Chef : L : 11 2024
Story : Nuttawat J.. / Photo : Pol.Capt. Kittin A
ราตรีสุดวิจิตร ธาราสุดตระการตา ล่องเรือสุดหรูพร้อมชมบรรยากาศความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน กับ เรืออัปสรา (Apsara Cruise)
สวัสดีท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารอีกครั้งครับ วันนี้ ทางทีมงาน Kinandleisure ขอมานำเสนอประสบการณ์ดินเนอร์ยามค่ำคืน พร้อมล่องเรือสุดหรู ดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งมหานครยามค่ำคืน ซึ่งสำหรับท่านที่กำลังมองหาประสบการณ์อันแสนวิเศษนี้ ทางเครือโรงแรมบันยันทรีพร้อมภูมิใจเสนอ เรืออัปสรา (Apsara) ที่ปรับปรุงมาในโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม และพร้อมอย่างยิ่งที่จะทำให้ค่ำคืนอันธรรมดา กลายเป็นค่ำคืนอันแสนวิเศษ
ด้วยองค์ประกอบทุกอย่างอันวิจิตรตระการตา ตั้งแต่ยามนั่งบนเรือ ยามชมวิว และยามรับประทานอาหารชั้นเลิศจากฝีมือเชฟยอดฝีมือ ที่พร้อมจะสร้างความประทับใจให้ท่านและผู้มาเยือนต่าง ๆ แน่นอน จะเป็นอย่างไรเรามารับชมไปพร้อมกันครับ
ว่าด้วยเรืออัปสรา ยานนาวาอันเป็นงานศิลป์แห่งราตรี
เรืออัปสรา เป็นเรือไม้สักแบบไทยที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้บริการอาหารชั้นเลิศ ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์อันแสนวิเศษ ในบรรยากาศแห่งความหรูหราและสงบงดงาม เรือมีการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามทั้งภายนอกและภายใน โดยมีคอนเซปที่น่าสนใจ คือ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ซึ่งนอกจากการล่องเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาที่เรียกได้ว่าเป็นมหาธาราแห่งกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว เรืออัปสรา ยังพร้อมนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมไทยแบบโมเดิร์นด้วย
ซึ่งประวัติของเรือ แรกเริ่มเดิมทีเป็นเรือบรรทุกข้าวสาร โดยได้นำเรือมาบูรณะใหม่ได้กลายมาเป็นสถานที่รับประทานอาหารที่หรูหราและสวยงาม ท่ามกลางวิวของแม่น้ำที่ไหลผ่านสถานที่สำคัญเช่น วัดอรุณฯ พระบรมมหาราชวัง ทำให้ทุกคนที่มารับประทานอาหารบนเรือสามารถสัมผัสประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ได้อย่างลึกซึ้งไปพร้อมกับมื้ออาหารชั้นเลิศ
เส้นทางเรือ จะมุ่งหน้าจากท่าเรือ River City ซึ่งท่านผู้โดยสารสามารถเอารถมาจอดที่ห้าง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นเรือ โดยเรือจะแล่นไปจนถึงสะพานพระราม 8 ซึ่งระหว่างการเดินทาง ผู้โดยสารจะได้สัมผัสทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกับชมสถานที่สำคัญและแลนด์มาร์คที่สำคัญต่างๆ ของกรุงเทพฯ ทั้ง ICONSIAM ท่ามหาราช
ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โบสถ์ Santa Cruz วัดอรุณราชวรารามที่มีพระปรางค์ที่งดงามและเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ และยังผ่านวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว โดยการเดินทางจะจบที่ สะพานพระราม 8 ที่เป็นสะพานขึงรูปทรงทันสมัยที่สวยงาม ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี
ซึ่งการล่องเรือผ่านเส้นทางนี้ไม่เพียงแต่ให้ผู้โดยสารได้ชมความงดงามของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่สวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาและความมีชีวิตชีวาของกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืนอีกด้วย
การตกแต่งภายใน
สำหรับการตกแต่งภายในเรือนั้น เรียกได้ว่ามีความใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งภายในห้องอาหารจะตกแต่งด้วยวัสดุไม้ ในขณะที่เคาท์เตอร์และโต๊ะอาหารมีการใช้สีที่ตัดกับสีวัสดุไม้ได้เป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกหรูหรา
ในขณะที่จุดขายสำคัญ จะเป็นธีมศิลป์ของเรือ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีไทย คือเรื่องระหว่างกระทาชายนามรามสูรกับนางเมขลา รวมถึงได้รับแรงบรรดาลใจมากจากพระเเม่โพสพ ทำให้งานศิลป์ภายในเรือพยายามสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ สมกับคอนเซป ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ตัวละครอย่างรามสูรกับนางเมขลา ที่กำลังเหาะไล่ตามกัน ก็ได้สอดแทรกความโมเดิร์นเข้าไปด้วย
โดยท่านจะได้เห็นรามสูรใส่หมวกกันน็อค ถือขวดไวน์ บินไล่นางเมขลาที่ถือแก้วไวน์อย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าเป็นความแปลกใหม่ที่น่าสนใจ
อีกงานศิลป์ที่แสนวิจิตร ที่ติดตั้งอยู่บริเวณผนัดซีกหัวเรือซึ่งเป็นฉากหลังสำหรับนักดนตรีนั้นคือ งานจิตรกรรมลายไทยประยุกต์ “พระแม่โพสกและปลาตะเพียน” ที่ได้รับการออกแบบขึ้นนี้มีจุดประสงค์เพื่อสะท้อนถึงคำกล่าว “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” โดยเชื่อมโยงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไทยและวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาในชุมชนท้องถิ่น งานนี้ออกแบบมาให้สอดรับกับเรือท่องเที่ยวที่เคยเป็นเรือขนข้าว ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันลึกซึ้งในบริบทของสายน้ำและการค้า การออกแบบศิลปะบนเรือจึงถูกผสานด้วยความหมายและความวิจิตรศิลป์ในสไตล์ไทยประยุกต์ โดยพระแม่โพสกถูกนำมาเป็นตัวแทนแห่งความอุดมสมบูรณ์และความเจริญงอกงามของพืชพันธุ์ธัญญาหาร
โดยมีรูปลักษณ์อ่อนช้อย สวมใส่อาภรณ์ลายไทย แสดงถึงการประทานพรแห่งความสุขและทรัพย์สมบัติจากพระแม่โพสกที่ชาวไทยเคารพบูชา และถือรวงข้าวในมือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเกษตรและพืชพันธุ์ที่ปลูกในท้องนา สะท้อนถึงการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความสำคัญของข้าวที่เป็นแหล่งอาหารหลักของคนไทย เช่นเดียวกับปลาตะเพียนซึ่งแหวกว่ายอยู่ในลวดลายสายน้ำ มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง การเจริญเติบโต และความมั่งคั่ง และยังแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิถีชีวิตของคนไทยกับสายน้ำและการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ โดยเชื่อมโยงถึงคติความเชื่อเรื่อง “ในน้ำมีปลา” เป็นการสื่อถึงความโชคดีและความมั่งคั่งที่มีอยู่รอบตัว ท่ามกลางพื้นหลังและลวดลายธรรมชาติ ในขณะที่พื้นหลังออกแบบให้มีลวดลายสายน้ำและกิ่งก้านของรวงข้าวที่โอบล้อม ทำให้รู้สึกถึงความลึกซึ้งและความอุดมสมบูรณ์ในท้องทุ่งสีเขียวชอุ่มที่อยู่ใกล้เคียงสายน้ำ
งานจิตรกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นศิลปะที่สวยงาม แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยการประยุกต์ศิลปะลายไทยเข้ากับองค์ประกอบแบบร่วมสมัย แสดงให้เห็นถึงการรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยพร้อม ๆ กับการปรับให้เข้ากับบริบทสมัยใหม่บนเรือท่องเที่ยว ซึ่งจะนำพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสความหมายของ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ขณะล่องไปในสายน้ำที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราว
รวมถึงแม้แต่ในห้องน้ำหญิงและชาย ก็สอดแทรกไปด้วยงานศิลป์ที่น่าสนใจ โดยห้องน้ำชายจะเป็นคอปเซป “ไปยิงกระต่าย” ส่วนห้องน้ำหญิงจะเป็น “ไปเด็ดดอกไม้” เรียกได้ว่าตัวเรือมีความสวยงามตั้งแต่หัวยันท้ายเรือ ตั้งแต่ชั้นบนยันชั้นล่างจวบจนไปถึงในห้องน้ำเลยทีเดียว
ในขณะที่ภายในเรือ ท่านจะได้ดื่มด่ำกับบทเพลงขับกล่อมที่มีมากมายหลากหลายประเภทไม่ซ้ำแต่ละวัน ซึ่งวันที่ทางทีมงานไปรีวิว จะเป็นดนตรีไทยเดิม ที่เล่นเพลงโมเดิร์น (ในช่วงออกเรือมีการเล่นเพลง My heart will go on ด้วย มีเสียวสันหลังนิดนึงเหมือนกัน) และก่อนที่จะออกเรือท่องราตรี ก็จะมีเจ้าหน้าที่สาธิตเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ ภายในเรือด้วย ซึ่งเป็นความใส่ใจที่น่าชื่นชมจริงๆ
สำหรับท่านที่กลัวว่าจะเมาเรือ ขอบอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะระหว่างประสบการณ์สองชั่วโมงที่ทดลองไปนั่งเรือ พบว่าเรือไม่มีความโคลงเคลงเลย แล่นนิ่งไปฉิวเหมือนอยู่บนบก ทราบว่าในช่วงการบูรณะปรับปรุง ได้มีการเพิ่มน้ำหนักที่ใต้เรือ ทำให้เรือมีความนิ่งอย่างมาก ดังนั้นท่านจะได้รับประสบการณ์ล่องเรือที่ดีกลับไปอย่างแน่นอนครับ
มื้ออาหารสุขสุดสมใจ
เริ่มจากของเรียกน้ำย่อยต้อนรับก่อน คือ รัตติกาลท่องธารา
เป็นอัปสรา ออริจินัล ประกอบด้วย น้ำพริกลงเรือและ ปลาฟู ในขณะที่ด้านล่างเป็นแตงกวาหั่นเต๋า เสิร์ฟพร้อมแครกเกอร์ เป็นอาหารทานเล่นที่น่าจดจำและทานได้เพลิน เป็นหนึ่งใน Special of the day ที่มีการเปลี่ยนเรื่อย ๆ
ต่อมาด้วยเมนู “พระรามรงสรง หมูหลงเมือง” ซึ่งหมูที่ใช้จะเป็นหมูคุโรบุตะ จึงเป็นที่มาของชื่อ “หมูหลงเมือง” ทานคู่กับผักบุ้งด้านล่าง ด้านบนเป็นบับเบิ้ลกะทิ หอมกลิ่นกระทิมากๆ ในขณะที่หมูคุโรบุตะเองก็มีความนุ่มมากเช่นกัน
เริ่มต้นความอร่อยด้วยจานเรียกน้ำย่อยในคอร์ส
ชุด “เพลินอารมณ์” ประกอบด้วย
ถุงเงินยวง เป็นถุงเงินสอดไส้หมู มีจุดเด่นคือมีดิปอโวคาโดที่แต่งรสเผ็ดอ่อน ๆ
ปั้นขลิบแกงปู ขนมปั้นขลิบกรอบนอก นุ่มใน มาพร้อมไส้แกงปูที่เผ็ดอ่อน ๆ แต่หอมเครื่องเทศ รับประทานแล้วรู้สึกถึงความพิถีพิถันของวัตถุดิบและรสชาติที่กลมกล่อม
เมี่ยงส้ม มีรสชาติเปรี้ยวอมเผ็ดนิด ๆ เหมาะสำหรับเรียกน้ำย่อย
โดยลำดับการทาน ได้รับคำแนะนำว่าให้เริ่มจาก ถุงเงินยวง ปั้นขลิบ แล้วตามด้วยเมี่ยงส้ม
Soup
ต้มยำกุ้งอยุธยา ซุปเอกลักษณ์อาหารไทย ด้วยน้ำซุปต้มยำเข้มข้นที่ได้จากกุ้งอยุธยาตัวโต ในขณะที่น้ำต้มยำให้รสชาติเปรี้ยวกลมกล่อม หอมสมุนไพรตามแบบฉบับต้มยำแท้ ๆ
Main Course: อาหารจานหลักหลากหลายรสชาติ
ปลาหิมะทอดผัดน้ำพริกแจ่ว เป็นปลาหิมะชิ้นโตที่นำไปย่างหนังจนมีความกรอบ จัดแต่งกับผักเคียงต่าง ๆ ได้อย่างงดงาม เสิร์ฟเคียงกับซอสน้ำจิ้มแจ่ว (ไม่ใส่ข้าวคั่ว) รสชาติของปลาหิมะที่นุ่มละมุนจับคู่กับซอสพริกที่มีรสเผ็ดเบา ๆ มีความหอมสมุนไพรในแบบไทย ๆ ทานคู่กับข้าวสวย หรือข้าวเบญจรงค์
แกงคั่วเนื้อนุ่มใบชะมวง ประกอบด้วยเนื้อที่ตุ๋นอย่างนุ่มนวลในน้ำแกงคั่ว มีจุดเด่นคือมีกลิ่นหอมของใบชะมวงที่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน เนื้อมีความนุ่มเด้งสู้ฟันมาก ทานร่วมกับข้าวได้เหมาะสมลงตัว
Special เป็นไอศครีมส้มมะปรี๊ดเมืองจันทน์ ซึ่งเรียกความสดชื่น เป็น Cleansing palette ได้เป็นอย่างดี
ปิดท้ายด้วยของหวาน เสิร์ฟพร้อมกัน
ไอติมส้มฉุน ไอศกรีมเชอร์เบทที่สดชื่นจากมะม่วงและลิ้นจี่ พร้อมความหอมของขิงและหอมเจียวกรุบกรอบ เรียกความสดชื่นมาได้เป็นอย่างดี
แก้วตาดวงใจ วุ้นใบมะกรูดโฮมเมดที่หอมสดชื่น โดยตัววุ้นจะใช้ไยของมะกรูด ทำเป็นในลักษณะของมะกรูดลอยแก้ว ทำคล้ายเป็นเจลลี่ โดยแผ่นสีขาวตรงการจะเป็นวุ้นมะพร้าวแผ่น ที่สื่อถึงการล่องผ่านแม่น้ำสายยาว
พลอยไพลิน เป็นทับทิมกรอบที่น้ำเงินสดใสเหมือนอัญมณีแห่งท้องทะเล ทานพร้อมน้ำกะทิเย็นๆ รสหวานเย็น และมีความกรุบกรอบในแบบไทยแท้
ปิดท้ายด้วย Petit Four ในสไตล์ขนมไทย ประกอบด้วย เสน่ห์จันทร์ วุ้นกรอบน้ำตาลสด หมี่กรอบรสต้มยำ ลูกชุป ซึ่งขนมทั้งสี่แบบต่างให้สัมผัสถึงความเป็นขนมไทยได้อย่างเต็มที่ และได้รับรสชาติในสไตล์ดั้งเดิม ทานคู่พร้อมชาหรือกาแฟ เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารที่สมบูรณ์
สำหรับเรืออัปสรา พร้อมให้บริการทุกวัน โดยจะเริ่มออกเดินทางจากท่าเรือริเวอร์ซิตี้ (ท่าเรือหมายเลข 1) ตั้งแต่เวลา
18.45 น. โดยสำหรับเซ็ตเมนูอาหาร จะเป็นเซ็ตเมนู 4 คอร์ส ราคา 3,800 บาท โดยสามารถเพิ่มไวน์แพริ่งเพื่อเพิ่มรสชาติ หรือเครื่องดื่มคอกเทลอื่นๆ เพิ่มเติม
ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการดินเนอร์ส่วนตัวหรือการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ
จากบรรยากาศยามค่ำคืนที่งดงาม และบริการอันน่าประทับใจ โดยสามารถติดต่อสอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่
โทร. 0-2679-1200 หรืออีเมล [email protected] โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ banyantree.com
Kin Review
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์
รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Kinandleisure.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร หากฝ่าฝืนผู้บริหารพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด