Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A
สวัสดีท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารทุกท่านอีกครั้งครับ วันนี้ ทาง Kinandleisure ขอยกเว็บไซต์มากินลมชมวิวกันที่ริมแม่น้ำ พร้อมกับขอบอกกล่าวว่า หากท่านผู้อ่านกำลังมองหาร้านที่จะมอบประสบการณ์อาหารไทยร่วมสมัยที่แสดงออกถึงความเป็น “อาหารไทย” ที่แฝงความโมเดิร์น ในขณะที่ถ่ายทอดความเป็นไทยผ่านวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม มีความเป็นท้องถิ่นและมี Story to tell พร้อมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ต้องขอบอกเลยว่าร้าน Chao Phraya Terrace คือจุดหมายสำคัญที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ด้วยการเป็นร้านอาหารที่ชูความเป็นสไตล์ “จากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร” ที่ได้รวบรวมความอุดมสมบูรณ์ของภูมิภาคต่าง ๆ ของไทยมารังสรรค์และปรุงแต่งจนกลายเป็นเมนูที่โดดเด่น
โดยมี เชฟป๊อด คุณเจษฎา เครือพันธุ์ เป็นหัวหน้าเชฟ (Chef de Cuisine) พร้อมทีมงานร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์มาสู่บนจาน พร้อมด้วยมุมมองสวยน่าจับตาของแม่น้ำเจ้าพระยาในยามอาทิตย์อัสดง
บรรยากาศและการออกแบบ
ตัวร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาภายในบริเวณโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้บรรยากาศสุดสบายที่แฝงไปด้วยความเรียบหรูดูดี สะท้อนความเป็น casual luxury และการที่มีพื้นที่เปิดโล่ง มีลมริมแม่น้ำโกรกเย็นสบาย ทำให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศและทิวทัศน์ของแม่น้ำสายประวัติศาสตร์
รายล้อมด้วยแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่สะท้อนบนผิวน้ำในช่วงยามตกดิน โดยเฉพาะช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีทองสาดส่องให้บรรยากาศแสนโรแมนติก เหมาะกับการนั่งสังสรรค์ พร้อมชมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเพลิดเพลิน และในยามค่ำคืน สถานที่แห่งนี้ก็พร้อมเติมเต็มบรรยากาศโรแมนติกและสร้างความดื่มด่ำผ่อนคลายไปกับแสงสีในยามราตรี
แนวคิด “ฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร” และศิลปะการย่างด้วยถ่าน
หัวใจหลักของ Chao Phraya Terrace คือการคัดสรรสุดยอดวัตถุดิบไทยจากทุกภูมิภาคของประเทศ โดยวัตถุดิบทุกชิ้นล้วนมีเรื่องราวเฉพาะและความเป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน เช่น เนื้อวากิวมหาสารคาม ซึ่งมีความพิเศษตรงที่โคเนื้อได้รับอาหารผสมข้าวหอมมะลิ ทำให้มีลายไขมันแทรก (marbling) ที่สวยงามและรสชาติละมุน
หมูออร์แกนิกจากราชบุรี (ที่เลี้ยงด้วยสมุนไพรไทยแบบอินทรีย์ กุ้งกล้วย จากทะเลอันดามัน ทางภาคใต้ซึ่งมีรสชาติอันเลื่องลือและเป็นที่รู้จัก หรือน้ำตาลมะพร้าวจากสมุทรสงคราม ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องรสหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ เป็นต้น
นอกจากการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของไทยเป็นตัวชูรสชาติแล้ว เชฟและทีมงานยังให้ความสำคัญกับการใช้ ถ่านไม้มะพร้าว จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ ถ่านไม้ลิ้นจี่ จากจังหวัดน่าน เพื่อดึงความหอมควันอันเป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่ลุ่มลึกให้กับวัตถุดิบ สะท้อนถึงหลักการของเชฟที่ว่า “ไฟเป็นหัวใจสำคัญของการทำอาหารทั้งปวง” จึงเกิดเป็นมิติใหม่ของอาหารไทยที่ผสานเทคนิคการปรุงด้วยไฟและถ่านอย่างประณีต แต่ละจานเป็นเสมือนการยกย่องและขอบคุณเกษตรกรไทยผู้ส่งมอบวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากแต่ละภูมิภาค นำเสนอความโดดเด่นของแต่ละภูมิภาค ผสานกับทักษะของเชฟป๊อดและทีมงาน จนได้เป็นเมนูที่ “มีเสน่ห์แบบไทย และมีสไตล์ระดับโลก” สมกับที่ไทยเป็นดินแดนแห่งครัวของโลกในเวลาเดียวกัน
Foods & Drinks
Pomelo
ค็อกเทลสีชมพูอ่อนแก้วนี้ผสมผสานรสชาติของ ไวน์โรเซ่ไทย Thai Rose Wine กับ วอดก้า อย่างลงตัว เพิ่มความสดชื่นด้วย น้ำส้มโอ ซึ่งให้รสเปรี้ยวอมหวานและความหอมบางเบา เมื่อผสานกับกลิ่นสมุนไพรอย่าง ผักชี และ ดอกมะลิยิ่งทำให้เครื่องดื่มมีมิติทั้งความหอมและความละมุน
Melon
ขณะที่ค็อกเทลสีสันสวยงามแก้วนี้ให้ความสดชื่นและทันสมัยด้วยการผสมผสานของ Sparkling Sato ที่เป็นเครื่องดื่มหมักจากข้าว ให้กลิ่นหอมและรสหวานละมุนอ่อน ๆ ผสานกับ แตงไทย ซึ่งเพิ่มความหอมหวานและมิติผลไม้ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังมี ใบเตย และ ใบมะกรูด ช่วยเสริมความหอมแบบสมุนไพรไทย ทำให้เกิดความสดชื่นและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
Vegetable Plate พร้อมหลนไข่เค็ม
จานนี้เสิร์ฟผักสดหลากหลายชนิด ให้ความกรอบและความหวานธรรมชาติ เป็นขมิ้นขาว ผักกาดขาว และถั่วพู เคียงมากับ “หลนไข่เค็ม” เนื้อเนียนสีครีม รสสัมผัสออกมันเค็มชัดเจน แต่ไม่เผ็ด จึงเหมาะกับคนที่ไม่ทานเผ็ด ช่วยเสริมรสผักสดได้อย่างลงตัว ท็อปด้วยไข่แดงเค็มขูดละเอียด เพิ่มเทกซ์เจอร์และความเค็มนัวอีกขั้น โดยรวมเป็นเมนูทานเล่นที่รสชาติกลมกล่อม ไม่จัดจ้าน เป็นการเริ่มต้นที่ดีอย่างยิ่งในมื้ออาหารไทย
Tubtim Siam Pomelo Salad
เป็นสลัดสไตล์ไทยที่ผสมผสานรสชาติและเนื้อสัมผัสหลากหลายไว้ด้วยกัน โดยใช้ส้มโอทับทิมสยาม ซึ่งให้เนื้อส้มโอที่มีสีอมชมพู รสหวานฉ่ำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ผสานกับ กุ้งแชบ๊วยย่าง ที่หวานเนื้อเด้ง เพิ่มความสดชื่นด้วย แห้ว ที่ให้สัมผัสกรุบกรอบ และยังมี ไข่นกกระทาต้มเยิ้มๆ ที่ช่วยเพิ่มความมันนุ่มชุ่มฉ่ำ ตัดกับรสชาติของน้ำสลัดที่มีความจัดจ้านเล็กน้อยจาก พริกคั่ว โดยรวมออกหวานอมเปรี้ยว และมีความเค็ม เผ็ด อ่อนๆ ซ่อนไว้ในคำเดียวกันอย่างสมดุล เหมาะเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ชูวัตถุดิบคุณภาพ พร้อมเติมความสดชื่นให้กับมื้ออาหารได้อย่างลงตัว
Maha Sarakham Wagyu Beef ทาร์ทาร์เนื้อวากิวสไตล์ลาบ
จานนี้โดดเด่นด้วยเนื้อวากิวจากมหาสารคามที่มีเนื้อสีแดงสวยสวย เนื้อมีความนุ่มเป็นพิเศษ ย่างจนได้ความสุกกำลังดี ผิวด้านนอกมีรสชาติหวานเค็มหอม เคล้ากลิ่นหอมเครื่องเทศเจ็ดชนิด ส่วนเนื้อด้านในยังคงความฉ่ำ หั่นชิ้นพอดีคำ
มาพร้อมเครื่องเคียง “สี่ชี” ได้แก่ ชีล้อม ชีลาว ชีเลื่อย และชีไทย (ผักชีไทย) ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยหลากชนิด ช่วยเสริมให้รสชาติของเนื้อย่างยิ่งโดดเด่นขึ้น ได้ทั้งความหอมสดชื่นและสัมผัสสมุนไพรไทยแบบแท้ ๆ ทานคู่กันแล้วลงตัวสุด ๆ
Trio Combo
เมนูเสียบไม้ย่าง จะได้ 3 อย่างในหนึ่งเซต โดยแต่ละไม้จะมีการหมักและปรุงรสต่างกัน เป็นเซ็ตสุดคุ้มที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากลิ้มลองหลายรสชาติในคราวเดียว โดยจะถูกเสิร์ฟอย่างตระการตาบนเตาถ่านขนาดเล็กที่จุดไฟอ่อน ๆ เพื่อคงความร้อนและความหอมของถ่านอย่างต่อเนื่อง และสอดรับกับแนวคิดการใช้ไฟและการย่างเตาถ่านซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของทางร้าน โดย 3 เมนู
ประกอบด้วย น่องไก่จากเขาใหญ่ หมักด้วยขมิ้นและเครื่องแกง รสออกเผ็ดเบา ๆ สีส้มเข้มสวย มีกลิ่นหอมสมุนไพรชัดเจน สันคอหมูย่างจากราชบุรี ตุ๋นประมาณ 16 ชม. หมักซอสซีอิ๊วปรุงด้วยโป๊ยกั๊กและกระเทียม รสหวานเค็มกลมกล่อม เนื้อหมูนุ่มและติดมันเล็กน้อย ช่วยเสริมรสชาติให้เข้มข้น และซี่โครงเนื้อวากิวจากมหาสารคาม ย่างด้วยเตาถ่านพร้อมซอสสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของมะขาม น้ำตาลโตนด และพริกไทยเจ็ดชนิด รสชาติเข้มข้น หวานเค็มกลมกล่อม เคล้ากลิ่นถ่านหอมอ่อน ๆ เนื้อวากิวนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟมากับซอสสามชนิด คือ น้ำจิ้มแจ่ว ซอสสะเต๊ะ และอาจาด
Khao Yai Organic Chicken
เมนูไก่ออร์แกนิก ที่เป็นไก่ออร์แกนิกเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ ทำให้เนื้อไก่มีคุณภาพดีขึ้น ทั้งด้านคุณค่าทางโภชนาการ รสสัมผัส และรสชาติที่เป็นธรรมชาติมากกว่าไก่ที่เลี้ยงด้วยวิธีอุตสาหกรรม โดยจะใช้ส่วนสะโพกกับอกไก่ เสิร์ฟกับพริกหนุ่มย่างและมันฝรั่ง มีความโดดเด่นด้วยการหมักสมุนไพรไทย ได้แก่ ขมิ้น ตะไคร้ และกระเทียม ก่อนจะนำไปย่างบนเตาถ่าน จนได้หนังสีเหลืองทองหอมเครื่องเทศ เนื้อในสุกพอดี ยังคงความชุ่มฉ่ำและรสหวานธรรมชาติของไก่
Spicy Barbecued Cauliflower with Chilli-Fermented Soybeans
เป็น Side Dish อีกหนึ่งตัวเลือกมังสวิรัติที่มีเอกลักษณ์เรื่องรสชาติและรสสัมผัส โดยดอกกระหล่ำจะนำไปกระกอบอาหารให้ผิวด้านนอกมีความเกรียมบาง ๆ หอมกลิ่นควันอ่อน ๆ ในขณะที่เนื้อด้านในยังคงความกรอบนุ่มกำลังดี มีรสชาติแซ่บมากขึ้นด้วยจากเต้าเจี้ยวหมักพริก ที่ให้รสเค็มกลมกล่อมและมีความเผ็ดร้อนเจือจาง เพิ่มความเปรี้ยวหวานได้อย่างลงตัว กลิ่นหอมเผาไหม้นิด ๆ ของซอสช่วยเสริมรสชาติของดอกกะหล่ำให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
Fried Brown Rice
ข้าวผัดปลาเค็มจานนี้ใช้ ปลากุเลา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเนื้อแน่นและมีความเค็มน้อยกว่าปลาชนิดอื่น ๆ ทำให้ข้าวผัดมีรสเค็มกำลังดี ไม่จัดจนกลบรสชาติของข้าวและเครื่องปรุงอื่น ๆ เม็ดข้าวผัดอย่างพอดี เคลือบด้วยความหอมอ่อน ๆ ของกระเทียมและน้ำมัน เนื้อปลากุเลาแทรกตัวระหว่างเม็ดข้าวอย่างลงตัว ไม่ร่วนหรือแห้งเกินไป จัดเสิร์ฟพร้อมโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและต้นหอมซอย เพิ่มกลิ่นหอมและความกรุบกรอบในแต่ละคำ เป็นข้าวผัดที่มีความสมดุลของรสเค็มและเนื้อสัมผัสอย่างน่าประทับใจ เหมาะสั่งมาทานคู่กับเมนูย่างหรืออาหารจานหลักอื่น ๆ เพื่อเติมเต็มความอร่อยในมื้ออาหารครับ
Red Grouper in Banana Leaf
เป็นปลาเก๋าแดงที่จับแบบธรรมชาติ มีความโดดเด่นที่ความสดของเนื้อปลา ให้รสสัมผัสหวานและเด้งเป็นพิเศษ เนื้อสีขาวเนียนแน่นถูกห่อด้วยใบตองแล้วย่างบนไฟถ่านที่ใช้ทั้งถ่านไม้มะพร้าวและถ่านไม้ลิ้นจี่ เมื่อเปิดใบตองออกมาจะได้กลิ่นหอมควันอ่อน ๆ บ่งบอกถึงความปราณีตจากศิลปะการใช้ไฟ
ผสานกับกลิ่นใบตองที่ช่วยกักเก็บความชุ่มฉ่ำในเนื้อปลา ซึ่งทางร้านจะทำการย่างเพื่ออุ่นและเรียกกลิ่นแบบสด ๆ ให้เห็นกันที่โต๊ะอาหารเลยทีเดียว โดยจานนี้เสิร์ฟคู่กับ มะเขือเทศเชอร์รี่ย่างและ ถั่วฝักยาว เติมความหวานและรสเปรี้ยวบาง ๆ ให้ตัดกับรสปลาได้อย่างลงตัว พร้อมด้วย ใบโหระพา วางด้านบนเสริมความสดชื่นและกลิ่นหอมสมุนไพร
โดยมีซอสเครื่องเคียงต่าง ๆ ได้แก่ ซีฟู้ดซอส น้ำพริกหนุ่ม ซอสชิมิชูรี (Chimichurri) ที่เป็นซอสแบบอิตาเลียนแต่ใช้วัตถุดิบแบบไทย โรยถั่วแมคคาเดเมีย ซอสแบร์เนสที่ปรับรสชาติให้เป็นไทยมากขึ้นโดยใส่ลาบเข้าไปด้วย และน้ำจิ้มแจ่ว
Surat Thani Blue Swimmer Crab Salad
สลัดปูม้าจานนี้โดดเด่นด้วย เนื้อปูม้าสดจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีเนื้อแน่นหวานธรรมชาติ เสริมด้วยความหลากหลายของผักพื้นบ้านสองภูมิภาค ได้แก่ ผักปัง (จากทางภาคเหนือ) และ ผักกูดน้ำ (จากภาคใต้) เพิ่มความเขียวสดและเทกซ์เจอร์กรุบกรอบในจาน อีกทั้งยังมี เนื้อมะพร้าวอ่อนย่าง ที่ให้กลิ่นหอมควันอ่อน ๆ และรสชาติหวานมันบาง ๆ ช่วยเติมเต็มรสชาติและสัมผัสให้หลากหลายขึ้น การนำเสนอมีสีเขียวสวยงาม รสชาติน่าตราตรึงใจ ขนาดคนที่ปกติไม่ทานผักอย่างผมยังทานได้อย่างสนุก
Desserts
Grilled Calamansi Granita
ของหวานจานนี้โดดเด่นด้วย “กรานิต้า” (น้ำแข็งไสอิตาเลียน) กลิ่นและรสส้มจี๊ดที่ให้รสเปรี้ยวสดชื่นและกลิ่นหอมควันบาง ๆ พร้อมสัมผัสน้ำแข็งไสเย็นจัด เพิ่มความชุ่มฉ่ำในแต่ละคำ โดยของหวานจานนี้มีทั้งสิ้นสามเลเยอร์ ได้แก่
ชั้นล่าง ที่เป็นวานิลลาแฟลน เป็นเนื้อคัสตาร์ดเนียนนุ่ม หอมหวานกำลังดี ทำหน้าที่เป็นฐานรสชาติที่เสริมความละมุน ชั้นกลางเป็นผลไม้เขตร้อนตามฤดูกาล คือน้อยหน่า มะม่วง ขนุน หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มอบความหวานฉ่ำและรสสัมผัสหลากหลาย และชั้นบนคือกรานิต้า ให้ความเปรี้ยวสะใจ อมหวานนิด ๆ และหอมกลิ่นส้มจี๊ดที่ผ่านการย่างอย่างเบาบาง สร้างเสน่ห์แปลกใหม่
Grilled Chiang Rai Baby Pineapple
จานของหวานที่เสิร์ฟมาแบบมีเอกลักษณ์ด้วย “สับปะรดภูแล (Baby Pineapple)” จากเชียงราย ซึ่งมีขนาดเล็กและรสหวานฉ่ำเป็นพิเศษ เป็นพืช GI ประจำท้องที่ ถูกนำไปย่างบนไฟอ่อน ๆ จนได้สีเหลืองทองสวยงามและกลิ่นหอมคาราเมลบาง ๆ เมื่อรับประทานจะสัมผัสถึงความฉ่ำนุ่มของเนื้อสับปะรด
ตัดด้วยรสเปรี้ยวหวานธรรมชาติที่เข้ากันได้อย่างลงตัว เสิร์ฟพร้อมกับซอสคาราเมลเนยที่ทาเคลือบบาง ๆ บนสับปะรดระหว่างย่าง ช่วยเพิ่มความหวานเข้มข้นและกลิ่นไหม้นิด ๆ ยิ่งขับความหอมของสับปะรดให้น่าสนใจ
และมีครีมวานิลลาตีเนียน นุ่มเบา จิ้มคู่กับสับปะรดย่างแล้วตัดรสได้อย่างกลมกล่อม และไอศกรีมเจลาโตที่ผสมรสกล้วยและกลิ่นรัมอ่อน ๆ สร้างมิติหวานหอม โดยเชฟแนะนำให้ทานพร้อมกันเพื่อให้ได้รสชาติที่สมดุล
Chao Phraya Terrace เป็นร้านที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดอาหารไทยแบบจากฟาร์มสู่โต๊ะอย่างแท้จริง และได้แสดงให้เห็นจากการวาดลวดลายและศิลปะการประกอบอาหารที่ทำให้วัตถุของไทยเปล่งประกายได้อย่างเจิดจ้า ประกอบกับศิลปะการย่างด้วยถ่านอันซึ่งไฟถือเป็นหัวใจของการปรุงอาหาร เมื่อมาคู่กับวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยตระการตาแล้ว ที่นี่จึงกลายเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ทั้งสำหรับผู้ที่รักในรสชาติอาหารไทยดั้งเดิม และผู้ที่กำลังมองหามุมมองใหม่ ๆ ในอาหารไทยร่วมสมัยอย่างแท้จริง โดยท่านผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของโรงแรม FourSeasons.com/Bangkok หรือโทรศัพท์: 02 032 0885 โดยขอให้ตรวจสอบเวลา และจองโต๊ะก่อนเดินทางมารับประทานครับ
Kin Review
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์