สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมและ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปเปิด Penthouse ย่านเพลินจิตกับดินเนอร์สุดพิเศษเอาใจคนรัก Grill Bar บนห้องอาหาร The Grill ณ โรงแรม Park Hyatt Bangkok กันครับ
PENTHOUSE Bar + Grill ห้องอาหารสุดอลังการด้วยการออกแบบครัวแบบเปิดโชว์ให้ผู้มาเยือนได้ชมการปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบขึ้นชื่อทั่วโลกกันต่อหน้า ผ่านการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ AvroKO เอเจนซี่ที่ได้แรงบันดาลใจจากเพนท์เฮาส์สุดหรูใจกลางเมืองของนักสะสมงานศิลปะ อันเป็นจุดศูนย์รวมของการพบปะเพื่อนฝูงและคนพิเศษ
The Grill มีอาหารที่มีความหลากหลายให้แขกผู้มาเยือนได้เลือกรับประทานมากๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อคุณภาพสูง อาหารซีฟู้ด หมู แกะ และผัดออร์แกนิคต่างๆ พร้อมด้วยเครื่องดื่มไม่ว่าจะเป็นไวน์ชั้นดีจากทั่วมุมโลก คราฟท์เบียร์ และเครื่องดื่ม Non-Alcohol
คอนเซ็ปหลักๆ ของห้องอาหารแห่งนี้ก็คือการ Sharing ครับ จะเน้นสั่งจานหลักมาแบ่งปันกันบนโต๊ะ โดยลูกค้าสามารถเลือกนั่งได้ทั้งแบบ In Door กับคนพิเศษในบรรยากาศอบอุ่นและ Out Door รับลมเย็น ชมวิวยามค่ำคืนของเมืองกรุงเทพก็ดีเช่นกันครับ
บรรยากาศในห้องอาหารหลังจากเดินเข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนอยู่บ้านครับ ดนตรีที่นี่ถือเป็นเอกลักษณ์มาก โดยเลือกเปิดเพลงจากยุค 60 อย่าง Bobby Womack เช่น Stand by me, More and More, Across 110th Street เป็นต้น เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงเลยครับ ระหว่างที่นั่งฟังเพลงก็ขอสั่ง Cocktail มาดื่มก่อนสักแก้ว โดยวันนี้สั่ง COLETTE (390.-) ค็อกเทลรสชาติเปรี้ยวหวาน ใช้ William’s Pear เป็นเบส เพิ่มความหอมหวานด้วย ครีมสับปะรด มะม่วง และโคโคนัทมิลค์ ตัดรสชาติด้วย พริก เกลือทะเล
เชฟย่างสเต๊กกันให้เห็นชัดๆผ่านบาร์ของครัวเปิด
โดยวันนี้ทางห้องอาหารก็มีเนื้อชั้นดีมาให้เลือกเยอะมากครับ โดยวันนี้มีเนื้อชนิดต่างๆ มาจากทั่วทุกมุมโลกให้เลือกถึง 8 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น CHOICE RIBEYE จาก USA, RANGER’S VALLEY RIBEYE จาก Australia, PRIME STRIPLOIN จาก USA, PRIME TENDERLOIN จาก USA, BLACK ANGUS T-BONE จาก USA, WAGUY BEEF TOMAHAWK จาก Australia และ KOBE A4 STRIPLOIN จาก Japan เป็นต้นครับ
โดยวันนี้เราสั่งเนื้อมา 3 แบบครับ โดยเน้นการ Sharing กัน เนื้อที่เราสั่งได้แก่ RANGERS’s VALLEY RIBEYE จาก Australia เนื้อมันน้อยแต่ให้ความนุ่ม (1,650.-), BLACK ANGUS TENDERLOIN จาก Australia อันมีส่วนประกอบของเนื้อและไขมัน อย่างชัดเจน (1,550.-) และ KOBE A4 STRIPLOIN จาก Japan เนื้อนุ่มละลายในปากจากมันที่แทรกอยู่เป็นลายหินอ่อน (4,500.-)
มารองท้องด้วย Bread กันก่อนครับ โดยปกติห้องอาหารจะเสิร์ฟพร้อมเนย แต่ที่นี่เสิร์ฟมาพร้อมครีมผักโขมครับ รสชาติดีมากจนพวกเราเอ่ยปากชมเป็นเสียงเดียวกัน ตัวครีมผักโขมเนื้อเนียน ปรุงรสด้วยกระเทียม น้ำมันมะกอก เกลือและพริกไท
แต่ก่อนจะไปถึงจานหลัก เรามาเริ่มกันที่เมนู Starter เปิดมื้ออาหารกันก่อนดีกว่าครับ กับ YELLOWFIN TUNA TARTAR (620.-) บลูฟินทูน่าทาร์ทาร์สดๆ คลุกเค้ากับวาซาบิตัดความคาว พร้อม Lemon Jelly รสชาติเปรี้ยวหวานที่ช่วยดึงความสดชื่นของจานนี้ออกมา เมล็ดสนเพิ่มความมันและ Texture ในการเคี้ยว เป็นจานที่ถ้าคุณมา ต้องลองด้วยประการทั้งปวงครับ
HEIRLOOM TOMATO SALAD (540.-) Burrata cheese ที่ด้านใน Melt เป็นลาวา เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศสด และมะเขือเทศดรายจนแห้ง คลุกเคล้ากับเพรสโต้ซอสหอมๆ เรียกน้ำย่อยได้ดี
BONE MARROW (690.-)
ไขข้อวัวเสิร์ฟแบบผ่ากลาง เบิร์นไฟจนหอมพร้อมเนยกลิ่นทรัฟเฟิลส่งกลิ่นหอมสุดๆ เสิร์ฟพร้อมเบรดกรอบชิ้นพอดีคำ โรยด้วยต้นหอม เอาใจคนรักทรัฟเฟิลสุดๆ ไปเลยครับ
มาถึงจานหลักของเราแล้วครับ เริ่มกันที่ KOBE A4 STRIPLOIN (4,500.-)
ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น เนื้อโกเบแทรกมันทุกอนูจนแทบละลายในปาก เสิร์ฟมาขนาด 150 กรัม สำหรับคนรักโกเบคงไม่ต้องอธิบายถึงความนุ่มจนสัมผัสได้ตั้งแต่ลงมีดครั้งแรกครับ สีของเนื้อเกรียมสวยงามมาก ในขณะที่ด้านในยังคงชุ่มฉ่ำ ไม่เสียชื่อห้องอาหารเลยครับ
ต่อด้วยจานที่ 2 RANGER’S VALLEY RIBEYE (1,650.-) ส่งตรงจาก Australia ริบอายที่เสิร์ฟมาในขนาด 300 กรัม ความนุ่มของเนื้อออสเตรเลียนที่ไขมันไม่น้อยเท่าอเมริกา แต่ก็แลกมาด้วยความนุ่มในปริมาณไขมันที่กำลังพอดี ความเด้งนุ่มของเนื้อถือว่าดีเลยครับ
จานที่ 3 BLACK ANGUS TENDERLOIN (1,550.-) เนื้อแองกัสจากออสเตรเลียนเสิร์ฟมาขนาด 220 กรัม สัดส่วนของเนื้อและไขมัน 50/50 แบ่งส่วนอย่างชัดเจนทำให้ส่วนที่เป็นเนื้อแม้จะไม่นุ่มเท่าจานอื่นแต่เราจะได้สัมผัสเนื้อล้วนๆ และส่วนไขมันล้วนๆ ครับ รับประทานคู่กระเทียมย่างหวานๆ ถูกปากทุกคนอย่างแน่นอน
ในส่วนของเครื่องเคียงก็มีให้เลือกกับหลากหลาย Side Dishes ครับ ไม่ว่าจะเป็น Mashed Potatoes, Sweet Potatoes Wedges French Fried, Onion Rings, Green Salad Mac & Cheese, Creamed Spinach Sauteed Mushrooms, Corn & Smoked Bacon Grilled Asparagus, Kale & Broccoli เป็นต้น ให้ทุกท่านเลือกได้เพียงเมนูละ 180.-
ปิดท้ายด้วยของหวานกันครับกับเมนูแรก WARM VALRHONA CHOCOLATE CAKE (420.-) เค้กช็อคโกแลตลาวาที่อบจนผิวด้านนอกกรอบ ข้างในยังคงฉ่ำเหนียว แต่ไม่ถึงกับเป็นลาวา เสิร์ฟพร้อมวิปครีมฌ็องตียี่ โรยผงชาร์โคล รับประทานคู่กับไอศครีมวนิลลาโฮมเมด เข้ากันดี
เมนูของหวานจานที่สอง BAKED ALASKA (290.-/480.-) ซอร์เบมะม่วงและครีมมูสมะพร้าวเสิร์ฟมากลางจานเป็นรูปแบบเมอร์แรง รับประทานคู่กับซอสเสาวรส ก่อนรับประทานจะนำเหล้า Grand Marnier มาจุดไฟและราดลงไปเพิ่มความหอม เปรี้ยวหวานกำลังดี ปิดท้ายมื้อสุดพิเศษนี้ครับ
PENTHOUSE Bar + Grill ประกอบไปด้วย 3 ชั้น โดยจะประกอบไปด้วย Cocktail Bar บาร์วินเทจสุดหรูโอ่โถงด้วยเพดานสูง เพลิดเพลินไปกับดนตรีจากดีเจและเครื่องดื่มนานาชนิด Whisky Room ห้องวิสกี้ที่ประดับประดาด้วยกระเบื้องสีแดงอัดแน่นไปด้วยวิสกี้ซิงเกิลมอลต์หายากพร้อมบาร์เทนเดอร์ผู้เชี่ยวชาญ Rooftop Terrace ดาดฟ้าชมวิวเมืองกรุงเทพยามค่ำคืน เพิ่มความสนุกสนานยามค่ำคืนของคุณ
เป็นอย่างไรครับกับค่ำคืนแสนพิเศษวันนี้ที่เราพาทุกท่านไปสัมผัสกัน หากท่านใดสนใจสามารถตามมาสัมผัสได้ที่ PENTHOUSE Bar + Grill ชั้น 34-36 ณ Park Hyatt Bangkok Hotel สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-012-1234 | [email protected]
ภายในครัวของ penhouse จะเปิดให้แขกเข้ามาได้ในช่วงที่มีการจัด Sunday brunch
Story : Khanenpan C.
Photo : Pol. Cap. Kittin A.
steak house, fine dining, park hyatt, penhouse grill bar, review
kinlakestars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว