Chef : Slawomir Kowalik : 07 2023
Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A
Bistrot De Lamer


หลังจากเปิดประเทศเต็มขั้น Sindhorn Kempinski ได้สร้างเปิดห้องอาหาร และ สร้างปรากฏการณ์การบริการใหม่ ๆ หลากหลายในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารไทย Bakery Izakya หรือ Afternoon tea ซึ่งครั้งนี้ทางโรงแรมได้เนรมิตชั้น 19 ของโรงแรมเป็นห้องอาหารฝรั่งเศสสุดพิเศษ Bistrot De La Mer วันนี้ kinandleisure จะขอนำทุกท่านเดินทางไปพบกันห้องอาหารใหม่ล่าสุดนี้กันครับ
ห้องอาหาร Bistrot De La Mer (บิสโทร เดอ ลา แมร์) พร้อมให้คุณสัมผัสความอร่อยของอาหารสไตล์ French Mediterranean ที่เชฟ Slawomir Kowalik เชฟประจำห้องอาหาร

ผู้คร่ำหวอดในร้านอาหารชื่อดังในยุโรปหลายแห่งโรงแรมระดับ 5 ดาว และร้านอาหารมิชลินสตาร์ 2 ดาว ที่เมืองลูเซิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ได้คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี มาปรุงเป็นอาหารเมนูโปรดสำหรับคุณ

The Vibes

Bistrot หรือ Bistro หมายถึงร้านอาหารเล็ก ๆ ทำให้บรรยากาศ Bistrot De La Mer ออกมาค่อนข้างเป็นกันเอง และ ครึกครื้นจากเสียงพูดคุย สนุกสนานสังสรรค์ และเสียงกระทบกันของจานชามและแก้วไวน์

แต่ space ก็ห่างพอไม่อึดอัด ภายในร้านตกแต่งด้วยภาพวาดสีน้ำมันสไตล์อิมเพรชั่นนิสหลากหลายชิ้นงานบนผืนผ้าใบแคนวาส และ interior สไตล์ French riviera ขาวน้ำเงิน หน้าต่างบานใหญ่รับแสง และ สะท้อนไฟ

ทำให้มีความสวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน กิมมิกและรายละเอียดบนโต๊ะอาหารเป๊ะมากสมกับแบรนด์ Kempinski นอกจากนั้นโต๊ะของร้านยังมีความพิเศษคือสามารถปรับเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมหรือโต๊ะกลมก็ได้แล้วแต่จำนวนแขกที่มาสังสรรค์ร่วมกัน

เป็นห้องอาหารที่ต้องมาอย่างน้อย 2 รอบ นั้นคือในช่วงกลางวันและกลางคืน เพราะนอกเหนือจากเมนูอาหารที่อร่อยเลิศและหลากหลาย บรรยากาศของห้องอาหารทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืนก็แต่กต่างกันมากและก็สวยงามทั้ง 2 บรรยากาศเลยทีเดียว

หากคุณมาช่วงกลางคืนคุณจะพบว่าเงาสะท้อนในการะจกนั้นเปรียบดั่งภาพสตาร์รี่ไนท์ของคุณวินเซนต์ แวนโก๊ะ ท้องฟ้าสีน้ำเงินผ่านบานกระจก

ด้านล่างของภาพที่มองผ่านกระจกไปเห็นเป็นหมู่มวลต้นไม้จากสวนลุมพินี และด้านบวนที่มีดวงดารากลมๆกระจายอยู่ทั่วฟ้าเหมือนในรูปวาดนั้น ก็เป็นเงาสะท้อนจากโคมไฟนั้นเอง แสงโดยรวมและบรรยากาศของห้องอาหารช่วงกลางคืนก็รู้สึกผู้ดี สวย หรู แต่สบายๆอบอุ่น ไม่ตึงเครียด แสงสีเหลืองนวลอบอุ่น

ขณะที่ตอนกลางวันนั้น บรรยากาศของห้องอาหารสัมผัสบรรยากาศสบายๆ ของห้องอาหารก็ทำให้รู้สึกเหมือนมาร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสริมทะเลเมดิเตอเนเนียน สีขาวๆที่เป็นโทนหลัก อีกทั้งการตกแต่งพื้นห้องด้วยกระเบื้องโมเสคสีฟ้าขาวแซมด้วยสีน้ำตาลสลับสีเทา

เพื่อให้สอดรับกับโต๊ะไม้ เก้าอี้หนังสีน้ำตาลและเก้าอี้ผ้าสีเทาสไตล์คลาสสิค ผ่อนคลายไปกับผนังสีขาวที่ตกแต่งด้วยภาพวาดสไตล์เก๋ พร้อมชมวิวสวยๆของสวนลุมพินีผ่านกระจกใสบานใหญ่

ที่มองออกไปเห็นทัศนียภาพสีเขียวงดงามจากสวนลุมพินี นอกจากนี้ยังมีมุมไวน์เซล่า (Wine Cellar) ที่มีไวน์ชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลก และเคาท์เตอร์บาร์ไว้บริการเครื่องดื่มเย็นๆ ให้กับแขกทุกท่านอีกด้วย

นอกจากบรรยากาศของร้านที่สวยงามแล้วทางด้าน floor plan ของ Bistrot De La Mer ที่ตั้งบนชั้นที่เป็นห้อง Suite และ exclusive lounge ทำให้ สามารถวางแผนการจัด event party ได้หลากหลาย เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับงานเลี้ยงสุดพิเศษ


The Menu

สำหรับ menu อาหารที่เสิร์ฟใน Bistrot De La Mer จะเป็นอาหารฝรั่งเศสเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งโดดเด่นด้วยวัตถุดิบจากทะเล และ ความสดชื่น อุดมสมบูรณ์ เน้นเป็นแบบ sharing portion เพื่อสังสรรค์มากกว่าการกินแบบ full courses dinner แต่ก็ยังมี display ที่สวยงามทำให้เหมาะกับทุกโอกาส ซึ่งอาหารใน Bistrot De La Mer นี้ถูกรังสรรค์และกำกับโดย เชฟ Slawomir Kowalik เชฟประจำห้องอาหาร ผู้คร่ำหวอดในร้านอาหารชื่อดังในยุโรปหลายแห่งโรงแรมระดับ 5 ดาว และร้านอาหารมิชลินสตาร์ 2 ดาว ที่เมืองลูเซิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งวันนี้ kinandlsiure จะขอนำเสนอ menu ที่ทุกท่านไม่ควรพลาดครับ

Royal Seafood Tower (3900)
ขอเปิดตัวด้วย Royal Seafood Tower สุดอลังการ โดยใน tower จะประกอบด้วย Half Maine Lobster, Gillardeau & Tsarskaya Oysters, Tiger Prawns, Scallops Ceviche, Marinated Razor Calms นอกจากเรื่องความสวยงาม และ สดหวานของทุกไอเทม

แล้วเมนูที่ต้องกล่าวถึงใน tower ก็คือ Scallops Ceviche ซึ่งเซฟได้จัดเรียง scallops อย่างสวยงามในเปลือกหอยขนาดใหญ่ ทอปด้วยดอกไม้สีเหลือง และ คาร์เวียร์ ราดด้วย Pumpkin puree ที่มีความหวานหอม เข้ากับ scallop ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

แสดงถึงฝีมือและความใส่ใจของเชฟได้เป็นอย่างดี และอีกหนึ่ง Highlight คือ Razor Clams หอยหลอดฝรั่งเศส สีมุกสะท้อนสวยงามและรสดี เป็น seafood tower ที่คุณภาพสูงและไม่น่าเบื่อ
สำหรับหอยนางรมที่นี่จะใช้เป็น Gillardeau oysters ซึ่ง หอยนางรมชีลลาร์โด (Gillardeau) ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปีคริสต์ศักราช 1898 ทางด้านฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศฝรั่งเศส

หอยพันธุ์ชนิดนี้เนื้อค่อนข้างแน่น อวบ ตัวโต เนื้อนุ่ม มีความมัน รสชาติคล้ายกลิ่นถั่วเฮลเซลนัต และ ยังแสดงถึงความพิเศษของหอยด้วยการสลักตัวG บนหอยทุกตัว

Salad Nicoise (490)


จานสลัด Nicoise นี้จะมีการสาธิตการคั่วสลัดบน trolley ข้างโต๊ะและเสิร์ฟกกันแบบสด ๆ ซึ่งปรุงโดยชาวฝรั่งเศส ทำให้เห็นในทุกๆขั้นตอน เครื่องปรุงหลากหลายที่ครบครัน
โดยวัตถุดิบจะประกอบด้วยปลาทูน่า yellow tails, olives, quail eggs, ผักสลัด และ ราดด้วยซอส balsamic มีรสชาติสดชื่น ละ อัดแน่นด้วยคุณค่าทางอาหาร เนื้อ yellow tails tuna กงฟี เนื้อแน่นเข้มข้น ตัวน้ำสลัด niçoise คือสลัดที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมืองเล็ก ๆ แถบชายหาดเมดิเตอร์เรเนียน

ซึ่งพื้นที่แถบนั้นอุดมไปด้วยผักและผลไม้สด น้ำมันมะกอกรวมถึงอาหารทะเลเพียบ สำหรับสูตรที่เราเห็นในปัจจุบันเป็นสูตรที่ประยุกต์แล้วนะ
ถ้าเป็นสูตรดั้งเดิม จะประกอบด้วยมะเขือเทศ ไข่ต้มสุกที่ต้มจนสุกแข็ง มะกอกดำนิส และปลากะตักหรือปลาทูน่ากระป๋อง แล้วราดด้วยน้ำมันมะกอก จะเป็นน้ำสลัดที่แบบมีรสหวานเด่น ไม่เปรี้ยวมาก


Riviera Crab Salad (390)

จานนี้เป็นสลัดอีกจาน เป็นสลัดปูที่จัดมาดูสวยงามแปลกตา เนื้อปูเป็นเนื้อปูเมดิเตอร์เรเนียนแท้ ตกแต่งทอปด้วยผัก endive จัดเรียงเป็นรูปดาว และ puree apple pink grapefruit ซอสจะเป็น lime-vanilla vinaigrette มีความหวานอมเปรี้ยว เป็นสลัดที่สวยงาม

Beef Tartare (490)

เนื้อ beef tartare ที่หน้าตาสวยที่สุด มี mustard seeds sphere ผักดองชนิดต่าง ๆ ที่ใช้จัดเรียงฝานตกแต่งอย่างประณีตพร้อม smoked egg yolk ช่วยเสริมรสชาติหวานของเนื้อ ให้เทคเจอร์พิเศษที่เพิ่มความหนึบกับเลเยอร์ของเนื้อ รับประทานกับ sourdough สูตรเฉพาะของ Bistrot De La Mer

เนื้อวัวหอมและไม่คาว มีรสกลมกล่อม มีการปรุงรสออกมาได้ลงตัวเป็นอย่างดีเลิศ จานนี้มีจุดที่ทำให้น่าถ่ายรูปมากๆจากการจัดจาน องค์ประกอบ ขนาดและสีที่ลงตัว รวมไปถึงการใช้กระดูกมาเป็นภาชนะในการจัดเรียงเนื้อทาท่าร์ที่อยู่บนจานอีกทีหนึ่งนั่นเอง เปรียบดั่งการที่ภายใต้ชุดสูทมีเสื้อกั๊กเวสและมีเสื้อเชิร์ทขาวลูกไม้
Escargot Provencal (480)

จานนี้เมื่อเสิร์ฟลงบนโต๊ะจะได้กลิ่นหอมเตะจมูกจากซอส Parsley butter และ roasted garlic เนื้อ escargot ตัวโต กรุบมากเต็มคำ ตัวเนื้อหอยที่กรุบกรึบแต่ก็มีความหนึบแต่ไม่เหนียว อบแบบสุกกำลังดีเข้ากันกับซอส Parsley butter roasted garlic สีเขียวสวยงามดั่งผืนมอสที่อยู่ตามป่าอันแสนอุดมสมบูรณ์ ได้ดีแบบสุด ๆ จานนี้เชฟทำออกมาได้กลมกล่อมและไม่เลี่ยน ขนมปังสามารถดิปกับเนยกระเทียมรับประทาต่อได้ เป็นจาน escargot ที่น่าประทับใจ
Bouillabaisse (1600)

ซุปบุลยาเบสที่พิเศษมาก เรียกได้ว่าเป็น secret recipe ประจำตัวเชฟ เป็นซุปบุลยาเบสที่อัดแน่นด้วยรสชาติของทะเล เชฟปรุงจากทั้งปลากุ้งหอยและปลาหมึก มีรสเข้มข้น แต่เนื้อ texture ของซุปเนียนละมุนมาก คล่องคอ ซึ่งความพิเศษยังไม่หมด เพราะ หลังจากลิ้มรสของซุป original ที่เชฟปรุงแล้ว เชฟยังเตรียม Rouille sauce เป็นซอสสูตรพิเศษที่ชาวฝรั่งเศสตอนใต่มักนำมากินคู่กับ Bouillabaisse โดยตัวซอสนี้นั้น เป็นซอสที่ทำจากไข่แดง และ หญ้าฝรั้น หรือ saffron ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและมีประโยชน์เยอะมากๆ เพื่อให้ผสมคู่กับ Bouillabaisse และลองชิมรสชาติที่เปลี่ยนไป ซุปนี้เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่พลาดไม่ได้จริง ๆ เมื่อมาที่ Bistrot De La Mer Portion ของบุลยาเบสค่อนข้างใหญ่สามารถแบ่งรับประทานได้ 2 – 4 ท่าน เมื่อคุณกินเข้าไปจะทำให้ความรู้สึกเหมือนตัวคุณเปลี่ยนเป็นชุดสีขาวแล้ว วาร์ปไปยังริมทะเลเมอร์ดิเตอเรเนียน ตอนใต้ของฝรั่งเศสเลยทีเดียว กลิ่นอายทะเลและอากาศอบอุ่นกำลังดี น้ำสีฟ้า ใบเรือที่จอดเรียงรายเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือ มันเลิศจริงๆ

Baked Turbot on The Bone (2900/500g)



สำหรับ main course จะแนะนำเป็นอาหารทะเล เนื่องจากธีม French Mediterranean เชฟเสิร์ฟเป็นปลาลาเทอร์บอทสดชิ้นโตย่าง เสิร์ฟแบบติดกระดูก (แต่ไร้ก้าง) แบบให้กินได้เต็ม ๆ คำ พร้อมซอสเบอร์เนส ปลาสดอร่อย

ยิ่งได้บุลยาเบสมาแล้วทำให้เครื่องติดเต็มที่ เครื่องเคียงแนะนำ Potato Gratin มันฝรั่งอบชีส ที่รสละมุนหอม

และ Baby Broccolini บล็อกคลอลี่ผัดน้ำมันมะกอกสีเขียวเข้มอุดมไปด้วยวิตามิน แต่แบบน่าสนใจด้วยรสเผ็ดร้อน ทำให้ช่วยตัดเลี่ยนอาหารได้มากทีเดียว เป็น side dish ที่เติมเต็มอาหารได้เป็นอย่างดี
Apple Tarte Tatin (390)

สำหรับของหวานแนะนำเป็น apple tarte tatin แป้ง pastry ด้านนอกกรอบมาก พร้อมไส้ caramelized apple อุ่น ๆ รับประทานกับ Ice cream เย็น ๆ ที่ปรุงจากเหล้าชนิดพิเศษนั่นคือ Calvados หรือ apple brandy จากฝรั่งเศส เข้ากันได้ดีมาก หรือจะสั่งเป็น menu ยอดนิยมอย่าง chocolate larva ก็ปิดท้ายมื้ออาหารได้ดีเช่นเดียวกัน
Cocktails and mocktails

นอกจากส่วนร้านอาหารแล้ว ใน Bistrot De La Mer ก็ยังมีส่วนของบาร์ที่จะช่วย craft เครื่องดื่มที่ต้องการสมกับร้านอาหารเพื่อการสังสรรค์ โดย cocktails ก็จะมีความสวยงาม และ บ่งบอกถึงกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศสตอนใต้ ไม่ว่าจะเป็น Lavender เครื่องดื่มสีม่วงสวยทอปด้วยดอกลาเวนเดอร์จิบเพลิน
หรือ เปรี้ยวมากขึ้นด้วย Lemon sour สำหรับคนที่ชอบสไตล์ทะเลและขอแนะนำ Viera ตัวนี้เป็น mocktail margarita สีฟ้าสวย ที่ทำให้หวลระลึกถึงสีน้ำทะเลเมอร์ดิเตอเรเนียน บรรยากาศและกลิ่นอายแสนผ่อนคลาย
ข้อมูลสำคัญ
สำหรับท่านที่สนใจมองหาร้านอาหารเพื่อการกินดื่มและสังสรรค์สุดพิเศษขอแนะนำ Bistrot De La Mer เป็นตัวเลือกที่รับรองว่า จะไม่ทำให้ผิดหวังครับ แต่แนะนำจองก่อนได้ที่ Bistrot De La Mer | Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok
Kin Review
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์