กลับมาอีกครั้งกับรีวิวบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch กับคอนเซปที่ฉีกแนวออกไปที่คุณจะไม่เคยเจอที่ไหน ณ Millennium Hilton กับห้องอาหาร Flow ห้องอาหารบุฟเฟต์นานาชาติที่มีการตกแต่งในแนวคิดการไหลไปกับแม่นำ้เจ้าพระยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีซึ่งสามารถเข้ามาทางถนนเจริญนครหรือลง BTS และนั่งเรือของโรงแรมจากท่าเรือตากสินมาก็ได้ครับ โดยความแปลกคือที่นี่เป็น Lazy Sunday Brunch หากคุณมากินมื้อนี้คุณจะไม่ต้องกินอะไรไปทั้งวันเลย ไม่เว่อร์แต่มันเป็นความจริง! เพราะด้วยแนวคิดวันอาทิตย์แสนชิว อาหารจะเริ่มตั้งแต่ 11.00 และจบลงที่ 16.00 โดยเริ่มต้นจาก 360 ซึ่งอยู่บนชั้น 33 ของโรงแรม (คลิกที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่)
เริ่มต้น “Lazy Sunday Brunch” ที่ Three Sixty Lounge ชั้น 33 ซึ่งมีวิวแบบ Birdeye view ขนาดใหญ่ ตลอด 360 องศา สามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องของกรุงเทพมหานครฯ รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยาสายใยชีวิตของเรา ได้อย่างสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ
ระหว่างนั้นเรามาลองจิบน้ำ และอาหารว่าง ขณะชมวิวกันซักนิด ชีวิตคงจะรื่นรมย์ขึ้นได้อีก ซึ่งเครื่องดื่มเป็น Free Flow สั่งได้เท่าตามที่ต้องการเลยค่ะ
Mocktail
1. Apple Sider เป็นน้ำแอปเปิล ผสม Ginger ale และแอปเปิลหั่นชิ้นเล็กๆขนาดพอดีๆคำมีความซ่าความหวานแอปเปิลลงตัวดีค่ะ
2. Fruitpunch เป็นน้ำมะนาว + น้ำสัปปะรด + น้ำส้ม และน้ำเชื่อมทับทิม
เป็นเครื่องดื่มที่รวบรวมความเปรี้ยวกันไว้อย่างลงตัว ไม่มีอะไรโดดเด่น เปรี๊ยวจี๊ดไปกว่าใคร แต่ก็หอมหวานกันอย่างพอดี
3. Bahama เป็นเครื่องดื่มคล้ายๆกับ Fruitpunch แต่ใส่ Spirit (เหล้ารัม) ลงไปด้วย ริเคียว (เหล้าหวาน) มีให้เลือก 2 กลิ่น คือ กลิ่นมะพร้าว กับกลิ่นกล้วย
4. Guava Fizz เป็น Spirit Gin + น้ำฝรั่ง + น้ำมะนาว + น้ำเชื่อม อร่อยดีค่ะเครื่องดื่มอื่นๆยังมีเป็น Fresh Squeeze Juice อีก คือ น้ำส้ม และน้ำมะนาว
Appetizer
ในจานประกอบด้วย มันบดชุบแป้งทอด มีกรอบนอกนิดๆข้างในเป็นมันบดปรุงรสกับซอสมะเขือเปรี้ยวหวานกำลังดีเข้ากันได้ดีกับมันที่จืดมันร้อนๆ / ปอเปี๊ยะกุ้งแป้งกรอบนอกกุ้งเด้งๆกรุบๆอร่อย / หอยนางรมชุปแป้งทอดผสมวาซาบิ(นิดๆ) หวานมันอร่อยค่ะ
หลังจากดื่มด่ำกับวิวแม่นำ้ด้านบนและรองท้องอุ่นเครื่องด้วยเครื่องดื่มและของว่างแล้ว ก็ถึงเวลาลงมาลุยกับห้องอาหาร Flow ชั้น L (Lobby) ซึ่งพร้อมรับแขกจากข้างบนเวลา 12.00
ไม่ต้องห่วงนะคะ เรายังได้ชมวิวแม่น้ำกันอยู่ เพียงแต่ย้ายระดับลงมากันซักนิด ด้วยแนวคิดห้องอาหารแห่งสายน้ำ ห้องอาหารนี้ออกแบบให้มีเพดานสูงเป็น 10 เมตร มีการตกแต่งทั้งเคาเตอร์ เพดาน และโคมไฟให้เข้ากับแนวคิดการไหลลอยแห่งสายนำ้
ขอแจกแจงกันนิดนึงนะคะ ในห้องอาหารนี้มีทั้งหมด 7 โซน! อ่านไม่ผิดหรอก มี
Cheese Room, Prime, Seafood, Indian Food, Thai & Chinese food, Japanese และ Dessert (The Lantern)
ขอเริ่มจากชีสกันก่อนเลยละกันนะครับ ในห้องชีสมีมากกว่า 75 ชนิดทั่วโลก ผมเองเป็นคนชอบชีสมากแต่จะขอยกมารีวิวเป็นบางตัวแล้วกันนะครับ
Brie Royale Aux Truffle ทำจากนมวัวซึ่งมีส่วนประกอบของเห็ดทรัฟเฟิลในชีส – ส่วนผิวนอกจะกรอบเเข็งบางๆเหมือนแผ่น ฟิล์ม ไส้ในจะออกเหลวหน่อยครับ อร่อย กลมกล่อม กลิ่นทรัฟเฟิลหอมชัดเจน
Bannon AOC ซึ่งมีส่วนประกอบของนมแพะ – อร่อย รสเบาๆ ละมุนมันนุ่มในปาก
Erbroinato della val Pusteria ซึ่งมีส่วนประกอบของนมแกะ – กลิ่นจะแรงกว่าแพะนิดนึงสำหรับสัมผัสแรกที่เข้าปากไป แต่ต่อมาสัมผัสที่ 2 ก็ละมุนเหมือนอยู่ในโรงนาและกองหญ้าแห้ง
จากนั้นมาต่อกันด้วยเมนูคอกเทล คานาเป้กันเลยค่ะ
กุ้งราดไข่ปลาคาร์เวียร์ เมนูนี้มาเป็นถ้วยเล็กๆ ด้านในมีกุ้งต้มสุกแล้วหวานๆ 2 ตัวกับซอสสีเขียวๆที่ก้นแก้ว ราดปิดท้ายด้วยไข่ปลาคาร์เวียร์ ช่างให้รสชาติที่หวานและเค็มนิดๆตัดกันกำลังดีนักแลค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีคาร์เวียร์หลายชนิดให้ลิ้มลองทานกับขนมปังแผ่นแบนๆกลมๆเล็กๆให้เลือกอย่างหลากหลายมากมาย ตักได้จากในกระปุกเลยค่ะ มีมะนาวให้บีบแกล้มด้วยค่ะ
เมนูคอกเทลและคานาเป้ก็หลากหลายมากมายมากค่ะ รสชาติถูกใจใช้ได้ทีเดียว
สำหรับ Station อาหารทะเลที่นี้ก็คุณภาพดีทีเดียวเลยครับ ปูอะลาสกา ที่นี่สดแน่นและรสชาติดีมากครับ ปกติบางที่จะเค็มและเนื้ออาจจะไม่แน่นแต่ที่นี่เนื้อแน่นฉ่ำไม่ติดเปลือกและไม่เค็มเติมตลอดอร่อยได้ไม่อั้น พนักงานจะบริการแกะเปลือกให้เสร็จเลยครับ นอกจากนี้ก็ยังมี หอยนางรมสด หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์สด และกุ้ง ส่วนคาร์เวียร์สารพัดชนิดได้กล่าวไปได้ย่อหน้าก่อนหน้านี้แล้วนะครับ
มาถึง Station อาหารตะวันตกกันบ้างค่ะ ฟัวร์กราถือเป็นไฮไลท์ของ Station นี้เลยค่ะ ทำออกมาชิ้นใหญ่กำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่ไป รสชาติหอมมันอร่อย ปรุงมาในสไตล์อิตาเลียนค่ะ
และโซนนี้ยังมีหลากหลายถ้วยเล็กๆให้ลองชิมมากมาย โดยเน้นการผสมนั่นนิด ผสมนี่หน่อย ให้ได้รสชาติที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น บางถ้วยมีมะม่วงสุกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆช่วยตัดรสชาติกัน มีพาสต้าใส่ในกระบอกเป็นมักกะโรนีผัดขี้เมาซอสฟัวกราค่ะแปลกทั้งภาชนะและรสชาติเลย ทำออกมาแล้วหอมมันแต่ไม่เลี่ยนค่ะ นอกจากนี้ยังมีราวีโอลี่คัลโบนาร่าแสนอรอ่ยในโหลแก้วใบเล็กแสนน่ารักรสชาติดีที่น่าลิ้มลองค่ะ
