หากพูดถึงร้านอาหารไทยอันดับต้นๆติดมิชลินสตาร์ แน่นอนว่าหลายๆคนคงไม่พลาดที่จะกล่าวถึงร้าน น้ำ (Nahm) ร้านอาหารไทยชื่อดัง ที่ติดอันดับมิชลิน และได้รับการกล่าวถึงในนิตยสารมากมายเพื่อเชิญชวนให้นักชิมและนักท่องเที่ยวได้มาลิ้มลอง
ภายหลังการปิดปรับปรุงระยะสั้น คราวนี้ร้านน้ำกลับมาอีกครั้งภายใต้การนำทีมของ เชฟ พิมพ์ ที่สร้างสรรอาหารไทยต้นตำรับ คัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพจากท้องถิ่นในประเทศไทย แต่ใช้ความคิดสร้างสรร การประยุกต์ และความปราณีต ในการปรุงอาหารแต่ละเมนูให้ออกมาอลังการทางด้านรสชาติอย่างน่าอัศจรรย์
โดยปกติแล้วร้านนี้จะเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์ส มื้อเย็น ราคาเริ่มตั้งแต่ 2,500 บาท ไปจนถึงราคา 3,500 บาท วันนี้รอบสื่อ ทาง kinlakestars.com กินแหลกแจกดาว ขอนำเสนอ คอร์สชื่อ
Heritage (ราคา 3,200 บาท)
คำแรกของมื้อเริ่มด้วย ขนมเบื้องไส้เค็ม
ที่เชฟพิมเชื้อเชิญให้ชิมถึงในครัว เป็นขนมไทยโบราณธรรมดาที่ทำออกมาได้พิเศษที่สุด แป้งบางกรอบสีดำใช้ส่วนผสมจากขี้เถ้ามะพร้าว ไส้กุ้ง มะพร้าวผัดที่บางส่วนนำไปแช่กับน้ำฝางจนได้สีแดงสวย ให้ความรู้สึกย้อนระลึกไปถึงตอนวัยเด็ก
เริ่มจาก ปูซ่อนกลิ่น
ปูก้อนคำโตๆ ปรุงมาทั้งเปรี้ยวหวานเค็มในคำๆเดียว วางบนข้าวตังกรอบๆ เป็นการเริ่มต้นเรียกน้ำย่อยที่ดีเลยทีเดียว
อาหารเรียกน้ำย่อยจานถัดมาเป็น เมี่ยงนพเก้า
ปรุงมาได้รสหวานเค็มกลมกล่อม เครื่องเมี่ยงครบครัน เมี่ยงคำ ของว่างแบบไทยๆ ที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ เพราะเครื่องเมี่ยงคำนั้นมีผักต่างๆที่ถูกหั่นออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วราดด้วยน้ำเมี่ยงคำหวานหอมกะปิตัดกับรสเปรี้ยวของมะนาว แถมด้วยความกรุบกรอบของมะพร้าว แค่บรรยายรสชาติของเมี่ยงคำก็น้ำลายสอแล้วใช่ไหมคะ นั่นล่ะค่ะ คำนี้เลยที่คุณใฝ่หาสำหรับการเรียกน้ำย่อยเริ่มมื้อ แต่เวลาทานระวังนิดนึงนะคะ เพราะน้ำเมี่ยงจะไหลเปรอะมือเอาถ้าถือไม่ดี
ต่อมายำผลไม้อย่างทวาย
เป็นการนำผัก และผลไม้หลายชนิด ทั้งเปรี้ยว กรุบกรอบ และขมนิดๆของผัก มายำรวมกัน กับน้ำยำทวาย รสชาติถึงเครื่อง แถมยังเฮลตี้อีกด้วย น้ำยำเป็นสูตรทวาย คลุกเคล้าด้วยผักผลไม้หลากรสชาติ เปรี้ยวบ้าง หวานบ้าง ขมบ้าง และบางชนิดฝาดเฝื่อน เป็นการผสานรสชาติที่ลงตัว
งบทะเล
เมนูที่ดิฉันชอบเป็นพิเศษเพราะ มีทั้งปูเป็นก้อนเต็มคำ กุ้ง และปลา มาผสมกับน้ำพริกและนำไปย่างเสิร์ฟมาในใบตองมีกลิ่นหอมๆ รสชาติทั้งเค็มและเผ็ด ทานกับข้าวหอมมะลิร้อนๆแล้วอร่อยจนหยุดไม่อยู่
อีกจานที่หาทานได้ยากคือ ลาบคั่วไก่ต๊อก
เดิมทีลาบคั่วจะเป็นอาหารพื้นเมืองชาวเหนือ รสชาติจะต่างจากลาบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยสิ้นเชิง โดยรสชาติไม่จัดจ้านเท่า แต่ใส่สมุนไพรเยอะทำให้ได้ความหอมกว่า
อันว่าข้าวนั้นเป็นชีวิตชาวไทย ถึงมีวลีที่ใช้ทักทายกันก่อนจะมีคำว่าสวัสดีนั้นคือ “กินข้าวยัง” มาถึงอาหารจานหลักที่ทานกับข้าวสวยร้อนๆกันบ้าง สำหรับข้าวของที่นี่มีหลากหลาย โดยในวันนี้ดิฉันขอนำเสนอข้าว 2 ชนิดค่ะ
นั่นคือข้าวจากทุ่งกุลาร้องไห้ค่ะ หอมอร่อยนุ่มกำลังดี และข้าวหอมมะลิภาคกลาง ที่แห้งกว่าหอมกว่าตามแบบฉบับที่ใครหลายคนชอบและคุ้นชิน ข้าวดีมากจริงๆค่ะ เสิร์ฟมาในหม้อกระเบื้องร้อนๆเลยค่ะ
จานเด่นชูโรงของมื้อนี้ ต้องยกให้ ต้มกะทิไก่ใส่มะม่วงเปรี้ยว
เชฟคั้นกะทิเองสดๆกับมือ นำมาต้มกับไก่ ได้ทั้งความนุ่มของไก่ หอมมันของกะทิ แต่ตัดด้วยรสเปรี้ยว โดยเชฟเลือกใช้มะม่วงเปรี้ยวฝานบางๆส่งผลให้อาหารจานนี้มีมิติการนำเสนอที่หลากหลาย เปรี้ยวบ้าง หวานบ้าง ส่วนกะทินั้นหอมอร่อยไม่เลี่ยนเสิร์ฟมาในถ้วยใหญ่ๆ ทานคนเดียวหมดไม่เหลือแน่นอนค่ะ
อีกจานที่ต้องยกให้คือ น้ำพริกไหม้ใส่มะขามป้อม
ทานคู่กับเนื้อวากิวย่างที่ความสุกระดับปานกลาง (medium rare) รสชาติเนื้อเวลาทานกับน้ำพริกนั้นเข้ากันมากค่ะ หอมกลิ่นเนื้อย่าง กินกับน้ำพริกรสเค็มและเผ็ดเล็กน้อย ลืมน้ำจิ้มแจ่วไปได้เลย
ส่วนใครชอบทานกะปิ คงต้องปลาบปลื้มกับจานนี้อย่างแน่นอนค่ะ กะปิพล่าพริกไทยอ่อน
เมนูกะปิพล่าที่ไม่ค่อยได้เห็นที่ไหน ใช้กะปิของดีจากท้องถิ่นจังหวัดชุมพร ผสมกับกุ้งเนื้อหวานแน่น ได้ความหอมของกะปิ เค็มนิดๆ ตัดรสเปรี้ยวจากส้มซ่า เผ็ดปานกลาง แซ่บสุดๆ คนไม่ชอบทานกะปิ ก็ยังต้องทานหลายรอบเพราะโดยรวมแล้วอร่อยจริงๆ
มาถึงเมนูสุดฮิตตอนนี้ แกงปูใบชะพลู
อาหารติดเทรน รสแกงกลมกล่อม พอดีไปหมด ไม่มีอะไรเด่นเกินไป หวานเค็มกำลังดี ไม่เผ็ดนะคะ ไม่เหมือนแกงปูใบชะพลูจากภาคใต้ เพราะฉะนั้น คนไม่ทานเผ็ดทานได้แน่นอน ปูก็เนื้อเเน่นราดกับข้าวหอมมะลิร้อนๆ ฟินมากค่า
ส่วนใครชอบทานแกงป่าต้องมาทางนี้ แกงป่าหมูสมุนไพรใส่ข้าวคั่ว
คือรสชาติเป็นแกงป่า ออกเค็มเล็กน้อย แต่มีกลิ่นของสมุนไพรเด่นชัด เนื้อหมูไม่เหนียว จานนี้หอมกลิ่นเครื่องเทศยั่วน้ำย่อยมาก ทีเด็ดอยู่ที่ใช้แก้มหมูที่นุ่มหยุ่นและหายาก มาทำ รสชาติจัดจ้านเผ็ดร้อนกำลังดี
กุ้งแม่น้ำผัดชะคราม
ขอยกให้เป็นเมนู “ต้องไม่พลาด” กุ้งแม่น้ำเนื้อแน่นๆ มันเต็มคำ ผัดมากับซอสชะคราม เค็มปะแล่มๆ ตามแบบธรรมชาติของชะคราม แต่ไม่ฝาด แนะนำว่าทานเมนูนี้แล้วกลับไปซดน้ำกะทิต้มไก่ จะฟินสุดๆ เพราะกุ้งผัดชะครามจะออกเค็ม ส่วนกะทิต้มไก่ หวานมัน เปรี้ยว ยิ่งได้อรรถรสในการทานอาหารมากขึ้นค่ะ
มาถึงคนรักสุขภาพ เมนูผักแสนพิเศษในวันนี้ คือผัดผักกูดไฟแดง
รสชาติอ่อนๆ หวานเล็กน้อย เหมือนผัดผักทั่วไป แต่ที่เด่นคือ วิธีการปรุงทำมาได้แบบกำลังพอดี ผักไม่สดจนนิ่ม ยังคงความสดกรอบไว้ได้ แม้ทานตอนที่หายร้อนแล้ว เด็ดเฉพาะส่วนยอดผัดให้ผักไม่สุกมาก ยังมีความสดกรอบ เนื้อสัมผัสมียางนิดๆ รสฝาดหน่อยๆ กินกับข้าวสวยที่หุงในหม้อดินต้องบอกว่ากินได้กินดีจริงๆ
จบด้วยของหวาน
ไอศกรีมซอร์เบท์
ที่มีส่วนผสมของสับปะรด ใบมะขาม หน่อกระวาน หลายคนอาจไม่รู้ว่ากระวานคืออะไร มาค่ะ วันนี้ดิฉันจะพาทุกท่านไปรู้จักกับกระวานกัน ถิ่นกำเนิดของกระวานนั้นมาจากประเทศศรีลังกา และทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกระวานนั้นจัดว่าเป็นพืชล้มลุก โดยส่วนลำต้นและเหง้านั้นจะอยู่ใต้ดิน ใบ เป็นใบเดี่ยว แผ่นเรียบมัน โคนใบจะมน ส่วนกาบใบจะห่อม้วนกันจนเป็นลำต้น นอกจากประโยชน์ที่มากหลาย ยังช่วยล้างรสชาติในปากและปรับสมดุลได้อย่างดีเยี่ยมค่ะ
Pitit four
ก่อนจบมื้อนี้ตามประเพณี fine dining เราจะพาไปพบกับของหวานอันแสนพบเจอได้ง่ายแต่หาอร่อยได้ยากยิ่ง นั้นคือ ขนมเบื้องหวานนั้นเอง
ขนมเบื้องแป้งบางกรอบ ข้างในสอดไส้ลูกพลับแช่อิ่ม มะพร้าวอ่อน เนื้อครีมเนียน นุ่ม ละมุนลิ้น หอม มีรสหวาน หอมเฉพาะตัว ซึ่งทำจากน้ำตาลอ้อย โรยด้วยเปลือกส้มซ่า ฝอยทอง และลูกเกด
ขนมหวานที่เสิร์ฟมาก่อนจากลากันในวันนี้เป็นรวมมิตร ขนมที่ทำจากข้าว เช่น ข้าวตอก ข้าวหมาก ข้าวตู ข้าวทั้งหลายนี้ ขนมที่ทำจากข้าว 5 อย่าง มีข้าวตู ข้าวเม่า ข้าวเกรียบว่าวแผ่นบางกรอบ ข้าวหมาก ไอศกรีมข้าวห้ากษัตริย์ นั้นดีเลิศมากๆค่ะ
และยังมีขนมไทยโบราณที่หาทานได้ยากนั่นก็คือทองเอก ชิ้นเล็กน่ารัก สีเหลืองนวลชวนรับประทาน กัดไปคำแรก ได้รสหวานหอม ทานคู่กับชาร้อน เป็นการจบมื้อนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นของหวานที่ปิดมื้อค่ำอย่างนุ่มนวล คงความประทับใจรสชาติมื้ออาหารตั้งแต่ต้นจนจบ
สำหรับเชฟพิมมีประวัติที่น่าสนใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอทำงานเป็น Cognitive scientist ที่ซิลิคอน วัลเล่ย์ ที่ถ้าเป็นเราก็คิดไม่ออกว่าชีวิตนี้จะบรรจบมาที่การเป็นเชฟได้ยังไง แต่ด้วยความรู้สึกว่าที่ทำอยู่ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำตลอดชีวิต เชฟพิมซึ่งมีความชอบเรื่องอาหารตั้งแต่เด็ก ได้ลองเขียนบล็อกเกี่ยวกับอาหารในชื่อว่า Chez Pim ต่อมากลายเป็นบล็อกที่ดังระเบิด ระดับที่ เดอะ การ์เดี้ยน แนะนำว่าเป็นบล็อกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในแวดวงอาหารของสหรัฐอเมริกา ความรักในการทำอาหารได้ขยายขอบเขตให้เชฟพิมลองทำแยมโฮมเมดส่งประกวด ก็สามารถคว้ารางวัล Good Food Award 2 ปีซ้อน คือ ค.ศ.2012-2013 ในที่สุดตัดสินใจเปิดร้าน Kin Khao เป็นร้านอาหารไทยที่ซานฟรานซิสโก ไม่นานก็คว้ามิชลิน 1 ดาวมาครอง
ร้านน้ำ (Nahm)
Lunch tasting menu 1,800++ /person : Dinner 2,500-3,500++/person
ที่ตั้ง : Como Metropolitan Bangkok Hotel สาทร ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 02-625-3333
การเดินทาง MRT ลุมพินี
thai cuisine, fine dining, nahm, como, review, รีวิว, สาทร, ไทย, michelin stars
Kin Review
Kinlakestars.com
KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว