หากคุณกำลังมองหาที่ที่สามารถชมวิวเมือง มองเห็นอาคารสูงมากหน้าหลายตารายล้อมอยู่รอบๆตัว ในมุมมอง 360 องศา เห็นพระอาทิตย์ตกดินอย่างชัดเจน เห็นไฟตามสถานที่ต่างๆค่อยๆถูกจุดขึ้นมา แต่งแต้มให้กับความมืดที่เริ่มเข้าปกคลุม ที่นี่เป็นที่นึงที่ขอการันตีว่า มีวิวทั้งหมดนี้ที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งค่ะ
เรียกได้ว่าแค่ได้ขึ้นมาชมวิวที่นี่ ห้องอาหาร Red Sky บนชั้น 55 แห่งนี้ก็น่าประทับใจมากแล้ว ยังมีเมนูอาหารให้เลือกอย่างหลากหลายอีกด้วย ซึ่งสามารถเลือกชมวิว และทัศนียภาพของกรุงเทพฯได้อย่าง 360 องศาเลยทีเดียว
ซึ่งตัว Red Sky เองนั้นมีทั้งส่วนที่เป็นทั้ง Bar เครื่องดื่ม ที่เหมาะแก่การนั่งดื่มชิวๆ และในส่วนที่สำหรับนั่งกันกันจริงๆจังๆ
โดยด้านบนเป็นส่วนที่มีบาร์เครื่องดื่ม
ส่วนชั้นล่างโต๊ะอาหารจะมีขนาดใหญ่ เพมาะสำหรับนั่งกินกันเป็ยกิจลักษณะจริงๆจังๆ
สไตล์การตกแต่งของ ห้องอาหาร เรดสกายนำเสนอผ่านความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความทันสมัยด้วยที่นั่งภายในกว่า 80 ที่นั่ง และ ที่นั่งภายนอกท่ามกลางตึกระฟ้าด้วยมุมมอง 360 องศารอบกรุงเทพฯ อีกกว่า 150 ที่นั่ง
พร้อมทั้ง เรดสกายบาร์ บนชั้น 56ของโรงแรมฯ ด้วยที่นั่งกว่า 90 ที่นั่ง ทีมเชฟที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก
ว่าแล้วก็รอช้าอยู่ใย Kinlakestars.com จะพาไปชม ชิม ลิ้มลองกันเลยดีกว่าค่ะ
ก่อนเริ่มมื้อนี้เราได้รับตะกร้าขนมปังหลากทรง หลากชนิดหลายชิ้นมาให้เลือก เช่น ขนมปังกระเทียม ขนมปังเนยที่เนื้อแน่น หอมมากและอร่อยค่ะ บาแก๊ตแท่งเล็ก แต่ละชิ้นน่าหยิบมาลองทั้งนั้นเลย แต่อย่าเพิ่งหยิบเพลินนะคะ เผื่อพื้นที่ท้องไว้สำหรับจานต่อไปนี้กัน
พิถีพิถันในทุกขั้นตอนเพื่อให้ทุกจานที่ออกมารสชาติ กลมกล่อม อร่อยทุกคำที่ได้ลิ้มลอง นอกจากนี้ทีมเชฟยังคิดค้นเมนูพิเศษประจำเดือน โดยเลือกสั่งนำเข้าวัตถุดิบเฉพาะฤดูส่งตรงจากต่างประเทศ ไว้ให้ทุกท่านเลือกลิ้มชิมรสไม่ซ้ำในแต่ละเดือน
King Crab Salad (695 บาท) สลัดจานนี้นอกจากจะมีสีเขียวๆจากผักบัตเตอร์เฮด เพิ่มเติมด้วยชิ้นอโวคาโดหวานๆแล้ว ยังมีชิ้นมะม่วงสุกสีเหลืองอร่ามหวานๆให้อีกด้วย เนื้อปู King crab อันจะเสริมให้รู้สึกสดชื่นดี (เค็มอ่อนๆ) ถูกซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ ราดน้ำสลัดเบาๆ โดยรวมแล้วจานนี้จึงทานเบาๆสบายๆดีค่ะ
Cream of Cep Mushrooms (555 บาท)เป็นซุปครีมเห็ดที่จัดว่าไม่ธรรมดา เพราะที่ตรงกลางถ้วยจะมีฟัวกราส์นิ่มๆมันๆเข้ามาเสริมด้วย รู้สึกถึงความครีมมี่ที่ถูกซ่อนในน้ำซุปได้อย่างชัดเจน ถ้วยนี้ไม่ติดเค็ม กลมกล่อม รสรวมๆนั้นลงตัว เข้ากันดีค่ะ
The Red Sky Surf & Turf Tower (5,955 บาท) .เป็นจาน Signature ของที่นี่เลยและมาอย่างยิ่งใหญ่สมชื่อค่ะ เป็น 2 จานใหญ่ๆบรรจุแน่นๆซ้อนกันมาในรูปทาวเวอร์ แบ่งเป็นโซนเนื้อสัตว์และอาหารทะเล ละลานตาไปหมด เรียกได้ว่าไม่รู้จะเริ่มจากชิ้นไหนกันก่อนดีเลยค่ะ หลังจากคิดกันซักพักขอจานที่อยู่ตรงหน้าก่อนละกัน คือ โซนเนื้อสัตว์ค่ะ ขาแกะอันไร้กลิ่นสาบ ถูกย่างมากำลังดี ไม่ได้แห้งไป มี Bologness น้ำเกรวี่ Mashed Potato ให้ด้วย
ส่วนเนื้อที่เสิร์ฟมานี้เป็น Wagyu Rib eye ที่ชิ้นหนากำลังดี หั่นง่าย ชุ่มฉ่ำไม่แห้งไป กำลังดีเลยค่ะ
โซนอาหารทะเล นำทัพมาโดยขาปูอลาสก้าขนาดใหญ่ ล็อบสเตอร์หนึ่งตัว อันมีเนื้อที่ฉ่ำแกะออกจากเปลือกง่ายดีค่ะ เนื้อนี่แน่น หวาน กรึบ เด้ง และ กุ้งแชบ้วยตัวใหญ่กำลังดี แกะเปลือกมาให้เสร็จ จากทะเลอันดามัน ปรุงรสย่างกระเทียมได้ดีเลิศค่ะสแกลลอปตัวใหญ่นุ่มหนึบ ถูกปรุงรสมาเล็กน้อยให้หอมๆดีค่ะ ย่างได้ดียังฉ่ำไม่แห้งไป โซนนี้ยังมีเครื่องเคียงให้เลือกหลายตัว อย่าง น้ำจิ้มซีฟู้ดอันคุ้นเคย เนยเข้มข้น ผักหลากชนิด (seasonal vegetables) เป็นต้น
โดยเมนูนี้เราสามารถแบ่งกันทาน 2-4 คนได้สบายๆค่ะ และยังแบ่งกันทานได้อย่างจุใจเลยทีเดียวด้วย
ตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำกำลังดีแล้วขอแนะนำ Cocktail 4 ตัวเด็ดนี้กันค่ะ เลยขอมาพักเบรกคั่นกันด้วยเครื่องดื่มค่ะ
– Ginger Berry (430 บาท)
– Passion Fruit Collins (450 บาท)
– Passion Fruit Martini (510 บาท) มีโฟมสีขาวสวยที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของแก้วนี้ที่นี่เท่านั้น
– Sexy Kiwi (430 บาท)
แต่ละตัวนี้สดใส สดชื่น รสเกือบทุกตัวจะออกหวาน น่าจะถูกใจสาวเล็ก สาวใหญ่ สาวไหนๆเราก็สดใสไปด้วยกัน สไตล์เกริลกรุ๊ปค่ะ
หรือสำหรับใครที่อยากลอง Mocktail เบาๆ ก็มีให้เลือกหลายตัวค่ะ เช่น
Tea Berry สีแดงสดสวย ใช้ชา English breakfast ผสมเข้ากับความหวานหอมของราสเบอร์รี่ มีรสเปรี๊ยวจี๊ดให้ตัดกันจากน้ำเลมอนสด
ส่วนของหวานที่เราได้ลองกันในวันนี้เป็น Chilled Desserts ทั้งหมดเลยค่ะ
Baked Alaska (355 บาท) เมื่อเห็นจานก็น่าร้องว้าวแล้วค่ะ เพราะมีเมอแรงที่กัดไปแล้วนุ่มนิ่มเหมือนครีมผสมมาร์ชเมลโล่ เซียที่ผิวมาหน่อยๆให้เป็นสีน้ำตาลสลับขาว ทรงแหลม ภายใต้เป็นไอศกรีมวนิลาให้เย็นๆ หวานๆ รองด้วยเนื้อเค้ก และทานคู่กับซอสสตรอเบอร์รี่ ทุกอย่างลงตัวกันดีค่ะ
Dark chocolate sphere (395 บาท) จานนี้ก็น่าเล่น เอ๊ยน่าลิ้มลองค่ะ เพราะจะมาเป็นช็อกโกแลตทรงกลมลูกโต ให้ราดช็อกโกแลตร้อนในเหยือกลงไป จะทำให้ช็อกโกแลตลูกกลมๆนั้นค่อยๆละลาย เผยให้เห็นถึงไอศกรีมวนิลาที่ซ่อนตัวอยู่ จานนี้มีรสขมๆของดาร์กช็อกโกแลตและหวานๆเย็นๆจากไอศกรีมวนิลา ทานพร้อมกับกล้วยเชื่อมหวานๆหอมๆที่หั่นเป็นชิ้นๆอยู่ด้วย ทำให้จานนี้คงเป็นจานโปรดของทุกคนได้ไม่ยากเลยค่ะ
จบไปแล้วกับเมนูที่เราได้ลิ้มลองกันในวันนี้ และนอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูพิเศษที่เป็น Chef’s seasonal specials ที่จะคอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตลอดทุก 2-3 เดือนให้เลือกลิ้มลองกันอีกด้วย
ห้องอาหาร เรดสกาย ชั้น 55 ได้เปิดมา 9 ปีแล้วพร้อมกับโรงแรม และได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นตลอดมา เป็นชื่อ Red sky ตรงตัวว่าท้องฟ้าสีแดง โทนสีที่ใช้ในบางจุดจึงเน้นเป็นสีแดงเป็นหลัก มีโซน Indoor และ Outdoor บรรยากาศดี มีกระจกกั้นลมที่สูงพอประมาณให้นั่งสบายๆ ให้เลือกนั่ง แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า แล้วคุณจะได้ที่นั่งตรงส่วนที่ดีที่สุด และที่นั่งที่นี่ยามสามทุ่มขึ้นไปจะเต็มเร็วขึ้นด้วยค่ะ
เมนูมีเป็นเล่มใหญ่ๆพร้อมชื่อเมนูอันหลากหลาย ถ้าอยากดูรูปด้วยแนะนำให้ลองถามพนักงานเพราะเค้าจะเอาไอแพดมาเปิดรูปให้ดูได้ค่ะ
ชื่อ Red Sky ยังได้คล้องจองกับ Blue sky ที่อยู่ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าวอีกด้วย
ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 01.00น.
และ เรดสกายบาร์ ชั้น 56 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 16.00 น. – 01.00 น.
*ราคาที่ระบุนี้ยังไม่ได้รวม vat & service charge*
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 02 100 6255 หรือ [email protected]
เรื่อง : Nopmanee P.
ภาพ : Satid C.
Tips เล็กน้อย แอบกระซิบเบาๆ : บน Red sky bar ชั้น 56 ที่มองเห็นกันอยู่ มี Happy Hour ช่วง 16:00 – 18:00 น. ของทุกวัน เป็น cocktail ซื้อ 1 แก้ว แถม 1 แก้ว สุดคุ้มอยู่ด้วย
KinlakeStars.com