มาถึง Station อาหารจีนกันบ้างค่ะ อาหารทั้งหมดนี้มาจากร้านหยวน อาหารทั้งหมดจะมีทำเป็นตัวแสดงแต่ถ้าจะกินอะไรต้องสั่งเอาเพื่อได้อาหารที่สดใหม่ร้อนๆอร่อยค่ะ
ก๋วยเตี๋ยวหลอด ไส้หมูแดง หมูแดงกับน้ำซอสชุ่มฉ่ำกำลังดี ถูกห่ออยู่ในแป้งสีขาวที่หนากำลังดี และแป้งไม่ได้ถูกนึ่งหลายๆรอบมาจนเละ เพราะที่นี่จะเน้นให้สั่งจากจานที่วางอยู่ แล้วจะทำให้ทานทันทีแทนค่ะ
หมูหันและแป้งหมั่นโถวแผ่นเล็ก หมูหันหนังกรอบมีเนื้อติดบางๆนุ่มมันกินกับแป้งหนานิดนุ่มหน่อยเคียงกับแตงกว่าและซีอิ้วหวาน อร่อยครับ
นอกจากนี้ก็ยังมีหอยเชลล์นึ่งซอสเอ็กโอกับบล๊อคโคลี่ กระเพาะปลา และฮะเก๋ากุ้งอีกด้วย
ซูชิและซาซามินั้นคุณภาพค่อนข้างดี สด อร่อย และหลากหลายค่ะ มีซูชิมากมายหลายสิบรูปแบบทั้งซูชิข้าวปั้นหน้าปลาไหลญี่ปุ่นย่าง แซลมอล ซาบะ ปลาหมึกยักษ์ ไข่ม้วน ปลาโอ ปลาฮามะจิ และซาซิมิที่หลากหลายเช่นกันค่ะ
กุ้งเทมปุระ (Japanese Zone) – ใช้กุ้งดี ส่วนแป้งที่ทอดนั้นขนาดวางอยู่นานไปหน่อยก็ยังคงความกรอบอยู่บ้าง
ใน Lazy Sunday Brunch มีน้ำผลไม้ มี 3 อย่างให้เลือกดื่ม น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำ Grapefruit
Prime Steak House ยกลงมาเป็น Station เลยครับ นี่นับว่าเป็นอีกไฮไลด์ของ Lazy Sunday Brunch ที่นี่เลยครับ ของคุณภาพเดียวกับที่ใช้ในห้องอาหาร Prime เลยครับ ผักที่ใช้ทำสลัดเป็นผักนำเข้าสดๆจากประเทศออสเตรเลีย และเมนูสุดเด็ดคือวากิวทาท่า อันนี้ใช้วากิวคุณภาพสูงครับคุณภาพเนื้อสดและชุ่มฉ่ำมาก คลุกเคล้ากับซอสและเครื่องปรุงในสูตรเฉพาะรสอร่อยชุ่มฉ่ำและสดมัน คุณภาพไม่ต่างจากกินที่ Prime เลยครับ
อีกเมนูที่ต้องลองของ Station นี้คือ “Raclette” มันเป็นการนำชีสจากสวิสมาต้มให้เหลวและนำมาราดกับมันฝรั่งต้มที่ยังกรอบกำลังดี หอมและน่ากินมากเลยครับ ชีสมีความมันอร่อยและไม่เค็มไปมาที่นี่ต้องลองเมนูนี้ครับ
โคลคัทและขนมปังที่นี่ก็หลากหลายคุณภาพดีและน่าลิ้มลองครับ
Station อาหารไทยครับ มีทั้งแกงทั้งเมนูมากมายหลากหลายแต่ที่เป็นตัวไฮไลท์แนะนำของ Station นี้ก็คือ กุ้งซอสมะขาม ซึ่งกุ้งปรุงให้ผิวกรอบเกรียมนิดๆนำ้ซอสราดมีรสหวานเปรี้ยวจากมะขาม ครบเครื่องเคียง และปลาเก๋าทอดสามรสที่ปลาเนื้อแน่นดีผิวนอกกรอบรสนำ้ซอสที่ราดปรุงได้อร่อยลงตัวทั้งรสหวาน เปรี้ยว เค็ม เมนูไฮไลท์สองตัวที่ว่าไปนี้ กินกับข้าวสวยร้อยๆอร่อยครับ
อาหารอินเดียที่นี่ก็อร่อยใช้ได้เลยครับ มีแกงมากมายถึง 4 แกง แกงถั่วดำ แกงกระหรี่อินเดียที่กลิ่นเครื่องเทศและรสร้อนแรง ต้นตำหรับแบบที่ผมเคยกินที่อินเดียเลยครับ กุ้งย่างผงกระหรี่ก็อร่อยมากเลยครับกินคู่กับแป้งนานนิ่มๆและราดกับแกงอร่อยมาก แป้งจากนุ่มมันโดนแกงเข้าปากก็จะหวานนิดๆ หรือถ้าอยากลองแป้งอีกตัวก็จะบางกรอบอร่อย
มากันถึงช่วงท้ายของมื้ออันแสนยาวนานค่ะ สำหรับ Lazy Sunday ทางโรงแรมเปิดให้แขกที่กินบุฟเฟ่ต์กินทุกอย่างในคาเฟ่ของหวานนี้ได้ทั้งหมดและทุกอย่างเลยค่า
Dessert from The Lantern
เป็นที่ๆคอขนมเค้ก คอช็อกโกแลต ยังไงก็ไม่ควรพลาดเดินมาที่นี่ทั้งปวงค่ะ! เพราะที่นี่จัดว่าเป็นสวรรค์ของช็อกโกแลตเลิฟเว่อร์เลยทีเดียว มีช็อกโกแลตทุกรูปแบบไม่ว่าแบบแผ่น แบบช็อกโกแลตสด และช็อกโกแลตหลากหลายนานาชนิด เรียกได้ว่าคุณอยากลองแบบไหนมีให้เกือบหมด และคุณภาพก็ดีมากๆเสียด้วย
เค้กในตู้สามารถบอกพนักงานได้เลย ซึ่งก็มีหลากหลายมาก ทั้ง Macaroon (อาจจะมีเป็นชิ้นไม่หลายรสนัก แต่แนะนำให้สั่งตัดที่เป็นเค้ก) , Tart, Cheesecake, red velvet cake, brownie นอกตู้ก็มี ช็อกโกแลตชิ้น ช็อกโกแลตแผ่น วาฟเฟิล มุมคุ๊กกี้ เตาเทปันไอติมนั่น และเครื่องทำสปาเก๊ตตี้ไอศกรีมที่จะทำเล่นเองหรือให้พนักงานทำก็ได้ค่ะ สรุปว่าน่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ
เป็นรสชาติของเนื้อครีมซะเยอะ ของที่นี่เหมาะกับคนที่ชอบเค้กชนิดนี้แบบหวานหน่อย ที่ไม่ได้ใส่กลิ่นกาแฟหรือช็อกโกแลตที่มากจนขม เป็นเค้กที่เรียงสลับชั้นครีมกับช็อกโกแลต โดยจะได้รสของช็อกโกแลตจากที่หน้าเค้กมากที่สุด มีสตรอว์เบอรีสดๆกับบลูเบอร์รีช่วยตัดรสอีกทางนึง
ใครที่รักช็อกโกแลตต้องไม่พลาดชิ้นนี้ ช็อกโกแลตมาดเข้มมาเต็ม และเป็นบราวนี่แบบเนื้อแน่นที่หลายๆคนชื่นชอบด้วย
ช็อกโกแลตที่นี่ก็หลากหลายมากเลยครับ มีทั้งชิ้นเล็กชิ้นน้อยเป็นชนิดก้อนชนิดแผ่น สำหรับชนิดแผ่นแยกออกมา 3 ประเภทคือ ดาร์ค ไวท์ และมิลก์ ครับ ส่วนช็อกโกแลตที่เป็นชิ้นเล็กๆก็มีหลากหลายรส ทรง ชนิด บางชิ้นมีเหล้ารัมผสมกับช็อกโกแลตเหลวๆข้างในด้วย
Tiramisu อร่อย มีรสชาติของกาแฟกำลังดีในแก้วใบเล็ก
Vanilla Crème Brulee เมื่อตักผ่านชั้นน้ำตาลไหม้ที่ไหม้กำลังดีลงไปจะพบกับเนื้อคัสตาร์ดสีเหลืองอ่อนแสนอ่อนนุ่ม ช่างละมุน นี่ถ้าไม่อิ่มมากมายเสียก่อนก็คงจะหมดถ้วยได้ไม่ยากเลย
เป็นเค้กแบบ 3 ชั้น ชั้นบนเป็นครีมช็อกโกแลต มีความกรุบๆของเนื้อเวเฟอร์ช็อกโกแลตที่ชั้นล่างสุด
Duet Chocolate Cake
เป็นเค้กที่นุ่มมากเพราะมูส Dark Chocolate กับ White Chocolate ที่อร่อย มีความขมกำลังดี โดยที่ตัวสีขาวๆที่อยู่ที่หน้าเค้กนั้น คือ มาร์ชเมลโลนุ่มเบา จนตัวนี้เหมาะจะเป็นตัวตบท้ายบุฟเฟ่ต์แสนอร่อยนี้ที่ลงตัวทีเดียว
นับว่าเป็นซันเดย์บรันช์ที่ยิงยาวสุดๆ หลากหลายมากๆ บรรยากาศก็ดี และคุณภาพดีมากค่ะ หากจะถามหาสิ่งที่หาที่อื่นไม่ได้และมีเพียงที่นี่ก็คือ การที่ยิงยาวสุดๆและให้เริ่มมื้อจากชั้นบนสุดชมวิวดริ้งชิมและค่อยลงมากิน กับห้องชีสที่แสนอลังการ อีกทั้งความหลากหลายของ Station อาหารต่างๆค่ะ
เรื่อง Kittin A., Nopmanee P.
ภาพ Satid C.
KinlakeStars Team.