สนใจอยากมาลิ้มรสลิ้มลองฝีมือเชฟระดับมิชลินสามดาว รอติดตามที่นี่ได้เลยครับ
Story Krangkrai T.
Photo Pol.Cap.Kittin A.
Italian Cuisine, western Cuisine, review, fine dining, michelin stars, dinner, สาทร, Sathorn, otto bombana
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว